ตอนที่ 1431 : พลังของหอคอยดวงดาว
ตอนที่ หลัวเฟิง สู้กับ อสูรทลายมิติ เขาจะเปลี่ยนตำแหน่ง ร่างสัตว์อสูรเขาทองอยู่บนเรือและจากไปทันที ทีมบนหอคอยดวงดาวเองก็เปลี่ยนตำแหน่งตามด้วย อีกอย่างแล้วมันมีจักรวาลย่อยมากมายในทะเลจักรวาล เขาจะอยู่ที่ไหนได้บ้าง?
ตอนนั้น หลัวเฟิง ได้เดินทางตามสัญชาตญาณและหอคอยดวงดาวก็ได้เดินทางไปยังจักรวาลย่อยของ เทพปีศาจคลั่ง!
“ทีมหอคอยดวงดาวแข็งแกร่งกว่าสัตว์อสูรเขาทอง มันคือทีมที่มีพลังมากที่สุด!” หลัวเฟิง คึก “สองครั้งที่ข้าได้สู้มาและสองครั้งมันก็หนีได้ ครั้งนี้ข้าจะไม่ให้มันหนีไปได้!”
ความมั่นใจนี้มาจากพลังของตัวเอง!
ซู่!
หอคอยดวงดาวได้ทำการเทเลพอร์ทและมุ่งหน้าไปยังพิกัดที่ เทพปีศาจคลั่ง ให้มา
****
โมโลซ่า ยืนอยู่ในมิติที่รายล้อมไปด้วยหมอกดำ ลำแสงได้เหยียดเข้าหามิติและกลืนกินจุดกำเนิดจักรวาลย่อย มันยังคงระวังตัวโดยการจับตาดูรอบๆ
“ข้าหวังว่า ทางช้างเผือก กับ เทพที่แท้จริงเก้ากว้างไกลจะไม่มาที่นี่” โมโลซ่าภาวนา “ข้าต้องแข็งแกร่งกว่าเดิม แข็งแกร่งกว่าเดิมอย่างมาก…”
ทีมเทพแท้จริงหลายทีมเริ่มโผล่มาในทะเลจักรวาลและทุกทีมต่างก็นำโดยเทพแท้จริงที่มีพลังอมตะจำนวนมาก ถึง โมโลซ่า จะไม่อาจทำอะไรพวกนี้ได้แต่เขาก็ไม่ได้กลัวพวกนี้ มันกลัวแค่ หลัวเฟิง กับ เทพที่แท้จริงเก้ากว้างไกล
ไม่นานหลังจากนั้นมิติรอบตัวมันก็แน่นิ่งไป โมโลซ่า ถึงกับช็อก
“หือ?” โมโลซ่า มองออกไป หอคอยเก้าชั้นปรากฏขึ้นมา ตอนที่เห็นหอคอยนี้มันก็ลดการระวังตัวลง โชคดีที่มันไม่ใช่เรือของ เทพที่แท้จริงเก้ากว้างไกลกับ ทางช้างเผือก ที่เดินทางเข้ามา แต่ไม่นานจากนั้น โมโลซ่า จึงเปลี่ยนสีหน้าไป
“ไม่!” สุดท้ายมันก็เริ่มรู้ตัว มันคือสมบัติแท้จริงชั้นยอดของ ทางช้างเผือก ซึ่งมีชื่อเสียงโด่งดังในทะเลจักรวาล หอคอยดวงดาว!
“เป็นเจ้าได้ยังไง?” โมโลซ่าตะโกนด้วยความหงุดหงิด
ประตูที่ฐานหอคอยเปิดออก หลัวเฟิง ในเกราะดำได้เดินออกมาพร้อมกับดาบที่ห้อยที่หลัง หางส่ายไปมาด้านหลังเขา
“เจ้าพูดถูก ข้าอีกแล้ว” หลัวเฟิง พูดขึ้น
“เจ้า เจ้า เจ้า….” โมโลซ่า มองไปที่ หลัวเฟิง มันหงุดหงิด มันรู้ความสามารถของ หลัวเฟิง ก่อนหน้านี้ แม้ว่ามันจะพยายามหนีแต่ หลัวเฟิง ก็สามารถขังมันไว้ได้ทันที จากนั้นมันก็จะต้องใช้พลังไปจำนวนมากเพื่อใช้เทคนิคไม้ตายออกมาถึงจะหนีไปได้
โมโลซ่า ตะโกนออกมา “ทางช้างเผือก! อย่าฝืนไปเลย! เจ้ารู้ตัวเองว่า…ไม่มีทางที่จะจับข้าได้ อย่าคิดพึ่งโชค ถ้าข้าโกรธขึ้นมา ข้าจะทำให้เจ้ารู้สึกผิดกับการตัดสินใจครั้งนี้!”
