Skip to content

Swallowed Star 13

ตอนที่ 13 ปีติยินดี

“อาจารย์”

ไป๋หยางอดถามไม่ได้

“ผมเคยได้ยินเรื่องเกี่ยวกับข้อดีของเทคนิคเต๋าอินมาบ้าง เหมือนกันครับ แต่ไม่แน่ใจว่าดีมากแค่ไหน? แล้วมันช่วยสนับสนุน กระบวนการการฝึกพลังพันธุกรรมยังไงครับ?”

ในตอนนั้นเอง ชายวัยกลางคนผมสีดอกเลาก็กล่าวขึ้น “ไป๋หยาง ฉันจะบอกแนวทางให้ก็แล้วกันนะ ยกตัวอย่างเช่น ถ้าเธอไม่ได้ เรียนเทคนิคเต๋าอินและใช้เพียงเทคนิค ‘ห้าหัวใจสู่นภา’ ไปตลอด เซลล์ของเธอก็จะเต็มไปด้วยพลังหลังจากฝึกเพียง 5 นาทีต่อวัน และเซลล์ของเธอจะไม่สามารถดูดซับพลังใดๆ ได้อีก!

อย่างไรก็ตาม การใช้เทคนิคเต๋าอิน จะทำให้ความสามารถ เซลล์ของเธอเพิ่มขึ้น ด้วยแนวทางนี้ เธอสามารถฝึกได้เป็นเวลา 8 นาที หรืออาจจะ 10 นาที และบางครั้งอาจจะถึง 1 ชั่วโมงด้วยซ้ำไป!” คนวัยกลางคนท่านนี้มองมาที่กลุ่มของหลัวเฟิง “พวกเธอ เข้าใจกันแล้วใช่ไหม?”

หลังจากที่ได้ยินเช่นนั้นหลัวเฟิงก็ตระหนักได้ทันที

“เทคนิคเต๋าอินเข้าไปเพิ่มความกระหายของทุกๆ เซลล์ในร่างกาย” หลัวเฟิงคิดอยู่ในใจ เซลล์ซึมซับพลังแห่งจักรวาลและ เปลี่ยนพลังเหล่านั้นให้เป็นพลังพันธุกรรมเหมือนกับความต้องการ อาหารของมนุษย์นั่นเอง! ถ้าคนคนหนึ่งสามารถกินอาหารได้เพียง 3 มื้อต่อวัน เทคนิคเต๋าอินจะทำให้กินอาหารเพิ่มเป็น 5 ถึง 10 มื้อต่อวันได้”

เจียงเหนียนกล่าวยิ้มๆ “ถ้าพวกเธอไม่ฝึกเทคนิคเต๋าอิน ลอง อนุมานว่าพลังงานที่เซลล์ของเธอสามารถดูดซับคือ 1 หน่วย! เมื่อเธอเริ่มฝึกเทคนิคเต๋าอิน จำนวนพลังงานที่เซลล์ของเธอสามารถ ดูดซับได้ก็จะกลายเป็น 2 หน่วย 3 หน่วย หรืออาจจะมากกว่านั้นทันที! หรือจะพูดให้เห็นภาพก็คือ 1 ปีของการฝึกฝนของเธอก็จะ ให้ผลเกินกว่าคนอื่นๆ ที่ฝึกฝนมาเป็น 10 ปีนั้นเอง นี่แหละคือเสน่ห์ ของเทคนิคเต๋าอินล่ะ”

นักสู้ทุกคนในที่นั้นต่างก็กล่าวถึงเรื่องของเทคนิคเต๋าอิน ซึ่ง แต่ละคนต่างก็พูดกันคนละหัวข้อต่างๆ กันไป

“เกี่ยวกับเทคนิคเต๋าอิน นักสู้ผู้แข็งแกร่งที่สุด ผู้นำแห่งสำนักขีดสุด ‘หง’ สร้างเทคนิคเต๋าอินไว้ถึง 9 อย่าง ถ้าพวกเธอเข้า ร่วมกับทางสำนักของเราและทุ่มเทช่วยงานให้ทางสำนัก พวกเธอก็ จะมีโอกาสได้เรียนสุดยอดเทคนิคเต๋าอินนี้ด้วย” เหล่านักสู้ต่างพากันหัวเราะและหลอกล่อโน้มน้าวหลัวเฟิงกับกลุ่มของเขา

บรรดาประเทศมหาอำนาจในโลกต่างก็คาดหวังเรื่องการเพิ่ม จำนวนของนักสู้ในประเทศของตนเป็นธรรมดา

“อาจารย์ครับ” หลัวเฟิงเอ่ยขึ้น

“หืม?” อาจารย์เจียงเหนียนหัวเราะขณะที่หันมาที่หลัวเฟิง “มีอะไร?”

