ตอนที่ 1453 : ประเมินค่าสมบัติ
“นานแบบนั้นเลยรึ?” หลัวเฟิง คิ้วขมวดและขบคิด
ก็จริง จันทราม่วง นั้นเป็นเทพแท้จริงมิติที่มีจักรวาลย่อยใหญ่กว่าเขา!
โมโลซ่าตอนนี้อยู่แค่ระดับ 2 ความเร็วในการกินนั้นช้ากว่าแต่ก่อนมาก อันที่จริงมันต้องใช้เวลาประมาณแสนปี
“นายท่าน ท่านต้องการให้ข้ากินจุดกำเนิดของเขารึ?” โมโลซ่า ถามด้วยความตื่นเต้น
หลัวเฟิง ส่ายหน้า “ตอนนี้ช่างมันไปก่อน เราจะปล่อยให้เขามีชีวิตที่สุขสบายไปต่ออีกนิด หากข้าอยู่ในรังของ อสูรทลายมิติ มันมีศัตรูอยู่ทั่วทุกที่ มันไม่มีทางที่ข้าจะอยู่รอดได้นาน หลังจากที่ใช้เวลาที่นั่นหนึ่งปี ข้าจะต้องออกมาจากที่นั่น หากข้าอยู่ที่นั่นได้สัก 100 ปี มันก็ถือว่าเกินคาด…โมโลซ่า เจ้าต้องอยู่ในจักรวาลย่อยของข้า รอไปก่อน รอคำสั่งจากข้า”
“เข้าใจแล้ว”
หลัวเฟิง ต้องการที่จะทำลายดินแดนศักดิ์สิทธิ์จันทราม่วง วิกฤต อสูรทลายมิติ คือความสำคัญสูงสุดของมัน
จากด้านในหอคอยดวงดาว หลัวเฟิง ได้มองไปยังมิติด้านนอก เขามองไปยังดินแดนศักดิ์สิทธิ์จันทราม่วงแล้วพึมพำ กับตัวเอง “ตอนนี้เวลาคือสิ่งสำคัญ ข้าไม่ต้องการเสียเวลาไปกับเจ้า…ตอนที่ข้าจัดการเรื่องสำคัญเสร็จ มันก็ยังไม่สายที่จะกำจัดเจ้า”
สำหรับความล้มเหลว?
หลัวเฟิง ไม่ได้คิดอะไรมาก ถ้าเขาล้มเหลวและจักรวาลย่อยของเขาโดนกิน ทุกอย่างก็จะถูกทำลาย จากนั้นดินแดนศักดิ์สิทธิ์จันทราม่วงก็จะถือว่าเป็นเรื่องเล็กสำหรับเขา นอกจากนี้แล้วถ้ามีการกำจัดครั้งใหญ่ งั้นที่นี่ก็ต้องโดนทำลายไปด้วย ยังไงซะ อสูรทลายมิติ ก็ไม่รับดินแดนศักดิ์สิทธิ์จันทราม่วงเข้าพวก แม้ว่าดินแดนศักดิ์สิทธิ์จันทราม่วงจะขอเข้าร่วมด้วยก็ตาม ดินแดนศักดิ์สิทธิ์จันทราม่วงไม่ได้เป็นคู่ต่อสู้ที่เป็นภัยเลยและดินแดนศักดิ์สิทธิ์ที่ใหญ่แบบนี้ก็เป็นอาหารอันโอชะ ทำไม อสูรทลายมิติ ต้องยอมทิ้งอาหารดีๆ แบบนี้ด้วย?
ฉัวะ!
หอคอยดวงดาวทำการเทเลพอร์ทและเดินหน้าต่อไปยังโลกแห่งจิน
****
ผ่านไปครึ่งวัน หลัวเฟิง ที่อยู่ในหอคอยดวงดาวก็ได้เข้าไปในร่างราชาจิน เขาได้ไปถึงด้านนอกจักรวาลย่อยของโลกแห่งจินและรอคอยอยู่เงียบๆ เขารอตอนที่ชั้นหุ้มนั้นเริ่มจะเปลี่ยนเป็นสีขาว
เวลาผ่านพ้นไปถึงครึ่งเดือน
“มันเปลี่ยนแล้ว”
หลัวเฟิง มองออกไป ชั้นหุ้มได้เปลี่ยนเป็นสีขาว สิ่งที่ต่างจากก่อนหน้านี้คือหลังจากผ่านไปล้านล้านยุค จำนวนคนที่เข้าไปในโลกแห่งจินก็น้อยลงเพราะทุกคนนั้นได้รับสมบติมาแล้ว ส่วนมากก็ได้สิ่งที่ตัวเองต้องการไป พวกคนที่ไม่แข็งแกร่งพอจะต้องถอยกลับมาไม่งั้นจะถูกกำจัด
จำนวนคนที่เข้าไปลดลงเรื่อยๆ มันอาจจะมีคนแข็งแกร่งที่เข้าไปในโลกแห่งจินนานๆ ครั้งและพวกหน้าใหม่ก็เป็น เจ้าแห่งจักรวาล ที่อยากเข้าไปผจญภัย ครั้งนี้นอกจาก หลัวเฟิง แล้วไม่มีคนอื่นเลย
ซู่!
