Skip to content

Swallowed Star 1433

ตอนที่ 1433 : เกิดใหม่

ฮ่ง! ล่ง! ล่ง!

พลังขั้น 9 ของน้ำวนรวมกันและพวกมันก็เริ่มกลืนกินทุกอย่าง เลือดสีดำจากแสงดาบได้โค้งตัวภายใต้พลังจากคลื่น มันถูกกลืนกินเข้าไปในประตูหนึ่งของหอคอยดวงดาว ยังไงซะแม้แต่ โมโลซ่า เองก็ยากจะยืนได้อย่างมั่นคงได้ ดังนั้นเลือดของมันก็ไม่อาจจะหนีไปได้!

“เลือดของ อสูรทลายมิติ!” หลัวเฟิง ดีใจขึ้นมา “ข้าได้ศึกษาโครงสร้างชีวิต ดังนั้นข้าจึงต้องการเลือดและผิวของตัวตนยิ่งใหญ่ ข้าได้รับเลือดและผิวจากโลกแห่งจินมาจำนวนมาก และพวกมันก็ช่วยข้าได้อย่างมากแต่ข้าติดอยู่ที่ระดับ 89,999 เท่าและไม่อาจจะก้าวข้ามขั้นสุดท้ายไปได้ ข้าหวังว่าเลือดของ อสูรทลายมิติ นี้จะช่วยได้”

หลัวเฟิง คาดหวังแต่จากนั้นเขาก็สลัดความคิดทุกอย่างทิ้ง การศึกษาเลือดและทำความเข้าใจโครงสร้างชีวิตนั้นคือเรื่องที่ต้องกังวลในอนาคต สิ่งที่สำคัญที่สุดตอนนี้คือฆ่า อสูรทลายมิติ!

****

มันมีรูที่อกของ อสูรทลายมิติ เลือดสีดำไหลออกมาแต่แผลของมันก็ฟื้นฟูทันที โมโลซ่า มองไปที่ หลัวเฟิง ที่อยู่ไกลออกไปและคำรามออกมา “ตั้งแต่ที่ข้าเข้าขั้นที่สาม นอกจาก แบ๊ดดี้ แล้ว ไม่มีใครทำให้ข้าเลือดไหลได้! ไม่มี! สิ่งมีชีวิตต่ำต้อยจากทะเลจักรวาล เจ้านั้นล่วงเกินข้า นอกจาก แบ๊ดดี้ แล้ว ข้าต้องการให้เจ้าตายมากกว่าใคร ข้าจะฆ่าเจ้า! ฆ่าเจ้า!”

ความคิดต่างๆ ไหลเข้ามาในหัวของ หลัวเฟิง เข้าสู่ขั้น 3?

มันมีระดับต่างกันในหมู่ อสูรทลายมิติ ด้วยรึ?

แบ๊ดดี้?

มันไม่มีเทพแท้จริงที่ชื่อ แบ๊ดดี้ ในทะเลจักรวาล งั้น แบ๊ดดี้ ก็เป็น อสูรทลายมิติ ด้วยรึ?

“สิ่งมีชีวิตที่ต่ำต้อยของทะเลจักรวาล? เจ้าไม่ได้มาจากทะเลจักรวาลรึไง?” หลัวเฟิงเย้ยกลับและพุ่งเข้าหา โมโลซ่า อีกครั้ง “เจ้าอยากให้ข้าตาย? งั้นข้าจะฆ่าเจ้าซะเดี๋ยวนี้!”

ฮัวะ! ฮัวะ! ฮัวะ!

หลัวเฟิง ขยับอย่างรวดเร็วจนเหมือนว่าเขาหายตัวไป คลื่นสีทองปรากฏขึ้นรอบตัวเขา ห่อหุ้ม โมโลซ่า ซึ่งมันก็ไม่อาจจะหลบได้ คลื่นดาบได้กลืนกินพลังของ อสูรทลายมิติ อย่างต่อเนื่องซึ่งทำให้ โมโลซ่า อ่อนแอลงเรื่อยๆ

“ไม่! หยุด ทางช้างเผือก!” โมโลซ่า ตะโกนขึ้นมา

“ทำไมข้าถึงต้องหยุด?”