“รู้สึกผิด?” หลัวเฟิง ยืนอยู่ในมิติที่ทุกอย่างอยู่ภายใต้การควบคุมของเขา ถ้าเขาได้ข้อมูลจาก โมโลซ่า ได้ งั้นมันก็ชัดแล้วว่า หลัวเฟิง เต็มใจจะฟังมัน
“เจ้าจะทำให้ข้ารู้สึกผิดยังไง?” หลัวเฟิง จงใจท้าทาย โมโลซ่า “เจ้าเพียงตัวเดียวเนี่ยรึ? เจ้าน่ะเทียบข้าไม่ได้ เผ่ามนุษย์คือเผ่าของจักรวาลหลัก เรามีเทพแท้จริงหลายคนที่จะไปยังจักรวาลย่อยของเผ่าเราตอนไหนก็ได้ เจ้าน่ะไม่มีโอกาสเลยแม้แต่น้อย”
โมโลซ่า พูดออกมาเบาๆ “ก็จริง ข้าเพียงลำพังไม่มีโอกาสแต่ถ้าข้านำกลุ่ม อสูรทลายมิติ มาที่นี่ล่ะ?”
หลัวเฟิง กลัวกับความคิดนี้ กลุ่ม อสูรทลายมิติ?
โอ้พระเจ้า…!
แค่ตัวเดียวก็เพียงพอจะสร้างความวุ่นวายไปทั่วทั้งทะเลจักรวาลแล้ว ถ้าทั้งกลุ่มโผล่มา มันก็คงเป็นฝันร้าย เทพแท้จริงสามารถก่อตั้งทีมขึ้นมาแต่ถ้า อสูรทลายมิติ ตั้งทีมบ้าง งั้นเทพแท้จริงจะสู้ได้ยังไง?
“เจ้าควรคิดถึงคำพูดข้า” โมโลซ่า พูดออกมาเบาๆ “ข้ามีความสามารถแบบนั้น”
นี่คือความจริง โมโลซ่า เป็นสิ่งมีชีวิตชั้นสูงที่เกิดขึ้นในทะเลจักรวาล หลังจากที่ อสูรทลายมิติ กว่าพันล้านตัวกำเนิดมา พันล้านตัวนี้ก็มีชะตาที่ต้องกินกันเองจนเหลือตัวเดียวที่รอด ตัวที่รอดนั้นจะได้เป็นราชาและมีสิทธิ์ที่จะเป็นตัวแทนแห่งการทำลายล้าง!
อสูรทลายมิติ ตัวสุดท้ายที่โชคดีรอดมาได้จะอยู่ระดับเดียวกับจักรวาลหลัก เพราะมันมีโชคชะตาที่ตัวเดียวจะรอดไปได้ เหล่า อสูรทลายมิติ จึงเกิดมามีความสามารถรับรู้กันได้ โมโลซ่า ก็ไม่ใช่ข้อยกเว้น หลังจากที่มันหนีไปได้ มันก็สามารถรู้ได้ว่า อสูรทลายมิติ ตัวอื่นอยู่ที่ไหน แม้ว่ามันจะหลงในทะเลจักรวาลแต่มันก็พึ่งการรับรู้กลับบ้านได้!
ไม่ใช่แค่รับรู้ถึงตัวอื่นแต่มันยังมีการสื่อสารทางจิตและสื่อสารกับวิญญาณอีกตัวได้ เพราะแบบนี้แม้ว่า อสูรทลายมิติ จงใจหลีกเลี่ยงการต่อสู้แต่ก็ไม่มีทางที่จะทำได้!
