ตอนที่ 1290 ความวุ่นวาย
แสงจากดาวเมถุนทะลุผ่านเมฆมายังโลก ทำให้เกิดเฉดสีส้มสวยงามขึ้นมาบนเมฆ
ด้านล่างมีรูปแบบชีวิตจำนวนมากจากเผ่าหยานยายืนอยู่ เผ่าพันธุ์หยานยาเป็นรูปแบบชีวิตเลือดเนื้อ มีร่างกายท่อนล่างเหมือนกับสัตว์ป่าสี่กีบ แต่ร่างกายท่อนบนคล้ายกับมนุษย์ แต่พวกเขากลับมีสี่แขน พวกเขากำเนิดมาพร้อมกับความรักสงบ แต่เมื่อพวกเขาโกรธจะกลายเป็นนักรบที่บ้าคลั่ง ความสุขสงบเป็นสิ่งหลักของดาวเคราะห์ที่ถูกครอบครองโดยเผ่าหยานยา
ในอาคารไม้สง่างามหลังเล็ก ผู้หญิงเผ่าหยานยากำลังคุกเข่าทั้งสี่ขาของเธอ
เธอกำลังมองรอบๆ อย่างสบายๆ
แสงสายหนึ่งจากท้องฟ้าเบื้องบนได้ลงมาตรงหน้าเธอ รูปร่างนั้นไม่ชัดเจน แต่ดูเหมือนจะทำมาจากโลหะ เขากำลังสวมชุดเกราะสีม่วง สายตาเย็นชากำลังมองที่ผู้หญิงเผ่าหยานยาที่กำลังคุกเข่า
“เจ้าแห่งจักรวาลหยานยา”
ผู้หญิงเผ่าหยานยาแสดงรอยยิ้มก่อนตอบ “สมดุลแห่งเชือกจากเผ่าหุ่นยนต์เพื่อนข้า อะไรทำให้เจ้ามายังที่นี่”
“ชะตากรรมของเผ่าหยานยาของเจ้ามีส่วนเกี่ยวข้องเช่นกัน สิ่งนี้เกี่ยวกับการเพิ่มหรือลดลงของเผ่าหยานยาของเจ้า เจ้าและข้าได้ผ่านประสบการณ์ชีวิตและความตายในมหาสมุทรจักรวาลมาก่อน ข้าจะไม่แจ้งให้เจ้าทราบเมื่อได้ยินเรื่องนี้ได้อย่างไร”
“ชะตากรรมของเผ่าพันธุ์ข้างั้นเรอะ” ผู้หญิงเผ่าหยานยาจ้องมองกลับ
“เผ่าหุ่นยนต์ของข้า เผ่ามาร เผ่าแมลงได้รวมกันเป็นกองกำลังสามเผ่าพันธุ์ เรามีส่วนร่วมต่อสู้กับฝ่ายมนุษย์ เจ้าคงต้องเคยได้ยินเกี่ยวกับเรื่องนี้”
เจ้าแห่งจักรวาลหยานยายิ้ม “แน่นอนว่าข้าได้ยินเกี่ยวกับเรื่องนี้ ข่าวได้ถูกกระจายไปทั่วทั้งจักรวาลดั้งเดิม ไม่มีเจ้าแห่งจักรวาลคนใดที่ไม่รู้เกี่ยวกับมัน มันคงยากมากที่จะไม่รู้ สุดท้ายกองกำลังสามเผ่าพันธุ์ก็แพ้ เป็นข่าวที่สร้างความตกใจกับหลายเผ่าพันธุ์ มาลองไวน์ผลไม้เขียวที่คนของข้าทำก่อน”
เธอโบกมือ แก้วไวน์ทั้งสองได้ลอยมาอยู่หน้าทั้งสอง ไวน์ที่อยู่ในแก้วทรงสูงลึกนั้นมีสีเขียวจางๆ และมีกลิ่นหอม
