Skip to content

Swallowed Star 1389

ตอนที่ 1389 : โลกคัมภีร์

หลัวเฟิง นั่งอยู่บนทวีปที่ลอยอยู่และมองไปรอบๆ

“มองดูรอบมิติแล้ว ข้าสามารถได้รับเทคนิคลับมาและเมื่อเชี่ยวชาญมันแล้ว ข้าก็สามารถขึ้นไปที่ชั้น 9 ได้รึ? ถ้าข้าล้มเหลว ความจำทั้งหมดของข้าจะถูกลบไปและข้าก็ต้องออกจากหอคอยวูฉีไปรึ?”

หลัวเฟิง คิ้วขมวด ความยั่วยวนในการเข้าไปในชั้นเก้าโดยเฉพาะในตอนที่เกือบจะประสบความสำเร็จนั้นมีมากมาย แต่ตัวหนังสือนับไม่ถ้วนลอยอยู่ในมิติรอบตัวจนทำให้เขาสับสนเพราะจำนวนของมัน เขาไม่รู้ว่ามันเริ่มต้นตรงไหน

มองตอนแรกพวกมันเหมือนกับดวงดาวที่อยู่ในท้องฟ้า ทุกตัวหนังสือนั้นคือหนึ่งดวงดาวและพวกมันก็เชื่อมต่อกันหมด แต่เพราะทั้งหมดนั้นรวมตัวกัน มันจึงเป็นไปไม่ได้ที่จะบอกว่าจุดเริ่มต้นมันอยู่ที่จุดไหนหรือจบที่จุดไหน เขาไม่รู้ว่ามันจะหยุดตรงไหน

“การบ่มเพาะเทคนิคลับนี้ ข้าต้องรู้เนื้อหาทั้งหมดก่อนรึ?” หลัวเฟิง มองไปยังตัวหนังสือรอบตัว “แต่ข้าไม่รู้เกี่ยวกับมันเลย ข้าจะแบ่งมันเป็นช่วงได้ยังไงกัน? หากข้าไม่อาจจะแบ่งมันเป็นช่วงได้ ข้าจะเริ่มต้นบ่มเพาะมันได้ยังไง?”

หลัวเฟิง หงุดหงิดขึ้นมา

****

เวลาผ่านพ้นไป ในพริบตา 9 วันก็ผ่านไป

“ข้าจะบ่มเพาะได้ยังไง?” หลัวเฟิง คิดออกมาดังๆ

เขามองไปยังตัวหนังสือ แต่ละตัวเปล่งลำแสงออกมาบางครั้งก็รุนแรง บางครั้งก็อ่อนแอ มันราวกับคัมภีร์ขนาดใหญ่จุดเริ่มต้นและจุดจบนั้นเชื่อมต่อกัน มันได้แสดงอยู่ตรงหน้า หลัวเฟิง แต่เขาไม่เข้าใจมันเลย ลำแสงจากตัวหนังสือเหล่านี้ไม่ได้แปลกใหม่สำหรับเขา แต่เขาก็ยังคงไม่อาจจะรับรู้จนเข้าใจความหมายของมัน

“มันหมายความว่าข้าต้องหยุดที่ชั้น 8 รึ?” หลัวเฟิง สลดลงมา แต่ตัวหนังสือนับไม่ถ้วนนี้ดูเหมือนจะมั่นคงเหมือนกับตัวหนังสือในจารึกศักดิ์สิทธิ์ที่เขาไม่อาจจะเข้าใจได้

หึ่ง!

ทันใดนั้น หลัวเฟิง ที่ศึกษาตัวหนังสืออยู่นั้นก็เห็นว่าตัวหนังสือทั้งหมดนั้นเปล่งแสงขึ้นมา ทันใดนั้นสติของเขาก็ถูกดึงเข้าไปในคัมภีร์ มันราวกับว่าใช้การรับรู้จักรวาลเสมือนเพื่อให้สติของเขาเข้าไปในจักรวาลเสมือนได้ ตอนนั้นสติของเขาได้เข้าไปในคัมภีร์

****

หลัวเฟิง ยืนอยู่บนทวีปที่ลอยอยู่ไม่ขยับตัว ไกลออกไปมีคัมภีร์หนึ่งซึ่งมีตัวหนังสือนับไม่ถ้วนได้เปล่งลำแสงออกมา ตอนนั้นมันราวกับว่าพวกมันมีจังหวะของตัวเอง

ฮัวะ!