หอคอยดวงดาวบินออกไปทะลุชั้นหุ้มและเข้าไปในโลกแห่งจินอย่างรวดเร็ว
รอบตัวนั้นมีแต่หมู่เมฆ หอคอยดวงดาวพุ่งผ่านทะลุเมฆหมอกเข้าไป ไม่ไกลจากนั้นมีเรือจอดรอท่ามกลางหมู่เมฆ
“เก็บ” หลัวเฟิง ชุดขาวปรากฏตัวขึ้นมา หอคอยดวงดาวลงมาที่ฝ่ามือของเขาและจากนั้นประตูเรือก็เปิดออกเพื่อต้อนรับเขา
เรือนี้ควบคุมโดยร่างพลังอมตะที่เขาทิ้งไว้ในโลกแห่งจิน เป็นธรรมดาที่มันจะเอาสมบัติมากับตัวมากมาย
ในเรือนั้นร่างพลังอมตะนั่งอยู่ที่มุม พื้นที่ข้างๆ ร่างนั้นมีสมบัติกองอยู่มากมาย ส่วนมากแล้วเป็นสมบัติเครื่องจักร มันยังมีสมบัติเพื่อฟื้นฟูด้วย
ฮัวะ!
ตอนที่ หลัวเฟิง โบกมือ เขาก็เก็บสมบัติทั้งหมดไปทันที
“ด้วยสมบัติเหล่านี้ ตอนที่สู้กับ อสูรทลายมิติ…ความสำเร็จก็อยู่แค่เอื้อม” หลัวเฟิงเผยรอยยิ้มออกมาเล็กน้อย
ในเวลาเดียวกันก็มีความคิดหนึ่งโผล่มาในหัว จากนั้นแหวนกองทัพก็ได้ทำงานทันที ทันใดนั้นรอบตัวเขาก็เปลี่ยนเป็นหน่วยอาวุธ หากใช้แหวนนี้ไม่ว่าที่ไหนก็ตามในโลกแห่งจินจะสามารถเข้ามาในหน่วยอาวุธได้ทันที นี่คือข้อดีของแหวน แต่นักรบทั่วไปไม่ได้มีสิทธิ์ที่จะเป็นเจ้าของแหวนนี้
ฮัวะ!
มันมีการเปลี่ยนแปลงในมิติรอบตัว จากนั้นร่างสีทองก็ลอยลงมาจากฟ้า
“เทพ ทางช้างเผือก” ร่างสีทองทักทาย
หลัวเฟิง พยักหน้า “ช่วยข้าประเมินสมบัติพวกนี้หน่อย”
ลำแสงส่องประกายจากตัว หลัวเฟิง มันมีปีกห้าคู่ที่กางออกแผ่แรงไร้ขีดจำกัดออกมา นี่คือหนึ่งในสมบัติที่สำคัญที่สุดของ หลัวเฟิง ปีกซื่อหวู๋ นี่คือหนึ่งในสมบัติชิ้นแรกๆ ของหลัวเฟิง เขาได้มันมานานแล้ว เมื่อรวมส่วนประกอบต่างๆ เข้าด้วยกัน พลังของมันก็สูงเกินสมบัติชิ้นไหนๆ ที่เขาได้มาจากโลกแห่งจิน
แต่ตลอดเวลานี้หอคอยดวงดาวและปีกซื่อหวู๋ไม่ได้รับการประเมินตอนที่อยู่ในโลกแห่งจิน ครั้งนี้เพราะ หลัวเฟิง มาที่นี่พร้อมกับสมบัติจำนวนมาก เขาจึงตัดสินใจที่จะประเมินมันด้วย แน่นอนว่า หลัวเฟิง รู้สึกว่าหอคอยดวงดาวและปีกซื่อหวู๋นั้นเหนือกว่า
เทพวูฉี
“เข้าใจแล้ว” ร่างสีทองตอบกลับด้วยความเคารพ
หึ่ง!