เสียงของ โมโลซ่า ดังขึ้นมาจากทะเลคลื่นสีทองรอบตัวมัน มันยังคงตะโกนต่อไป “อย่ากดดันข้า! ข้าจะบอกเจ้าอีกครั้ง อย่ากดดันข้านัก! ถ้าเจ้ายังกดดันข้าต่อ มันก็ไม่มีทางที่จะประนีประนอมได้อีกแล้ว เราจะสู้กันจนตัวตาย”

“เราน่ะสู้กันแบบนั้นอยู่แล้ว” เสียงหนึ่งดังขึ้นมาจากคลื่นสีทองและคลื่นดาบนับไม่ถ้วนก็ยังคงเผาพลังของ อสูรทลายมิติ ที่ตอนนี้เสียพลังไปมากกว่าครึ่งตั้งแต่เริ่มการต่อสู้นี้

“ได้! มนุษย์!” ตาทั้งสองข้างของ โมโลซ่า แสดงท่าทีสิ้นหวังและมันได้ตะโกนออกมา “มันเป็นเจ้า! เจ้าชิงโอกาสที่ข้าจะได้เป็นราชาไป! มันเป็นเพราะเจ้า! เจ้า!”

หลัวเฟิง ที่ทำการโจมตีเริ่มรู้สึกผิดปกติ

“เผาไหม้!” โมโลซ่า ตะโกนออกมา มันเจ็บปวด!

มันโกรธกว่าการที่นักรบโดนตัดแขนทิ้ง น้ำตาสีดำของมันไหลออกมาจากตาทั้งสองของมัน มันดูคลั่งและไม่พอใจ

ฮ่ง!

อยู่ๆ ก็มีเสียงระเบิดดังขึ้นจากร่างของ โมโลซ่า และพลังที่มองไม่เห็นก็แผ่ออกมาจากตัวมันทำให้ หลัวเฟิง กระเด็นออกไป ในเวลาเดียวกันแสงหลากสีก็พุ่งออกมาจากร่าง โมโลซ่า แสงนี้ดูพร่ามัว มันมีแสงที่งดงามน่าทึ่งกว่าสายรุ้ง มันส่องประกายออกมาจากตัว โมโลซ่า

“อะไรกัน?” หลัวเฟิง รู้สึกหวั่นใจขึ้นมา

พลังจากสายรุ้งไม่ได้แข็งแกร่งแต่ หลัวเฟิง รู้สึกได้อย่างชัดเจนว่าการควบคุมมิติของเทคนิคตัวเองนั้นอ่อนแอลง เอาตามตรงคือมีพลังจิตอีกอันที่ต่อสู้ในการควบคุมมิติ!

แค่คิดก็สร้างมิตินี้คือการควบคุมของจริงและมันไม่ได้รับมาจากจักรวาลดั้งเดิมควบคุมเด็ดขาด!

ภายใต้การควบคุม, เทเลพอร์ท, เคลื่อนย้ายและทักษะอื่นๆ ต่างก็ถูกปิดกั้น ถ้าใครต้องการสู้กับเขาเพื่อแย่งสิทธิ์ควบคุม คนนั้นต้องรู้จักแค่คิดก็สร้างมิติ จากนั้นก็ต้องมีทักษะที่ดีกว่าเพื่อแย่งสิทธิ์นี้ไป หรือถ้าใครได้กลายเป็นเทพแท้จริงนิรันดร์และจักรวาลสร้างขึ้นมาได้ด้วยความคิด งั้นมันก็ง่ายที่จะแย่งสิทธิ์ควบคุมไป แต่แสงหลากสีที่มาจากร่างของ อสูรทลายมิติ ที่พยายามจะแย่งสิทธิ์ในการควบคุมมิตินี้

ฮัวะ! ฮัวะ! ฮัวะ!

มันดูน่าอึดอัด มันเหมือนราวเป็นแสงที่งดงามที่สุดในจักรวาล แสงนี้ได้สร้างประตูพลังงาน และประตูหลากสีนั้นก็เริ่มสั่นไหว ปรากฏว่าภายใต้การสยบจากแค่คิดก็สร้างมิติ มันเหมือนว่ามันจะพังลงตอนไหนก็ได้ ประตูสีนั้นไม่อาจจะทะลุผ่านพื้นที่ของแค่คิดก็สร้างมิติได้

“เผาไหม้อีก!” โมโลซ่า ตะโกนออกมาด้วยความเจ็บปวด “หลัวเฟิง เจ้าจะรู้สึกผิดเรื่องนี้! ข้าได้ใช้เวลาไปทั้งชีวิตกว่าจะมาถึงระดับ 3 ได้แต่เจ้าทำให้ข้าต้องถดถอยไปอีกระดับ…ข้าจะแก้แค้นให้ตัวเอง! ข้าจะแก้แค้น! ข้าจะทำให้เจ้ารู้สึกผิดในเรื่องนี้!”