เจ้าแห่งจักรวาลสมดุลแห่งเชือกถือแก้วไวน์และพูดอย่างเคร่งขรึม “มนุษย์เพิ่งได้รับมรดกจากอารยธรรมโบราณ แต่พวกเขากลับมีพลังมากกว่าที่เคย ถ้าเราให้เวลามากขึ้น…พวกเขาจะพัฒนาเป็นเผ่าพันธุ์ที่น่ากลัวยิ่งกว่าเผ่าดวงตาศักดิ์สิทธิ์ ในยุคกำเนิดที่หนึ่ง หากพวกเขาสามารถที่จะเอาชนะพลังของสามเผ่าพันธุ์ได้ แล้วมันจะเกิดอะไรขึ้นในอนาคต ข้ากลัวว่ากลุ่มอำนาจหลักในจักรวาลดั้งเดิมก็ไม่อาจเทียบกับมนุษย์ได้ เมื่อมนุษย์แข็งแกร่งขึ้นมา เขาจะไม่พยายามขยายตัวได้ยังไง เจ้าก็รู้ว่าเผ่าพันธุ์มนุษย์จะต้องบุกรุก”
เจ้าแห่งจักรวาลหยานยายิ้มและพยักหน้าเล็กน้อย มันเป็นเรื่องจริงที่เผ่าพันธุ์ชั้นยอดทั้งหกมักจะรุกรานและก้าวร้าว กฎการสืบพันธุ์เกี่ยวข้องกับความแข็งแกร่ง รวมถึงดินแดนที่พวกเขาครอบครอง ยิ่งแข็งแกร่งมากเท่าไร ยิ่งครอบครองดินแดนมากเท่านั้น
“ใครกันที่ครอบครองดินแดนมากที่สุดในจักรวาลดั้งเดิม ไม่ใช่พวกเราที่เป็นเผ่าพันธุ์ชั้นยอด แต่เป็นเจ้าที่เป็นหนึ่งในเผ่าพันธุ์ที่กระจายตัวไปทั่วจักรวาลดั้งเดิม เจ้าอ่อนแอจึงมีดินแดนขนาดเล็ก แต่เมื่อรวมกันทั้งหมดก็เป็นดินแดนที่กว้างใหญ่มาก หากมนุษย์นั้นแข็งแกร่งขึ้น เจ้าคิดว่าพวกเขาจะปล่อยพวกเจ้าไปงั้นหรือ สงครามครั้งนี้ไม่เพียงแต่เป็นการต่อสู้เพื่อมรดกอารยธรรมโบราณ แต่เป็นการต่อสู้เพื่อเอาชีวิตรอดสำหรับเผ่าพันธุ์เราและเผ่าพันธุ์อื่นๆ นับไม่ถ้วน”
เจ้าแห่งจักรวาลหยานยาจ้องมองไปที่เจ้าแห่งจักรวาลสมดุลแห่งเชือก “มนุษย์มีจักรวาลปฐมกาล ไม่ว่าจะเกิดอะไรขึ้น ไม่มีทางที่เราจะกำจัดพวกเขาทั้งหมดได้”
“ใช่ เราไม่สามารถกำจัดพวกเขาได้ เผ่าพันธุ์ที่ได้รับพรจากเจ้าแห่งจักรวาลชั้นยอดจะได้เป็นอิสระจากการถูกทำลาย แม้ว่าจะไม่สามารถกำจัดพวกเขาทั้งหมด แต่ก็ยังสามารถขวางเอาไว้ เราสามารถจับเจ้าแห่งจักรวาลของเขาไว้ได้ก็จะเป็นรางวัลของเรา หรือไม่สามารถจับพวกเขาก็ยังคงยึดดินแดนของพวกเขา และบังคับให้พวกนั้นต้องถอยกลับไปยังจักรวาลขนาดเล็กตัวเอง”
“การซ่อนในจักรวาลขนาดเล็ก และถูกหยุดเอาไว้โดยกลุ่มอำนาจในจักรวาลดั้งเดิม กลุ่มอำนาจในจักรวาลดั้งเดิมจะต้องโลภในสิ่งเดียวกัน พวกเขาต้องข่มขู่ให้มนุษย์มอบมรดก ด้วยวิธีนี้มนุษย์จะไม่อาจก้าวไปข้างหน้า พวกเขาจะไม่กล้าปล่อยให้ผู้อ่อนแอลงไปยังสนามรบเพื่อฝึกฝนในสถานการณ์ถึงชีวิต พวกเขาจะไม่สามารถฝึกฝนผ่านสถานการณ์ถึงชีวิตได้อีกต่อไป หากผู้อ่อนแอถูกส่งลงสนามจะต้องตายอย่างแน่นอน ในช่วงเวลาที่มนุษย์ปรากฏตัวขึ้นในจักรวาลดั้งเดิมหรือมหาสมุทรจักรวาลก็จะถูกล้อมจับ พวกเขาจะถูกปฎิบัติเหมือนเครื่องต่อรองกับผู้มีอำนาจสูงระหว่างมนุษย์”