ตาทั้งสองข้างของร่างสีทองยิงลำแสงสีทองออกมาห่อหุ้มปีก ลำแสงนั้นอาบไปทั่วทุกจุดของปีก
แกร๊ง!
ร่างสีทองยิงลำแสงนับไม่ถ้วนออกมาจากตัวห่อหุ้มทุกส่วนนของปีกเอาไว้แล้วทำการสำรวจอย่างถี่ถ้วน
****
ภายในหุบเขาราชาเทพที่ด้านบนของหอคอยวูฉี
ตอนนั้นสติของราชาจินอยู่ๆ ก็หันกลับมาและแสดงสีหน้าครุ่นคิดมองออกไปยังทิศทางหนึ่ง ทางที่ หลัวเฟิง ทำการประเมินสมบัติอยู่
“ทางช้างเผือก?” ราชาจินช็อก “นอกจากสมบัติจากราชวงศ์จินแล้ว ข้าไม่คิดว่าเขาจะมีสมบัติจากราชวงศ์วูด้วย…ดูเหมือนว่าเขาจะมีประสบการณ์อันโดดเด่น…”
“แต่…” ราชาจินยิ้ม “มันจะดีกว่าหากเขาแข็งแกร่งขึ้นและมีภูมิหลังที่ซับซ้อน…”
****
หลัวเฟิง รอคอยอย่างคาดหวัง จนถึงตอนนี้เขาก็ยังไม่รู้ว่าปีกซื่อหวู๋แท้จริงแล้วมาจากไหนกันแน่
สำหรับการค้นหาข้อมูลในโลกแห่งจินน่ะรึ?
จำนวนข้อมูลในคลังนั้นมหาศาล หลัวเฟิงไม่ได้มีแรงพอที่จะสำรวจทุกอย่างได้ เขาเอาแต่ข้อมูลสำคัญเกี่ยวกับการสืบทอด และนั่นก็ถือว่าเพียงพอสำหรับเขาแล้ว
“เทพ ทางช้างเผือก” ร่างสีทองดึงลำแสงทั้งหมดกลับ จากนั้นก็พูดด้วยความเคารพ “ปีกนี้เป็นสมบัติเครื่องจักร ดูเหมือนว่ามันจะเป็นของชนเผ่าวูที่โดนทำลาย และชื่อเดิมของมันก็คือปีกทองปั่นป่วน”
“ชนเผ่าวูที่โดนทำลาย? ปีกทองปั่นป่วน?” หลัวเฟิง ผงะ
ปีกซื่อหวู๋ของเขามาจากชนเผ่าวู?
สายน้ำวูดูวง ก็รู้จักกันในชื่อสายน้ำวูดูวง…แต่ตอนนี้จากที่ฟังดูแล้ว ชนเผ่าวูนั้นโดนทำลายไปนานแล้ว
ทำไมอาจารย์เขา ผู้นำเมืองแห่งความโกลาหล ถึงได้ตั้งชื่อมันว่าปีกซื่อหวู๋ทั้งๆ ที่สมบัตินี้ก็มาจากชนเผ่าวู?
ดูเหมือนว่าอาจารย์จะรู้บางอย่างที่ส่งผลดีต่อเขาตอนที่เขาพบส่วนประกอบของปีกซื่อหวู๋ในตอนแรก ดังนั้นตอนที่อาจารย์คิดถึงชื่อปีก เขาก็รวมตัวอักษร ‘วู’ เข้ากับชื่อปีกนี้ด้วย
“ปีกทองปั่นป่วนมีทั้งหมด 6 คู่” ร่างสีทองพูดขึ้น “ตอนนี้มันมีอยู่ 5 คู่ ดังนั้นมันจึงถือว่ายังไม่สมบูรณ์ มันยังขาดคู่ที่ 6 ไป”
“ก่อนที่มันจะถูกทำลาย” ร่างสีทองพูดต่อด้วยน้ำเสียงเคารพ “ชนเผ่าวูในระหว่างที่รุ่งเรืองที่สุดแข็งแกร่งกว่าโลกแห่งจินเล็กน้อย ชนเผ่าวูนั้นเด่นเรื่องการสร้างสมบัติเครื่องจักร ในการต่อสู้ของสังคมโบราณ ผลลัพธ์นั้นขึ้นอยู่กับกองทัพ กองทัพที่มีสมบัติเครื่องจักรจำนวนมาก…สามารถที่จะโจมตีที่ทรงพลังจนแม้แต่พวกที่ถือว่าเป็นตัวตนศักดิ์สิทธิ์ก็ยังต้องหลีกเลี่ยงการโจมตีของพวกนั้น”
หลัวเฟิง พยักหน้าและครุ่นคิด เขารู้เรื่องนี้อยู่แล้ว
ความสามารถนั้นแยกไปตามระดับดังนี้ เทพแท้จริง, เทพแท้จริงมิติ, เทพแท้จริงนิรันดร์ และราชาเทพ!
