ตอนที่ 649 ด้านนอกพระราชวัง
หลัวเฟิงมองไปยังสัตว์ประหลาดฮุ่ยสั่วที่กำลังนั่งยองๆ ในใจเขาคิดถึงทหารจักรวาล และผู้คนนับหมื่นล้าน ที่ต้องกลายเป็นขี้เถ้า
“มันเป็นชะตากรรมของพวกอ่อนแอ ที่จะต้องกลายเป็นทาส แม้ว่าจะ
เป็นอมตะ”
“ผมจะต้องแข็งแกร่ง เพื่อกำหนดชะตาของตัวเอง”
หลัวเฟิงจ้องไปยังสัตว์ประหลาด เพื่อสลักภาพนี้ไว้ในจิตใจ
วันหนึ่งเขาอาจจะต้องไปจับสัตว์บางตัวเพื่อเอามาเป็นสัตว์เลี้ยงด้วย
“ฝ่าบาทได้โปรดรอที่นี่ ผมจะไปถามความเห็นของหัวหน้าเผ่า เพื่อดู
รายละเอียดที่เข้าพบโดเย”
“ถ้าได้รับอนุญาติ ฝ่าบาทสามารถเข้าดินแดนศักดิ์สิทธิ์เพื่อศึกษาจารึกศักดิ์สิทธิ์ได้” ผู้อาวุโสชิฟานจียิ้ม
“ขอบคุณท่านผู้อาวุโสชิฟานจี”
“คาสน่า คอยอยู่ข้างๆ ฝ่าบาทอย่าแอบไปไหน”
“ครับอาจารย์” คาสน่าพูดทั้งที่ตายังมองที่สัตว์ประหลาดฮุ่ยสั่ว
ผู้อาวุโสส่ายหัว และบินออกไปยังวังโดเย เขายืนอยู่ด้านนอกสักครู่
ก่อนที่จะเข้าไป
ส่วนหลัวเฟิงและกลุ่มยังคงยืนอยู่ที่ตีนเขา
“คุณสนใจสัตว์ประหลาดฮุ่ยสั่วรึ” หลัวเฟิงมองไปที่คาสน่า
คาสน่าหัวเราะทั้งพยักหน้า
“สัตว์ประหลาดฮุ่ยสั่วสามารถที่จะเอาชนะอมตะทั่วไปได้ แล้วสัตว์ประหลาดนี้มีอยู่ที่เดียวในเลาเวิร์ล ถ้าผมไม่สังเกตให้ดี คงจะไม่มีโอกาสอีกแล้วถ้ามันตาย”
“เราไปดูมันใกล้ๆ” หลัวเฟิงกล่าว
“อา…” คาสน่าตะลึง
หลัวเฟิงก็นำกลุ่มเข้าไปใกล้ยังสัตว์ประหลาด
เข้ามาถึงพื้นที่โล่ง มีหลายคนคุ้มกันอยู่รอบๆ สัตว์ประหลาดฮุ่ยสั่ว
“มนุษย์ โปรดอย่าก้าวต่อไปอีก ไม่เช่นนั้นคุณจะถูกโจมตีจากเทคนิค
จับยึด ในพื้นที่นี้” ชายชุดเกราะสีทองที่มีสัญลักษณ์ เขาพูดอย่างเป็น
กันเองมาก
“เทคนิคจับยึด?”