“ถ้าเป็นเช่นนั้นจะไม่มีมนุษย์คนใดจะก้าวหน้าขึ้นมาได้จริง แล้วมันจะเหลือเพียงไม่กี่คน และเพียงไม่กี่คนนั้นจะต้องเดินทางด้วยการหลบหนีไปรอบๆ เพื่อเอาชีวิตรอด แม้ว่าจะมีเจ้าแห่งจักรวาลชั้นยอดเพิ่ม พวกเขาก็ยังคงถูกขังในที่เดียว จะไม่สามารถชุบเลี้ยงผู้มีพรสวรรค์ กำหนดให้มนุษย์มีพลังจำกัด พวกเขาจะไม่เป็นภัยคุกคามเราอีกต่อไป”
เจ้าแห่งจักรวาลสมดุลแห่งเชือกมองที่เจ้าแห่งจักรวาลหยานยา “นี่เป็นเหตุผลที่พวกเราบางคนที่เป็นเจ้าของอาณาเขตต้องต่อสู้กับมนุษย์ในสงครามครั้งนี้ ให้พวกเขาส่งมอบมรดกหรือปราบไม่ให้พวกเขาใช้พลัง สำหรับเจ้าแห่งจักรวาลชั้นยอดสันโดษ แม้ว่ามนุษย์จะมีพลังมากขึ้นก็ไม่มีอะไรที่พวกเขากลัว แต่ในอนาคต เมื่อมนุษย์มีพลังมากขึ้น พวกเขาก็ไม่มีโอกาสที่จะข่มขู่มนุษย์ให้มอบมรดกได้อีก หากพวกเขาต้องการคว้าโอกาสสำหรับการกลับชาติมาเกิดก็ต้องคว้าโอกาสนี้”
“ในระยะสั้น ไม่ว่าจะเป็นเจ้าแห่งจักรวาลชั้นยอดสันโดษหรือเผ่าพันธุ์ต่างๆ ที่มีอาณาเขตเช่นเรา ทุกคนก็เริ่มเข้าร่วมกันเป็นพันธมิตร ทุกคนจะวางวงล้อมมนุษย์ ข้าว่าเจ้าไปถามรอบๆ เพื่อเรียนรู้เกี่ยวกับมันให้มากขึ้น ถ้าเจ้าไม่เข้าร่วมกับใครเลยก็จะถูกคว่ำบาตร ถ้าเจ้าเข้าร่วมฝ่าย มันก็จะเกิดประโยชน์กับเจ้าอย่างมาก…เจ้าควรรู้ว่าจะต้องทำอย่างไร” เจ้าแห่งจักรวาลสมดุลแห่งเชือกพูดอย่างเคร่งขรึม
เจ้าแห่งจักรวาลหยานยาขมวดคิ้ว พูดว่า “เผ่าพันธุ์มนุษย์ได้ส่งทูตมาพูดกับข้าแล้ว”
“ทูตจากเผ่าพันธุ์มนุษย์งั้นเรอะ” เจ้าแห่งจักรวาลสมดุลแห่งเชือกตกตะลึงกับความเร็ว
“พวกเขาพูดว่า ตราบใดที่เราไม่ได้เข้าร่วม พวกเขาก็สัญญาว่าจะไม่บุกรุกดินแดนของเรา” เจ้าแห่งจักรวาลหยานยากล่าว
ที่จริงแล้วเธอไม่ได้พูดอะไรบางอย่าง หากเผ่าหยานยาได้เข้าร่วมกับเผ่าพันธุ์มนุษย์ก็จะแบ่งปันข้อมูลเกี่ยวกับประสบการณ์ฝึกฝนเจ้าแห่งจักรวาลเป็นเจ้าแห่งจักรวาลชั้นยอดจากอารยธรรมโบราณ
“และเจ้าเชื่อพวกเขางั้นรึ คราวนี้สงครามได้แพร่ขยายออกไปทั่วทั้งจักรวาลดั้งเดิม เจ้าเป็นเพื่อนของข้า ข้าจึงมาบอกเจ้าในทันที หากเจ้าไม่ทำอะไรเลย เมื่อสงครามสิ้นสุดลง เผ่าพันธุ์ของเจ้าต้องจบลงอย่างน่าเศร้า กองกำลังร่วมประกอบไปด้วยกลุ่มอำนาจสำคัญที่จะทำให้ได้รับชัยชนะ”