ฮัวะ!

สีที่หนาแน่นพุ่งออกมาจากร่างมันอีกครั้งเข้ารวมกับประตูสี นี่คือการควบคุมเหนือเวลา โลกน้ำวนของ หลัวเฟิง ไม่อาจจะทำอะไรมันได้ ดังนั้นจึงมีแค่แค่คิดก็สร้างมิติที่สามารถจะสยบมันได้ ตอนนี้ โมโลซ่า อ่อนแอ และพลังของมันก็เหลือน้อยนิด

หลัวเฟิง ถึงกับรู้สึกว่าเขาสามารถฆ่า โมโลซ่า ได้ด้วยการลงมือครั้งเดียวแต่แสงหลากสีที่ห่อหุ้มตัว โมโลซ่า อยู่ เขาไม่อาจจะโจมตีและทำลายประตูสีได้ ดังนั้นเขาจึงได้แต่ใช้แค่คิดก็สร้างมิติเพื่อสยบมัน

“ทลาย!” หลัวเฟิง ยังคงทำการสยบต่อและในเวลาเดียวกันเขาก็ได้ทำการโจมตีไปที่ประตูสี ประตูนั้นสั่นไหวราวกับว่าจะพังลงตอนไหนก็ได้

ฮัวะ!

โมโลซ่า เปลี่ยนเป็นลำแสงและหายไปผ่านประตูสี ในตอนที่มันหายไปนั้น…

เพล้ง!

ประตูสีเองก็แตกตัวออกจนไม่เหลืออะไร

****

ไม่มันไม่มีการต่อสู้ของคลื่นในมิติอีกต่อไป มันมีแค่โลกน้ำวนกับแค่คิดก็สร้างมิติที่ยังคงใช้การออกมาอยู่ หลัวเฟิง พบว่ามันยากที่จะเชื่อได้ อสูรทลายมิติ ยังคงหนีไปได้แม้ว่าเขาจะได้เปรียบอย่างมากก็ตามงั้นรึ?

“กลับมา”

หลัวเฟิง โบกมือและอยู่ๆ ทั้งโลกน้ำวนและแค่คิดก็สร้างมิติก็หายไป

“ข้าล้มเหลว ล้มเหลวอีกแล้ว” หลัวเฟิง ส่ายหน้า

เขาได้ใช้พลังทั้งหมดของตัวเองในการต่อสู้ครั้งนี้ นอกจากนี้แล้วคนอย่าง ดวงตาศักดิ์สิทธิ์ และ ผู้นำเมืองแห่งความโกลาหล ต่างก็รู้ว่ามันคือทีมหอคอยดวงดาว ดังนั้นบางทีเทพแท้จริงหลายคนในทะเลจักรวาลจึงคาดหวังกับผลลัพธ์ครั้งนี้ ความล้มเหลวในครั้งที่แล้วเป็นผลกระทบครั้งใหญ่ต่อทะเลจักรวาล ความล้มเหลวครั้งนี้ถือว่าเป็นฝันร้ายสำหรับทะเลจักรวาล

“ด้วยการผนึกมิติและแค่คิดก็สร้างมิติ มันใช้เทคนิคแบบรูหนอนและเทเลพอร์ทตัวเองออกไปได้ยังไง?” หลัวเฟิง สับสน “แม้ว่ามันจะดูเหมือนรูหนอนแต่มันเหมือนกับประตูจักรวาลมากกว่า!”

ทั้งการเคลื่อนย้ายเทพและการเคลื่อนย้ายมิติ สามารถเคลื่อนย้ายคนจากจุดหนึ่งไปอีกจุดได้ทันที มีแค่ประตูจักรวาลที่เหมือนกับประตู แสงหลากสีนั้นคือประตู!