ภายในดินแดนแห่งความมืดมิด มันมี อสูรทลายมิติ ตัวอื่นที่ตรวจจับการหนีมาของโมโลซ่าได้ แต่ไม่มีสักตัวที่กังวล พวกมันแค่ต้องรอนานกว่าเดิมเพื่อจะกิน โมโลซ่า
“พวกนั้นไม่รู้ว่าจุดกำเนิดจักรวาลย่อยอร่อยแค่ไหนหรือกลืนกินมันจะช่วยเพิ่มพลัง ถ้าพวกนั้นรู้เข้า พวกนั้นต้องออกมาแน่” โมโลซ่า พึมพำกับตัวเอง “แต่นี่คือโอกาสอันล้ำค่า มันไม่มีทางที่ข้าจะยอมแพ้ จุดกำเนิดจักรวาลย่อยพวกนี้เป็นของข้า”
โมโลซ่า ไม่คิดจะแบ่งความลับนี้กับใคร ถ้ามันบอกตัวอื่นๆ งั้นมันก็ไม่ได้ทุกอย่างเป็นของตัวเอง แต่ถ้ามันถูกบังคับให้จนมุมโดย หลัวเฟิง และ เทพที่แท้จริงเก้ากว้างไกล ซึ่งไม่ใช่แค่ไม่อาจเพิ่งพลังตัวเองได้แต่พลังมันอาจจะลดลงด้วย งั้นมันก็จะบอก อสูรทลายมิติ ตัวอื่นๆ ในรังถึงทุกอย่างที่มันรู้ แม้ว่าส่วนใหญ่จะไม่เต็มใจอกมาจากรังแต่ โมโลซ่า เดาว่าก็ยังมีหลายตัวที่เจอช่วงเวลาที่ยากลำบากในรังเต็มใจที่จะออกมา
****
หลัวเฟิง ย้ำในใจ จากนั้นเขาก็แค่นเสียงและพูดขึ้น “โอ้? เจ้าตั้งใจจะนำอสูรทลายมิติพวกนั้นรึ? อีกอย่างแล้ว…ในรังเจ้า มันมี อสูรทลายมิติ กี่ตัว? ถ้ามันแค่ร้อย ข้าก็ไม่สนใจหรอก”
“ฮ่า ฮ่า ถ้าเจ้าอยากรู้ข้อมูลมากกว่านี้ งั้นเจ้าก็ควรไปดูเอง ไปที่รัง อสูรทลายมิติ สิ เจ้าไม่ควรทำตัวแบบสองคนขี้ขลาดก่อนหน้านี้ที่อยู่แต่เพียงชายแดน พวกเขากลัวจนต้องหนี เดินทางเข้าไปในส่วนลึกของรังหากเจ้ามีความกล้าพอ”
ตอนที่ โมโลซ่า พูดมานั้น หง ที่อยู่ในหอคอยดวงดาวคิ้วขมวดขึ้นมา ขี้ขลาด?
จากสองคนที่เข้าไปที่รังนั้น เขาคือหนึ่งในนั้น!
“เพราะเจ้าไม่มีอย่างอื่นจะพูดแล้ว งั้นก็มาสู้กัน” หลัวเฟิง ต้องการลงมือทันที
“หยุด!” โมโลซ่า พูดขึ้นด้วยสีหน้าที่เปลี่ยนไป ทุกครั้งที่สู้กันมันต้องใช้เวลานานกว่าจะฟื้นฟูพลังตัวเองได้ มันไม่อยากจะสู้กับ หลัวเฟิง ต่อ แต่มันกลับพูดให้หลัวเฟิง ฉุกคิด แม้ว่ามันจะแบ่งร่างและหนีไปได้ แต่ หลัวเฟิง ก็สามารถทำความเข้าใจมันได้ ดังนั้นมันจึงยื่นข้อเสนอทันที “ทางช้างเผือก มาตกลงกัน”
“ข้อตกลง?” หลัวเฟิง ยักคิ้ว
“ใช่!” โมโลซ่า ตอบกลับทันที “ข้าสาบานได้ ข้าจะไม่ลงมือกับเผ่ามนุษย์และจะไม่กลืนกินจุดกำเนิดจักรวาลย่อยของเจ้า แต่เจ้าห้ามทำให้ข้าตกที่นั่งลำบากเช่นกัน ฟังดูเป็นไง?”