ราชาจินนั้นอยูในระดับสุดท้ายและแข็งแกร่งพอที่จะสร้างจักรวาลย่อยของตัวเองขึ้นมาได้ บรรพบุรุษสามรุ่นของสายน้ำวูดูวง ก็อยู่ในระดับนี้ ซึ่งอยู่จุดสูงสุดของสังคมโบราณ ราชาแผนของเกมวางแผนก็อยู่ในระดับนี้ด้วย ตราบใดที่มาถึงระดับนี้ได้ เขาจะสร้างจักรวาลของตัวเองและกลายเป็นผู้นำของสังคมโบราณได้ การสร้างขุมกำลังขึ้นมาจะทำให้เกิดการสร้างชนเผ่าจากการต่อสู้ของสุดยอดขุมกำลังในสังคมโบราณที่ หลัวเฟิง รู้มา ระดับสูงสุดของขุมกำลังนั้นคือราชาเทพ ก็คล้ายกับชนเผ่า ‘ชิ’ ที่ก่อตั้งขึ้นโดยผู้ยิ่งใหญ่ทั้งสาม ทุกคนต่างก็เป็นราชาเทพและมีพลังที่แข็งแกร่งพอที่จะทำลายโลกแห่งจินได้
“นักรบในกองทัพนั้นมีเป็นพันล้าน” หลัวเฟิง พึมพำกับตัวเอง “การพึ่งสมบัติเครื่องจักร แม้แต่ตัวตนระดับศักดิ์สิทธิ์ก็ไม่อาจจะถูกหยุดยั้งได้นอกซะจากว่าราชาเทพปรากฏตัว แต่ตอนที่ราชาเทพต่อสู้…มันจะเท่ากับการต่อสู้ระหว่างชนเผ่า การต่อสู้เอาเป็นเอาตาย”
ร่างสีทองพูดต่อ “ภายในกองทัพสมบัติหลักมีการจำแนก มันก็เหมือนกับโลกแห่งจิน มันมีสมบัติร่างเดียวมากกว่า ปีกทองปั่นป่วนถือว่าเป็นหนึ่งในสมบัติโบราณที่โดดเด่น!”
“สมบัติที่โดดเด่นจากสังคมโบราณ?” หลัวเฟิง ผงะ
“สมบติเครื่องจักรไม่ได้มีประโยชน์อะไรมากกับพวกระดับศักดิ์สิทธิ์” ร่างสีทองพูดขึ้น “สำหรับราชาจินแล้ว พวกมันไร้ประโยชน์ สำหรับสมบัติเครื่องจักรที่ถูกใช้โดยเทพแท้จริงนิรันดร์ บางส่วนเป็นสมบัติเครื่องจักรขั้นสูงสุด ปีกทองปั่นป่วนนี้เป็นสมบัติเครื่องจักรที่ชนเผ่าวูสร้างมาให้กับเทพแท้จริงนิรันดร์โดยเฉพาะ”
หลัวเฟิง ตาเป็นประกายขึ้นมาเมื่อได้ยินแบบนั้น
“ปีกทองปั่นป่วนประกอบไปด้วย 6 คู่และความสามารถของมันก็แตกต่างกันไป” ร่างทองพูดต่อ “ปีกคู่แรกจะทำให้คนเราใช้มิติและเวลาเร่งความเร็วในการหนีได้ ปีกคู่นี้ถูกใช้โดยอัจฉริยะบางส่วนจากสังคมโบราณ แม้แต่นักสู้อมตะและอัศวินก็สามารถใช้มันได้”