หลัวเฟิงมองไปรอบๆ โดยรอบสัตว์ประหลาดฮุ่ยสั่วระยะ 1,000 เมตร มีลวดลายแกะสลักลึกเข้าไปในพื้น
มันเป็นเหมือนกับคุก
“รอยสลักที่ซับซ้อน” หลัวเฟิงพ่นลมหายใจออกมาเล็กน้อย
สัตว์ประหลาดฮุ่ยสั่วสูง 620 เมตร ถึงแม้จะนั่งยองๆ สัตว์ประหลาดตัวใหญ่ที่ถูกคุมขังในพื้นที่ 1,000 เมตร ราวกับคนทั่วไปที่ถูกขังในพื้นที่ 2–3 เมตร
มันต้องอึดอัดมากแน่
“เลือดและขน” หลัวเฟิงมองไปที่คราบเลือดสีดำ ที่แห้งและขนที่อยู่รอบๆ มัน
มันเป็นสิ่งที่เห็นได้ว่ามีการดิ้นรนของสัตว์ประหลาดที่รุนแรง
หลัวเฟิงมองไปยังขนและคราบเลือดพร้อมกับคิด
“สัตว์ประหลาดฮุ่ยสั่วเป็นจุดสูงสุดของระดับห้วงมิติ ถ้าผมได้รับขน เมื่อผมถึงระดับห้วงมิติจะสร้างสร้างโคลนมันได้”
หลัวเฟิงมีความคิดหลายอย่าง เขากำลังคำนวนว่าการจะทำอะไรแบบนี้
คุ้มค่าหรือไม่
เขาได้รับกำหนดให้มีไม่เกิน 3 โคลน
ความสามารถตามธรรมชาติหยุดเวลา
มันเป็นความสามารถที่คล้ายกับอสูรเขาทอง มันได้ถูกสลักลงไปยัง
เลือดและเนื้อ ถ้าหลัวเฟิงมีโคลนของสัตว์ประหลาดฮุ่ยสั่ว เขาก็จะได้เทคนิคสวรรค์นี้มา
“หยุดเวลาเป็นความสามารถที่น่ากลัว ไม่ว่าจะโจมตีหรือหลบหนี มัน
ต้องมีประโยชน์มาก”
หลัวเฟิงกำลังคิดเกี่ยวกับมันอย่างมาก ถ้าเขาสามารถปลดปล่อยเทคนิคเช่นนี้เขาจะมีโอกาสมากขึ้นในการฆ่าศัตรู
ระดับความแข็งแกร่งของเทคนิคนี้มันอยู่แค่ไหน
ความสามารถนี้ไม่ได้ถึงขั้นอยู่ยงคงกระพัน ถ้ามันใช้กับนักสู้ที่
แข็งแกร่งกว่า มันจะไม่สามารถที่จะหยุดการเคลื่อนไหวของอีกฝ่ายได้
“ความแข็งแกร่งปัจจุบันของผมยังไม่พอ ประสบการณ์ของผมก็ยังน้อยเกินไป ผมอาจมีตัวเลือกที่ดีกว่าในอนาคต”
“แต่ถ้าผมสามารถได้รับขนของมันเก็บไว้ ถ้าผมมีประสบการณ์มากขึ้นในอนาคต ผมสามารถเลือกหนึ่งในสิ่งที่เหมาะสมได้”
“แต่ตอนนี้ผมยังไม่มีทางจะได้รับมัน”
เขาเพียงแค่ระดับขอบเขตขั้น 9 เท่านั้น เขายังไม่คิดตัดสินใจในทันที ถ้า เขาเลือกสัตว์ประหลาดฮุ่ยสั่วนี้ บังเอิญในอนาคตเขาได้พบกับสิ่งอัศจรรย์บางอย่างที่ดียิ่งกว่า เขาจะไม่เสียใจกับมันได้อย่างไร
มันมีรูปแบบชีวิตที่พิเศษมากมายในจักรวาล แม้แต่ความทรงจำที่เขา
ได้มาก็รู้เกี่ยวกับมันบ้าง
รูปแบบชีวิตเหล่านี้มันเป็นสิ่งที่มีน้อยมาก และหายากมาก
บางสิ่งก็กำเนิดขึ้นมาเพียงแค่ 1 ในจักรวาล ไม่เพียงพอจะเรียกว่า
เผ่าพันธุ์ รูปแบบชีวิตที่ทรงพลังแบบเทพสัตว์ แข็งแกร่งไกลเกินกว่า
ระดับห้วงมิติ
โคลนที่หลัวเฟิงผลิตจะต้องไม่แข็งแกร่งเกินกว่าร่างกายหลัก แล้วมันอาจถึงเพียงจุดสูงสุดของระดับห้วงมิติก็ได้
ตอนนี้เขาเหลือเพียงโคลนอีก 1 ถ้าเขาเสียมันไปก็จะไม่มีโอกาสอีก
“ผมควรจะรอให้ตัวเองถึงระดับสูงสุดของห้วงมิติ หรือค้นพบสิ่ง
อัศจรรย์ เพื่อไม่ให้ตัวเองเสียใจภายหลัง” หลัวเฟิงคิด
หลัวเฟิงรู้สึกถึงเสียงที่ดังมาจากด้านหลังของเขา จนทำให้เขาต้องหัน
กลับไปมอง
