Skip to content

Swallowed Star 1369

ตอนที่ 1369 : สมบัติเครื่องจักรของหลัวเฟิง

วูฮี โดน หลัวเฟิง จ้อง เขาไม่มีทางเลือกอื่นนอกจากต้องกันฟันแน่น และเอาสมบัติที่สำคัญที่สุดที่เขาเอาติดตัวมาตอนที่เข้าร่วมกองทัพ หลัวเฟิง ที่เห็นสมบัติโผล่มาได้แสดงความพอใจออกมาอย่างมาก

สักพักการแลกเปลี่ยนก็เสร็จสิ้น

“ทางช้างเผือก ข้าไม่ได้ติดค้างอะไรเจ้าอีก”

เมื่อได้รับศพเทพแท้จริแล้ว วูฮี ก็จากไปทันที

“ดี ดี” หลัวเฟิง พยักหน้าและยิ้มออกมาแสดงท่าทีเป็นมิตร

วูฮี เปลี่ยนเป็นเส้นแสง และบินออกไป

หลัวเฟิง อดไม่ได้ที่จะส่ายหน้า “เขาสมกับเป็นลูกของเจ้าของทะเลเหนือที่แท้จริง ค่อนข้างโดดเด่นพอตัวจริงๆ การแลกเปลี่ยนนี้ถือว่าคุ้มค่า!”

การแลกเปลี่ยนครั้งนี้ใช้ศพเทพแท้จริงเพียงศพเดียว สำหรับ วูฮี แล้ว ราคาที่เขาต้องจ่ายมีเกราะเทพแท้จริง, เกราะกับอาวุธของ เจ้าแห่งกฏ และ…สมบัติเครื่องจักร!

สมบัติเครื่องจักรนี้ชื่อว่า ‘เกราะเจ็ดไฟบิน’ และมันก็ถือว่าธรรมดาในทุกด้าน แต่มันเด่นเรื่องการหนี และเอาตัวรอด มันปรับทิศทาง และหลบหลีกได้ดี การแลกมันด้วยคะแนนต้องใช้ 120,000 คะแนน ในทางกลับกันแล้วถ้าเราต้องการจะแลกมันกับคะแนน สมบัตินี้จะมีค่าแค่ 100,000 นี่แสดงให้เห็นว่าหน่วยอาวุธหน้าเลือดขนาดไหน

100,000 คะแนนนี้มากพอจะเปลี่ยนสถานการณ์สิ้นหวังเป็นได้เปรียบ ดังนั้นคนเราจึงมีชีวิตอยู่ต่อได้ อีกอย่างแล้วเป็นไปไม่ได้ที่จะได้คะแนนมาหากไม่ทำภารกิจให้เสร็จสิ้น อันที่จริงแล้วการได้ศพจาก หลัวเฟิง ไป วูฮี ไม่ใช่แค่อยู่รอดต่อได้แต่ยังได้คะแนนกลับมาอีก 10,000 คะแนน

วูฮี ค่อนข้างประมาทในเรื่องความคิด โดยทั่วไปแล้วเขาคิดว่าเขาเอาสมบัติมากับตัวมากมาย เขาสามารถทำภารกิจระดับภัยพิบัติได้สำเร็จ แต่เมื่อภารกิจเริ่มขึ้น เขาก็หมดหวัง อย่างแรกคือมันเป็นการต่อสู้ระยะใกล้ที่เขายากจะหาคะแนนได้…

วูฮี รู้ว่าเมื่อสงครามระหว่างภูเขาซวนหยูและบึงเก้าหมอกจบลง ทั้งสองฝ่ายก็จะระวังตัวกันอย่างมาก ความคิดในการเข้าใกล้พวก เจ้าแห่งกฏ และฆ่าพวกนั้นที่เขตนอกของบึงเก้าหมอกเป็นได้เพียงความฝันลมๆ แล้งๆ สำหรับอีกสามทีมที่นำโดย กัปตัน, คูฟา และ ยูลั่ว ทุกทีมจะได้รับอาวุธกับเกราะมาส่วนหนึ่งแต่ วูฮี นั้นอยู่เพียงลำพัง ด้วยการที่ทีมอื่นๆ ร่วมมือกัน ในตอนที่เขาเข้าไปยุ่งเกี่ยวกับพวกนั้น เขานี่แหละที่จะโดนฆ่าซะเอง