“ด้วยปีกคู่ที่สอง คนเราจะควบคุมมิติและเวลาได้! ปีกคู่นี้ถูกใช้โดย เจ้าแห่งกฎทั่วไป ปีกคู่ที่สามสามารถอ่านมิติได้ มันถูกใช้โดยเทพแท้จริงทั่วไป ปีกคู่ที่สี่สามารถสร้างมิติด้วยความคิด มันคือทักษะในการก่อตั้งจักรวาลย่อยของเทพแท้จริง ปีกคู่นี้ถูกใช้โดยเทพแท้จริงมิติทั่วไป ปีกคู่ที่ห้าใช้ไว้ควบคุมความวุ่นวาย นี่เป็นเหตุผลที่ได้ชื่อว่าปีกทองปั่นป่วน ปกติแล้วเทพแท้จริงนิรันดร์จะสามารถใช้ปีกคู่นี้ได้ จากนั้นด้วยพลังของมันแล้ว พวกเขาก็จะมีพลังหนึ่งของตัวตนศักดิ์สิทธิ์ ปีกคู่ที่หกใช้ไว้โจมตี! ปีกคู่นี้ร้ายกาจ พลังของมันแข็งแกร่งและอิงไปด้านกฎทองของความวุ่นวาย ปีกคู่นี้มีจุดกำเนิด ใจกลางของมันปลดปล่อยพลังต่อสู้อันแข็งแกร่งออกมาได้ จากสมบติร่างเดียวของชนเผ่าวู ปีกชุดนี้ถือว่าเป็นความสำเร็จสูงสุด!”
“เทียบกับสมบัติอื่นๆ ในสังคมโบราณแล้ว มันโดดเด่นที่สุด ด้วยความช่วยเหลือจากมันแล้วเทพแท้จริงนิรันดร์สามารถใช้พลังบางส่วนของตัวตนศักดิ์สิทธิ์ได้ แน่นอนว่าภาพสลักของมันจัดเรียงตามระดับตั้งแต่ต่ำไปสูง พวกที่มีพลังสูงหลังจากที่ใช้ภาพสลักเหล่านี้แล้ว พลังที่กักเก็บไว้ในจุดกำเนิดก็จะเพิ่มขึ้นไปด้วย พลังงานที่กักเก็บไว้ในจุดกำเนิดนั้นเท่ากับพลังงานสำรอง มันทำให้เทพแท้จริงนิรันดร์สู้ได้นานกว่าเดิม”
หลัวเฟิง อึ้ง
ตอนนี้เขาเข้าใจแล้ว ไม่แปลกใจเลยว่าพลังดาบที่มันปล่อยออกมาจากจุดกำเนิดถึงได้ทรงพลัง มันเพราะพลังที่ได้รับมาหลังจากที่ถูกใช้โดยเทพแท้จริงนิรันดร์
“ปีกคู่ที่สามทำให้อ่านมิติได้และถูกใช้โดยเทพแท้จริงทั่วไป…แต่ข้าไม่ใช่พวกทั่วไป ข้าสามารถใช้มันได้แม้แต่ตอนที่ข้าเป็น เจ้าแห่งจักรวาล” หลัวเฟิง ถอนหายใจ
ไม่แปลกใจเลยว่าเขาถึงได้ใช้เวลานานก่วาจะทำความเข้าใจขั้น 3 ของปีกซื่อหวู๋ “การออกแบบปีกนี้อย่างในปีกคู่ที่สามนั้นหมายความว่าจะต้องถูกใช้งานโดยเทพแท้จริง สำหรับข้าที่เป็น เจ้าแห่งจักรวาล ข้อกำหนดนั้นสูงเกินไป”
“ปีกคู่ที่สี่สามารถสร้างจักรวาลด้วยความคิด?” หลัวเฟิง พูดขึ้นด้วยความตื่นเต้น “ข้าอาจจะทำมันได้แต่ข้ารู้สึกว่ายังมีบางส่วนที่ไม่อาจจะทำให้มันสมบูรณ์ได้”
ส่วนที่ขาดหายไปนี้เหมือนกับเหวลึก มันยากที่จะก้าวข้ามไปได้ การไปยังรังของอสูรทลายมิติ ครั้งนี้อาจจะทำให้เขาก้าวข้ามมันไปได้
“ประเมินสมบัตินี้ให้ข้าด้วย” หลัวเฟิง พูดขึ้นมา
มีหอคอยเล็กๆ ปรากฏขึ้นมาในฝ่ามือของ หลัวเฟิง จากนั้นไม่นานหอคอยเก้าชั้นก็ได้ลอยออกไปกลางอากาศ มันคือหอคอยดวงดาว