มีร่างพร่ามัวอัดแน่นและปรากฏตัวขึ้นมาในมิติ เขาสวมชุดที่ดูหรูหราและมีลำแสงสีดำแผ่มาห่อหุ้มตัวเอง ร่างนั้นยืนอยู่ท่ามกลางมิติราวกับว่าเขาเป็นแก่นของโลกชั้น

8 ร่างนั้นแผ่ออร่าที่สง่าออกมา เขาดูอยู่ห่างจาก หลัวเฟิง ที่ยังยืนนิ่งอยู่บนทวีป

“นี่คือคนที่สอง” ร่างสีดำ กระซิบ “คนก่อนหน้านี้สติของเขาเข้ามาในโลกคัมภีร์ได้และล้มเหลวอย่างรวดเร็ว มาดูกันว่าคนผู้นี้จะทำได้หรือไม่ บางทีข้าคงจะขอมากไปรึเปล่า? โลกแห่งจินของข้าอาจจะกว้างและทรงพลัง แต่ดูจากคนที่โดดเด่นซึ่งบ่มเพาะเทคนิคลับนี้ได้…บางทีมันอาจจะไม่สมจริง แต่นอกจากนี้แล้วข้าจะทำอะไรได้? ข้าจะทำอะไรได้อีก? ร่างเดิมของข้าถูกกำจัดไปแล้ว…ข้าไม่มีตัวเลือกอื่น ไม่มีตัวเลือกอื่นแล้ว”

ร่างสีดำ อุทานออกมาเงียบๆ “ในหมู่คนนับไม่ถ้วนมันมีปาฏิหาริย์ผูกมัดตอนที่พวกเขาเกิดมา”

ร่างสีดำ มองไปที่ หลัวเฟิง ด้วยสายตาคาดหวัง

หลัวเฟิง ยืนนิ่งอยู่กับที่ด้วยท่าทีสับสน สติของเขาตอนนี้ได้เข้าไปในโลกคัมภีร์แล้ว

****

โลกแห่งคัมภีร์

หลัวเฟิง รู้สึกได้แค่ว่าสติของเขาได้ถูกดึงเข้าไปในโลกนั้น มันรู้สึกเหมือนกับจักรวาลเสมือน ทุกอย่างตรงหน้าเขาเปลี่ยนไปและเขาก็ได้มาถึงวังที่เปล่งแสงสีม่วงออกมา

วังแห่งนี้สร้างอยู่บนยอดเขาสูง มองตอนแรกวังแห่งนี้ดูเหมือนจะห่อหุ้มไปด้วยเมฆ ดังนั้นทุกอย่างรอบตัวจึงดูพร่ามัว มองตอนแรก หลัวเฟิง ก็รู้สึกได้ถึงพลัง เขาหันกลับไปมองแต่ก็เห็นแต่สันเขาที่สุดลูกหูลูกตา

“ที่นี่มันอะไรกัน? ข้าเห็นแค่มองตัวหนังสือในมิติเมื่อเมื่อกี้และสติของข้าก็ถูกดึงเข้ามาที่นี่รึ?”

ที่แห่งนี้ดูเหมือนจะลึกลับสำหรับ หลัวเฟิง พลังจิตเขาจะทรงพลังแค่ไหน?

แต่ตัวหนังสือในมิตินี้อัดแน่นอยู่ในคัมภีร์สามารถดึงสติเขามาที่แห่งนี้ได้

“เข้ามา! เข้ามา! เข้ามา!”

จากในประตูวังมีแสงสีม่วงแผ่ออกมา เสียงเรียกดังขึ้นจนทำให้ หลัวเฟิง สับสนทันที ตัวเขาขยับโดยที่ไม่อาจจะควบคุมตัวเองได้ เขาเดินไปที่ประตูวังทันทีและเข้าไปในห้องโถง

“หือ?” หลัวเฟิง ตระหนกขึ้นมา เขามองไปรอบๆ วัง “ข้าอยู่ในห้องโถงแล้วรึ? ไม่รู้ตัวเลยและไม่ทันระวังตัวด้วย ข้าถูกดึงมาโดยไม่อาจจะควบคุมตัวเองได้ นี่…มันคือความต่างด้านพลังอย่างมาก”

นี่เป็นห้องโถงที่งดงาม ด้านข้างมีเสานับไม่ถ้วน และทุกเสาก็จะมีภาพสลักเอาไว้ ห่างออกไปมีของตกแต่งอยู่บนกำแพง ทุกอย่างได้แผ่พลังออกมา หลัวเฟิงต้องการเข้าไปดูใกล้ๆ แต่ไม่ว่าจะพยายามแค่ไหนแต่เขาก็ไม่อาจเห็นอะไรได้ชัดเจน แม้แต่พื้นดินที่เขาเหยียบอยู่ก็ยังไม่ชัดเจน มันราวกับว่าเขามองทุกอย่างผ่านหมอกหนา

ฮ่ง!