สิ่งที่น่ากลัวที่สุดคือก่อนจะทำภารกิจเสร็จสิ้น มันไม่มีทางที่เขาจะแลกอะไรกับคะแนนได้เลย ดังนั้นเขาจึงไม่อาจจะใช้เกราะเจ็ดไฟบินแลกกับคะแนนได้ แหล่งคะแนนเดียวของเขาก็คือของความช่วยเหลือจาก หลัวเฟิง

****

หลังจากที่แลกเปลี่ยนกับ วูฮี แล้ว หลัวเฟิง ก็ยังมีศพเทพแท้จริงกว่า 30 ศพ เขาไม่ได้รีบไปที่หน่วยอาวุธเพื่อ ซื้อสมบัติ นักรบจากทีมอื่นๆ พยายามติดต่อหา หลัวเฟิง ด้วยเหรียญสื่อสาร

“ทางช้างเผือก ได้โปรด! ช่วยข้าสักครั้งเถอะ ข้าจะไม่มีทางลืมบุญคุณเจ้าเลย ข้าจะยกสมบัติทั้งหมดที่มีกับตัวแลกกับศพเทพแท้จริง”

“ทางช้างเผือก ตราบใดที่เจ้าช่วยข้า จากนี้ไปข้าจะฟังคำสั่งของเจ้า ถ้าเจ้าบอกให้ฆ่ากัปตัน ข้าก็จะฆ่าเขาโดยไม่ลังเล”

“ทางช้างเผือก…”

พวกเขาไม่ยอมแพ้ที่จะขอให้ หลัวเฟิง ยกศพเทพแท้จริงให้ ตอนนั้น หลัวเฟิง อยู่ในแคมป์ และทุกคนก็ลืมเรื่องการฆ่าเขาไปแล้ว พวกนั้นต้องยอมก้มหัวอย่างเชื่อฟังหากต้องการจะตกลงกับเขา

คำตอบของ หลัวเฟิง ก็สั้นๆ และตรงไปตรงมา “ข้ามีเงื่อนไขเดียว”

เขาพูดขึ้น “ใช้สมบัติที่มีค่า 100,000 คะแนนเพื่อแลกกับศพ หากเจ้าไม่มีสมบัติที่มีค่า 100,000 คะแนน…งั้นข้าก็จะไม่สนว่าเจ้าจะเป็นรึตาย!”

ก่อนหน้านี้นักรบไม่ได้สนใจเรื่องการรอดของ หลัวเฟิง ทำไมเขาต้องสนใจชะตาของพวกนั้นด้วย?

แน่นอนหากพวกเขาเสนอสมบัติที่มีค่า 100,000 คะแนน มันก็ยังถือว่าคุ้มหากคิดว่าเขาจะตกลงหรือไม่ ยังไงซะเขาก็มาที่นี่เพื่ออนาคตเผ่าของตัวเอง

หลัวเฟิง นั้นโลภ แต่นักรบเหล่านี้ก็รับได้ ไม่มีทางเลยที่นักรบจะมีสมบัติที่มีค่า 100,000 คะแนน กัปตันนั้นมีสมบัติแบบนั้นแต่เขานั้นได้ศพเทพแท้จริงไปแล้ว นั่นเป็นเหตุผลว่าทำไม หลัวเฟิง ถึงได้บ่มเพาะและเฝ้ารอ แต่ผ่านไป 1 ปีเต็มก็ยังไม่มีการแลกเปลี่ยนเกิดขึ้นเลยแม้แต่ครั้งเดียว

“ทางช้างเผือก เจ้าโลภมากเกินไปแล้ว”

“หลัวเฟิง เจ้าไม่สมควรจะมีชีวิตต่อ”

“เจ้าบัดซบ!”

เมื่อไม่ได้ตามที่ตนต้องการ นักรบต่างก็พากันหงุดหงิดจนเปลี่ยนเป็นเกลียดชัง แต่หลัวเฟิง ก็ไม่ได้สนใจเลยแม้แต่น้อย

“อย่างกับว่าข้าสนว่าพวกเจ้าจะเป็นรึตาย!” เขาเย้ยกลับไป

****

มันเป็นปีที่สามหลังจากที่ หลัวเฟิง ส่งภารกิจ และเขาก็ไปที่หน่วยอาวุธเพื่อแลกเกราะเจ็ดไฟบิน และศพเทพแท้จริงอีก 33 ศพกับคะแนน จากนั้นเขาก็เริ่มทำการแลกสมบัติ

เขาได้คะแนนส่วนมากไปกับสมบัติเครื่องจักร ‘เทพกรงเล็บทอง’ ซึ่งใช้ไป 400,000 คะแนน!