“การเข้าร่วมกับกลุ่มที่ชนะหรือกลุ่มที่แพ้ขึ้นอยู่กับเจ้า เจ้าแห่งจักรวาลหยานยา”
หลังจากพูดเสร็จเขาก็ลุกขึ้นยืนหันหลังและวางแก้วไวน์น้ำสีเขียวลง
“ไวน์สีเขียวนี้เหมาะสมสำหรับชื่อของเสียงของมันในเผ่าหยานยา” เจ้าแห่งจักรวาลสมดุลแห่งเชือกมองลงมาที่แก้วไวน์
“แต่ถ้าเลือกผิดในครั้งนี้ ข้าเสียดายว่าจะไม่มีไวน์แสนอร่อยนี้สำหรับใครอีกแล้ว”
เจ้าแห่งจักรวาลสมดุลแห่งเชือกเปลี่ยนเป็นแสงหายไปในท้องฟ้าสูง
เจ้าแห่งจักรวาลหยานยาเป็นผู้ทรงอิทธิพลมากในกลุ่มพันธมิตรสามภูผาที่เป็นกลุ่มอำนาจชั้นสอง แล้วมันเป็นสิ่งที่เจ้าแห่งจักรวาลสมดุลแห่งเชือกถูกส่งมาหาเจ้าแห่งจักรวาลหยานยาโดยเฉพาะเพื่อชักชวนเธอ หากเขาประสบความสำเร็จในการชักชวนจะทำให้ได้รับอิทธิพลจากพันธมิตรสามภูผาสูงขึ้นมาก
“สำหรับสงครามครั้งนี้มีความเป็นไปได้ที่กองกำลังร่วมจะได้รับชัยชนะสูงมาก” เจ้าแห่งจักรวาลหยานยาถอนหายใจ
“แต่จำนวนผู้เข้าร่วมนั้นมีมากเกินไป ไม่มีประโยชน์สำหรับเรามากในที่นั้น ประโยชน์ที่เราจะได้รับเพียงแค่ไหนกัน ข้าเกรงว่าเราคงถูกทอดทิ้ง”
แม้ว่าพวกเขาจะได้รับส่วนเล็กๆ ของมรดกจากมนุษย์หลังผ่านความยากลำบาก กองกำลังร่วมจะมอบมรดกทั้งหมดให้กับกลุ่มที่ไม่โดดเด่นเช่นเขางั้นหรือ
“ถ้าเราเข้าร่วมกับฝ่ายมนุษย์ เราจะได้รับคำแนะนำบางอย่างแน่นอน เพียงแค่มนุษย์ล้มเหลวจะถูกส่งไปยังจักรวาลปฐมกาล จากนั้นเผ่าพันธุ์ที่ยืนอยู่ข้างมนุษย์จะต้องพบกับปัญหา แต่เมื่อถึงเวลานั้นเราจะต้องรวมกำลังของเผ่าพันธุ์ที่กระจัดกระจายภายในฝ่ายมนุษย์ ตั้งเป็นพันธมิตรเพื่อรับมือกับการโจมตี สถานการณ์ก็ยังคงน่ากลัวพอๆ กัน”
เจ้าแห่งจักรวาลไม่ได้โง่ พวกเขารู้ถึงข้อดีและข้อเสียในการเข้าร่วมกับสองฝ่าย การเข้าร่วมกับพันธมิตรร่วมจะทำให้พวกเขาเสี่ยงชีวิต เจ้าแห่งจักรวาลบางคนจะต้องตาย การเข้าร่วมกับมนุษย์หมายถึงความตายที่เกือบจะแน่นอน แต่ก็ยังมีประโยชน์ภายใต้การชี้แนะจากอารยธรรมโบราณ ปัญหาคือหลังจากสงครามจะมีผลสะท้อนกลับที่ยากลำบาก พวกเขาควรจะเลือกอย่างไร
———-
เมื่อกองกำลังร่วมชักชวนเผ่าพันธุ์ที่กระจัดกระจายอยู่ตามที่ต่างๆ เจ้าแห่งจักรวาลสันโดษ โรงเรียนเทพอสูรบรรพกาล พันธมิตรสัตว์อวกาศ…ฝ่ายมนุษย์ก็ได้ทำเช่นเดียวกัน