“อาจารย์ครับ แล้วชายผมสีเงินที่เพิ่งจะเดินออกไปกับอาจารย์ ใหญ่นั่นล่ะครับ ทำไมเขาถึงสามารถแผ่รัศมีอันน่าเกรงขามเพียง แค่ชั่วสบตาได้ถึงขนาดนั้นครับ? พลังแบบไหนกันครับที่นักสู้ท่านนั้นมี?” หลัวเฟิงไม่เคยได้ยินว่ามีนักสู้คนไหนที่ทรงพลังขนาดนั้น เขาจึงเกิดความสงสัยเป็นอย่างมาก

อาจารย์เจียงเหนียนหัวเราะเบาๆ ขณะที่นักสู้ที่ยืนอยู่ข้างเขา กลับหัวเราะออกมาเสียงดัง

“เจ้าหนุ่ม คนคนนั้นที่เดินไปกับอาจารย์ใหญ่ก็คือนักอ่านจิต! นักอ่านจิตนั้นจำนวนน้อยกว่านักสู้อย่างเรา” เหล่านักสู้ในที่นั้น ต่างก็หัวเราะขณะที่พูดกันอย่างออกรส “แน่นอน นักอ่านจิตก็คือ นักสู้อย่างเราๆ นี่แหละ! แต่อย่างไรก็ตาม พวกเขาก็เป็นพวกที่น่ากลัวที่สุดในบรรดานักสู้ก็ว่าได้”

“นักอ่านจิต?” หลัวเฟิงนิ่งงันไป

หลัวเฟิงเคยอ่านเรื่องราวเกี่ยวกับนักอ่านจิตทางอินเตอร์เน็ต ในนั้นต่างก็ให้ข้อมูลว่านักอ่านจิตคือพวกกลุ่มคนพิเศษในบรรดานักสู้ และยังเป็นกลุ่มที่น่ากลัวอีกด้วย

อย่างไรก็ตาม ในอินเตอร์เน็ตก็ไม่ได้มีการอธิบายอย่าง เฉพาะเจาะจงเอาไว้ว่าความน่ากลัวที่ว่านั้นเป็นอย่างไร

“หลังจากที่เธอได้เป็นนักสู้ในอนาคต เธอก็จะได้รู้จักกับนัก อ่านจิตอีกเยอะ” อาจารย์เจียงเหนียนหัวเราะ “เอาล่ะ การทดสอบเตรียมนักสู้ในวันนี้จบลงแล้ว พวกเธอทั้ง 3 คนกลับบ้านกันได้แล้ว อ้อ ตรวจดูสัญญาให้แน่ใจว่าเซ็นกันแล้วรึยัง แล้วก็ล่งเอกสารให้เรียบร้อย อีกซักสองสามวันเราจะติดต่อไป เอาล่ะ ไปกันได้แล้ว”

“ครับ อาจารย์”

หลัวเฟิง หยางอู่ และไป๋หยาง หันหลังแล้วเดินออกมาจากโรงฝึกนั้น พวกเขาถูกคุ้มกันและจับตาอย่างระมัดระวังโดยหน่วยติด อาวุธจำนวนหนึ่งขณะที่เดินออกมาจากพื้นที่นั้น

……………

ณ ทางเข้าของเขตหมิงเยว่ หยางอู่และไป๋หยางยิ้มให้กัน

“ฉันชื่อไป๋หยาง ฉันมาจากโรงเรียนเตรียมทหารเจียงหนานที่ 1 ครอบครัวของฉันอยู่ในเมืองหยางโจว เพราะงั้นฉันเลยมีโอกาส มาเข้าทดสอบ เป็นช่วงวันหยุดหน้าร้อนพอดีน่ะ” ไป๋หยางยื่นมือ ออกมาเพื่อจับมือกับทั้งหลัวเฟิงและหยางอู่ “ฉันดีใจที่ได้พบพวกนาย”

โรงเรียนเตรียมทหารเจียงหนานที่ 1?

หลัวเฟิงเคยวางแผนจะไปเรียนที่นั้น

หลัวเฟิงพูดยิ้มๆ “ฉันชื่อหลัวเฟิงส่วนเขาคือหยางอู่ พวกเรา มาจากสำนักขีดสุดในเขตอี๋อัน

“อนาคตของน้องหลัวเฟิงคนนี้ไร้ขีดจำกัดแน่นอน มีคนไม่ มากนักหรอกที่จะได้เป็นนักสู้ แม้กระทั่งนักเรียนระดับหัวกะทิของ โรงเรียนเตรียมทหารก็ตามที” ดูไป๋หยางจะยินดีที่ได้เพื่อนใหม่ทีเดียว สำหรับหลัวเฟิงผู้ที่เป็นถึงเตรียมนักสู้ด้วยอายุเพียงเท่านี้ เขาย่อมยินดีที่จะเป็นเพื่อนกันมากเป็นธรรมดา เพราะว่าหลัวเฟิง อาจจะกลายเป็นบุคคลสำคัญสุดยอดในอนาคตนั่นเอง

หยางอู่หัวเราะร่า “ฉันว่านะ มันจะต้องเป็นโชคชะตาแน่ๆ ที่ให้ เราสอบผ่านกันในที่เดียวกันและวันเดียวกัน วันนี้เป็นวันดี เดี๋ยวเรา ไปหาร้านอาหารอร่อยๆ ทานแล้วค่อยนั่งคุยกันดีกว่า”