คะแนนที่เหลือถูกใช้ในการซื้อสมบัติแท้จริงขั้นสูงสุดประเภทขอบเขตซึ่งราคา 30,000 คะแนน

“เทพกรงเล็บทอง?” หลัวเฟิง พูดขึ้นเบาๆ “สมบัติเครื่องจักรร่างเดียว มันถือว่าเป็นแบบเดียวกับเทพวูฉีแต่มันมีพลังน้อยกว่ามาก”

สิ่งที่เรียกว่าพลังน้อยกว่าก็เพราะเทียบกับเทพวูฉี ยังไงซะมันก็เป็นสมบัติเครื่องจักรที่เขาใช้คะแนนไปถึง 400,000 คะแนน มันต้องแข็งแกร่งกว่าปีกเมฆดำ และของอื่นๆ

“การป้องกัน, โจมตี, ความเร็ว…แข็งแกร่งทุกด้าน” หลัวเฟิง พยักหน้า “มันสมบูรณ์แบบ”

ด้วยการที่แข็งแกร่งในทุกด้านนั้นหมายความว่ามันอาจจะไม่ได้สูงส่งในทุกด้าน แต่มันก็ไม่ได้มีจุดอ่อนใดๆ

ลึกๆ ในใจ หลัวเฟิง หมายตาเทพวูฉี นั่นเป็นเหตุผลว่าทำไมเขาถึงได้เอาของเลียนแบบเทพวูฉีอย่างเทพกรงเล็บทอง ในใจเขานั้นเขาชอบสมบัติเครื่องจักรที่ไม่มีจุดอ่อน ก่อนหน้านี้เขาไม่ได้มีคะแนนมากพอ หลังจากที่แลกเกราะเจ็ดไฟบินแล้ว ในที่สุดเขาก็มีคะแนนมากพอ

“มาลองใช้มันดู” แค่เพียงคิด รูปปั้นสีทองก็ได้บินเข้าหาตัว หลัวเฟิง

ฮัวะ!

แสงสีทองไหลออกมาทันที มันห่อหุ้มตัว หลัวเฟิง เอาไว้ทั้งหมด เขาได้เปลี่ยนร่างเป็นสัตว์อสูรสีทองที่ใส่หน้ากาก สัตว์อสูรสีทองนี้อยู่ในรูปร่างมนุษย์ที่มีกรงเล็บในมือทั้งสองข้างและที่ขา หัวเป็นสามเหลี่ยม มันแผ่ออร่าที่น่ากลัวและบ้าคลั่งออกมา เพราะเขาได้สวมเทพกรงเล็บทอง มันจึงทำให้เกราะหน่วยงูหลามแม่น้ำ ต้องถอยกลับไป สองอันนี้ใช้ร่วมกันไม่ได้

หลัวเฟิง รู้สึกว่าเขาได้เปลี่ยนเป็นเกราะสมบัติแท้จริงขั้นสูงสุด

“เผาพลังอมตะ!” หลัวเฟิง สะบัดมือ

ฮ่ง!

พลังอมตะเผาไหม้อย่างรวดเร็วหลอมรวมเข้ากับเกราะเทพกรงเล็บทอง และพลังงานอันทรงพลังก็แผ่ไปทั่วรอยสลักของเกราะแต่ผลของมันคือ…ควบคุมไม่ได้!

ปรากฎว่าการสลักภายในนั้นยากมากกว่า หลัวเฟิง ได้แต่หยุดพลังอมตะของตัวเองไม่ให้เผาไหม้ไปต่อเพื่อที่เขาจะได้ทำความเข้าใจภาพสลักเหล่านี้ให้ดีๆ ก่อน

จากระดับเทคนิคลับของ หลัวเฟิง แล้ว เขาต้องศึกษามันกว่า 33 วันเพื่อจะเข้าใจการควบคุมเทพกรงเล็บทองได้ ไม่นานพลังอมตะจำนวนมากก็หลอมรวมเข้ากับเทพกรงเล็บทองซึ่งแผ่ไปตามเส้นสลัก สุดท้ายเส้นสลักก็อาบไปด้วยพลังอมตะอยู่หลายจุดทั้งเกราะซึ่งคือหนึ่งจุดที่หลัง, สองจุดที่ไหล่ และสองจุดที่หลัง มันมีทั้งหมด 5 จุดหลัก

แปลงพลังงาน!