ในเส้นทางเดินระหว่างเขา มีฝูงชนคึกคัก เป็นเด็กวัยรุ่นของเผ่าเขาทองเดินมา กลุ่มของวัยรุ่นที่หลัวเฟิงได้รับรู้ได้พวกเขามีระดับขอบเขตขั้น 9 เป็นส่วนใหญ่
“อัจฉริยะมนุษย์อยู่นั่น”
“เขายืนอยู่ที่นั่น”
“อัจฉริยะระดับขอบเขตขั้น 9”
“90 ล้านปีก่อน ชีตง เคยเอาชนะอัจฉริยะของมนุษย์ได้”
กลุ่มวัยรุ่นของเผ่าเขาทองที่เต็มไปด้วยความภาคภูมิใจ และมีความรู้สึกที่หวังว่าจะเอาชนะอัจฉริยะมนุษย์
จากอดีต มนุษย์ทุกคนที่เข้ามาเกือบทั้งหมด มนุษย์จะเป็นฝ่ายชนะการต่อสู้
แต่มีบางครั้งที่เผ่าเขาทองจะชนะ ทำให้ชื่อเสียงของเขาได้เพิ่มสูงขึ้น
เป็นอย่างมาก
ด้วยที่ว่าเผ่าเขาทองยอมจำนนต่อเผ่ามนุษย์มานับล้านๆ ปี ทำให้พวกเขารู้สึกถึงความด้อยกว่าอยู่ภายใน
ด้วยความภาคภูมิใจของพวกเขาที่ 1 ในอัจฉริยะของเผ่าได้เอาชนะ
อัจฉริยะมนุษย์
การแข่งขันเพื่อเกียรติ ทำให้เขาไม่กลัวความตาย ตราบเท่าที่เขาประสบความสำเร็จ
ชื่อเสียงของผู้ชนะก็จะเป็นที่โด่งดังรู้จักเป็นอย่างดียิ่งกว่าอมตะ
“อัจฉริยะของมนุษย์ ข้าเจียอั้ย ขอท้า ถ้าคุณมีความกล้า ยอมรับคำท้าของผม”
“อัจฉริยะมนุษย์ ข้าบูคังดู ขอท้าประลอง”
กลุ่มวัยรุ่นของเผ่าเขาทองเริ่มออกมาท้าทาย พวกเขามาจากเผ่าที่ต่างกัน
ผิวมีทั้งเขียว แดง ขาว ม่วงและอื่นๆ พวกเขาทั้งหมดมีตราสีทองบน
หน้าผาก
ตาของวัยรุ่นหนุ่มสาวเต็มไปด้วยความหวัง และจิตวิญญาณแห่งการ
ต่อสู้ ขณะที่มองมายังหลัวเฟิง
การจะได้ต่อสู้กับอัจฉริยะของมนุษย์นั้นหาได้ยากมากที่จะมายังเมือง
ศักดิ์สิทธิ์ แล้วส่วนมากที่มาจะเป็นระดับห้วงมิติ การที่พบกับระดับ
ขอบเขตขั้น 9 เป็นของที่หายาก แม้บางคนมาจะมาก็อ่อนแอ่เกินกว่าที่จะยอมรับคำท้า
การต่อสู้ของเผ่าเขาทองจะเป็นไปอย่างยุติธรรมถ้าระดับขอบเขตขั้น 9 ก็จะมีแต่ระดับขอบเขตขั้น 9 หรือ 7 กับ 8 จะไม่มีระดับห้วงมิติขั้นที่ 1 ขึ้นไปโดยเด็ดขาด มันจะกลายเป็นความอับอายแน่ถ้าเป็นแบบนั้น
“ฝ่าบาท” ดิลลัน ยิ้มให้กับหลัวเฟิง
“มีหลายคนเข้ามาท้าทาย” หลัวเฟิงส่ายหัว และยิ้มออกมาอย่างช่วยไม่ได้
“โปรดยอมรับคำท้าทายของผม”
“อัจฉริยะมนุษย์ โปรดรับคำท้าของผม” ทั้งกลุ่มพูดภาษาจักรวาลของมนุษย์ได้แม่นยำ
กลุ่มของหลัวเฟิงโดนล้อมรอบไปด้วยกลุ่มวัยรุ่นของเผ่าเขาทอง เมื่อเวลาผ่านไปจำนวนคนท้าทายก็เริ่มเพิ่มมากขึ้น จากร้อยก็เริ่มกลายเป็นพันในไม่นาน
“พวกเจ้า ทำอะไรอยู่ ทำไมถึงมารวมตัวกันหน้าพระราชวังผู้นำ โดเย
ของข้า” เสียงโกรธระเบิดขึ้นมา
ทุกคนที่อยู่บริเวณนั้นหันไปมอง
บนเส้นทางเดินของวัง ชายผิวสีดำ ที่สูง 3 เมตรในเกราะสีเขียว และมีแท่งยาวสีทองเข้มบนหลัง ได้วิ่งนำกลุ่มคนคุ้มกันวังมาด้วยความโกรธ พร้อมกับคำราม
“นี่เป็นสถานที่สำคัญ พวกเจ้ากล้าที่จะสร้างความวุ่นวายที่นี่งั้นรึ ไล่
พวกเขาออกไป”
“ครับ” กลุ่มคนคุ้มกันระดับห้วงมิติชั้นยอดปฏิบัติตาม
“ผู้บัญชาการ ดูเหมือนจะมีมนุษย์” หนึ่งในกลุ่มคุ้มกันได้พูดเบาๆ กับ
ชายหนุ่มผิวดำ