อยู่ๆ ห้องโถงก็สั่นไหว

หลัวเฟิง หันกลับไปทันทีและในห้องเดียวกันนี้ก็มีสัตว์อสูรโผล่มา ตัวมันเต็มไปด้วยเกล็ดดำและร่างของมันก็เหมือนกับสิงโต ที่หน้าผากนั้นมีเขาโค้งสีม่วงและตาทั้งสองข้างก็มีแสงสีม่วง เห็นได้ว่ามันเดินอยู่ในห้องโถงและทำให้ทั้งห้องต้องสั่นไหว

“เจ้าคือ…” หลัวเฟิง มองไปที่สัตว์อสูร

“ข้าคือเทคนิคลับ” สัตว์อสูรเขาม่วงตอบกลับดังๆ

หลัวเฟิง ผงะ “ตัวเทคนิคลับ?”

“ทำไม แม้แต่อาวุธก็ยังมีจิตวิญญาณ ทำไมเทคนิคลับถึงมีจิตวิญญาณบ้างไม่ได้?” สัตว์อสูรเขาม่วงฮึดฮัด

หลัวเฟิง อึ้ง จากนั้นเขาก็เริ่มดีใจขึ้นมา

พระเจ้า!

จิตวิญญาณของเทคนิคลับ!

ถ้ามันเป็นนักรบจากโลกแห่งจิน งั้นเขาอาจจะไม่เข้าใจว่าจิตวิญญาณของเทคนิคลับนี้หมายถึงอะไรแต่ หลัวเฟิง ที่ได้รับการสืบทอดจากเส้นสายสายน้ำวูดูวงนั้นครอบครองความรู้โบราณ เป็นธรรมดาที่เขาจะเข้าใจมัน ภายในสังคมโบราณ มีแค่ตัวตนยิ่งใหญ่ไม่กี่คนที่ยืนอยู่จุดสูงสุดของสังคมโบราณที่จะสร้างเทคนิคลับแบบนี้ขึ้นมาได้ ที่เหมาะกับคนของตัวเองเพื่อส่งต่อความรู้ของพวกเขา

เพื่อให้เทคนิคลับมีจิตวิญญาณนั้นเป็นขั้นตอนที่ยุ่งยากที่เกี่ยวข้องกับการรวมเทคนิคลับกับจิตวิญญาณ จากเส้นสายของสายน้ำวูดูวง มีแค่บรรพบุรุษ 3 รุ่นที่ทำแบบนั้นได้ ไม่มีลูกหลานรุ่นไหนที่ทำได้สำเร็จ

ตอนที่เทคนิคลับนั้นมีจิตวิญญาณ มันสามารถเลือกได้ว่าใครกันที่เหมาะกับมันจริงๆ ถ้าคนอื่นพยายามจะพึ่งพลังของตัวเองในการยึดเทคนิคลับนี้ พวกเขาก็จะพบกับความล้มเหลวและถ้าเทคนิคลับไม่อาจจะรับรู้เจ้านายได้ การพยายามจะฆ่าจิตวิญญาณก็เป็นไปไม่ได้ที่จะสำเร็จ ยังไงซะก็มีแค่เจ้านายที่สามารถลบจิตวิญญาณของสมบัติได้ ในอีกความหมายคือตัวตนยิ่งใหญ่จะทำลายจิตวิญญาณของสมบัติก็ตอนที่พวกเขาทำลายสมบัติไป แต่นอกจากพวกที่สามารถสร้างเทคนิคลับขึ้นมา มันมีใครบ้างที่ไม่ใช่คนยิ่งใหญ่ในสังคมโบราณ?