ชี่! ชี่!

เส้นพลังงานสีทองได้ส่งผ่านไปทั่วทุกนิ้วของเทพกรงเล็บทอง พลังานสีทอง และเกราะนั้นเข้ากันได้อย่างดีก่อนจะระเบิดพลังงานออกมา

“อย่างที่ข้าคิดไว้” หลัวเฟิง พูดขึ้นมาอย่างดีใจ “นี่คือสิ่งที่ค่อนข้างโดดเด่น แค่การแปลงครั้งเดียว พลังงานก็เพิ่มขึ้นมา 2 ระดับ การโจมตีขั้น 9 ของข้า หากใช้มันด้วยเทพกรงเล็บทอง…มันจะกลายเป็นขั้น 11 รึเปล่า?”

หลัวเฟิง รู้สึกได้ว่าสมบัติเครื่องจักรนี้น่าประทับใจเพียงใด

“ด้วยสมบัตินี้! ข้าก็อยู่จุดสูงสุดของทะเลจักรวาล ด้วยเทพกรงเล็บทองจากโบราณใครกันในทะเลจักรวาลที่จะมาเทียบข้าได้?”

หลัวเฟิง พอใจอย่างมาก ตอนนี้เขาแข็งแกร่งกว่า อาจารย์ต้นกำเนิด ย้อนกลับไปตอนที่อีกฝ่ายอยู่ระดับเดียวกับ หลัวเฟิง แน่นอนว่ามันเป็นไปได้เพราะสองเหตุผล หนึ่งคืออาจารย์ต้นกำเนิด นั้นไม่รู้จักเทคนิคเผาพลังอมตะ และสองคืออีกฝ่ายไม่ได้มีสมบัติเครื่องจักร

ด้วยการที่ขุมกำลังต่างๆ พากันเข้ามาในโลกแห่งจิน พลังของทะเลจักรวาลก็จะเพิ่มขึ้นไปด้วย แต่มีแค่นักรบจากหน่วยพิเศษที่มีสิทธิ์จะแลกเอาสมบัติเครื่องจักร และจำนวนคะแนนที่ต้องใช้นั้นก็สูงอย่างมาก ภายในเวลาอันสั้นนี้หลายขุมกำลังในทะเลจักรวาลที่ตั้งใจจะแลกเอาสมบัติเครื่องจักรต้องเผชิญกับความยากลำบากอย่างมาก

****

หลังจากที่ได้เทพกรงเล็บทองมา หลัวเฟิง ก็พยายามศึกษามัน เขาถึงกับใส่มันในมิติสืบทอดภายในเรือสุสานเพื่อศึกษาด้วย

ผ่านไปสักพักการฝึกฝนนี้ก็ทำให้ หลัวเฟิง ต้องถอนหายใจ อารมณ์ของเขากำลังดี ไม่แปลกใจเลยว่าสังคมโบราณได้บันทึกคำชมสมบัติเครื่องจักรไว้เยอะ นอกจากคนที่อยู่จุดสูงสุดของสังคมโบราณแล้ว คนทั่วไปสามารถทำให้สมบัติเครื่องจักรปลดปล่อยพลังที่สูงเกินกว่าระดับตัวเองได้ เทพกรงเล็บทองที่สมบูรณ์สามารถยกระดับพลังขึ้นถึง 2 ระดับ

“นี่เป็นแค่เครื่องจักรร่างเดียว สำหรับสมบัติเครื่องจักรที่ต้องใช้เทพแท้จริงถึงล้านคนในการควบคุมแล้ว…” หลัวเฟิง ถอนหายใจออกมา

สงครามขนาดใหญ่เป็นแบบนั้น ตอนที่เทพแท้จริงหลายล้านคนควบคุมสมบัติเครื่องจักรร่างเดียว พวกเขาก็กล้าที่จะสู้กับเทพแท้จริงนิรันดร์!