หลัวเฟิง แค่นเสียง “คำสาบาน? มีประโยชน์อะไร?”
“ข้าสาบานภายใต้กฎ ด้วยกฎของทะเลจักรวาลที่เป็นพยาน ข้าขอสาบาน ตอนที่กฎส่งผ่าน…เจ้าจะตรวจจับได้เองและจากนั้นเจ้าจะเข้าใจว่าไม่มีทางที่ข้าจะผิดคำสาบานได้ ยังไงซะข้าก็เป็นสิ่งที่ถือกำเนิดขึ้นในทะเลจักรวาล ข้าเชื่อว่าเจ้ารู้จัก จักรพรรดิเจินเจี๋ย กับ บรรพบุรุษมังกรหินที่เลือกเข้าข้าง อสูรทลายมิติ”
โมโลซ่า รู้ความจริงว่าเผ่าอื่นๆ ในทะเลจักรวาลรู้ถึงตัวตนของสองคนนี้ เผ่าต่างๆ ในทะเลจักรวาลต่างก็ตัดทั้งสองทิ้งไปสักพักแล้ว
หลัวเฟิง พยักหน้า
“ทำไมพวกเขาถึงเชื่อว่าเรา อสูรทลายมิติ ถึงไม่ฆ่าพวกเขา? นี่เพราะ…คำสาบาน! สาบานภายใต้กฎ!” อสูรทลายมิติ พูดขึ้น
“คำสาบานที่มาจาก อสูรทลายมิติ อย่างเจ้าน่ะรึ? มันเป็นไปได้ยังไงที่จะแทน อสูรทลายมิติ ทั้งหมดได้?” หลัวเฟิง ส่ายหน้าไม่เชื่อ
“แน่นอนว่าไม่ได้ สำหรับคนที่ตัดสินใจที่จะเข้าร่วมกับ อสูรทลายมิติ นอกจากคำสาบานแล้วก็ยังมีทางอื่น…เอาสั้นๆ คือ อสูรทลายมิติ จะไม่โจมตีพวกเขาอีก” โมโลซ่า มองไปที่ หลัวเฟิง “ถ้าเจ้าเข้าข้างเรา ข้าจะให้เจ้าครอบครองพลังที่ต่างจากเดิมและในเรื่องวิกฤต อสูรทลายมิติ แล้ว ตราบใดที่เจ้ายอมให้กับเรา เจ้าก็จะเป็นส่วนหนึ่งกับเราและไม่ได้รับผลกระทบเลยแม้แต่น้อย”
หลัวเฟิง รู้ว่า อสูรทลายมิติ พูดถึงอะไร สิ่งที่เรียกว่าพลังที่ต่างออกไปคือพลังที่ เจ้าแห่งจักรวาลชั้นยอดสายฟ้ายิ่งใหญ่ มี มันคือพลังที่ อสูรทลายมิติ ครอบครองแต่ หลัวเฟิง รู้ความจริงว่าไม่มีอะไรได้มาฟรีๆ แม้แต่คนในตำนานของสังคมโบราณก็ยังบันทึกผู้ที่ทรงอำนาจที่ถูกทำลายไป แต่พวกเขาก็ไม่ได้เข้าร่วมกับ อสูรทลายมิติ จากจุดนี้เขาเดาได้ว่าการเข้าร่วมของ อสูรทลายมิติ นำไปสู่สถานการณ์อื่น เขาอาจจะกลายเป็นทาสที่ไม่มีพลังต่อต้านเลยแม้แต่น้อย
“หยุดไร้สาระ” หลัวเฟิง ตอบกลับอย่างเย็นชา
“มันไม่เป็นไรหากเจ้าไม่ต้องการ” โมโลซ่า พูดต่อ “งั้นเอาการที่ข้าไม่เป็นศัตรูกับเผ่ามนุษย์เป็นไง? มันไม่ดีรึไง?”
“แม้ว่าเจ้าจะซ่อนตัวจากเราได้แต่เจ้าก็ไม่อาจจะหลบซ่อนจาก อสูรทลายมิติ ตัวอื่นจากรังได้” หลัวเฟิง พูดต่อด้วยน้ำเสียงเย็นชา “เจ้าสามารถให้ อสูรทลายมิติ ทุกตัวสาบานได้รึเปล่าที่จะไม่ทำอะไรกับเผ่ามนุษย์?”