“นอกจากนี้หลังจากที่สู้กับ อสูรทลายมิติ อีกครั้ง ข้ายังทำให้มันบาดเจ็บถึงสองครั้ง และ เทพที่แท้จริงเก้ากว้างไกล เองก็ทำให้มันบาดเจ็บไปอย่างมากแต่มันก็สามารถฟื้นฟูตัวเองได้ในไม่ช้า หลัวเฟิง คิด มันถูกต้อนจนมุม พลังงานครึ่งหนึ่งของมันถูกใช้ไปมันก็ได้ใช้แสงสีแดงนั้นอยู่นาน ดูเหมือนว่ามันจะไม่ต้องการใช้ประตูสีนั่น นอกจากนี้แล้วมันก็ยังขู่ข้า มันต้องการจะเจรจาและขู่ข้าแต่มันไม่ต้องการใช้ท่านั่น”

หลัวเฟิง บอกได้ว่า โมโลซ่า อยู่ในความสิ้นหวังตอนที่ใช้ประตูสีออกมาและเขาบอกได้ถึงความบ้าคลั่งและสิ้นหวังจากเสียงตะโกนของมัน

“มันยังบอกว่าได้ถดถอยไประดับหนึ่งจากระดับ 3”

หลัวเฟิง คิด ระดับ 3?

จากระดับ 3 ไม่มีใครเคยทำให้มันเลือดไหลได้เลยนอกจาก แบ๊ดดี้?

มันต้องหมายความว่า อสูรทลายมิติ นั่นได้เข้าสู่ระดับ 3 ตอนที่อยู่ในรัง แม้ว่ามันจะกินจุดกำเนิดจักรวาลย่อยไปมากมายในทะเลจักรวาลแต่มันก็ยังอยู่ที่ระดับ 3

ระดับ 3?

หลัวเฟิง คิด มันอาจจะสู้และกิน อสูรทลายมิติ ตัวอื่นๆ ในรังเพื่อพัฒนาพลังของตัวเอง มันหมายความว่าแค่กิน อสูรทลายมิติ ตัวอื่นถึงทำให้มันพัฒนาพลังมาถึงระดับ 3 ได้รึ?

มันคือการเปลี่ยนแปลงพื้นฐาน?

มันบอกว่ามันถดถอยไประดับหนึ่ง มันคงเป็นราคาของการใช้ประตูสีนั่น

หลัวเฟิง เข้าใจแล้ว ระดับ 3 หมายถึงช่วงที่ อสูรทลายมิติ เติบโต และการเติบโตแบบนี้ อสูรทลายมิติ ต้องกินกันเพื่อการเติบโตเพราะมันคือแก่นพลังานของ อสูรทลายมิติ สำหรับพลังอื่นๆ ในระหว่างที่สู้ มันสามารถฟื้นฟูได้ แม้ว่าจะถูกใช้ไปแต่แก่นพลังงานไม่อาจจะฟื้นฟูขึ้นมาได้ ไม่งั้นแล้ว โมโลซ่า คงไม่คลั่งแบบนี้

****

อสูรทลายมิติ น่าเกลียดตัวหนึ่งโผล่มาในอากาศที่ปั่นป่วนไกลออกไป

โมโลซ่า ไม่ได้มั่นใจแบบเดิมอีกต่อไป มันอ่อนแอ, เศร้าและสิ้นหวัง

“ตอน อสูรทลายมิติ เป็นล้านล้านตัวกำเนิดมา ทุกตัวอยู่ที่ระดับ 1 และข้าก็เป็นแค่หนึ่งในนั้น ข้าพยายามและดิ้นรนรวมถึงกิน อสูรทลายมิติ ตัวอื่นๆ ข้าได้กินพลังของ อสูรทลายมิติ ตัวอื่นมาและเข้าถึงระดับ 2…และ 3! แม้แต่ แบ๊ดดี้ ก็อยู่แค่ระดับ 3 ถ้าข้ากินจุดกำเนิดจักรวาลย่อยได้มากพอและขึ้นถึงขั้นสูงสุดของระดับ 3 ได้ ข้าก็จะกลายเป็นราชาแต่ข้าดันกลับมาอยู่ในสภาพเกิดใหม่”

โมโลซ่า คิดว่าการมายังทะเลจักรวาลคือโอกาสครั้งใหญ่ของมันแต่ตอนนี้มันกลับเป็นภัยพิบัติ

ใส่ความเห็น

อีเมลของคุณจะไม่แสดงให้คนอื่นเห็น ช่องข้อมูลจำเป็นถูกทำเครื่องหมาย *

error: Content is protected !!
Exit mobile version