****

เวลาผ่านพ้นไป

มันคือปีที่ 5,600 ตั้งแต่ที่ หลัวเฟิง ได้มาถึงโลกแห่งจิน และ วูฮี ก็ได้มาพบกับ หลัวเฟิง ที่เกาะของเขา

“ทางช้างเผือก! เจ้ารู้รึยัง? กัปตันและคนอื่นๆ กลับมาแล้ว” วูฮี เหมือนจะสะใจกับชะตาพวกนั้น

“โอ้?” หลัวเฟิง แปลกใจ ผ่านไปครึ่งยุค เขาเกือบจะลืมเรื่องทีมอื่นๆ ไปแล้ว “พวกนั้นเป็นยังไงบ้าง?”

“จะเป็นยังไงล่ะ? แน่นอนว่าต้องย่ำแย่” หัวของ วูฮี ส่ายไปมา “มากกว่าครึ่งของทีมทั้งหมดตายไป แม้แต่ ยูลั่ว ก็ตาย! คูฟา กลับมาได้”

“ยูลั่ว ตาย?” หลัวเฟิง ช็อก

ยูลั่ว เป็นหัวหน้าทีม มันไม่น่าจะยากที่เขาจะได้คะแนนมามากพอ

“ใครจะไปรู้? ข้าได้ยินมาว่าการต่อสู้ดุเดือดอย่างมาก” วูฮี ตะลึง “ตั้งแต่เริ่มมันอาจจะเป็นภารกิจระดับภัยพิบัติ แต่มันไม่น่าจะหนักพอที่จะทำให้หลายคนต้องตาย! ข้ายังได้ยินว่ากัปตันนั้นใช้วิธีการชั่วร้ายบังคับให้ คูฟา และ ยูลั่ว ต้องบ้าคลั่ง ยูลั่วตาย และ คูฟา ก็เกือบไม่รอด และกัปตันดูเหมือนว่าจะได้ประโยชน์อย่างมาก”

นักรบที่มีประสบการณ์เสียหายอย่างมากในครั้งนี้ แต่ หลัวเฟิง และ วูฮี สองคนหน้าใหม่กลับไม่ได้แสดงท่าทีสงสารออกมาเลย

สำหรับพวกนักรบที่รอดกลับมา บางคนเกลียด หลัวเฟิง มันยังมีพวกที่สาปแช่งตอนที่บินผ่านเกาะเขา พวกนั้นรู้แค่ว่าเขาเก่งเรื่องการเคลื่อนไหวและหลบหลีก พวกนั้นไม่ได้กลัวเขา แต่ถ้าพวกนั้นเห็นว่า หลัวเฟิง ฆ่าเทพแท้จริงยังไง พวกนั้นคงไม่กล้าที่จะหาเรื่องเขาอีกต่อไป น่าเสียดายที่มีแค่กัปตันที่เห็นสถานการณ์ตอนนั้น แต่เขาไม่เคยบอกเรื่องนี้ออกมา

แน่นอนว่ามันมีคนที่เกลียด หลัวเฟิง และคนที่ไม่คิดจะยุ่งกับเขา แต่มันก็ยังมีส่วนสุดท้ายที่คิดจะทำความรู้จักกับ หลัวเฟิง

“ช่างเถอะ ข้าแค่คนผ่านมา ข้าหวังแค่ว่าก่อนที่จะออกจากโลกแห่งจินไป พวกเจ้าทุกคนจะยังมีชีวิตอยู่” หลัวเฟิง ไม่กังวลเรื่องนักรบเหล่านี้เลยแม้แต่น้อย ระหว่างนี้เขาได้ไปที่หน่วยอาวุธเพื่อรับภารกิจเอาตำแหน่ง

การได้รับตำแหน่งนั้นอันตราย แต่มันก็มีโอกาสรอดอย่างน้อย 10% หลัวเฟิง คิดว่าภายในนักรบระดับสูง 1,000 คน โอกาสที่เขาจะรอดนั้นสูงมากพอ อีกอย่างแล้วเขามีความสามารถในการแบ่งร่าง ภารกิจในการรับแต่แหน่งนี้…ทำไมไม่ลองดูสักหน่อย?

เวลาผ่านไป ในพริบตาก็ผ่านไปหนึ่งยุคตั้งแต่ที่ หลัวเฟิง ได้เข้ามาในโลกแห่งจิน

ใส่ความเห็น

อีเมลของคุณจะไม่แสดงให้คนอื่นเห็น ช่องข้อมูลจำเป็นถูกทำเครื่องหมาย *

error: Content is protected !!
Exit mobile version