โมโลซ่า ผงะ มันจะเป็นไปได้ยังไง?
มันเหมือนกับ แบ๊ดดี้ ที่แข็งแก่รงมากขึ้น หลังจากที่กิน อสูรทลายมิติ ตัวอื่นๆ มันจะเป็นไปได้ยังไงที่จะปล่อยเผ่ามนุษย์ไป?
“ถ้าเป็นแบบนั้นก็จงเตรียมตัวพบกับความวิบัติ!” หลัวเฟิง ตะโกน แต่ หลัวเฟิง ไม่ได้ลงมือทันที เขาต้องการดูว่าจะมีทางอื่นที่บังคับให้ โมโลซ่า ให้ข้อมูลที่สำคัญกับเขาได้หรือเปล่า
“ทางช้างเผือก บัดซบ! เจ้าต้อนข้าจนมุม! ข้าจะไม่ไว้ชีวิตเจ้าอย่างแน่นอน!”
สุดท้าย โมโลซ่า ก็คลั่ง มันไม่ได้เจรจากับ หลัวเฟิง ต่อ มันคำรามและแผนภาพสลักก็ปรากฏขึ้นบนตัวมัน แผนภาพทั้ง 99 ได้ระเบิดออกและแบ่งเป็น 99 ส่วน จากนั้นมันก็เริ่มหนี
หลัวเฟิง มองตามแล้วแค่นเสียง ด้านในหอคอยดวงดาวซึ่งอยู่ไม่ไกลออกไป ร่างมหาสมุทรนั้นมีปีกสีเงิน 10 อันที่กางออกพร้อมกับพลังอมตะที่ได้ใช้ขั้น 3 ของ วูดูเหมย ออกมา…กำจัด เขาได้เผาร่างอมตะจนถึงขีดจำกัดและให้ปีกซื่อหวู๋ใช้ทักษะนี้ออกมา
เช้ง!
ในมิติมีหมอกขาวเริ่มเอ่อล้นในพื้นที่หลายปีแสง พื้นที่นี้แยกออกจากโลกภายนอกและมีแรงต้านไร้ขีดจำกัดห่อหุ้มส่วนนี้เอาไว้
ตอนนั้นแรงกดดันนี้สูงกว่าแรงของโลกหิมะซึ่งทำให้ทั้ง 99 ส่วนของ โมโลซ่า ช้าลงไป แม้ว่าความเร็วมันจะลดลงแต่มันก็ยังบินได้อยู่
“ยังบินได้อีกรึ?” หลัวเฟิง ในร่างโมชานสวมเกราะเทพวูฉีมองออกไปและส่ายหน้า เขาไม่ได้ใช้วิธีคล้ายกับจักรวาลโซ่ เขามีสิ่งที่ทรงพลังกว่านั้น “หอคอยดวงดาว!”
หลัวเฟิง ใช้ท่านี้ด้วยความคิด
ฮ่ง!
หอคอยดวงดาวได้ปล่อยพลังงงานอันรุนแรงออกมาซึ่งได้ห่อหุ้มพื้นที่หลายปีแสงเอาไว้ ทั้งพื้นที่โดนห่อหุ้มไว้ทันที
ฮัวะ! ฮัวะ! ฮัวะ!
ทางเข้าทั้งเก้าที่ฐานของหอคอยดวงดาวเหมือนกับน้ำวนที่ไร้ก้นคอยกลืนกินทุกอย่างด้วยความบ้าคลั่ง แรงกลืนกินนี้ก่อตัวขึ้นในแต่ละทางเข้าและเมื่อแรงทั้งเก้ารวมกันที่จุดเดียว พื้นที่หลายปีแสงนี้ก็กลายเป็นน้ำวน มันแข็งแก่งกว่า แค่คิดก็สร้างมิติ!
ตอนแรกมันยากที่ร่างทั้ง 99 จะเร่งความเร็วและบินออกไปแต่เมื่อเจอกับโลกน้ำวนของหอคอยดวงดาว มันก็เริ่มลดความเร็วลงอย่างมาก ทันใดนั้นแทนที่มันจะเดินหน้า มันกลับถอยหลังแทน