แม้แต่บรรพบุรุษ 3 รุ่นที่สร้างเทคนิคที่มีจิตวิญญาณ แม้แต่ตอนที่เป็นบรรพบุรุษเอง ถ้าจิตวิญญาณของเทคนิคลับที่พวกเขาสร้างขึ้นมาไม่ได้รับรู้เจ้านาย มันก็ไม่มีทางที่พวกเขาจะทำลายเทคนิคได้…แม้ว่าพวกเขาจะเป็นผู้สร้างเทคนิคเหล่านั้นก็ตาม

ดังนั้นการทำลายเทคนิคลับที่มีจิตวิญญาณจึงเป็นเรื่องยาก แต่การผ่านเงื่อนไขและมีความรู้ถึงระดับตัวตนสูงสุดนั้นยากยิ่งกว่าเดิม

“เทคนิคลับแบบไหนที่ต้องมีจิตวิญญาณ? รึว่าเป็นบางอย่างที่ ราชาเทพ สร้างขึ้นมา?” หลัวเฟิง พึมพำกับตัวเอง “แม้แต่มรดกของสายน้ำวูดูวง ก็มีแค่บรรพบุรุษทั้งสามที่ประสบความสำเร็จถึงจุดนี้ได้”

การเจอกับสัตว์อสูรนี้ หลัวเฟิง ก็นั่งอยู่ข้างๆ มันและคอยตั้งใจฟัง ยังไงซะแม้แต่บรรพบุรุษทั้งสามก็ไม่อาจจะใช้กำลังในการสู้กับมันได้ ดังนั้นทุกอย่างจึงต้องเป็นไปตามกฎที่ตัดสินโดยผู้สร้างเทคนิคลับนี้ขึ้นมา

“สำหรับเจ้าที่เข้ามาในโลกคัมภีร์ได้ เจ้าต้องมีพื้นฐานที่มั่นคง” สัตว์อสูรพูดขึ้น “แต่ไม่ว่าเจ้าจะได้รับเทคนิคลับหรือไม่นั้นมันก็ขึ้นกับทักษะของเจ้าเอง ดูดีๆ…”

เขาของสัตว์อสูรได้ยิงเอาลำแสง 4 อันออกมา

ฮ่ง! ฮ่ง! ฮ่ง! ฮ่ง!

ลำแสงทั้งสี่ได้ยิงออกไป 4 ทิศทางในห้องโถงและอยู่ๆ ม้วนคัมภีร์ขนาดใหญ่ทั้งสี่ในกำแพงแต่ละด้านก็ลอยออกมา มันคลี่ออกระหว่างที่ลอย มีตัวหนังสือนับไม่ถ้วนในคัมภีร์เหล่านั้นแต่มีสามอันที่ตัวหนังสือนั้นดูพร่ามัว มีแค่อันเดียวที่ต่างออกไปและมันลอยอยู่ตรงหน้าประตูวัง ตัวหนังสือทั้งหมดภายในนั้นดูชัดเจน หลัวเฟิง สามารถอ่านมันได้จบโดยไม่มีปัญหา

“คัมภีร์ทั้งสี่นี้” สัตว์อสูรพูดขึ้น “ตรงหน้าเจ้านี้คืออันเดียวที่เจ้ามองเห็นได้ชัดเจน นี่คือคำแนะนำ ของเทคนิคลับ”

“คำแนะนำ?” หลัวเฟิง พยักหน้า

คำแนะนำ ของเทคนิคลับ สำหรับการมีอยู่ของสังคมโบราณที่อยู่จุดสูงสุด มันไม่ง่ายที่จะหาผู้สืบทอด การถูกฆ่าระหว่างเติบโตนั้นไม่ใช่เรื่องใหญ่ แต่หลังจากที่นักรบถูกฆ่าและความจำถูกค้น ถ้าเทคนิคลับรั่วไหลออกไป มันก็จะเกิดปัญหาใหญ่ นี่เป็นเหตุผลว่าทำไมจึงมีวิธีการรับมือมากมาย

การประทับการสืบทอดของสายน้ำวูดูวง นั้นคือหนึ่งตัวอย่าง…ภายใต้การประทับการสืบทอด หลัวเฟิง จึงไม่อาจจะบอกข้อมูลของมันกับใครได้ แม้ว่าเขาจะโดนฆ่าและถูกค้นความจำ แต่ตราประทับการสืบทอดนี้ก็จะทำลายทุกอย่าง มันจึงเป็นไปไม่ได้ที่ศัตรูจะค้นพบมัน

แน่นอนว่ามันมีหลายขุมกำลังอย่าง ราชาเทพ ของจินที่ซึ่งเมื่อส่งต่ออำนาจให้กับคนของเขา มันก็ต้องมีขั้นตอนต่างๆ ที่ไว้ใช้กับลูกน้องตัวเอง ถ้าความสามารถของลูกน้องมากขึ้น สุดท้ายแล้วเขาก็จะได้รับความรู้ที่มั่นคงขึ้น นี่เพราะยิ่งลูกน้องนั้นทรงพลังแค่ไหน มันยิ่งยากที่จะค้นความจำของเขา