“เอาสิ” ไป๋หยางยิ้มพลางตอบรับมา

“ไปกันเถอะ” หลัวเฟิงหัวเราะเฮฮา

ทั้ง 3 คนเพิ่งจะผ่านการทดสอบเตรียมนักสู้และรู้สึกตื่นเต้น เป็นอย่างมาก พวกเขาเลือกร้านอาหารแล้วนั่งทานด้วยกัน และ หลังจากนั้นพวกเขาก็รํ่าลาแยกย้ายกันกลับบ้าน

…………

หลังจากขึ้นรถไฟใต้ดินสาย 1 ไปยังสถานีจงอัน ก็จะต้อง เดินทางอีกระยะหนึ่งกว่าจะถึงสถานีจงอันที่ 11

“เราจะต้องโทรบอกพ่อกับแม่และน้องเดี๋ยวนี้” หลัวเฟิงยังคง ตื่นเต้นอยู่ไม่หาย

เตรียมนักสู้…..

ครอบครัวของเขาจนมากและทำงานหนักมาหลายปี เขาเองก็ฝึกหนักมาหลายปีและในที่สุดเขาก็ทำสำเร็จ!

ขณะที่เขายืนอยู่บนทางเท้าในสถานีจงอัน หลัวเฟิงก็หยิบมือ ถือออกมา

“ตู๊ด…ตู๊ด….”

หลังจากกดเบอร์โทรหลัวเฟิงก็รอสาย…

“ฮัลโหล” เสียงน้องชายของเขาดังแว่วออกมา หลัวเฟิงหัวเราะ แล้วค่อยพูด “พี่เอง”

“นายไม่ดูเลยว่าพี่นายเป็นใคร? แน่นอนพี่สอบผ่านแหละ ฮ่าๆ ใช่ ใช่ โอเค” หลัวเฟิงคุยโทรศัพท์อย่างมีความสุข “ว่าแต่..แม่อยู่ไหม? โอเค งั้นขอสายแม่หน่อย”

ฮัลโหลแม่ครับ..ผมเอง เสี่ยวเฟิง” หลัวเฟิงโพล่งออกมาด้วย ความสุข

ขณะที่เขาได้ยินเสียงตื่นเต้นยินดีแว่วดังมาจากโทรศัพท์ นํ้าตาของหลัวเฟิงก็เริ่มจะซึมๆ ออกมา เขาฝึกหนักมาแสนนานก็เพี่อวันนี้ “แม่ครับ แม่ถาม 3 รอบแล้วนะ ฮ่าๆ ผมผ่านการทดสอบแล้วครับ เดี๋ยวเอกสารก็จะส่งไปถึงบ้านในอีกสองสามวันครับ

ผมทานแล้วครับ กับเพื่อนอีกสองคนที่สอบผ่านพร้อมกัน” หลัวเฟิงหัวเราะ “โอ้ โทรบอกพ่อเหรอ? ไม่ต้องห่วงครับ ผมไม่ลืมอยู่แล้ว โอเค ได้ครับ”

หลังจากที่วางสายไปหลัวเฟิงก็ยิ้มน้อยยิ้มใหญ่

ความสุข..ความสมหวัง!

ไม่ใช่เพราะการฝึกฝนอย่างหนักหน่วงตั้งแต่เด็กของหลัวเฟิง อย่างงั้นเหรอ เขาถึงได้มีวันนี้?

หลัวเฟิงผ่อนลมหายใจแล้วสงบลง ไม่งั้นเขาจะไม่สามารถคุม สติเพื่อโทรไปบอกพ่อเขาได้ ในครอบครัวเขา หลัวหงกั๋วคือเสา หลักของบ้าน! ก่อนที่หลัวเฟิงจะเป็นสมาชิกระดับหัวกะทิ ครอบครัวของเขาต้องพึ่งพารายได้จากพ่อคนเดียวเท่านั้น

ถึงแม้ว่าแม่ของเขาจะทำงานได้ แต่เธอเองก็ต้องการพลังใน การดูแลลูกชายทั้งสองคน โดยเฉพาะตั้งแต่ลูกคนหนึ่งต้องพิการไป

งานซ่อมแซมต่อเติมบ้านของพ่อก็เป็นงานที่หนักและค่อนข้างยาก ตัวพ่อเองก็ได้รับบาดเจ็บจากงานอยู่บ่อยๆ

“พ่อครับ แต่นี้ต่อไป พ่อจะไม่ต้องทำงานลำบากแบบนี้อีกแล้ว นะครับ” หลัวเฟิงคิดในใจ

“ตู๊ด…ตู๊ด…”

เสียงรอสายดังแว่วจากโทรศัพท์หลัวเฟิงขณะรอพ่อของเขารับสาย…

ใส่ความเห็น

อีเมลของคุณจะไม่แสดงให้คนอื่นเห็น ช่องข้อมูลจำเป็นถูกทำเครื่องหมาย *

error: Content is protected !!
Exit mobile version