แต่ฝ่ายมนุษย์พยายามประนีประนอมและทำการเกลี้ยกล่อมแทน พวกเขาทั้งสองฝ่ายจะไม่ทำร้ายกันและให้ความช่วยเหลือ และมนุษย์ยังให้สัญญาว่าจะไม่บุกรุกดินแดนที่ไม่ใช่ของพวกเขา
ทั้งสองฝ่ายได้คิดถึงวิธีการทุกประเภท
แต่การตัดสินใจของสิ่งมีชีวิตยิ่งใหญ่จากเผ่าพันธุ์ที่กระจัดกระจายนั้นเกี่ยวข้องกับชะตากรรมของทั้งเผ่าพันธุ์พวกเขา แล้วพวกเขาจะไม่คิดอย่างรอบคอบได้อย่างไร
ทำให้พวกเขาไม่เลือกฝ่าย เผ่าพันธุ์ที่กระจัดกระจายเริ่มหาวิธีตอบโต้และพูดคุยกันเองแล้ว แม้ว่าจะมีมุมมองใหม่พวกเขาก็ไม่เข้าร่วมกับทั้งสองฝ่าย
ในช่วงสั้นๆ ทั้งสองฝ่ายใช้วิธีการต่างๆ เช่นการซื้อตัวเจ้าแห่งจักรวาลที่มีประโยชน์เพื่อให้นำเจ้าแห่งจักรวาลอื่นมาสู่ฝ่ายตัวเอง ถ้าด้านใดได้รับเจ้าแห่งจักรวาลเพิ่มสิบ อีกด้านก็จะมีเจ้าแห่งจักรวาลน้อยลงสิบ แล้วจะไม่ให้พวกเขาใช้พลังทั้งหมดได้อย่างไร
———–
อาณาเขตดวงดาวที่แห้งแล้งอันไม่สิ้นสุด สถานที่ซึ่งเป็นอาณาเขตของขุนเขาผู้ยิ่งใหญ่
“อาจารย์ อาจารย์”
หลัวเฟิงได้มาเยี่ยมอาจารย์ของเขาอย่างเป็นทางการ
“ที่นี่เป็นบ้านอันต่ำต้อยของข้า ฝ่ายมนุษย์กำลังเร่งรีบอย่างบ้าคลั่ง อะไรทำให้เจ้ามาที่นี่ด้วยตัวเอง ดูเหมือนว่าเจ้าชอบที่จะมาถามข้า” ขุนเขาผู้ยิ่งใหญ่ถือคริสตัลในมือค่อยๆ ก้าวลงมาตามขั้นบันได
“เจ้าไม่เคยมาเยี่ยม ยกเว้นต้องการอะไรจากข้า”
หลัวเฟิงรู้สึกผิดและขอโทษอย่างรวดเร็ว “ข้าผิดไปแล้ว ต่อไปจะมาเยี่ยมอาจารย์ให้มากขึ้น”
ขุนเขาผู้ยิ่งใหญ่ลงนั่งอย่างผ่อนคลาย “บอกธุระของเจ้ามา ถ้าให้ข้าเดา การที่เจ้ามายังที่นี่เพราะต้องการให้ข้าสร้างสมบัติแท้จริงที่ส่งผลประทบอำนาจจิต ข้าเดาว่าเจ้าคงฆ่าเจ้าแห่งจักรวาลและมีบันทึกเป็นหลักฐานใช่ไหม”
หลัวเฟิงพยักหน้า “อาจารย์ช่างน่าประทับใจจริงๆ”
“จากนี้ไปไม่ว่าเจ้าจะฆ่าเจ้าแห่งจักรวาลหรือไม่ก็ตาม ไม่จำเป็นต้องมีหลักฐานอะไร เจ้าเพียงแค่บอกให้ข้ารู้ ข้าเชื่อว่าเจ้าจะไม่โกหกข้า”
“การสร้างเพียงหนึ่งชิ้นนั้นง่ายๆ มันใช้เวลาสามวัน สัตว์เทพแก่จากพันธมิตรสัตว์อวกาศได้ของความช่วยเหลือจากข้าเพื่อติดต่อเจ้า ในเมื่อเจ้ามาที่นี่ ข้าจึงแจ้งให้เขารู้และคงจะมาที่นี่ในไม่ช้า เจ้าสามารถพบเขาและพูดคุยเรื่องต่างๆ โดยไม่ต้องกังวลเกี่ยวกับข้า เรื่องการต่อสู้ของแต่ละฝ่าย ข้าไม่มีส่วนร่วมใดๆ ทั้งสิ้น”
“สัตว์เทพชรา?” หลัวเฟิงรู้สึกตกใจ