ถ้าไม่ใช่ผู้สืบทอดที่แท้จริงและไม่ได้รับตราประทับให้กับลูกน้อง งั้นเขาก็จะใช้วิธีอย่างจิตวิญญาณเทคนิคเพื่อ ค้นหาผู้สืบทอด ปกติแล้วการรับการชี้แนะของเทคนิคลับนี้จะถูกนำมาใช้งานเมื่อรับการชี้แนะจนเชี่ยวชาญแล้ว เทคนิคลับจะยอมรับและแนะนำเข้าสู่เนื้อหาภายใน จากนั้นแม้ว่าจะถูกค้นความจำแต่ภายใต้ผลของการยอมรับการชี้แนะ มันก็ไม่มีทางที่เทคนิคลับนี้จะถูกค้นพบ

การยอมรับการชี้แนะนี้ไม่ใช่แค่เพื่อปกป้องของเทคนิคลับ มันยังมีความสามารถในการเลือกผู้สืบทอดที่เหมาะสมด้วย เทคนิคลับนี้เต็มไปด้วยความยากลำบากและมีแค่ผู้ที่ผ่านข้อกำหนดต่างๆ ได้จึงจะเชี่ยวชาญเทคนิคนี้ได้

การเชี่ยวชาญการชี้แนะของเทคนิคลับจะหมายความว่าพวกเขาสามารถเชี่ยวชาญเทคนิคลับนี้ได้ ดังนั้นเขาจึงจะถูกยอมรับและการชี้แนะต่อ ทุกอย่างจะสมบูรณ์แบบ

ยิ่งเทคนิคลับทรงพลังแค่ไหน หลัวเฟิง คิด แม้แต่เทพแท้จริงมิติ, เทพแท้จริงนิรันดร์ หรือตัวตนที่สูงกว่านี้ ทุกคนต่างก็ต้องผ่านการบ่มเพาะ ข้าเป็นเพียงแค่ เจ้าแห่งกฏ ดังนั้นข้าจึงไม่อาจจะเชี่ยวชาญเทคนิคลับทั้งหมดได้ ถ้าข้าเชี่ยวชาญมันได้ งั้นมันก็หมายความว่าเทคนิคลับนี้ไม่ได้มีค่าเลยแม้แต่น้อย ดังนั้นความพิเศษของชั้น 8 น่าเสียดายที่มันคือการเชี่ยวชาญการชี้แนะของเทคนิคลับและหลังจากนั้นก็รับรู้เทคนิคลับภายในวิญญาณของตัวเอง!

เมื่อเชี่ยวชาญมันแล้ว เราก็จะถือว่าสำเร็จได้ ถ้าการชี้แนะนี้ไม่ถูกทำให้เชี่ยวชาญ งั้นผลลัพธ์มันก็คงล้มเหลว

หลัวเฟิง เข้าใจความหมายที่แท้จริงของชั้น 8 ได้อย่างรวดเร็ว เมื่อเชี่ยวชาญการชี้แนะของเทคนิคลับแล้ว เขาก็จะสามารถได้เทคนิคลับทั้งหมด หลังจากนั้นเขาก็จะเข้าไปที่ชั้น 9 ของหอคอยวูฉีได้ มันคือกำแพงขั้นสุดท้ายที่ต้องข้ามไป!

การชี้แนะนี้ต้องยากอย่างมาก ไม่งั้นแล้วมันคงไม่มีอุปสรรคมากมายรออยู่และนี่มันก็นานแล้วที่ยังไม่มีใครทำได้สำเร็จเลยในโลกแห่งจินนี้

หลัวเฟิง มองไปยังคัมภีร์ที่ตรงหน้าประตูวัง ข้างๆ เขาสัตว์อสูรเขาทองก็ยังพูดต่ออยู่ “การชี้แนะนี้เข้มงวดอย่างมาก”

มันพูดขึ้น “ผู้บ่มเพาะควรจะเป็น เจ้าแห่งกฏ และสำหรับระดับสูงสุดแล้ว อย่างมากก็เป็นแค่เทพแท้จริง ระดับสูงกว่านั้นเป็นไปไม่ได้ที่จะบ่มเพาะได้สำเร็จ”

ใส่ความเห็น

อีเมลของคุณจะไม่แสดงให้คนอื่นเห็น ช่องข้อมูลจำเป็นถูกทำเครื่องหมาย *

error: Content is protected !!
Exit mobile version