ตอนที่ 660 การศึกษาเรื่อง ฉิงหลูเต๋า
หลัวเฟิง ปิดหนังสือนั้นลง แววตาของเขายากที่จะปกปิดความดีใจเอาไว้ได้
แม้ว่าอาจารย์ของเขา ทรูหยัน จะเป็นนักรบที่สุดยอดแต่ในด้านของพลังแล้วถ้าเทียบกับ ฉิงหลูเต๋า แล้วมันแตกต่างกันอย่างมาก ทรูหยัน นั้นเป็นนักรบและไม่ใช่คนที่ศึกษาเรื่องทองและอวกาศ!
ดังนั้นเมื่อ หลัวเฟิง เริ่มศึกษาเทคนิคพื้นฐานของ ฉิงหลูเต๋า เขาจึงรู้สึกทันทีความเขาได้เปิดโลกใหม่ขึ้นมา
เขาไม่คิดว่าผู้อ่านจิตวิญญาณนั้นจะฝึกฝนได้ด้วยวิธีแบบนี้
เขาไม่คิดว่าผู้อ่านจิตวิญญาณสร้างขึ้นมาแบบนี้ได้ด้วย
เขาไม่คิดว่าทักษะนี้จะทำสิ่งนี้ได้
…
“นี่แหละคือสิ่งที่ผู้อ่านจิตวิญญาณควรจะทำได้” หลัวเฟิง อุทานออกมา “พลังจิตวิญญาณของฉันนั้นสูงกว่า 3,200 แม้แต่จักรพรรดิหลายคนที่อยู่ในระดับอมตะก็เทียบฉันไม่ได้ ตามที่ ฉิงหลูเต๋า ได้บอกเอาไว้ ส่วนที่สำคัญที่สุดสำหรับผู้อ่านจิตวิญญาณแล้วคือพลังวิญญาณ คู่มือพื้นฐานนี้เองก็มีข้อกำหนดเรื่องนี้เช่นกัน”
พื้นฐานนี้มีทั้งหมด 36 ระดับ
มันทำงานร่วมกับดาบได้โดยไม่ต้องทำการเคลือบ การควบคุมดาบนับพันหรือแสนนั้นเป็นเรื่องธรรมดา ดังนั้นยิ่งมีพลังจิตวิญญาณสูงมากเท่าไหร่ยิ่งดี มันเป็นการทดสอบความสามารถในการควบคุมของคนนั้นๆ กฎการตอบแทนและทักษะการสร้างและเรื่องอื่นๆ
“บาบาต้า เจ้าเองก็ควรจำทักษะนี้เช่นกัน” หลัวเฟิง คุยกับ บาบาต้า ที่อยู่ในหัวของเขา จากนั้นก็เริ่มมีตัวหนังสือมากมายไหลเวียนอยู่ในหัวของเขาอย่างรวดเร็ว
ด้วยความสามารถในการประมวลผลที่เร็วยิ่งกว่าคอมพิวเตอร์ทำให้ บาบาต้า จำเนื้อหานี้ได้อย่างรวดเร็ว
ภายในหอคอยนั้น
หลัวเฟิง ทำการควบคุมหนังสือก่อนจะส่งมันกลับไปให้กลุ่มระดับอมตะ
“ฝ่าบาท จำได้หมดแล้วรึ?” หัวหน้ากลุ่มนั้นถามออกมาด้วยน้า เสียง
แหบแห้ง
หลัวเฟิง พยักหน้า
ระดับอมตะพยักหน้ากลับไปให้ หลัวเฟิง และหายไปจากสายตาทันที
“ไปกันเถอะ” หลัวเฟิง หันกลับมาและพูดขึ้น
“ฝ่าบาท ท่านดูมีความสุขจริงๆ เลย” ดิลลัน พูดพร้อมกับเดินมาอยู่
ข้างๆ
“รางวัลที่ผมได้มานั้นถือว่ามากมาย” หลัวเฟิง ยิ้ม ผู้อาวุโส ชิฟานจี ที่ซึ่งอยู่ข้างๆ เขาก็พลอยดีใจไปด้วย ไม่ว่าจะศึกษาทักษะใด ยังไงพวกมันก็ล้วนแต่มีค่า แต่สำหรับเผ่าเขาทองที่ให้ หลัวเฟิง ศึกษามันได้ฟรีๆ แล้ว
แน่นอนว่านี่คือการลงทุน ยิ่งรางวัลของ หลัวเฟิง สูงมากเท่าไหร่ เขายิ่งกลายเป็นตัวตนอันสูงส่งของมนุษย์และเขาต้องจดจำเรื่องนี้ไว้
ถ้า หลัวเฟิง เลือกที่จะลืมการช่วยเหลือครั้งนี้ งั้นเผ่าเขาทองก็คงทำ อะไรไม่ได้เช่นกัน
มันคือการลงทุนที่อาจจะไม่หวังผลตอบแทน
…
หลัวเฟิง และพวกเดินออกมาจากทางเข้าหอคอยซึ่งเป็นทางเข้าอันสูงชะลูด
“กลุ่มเด็กเผ่าเขาทองหัวร้อนอีกกลุ่ม” หลัวเฟิง มองออกไปด้านนอกมองไปยังกลุ่มเด็กที่อยู่ระดับ 9 หลังจากนั้นเขาก็ต้องช็อค “มันแปลก
แหะ ทำไมพวกนั้นถึงไม่เข้ามาท้าทายฉัน? ปกติสำหรับเด็กพวกนั้น
แล้ว ในตอนที่พวกเขาเห็นฉัน พวกเขาต้องมาหาเรื่องฉันนิ?”
พั๊ว!
กลุ่มเด็กระดับ 9 นับพันๆ ที่รวมตัวกันอยู่แยกตัวออกเป็นสองฝั่งเผยให้เห็นเด็กหนุ่ม 2 คนผิวเข้ม
“เปควั้น?” หลัวเฟิง จำหนึ่งในนั้นได้ทันทีและได้มองไปที่ชายหนุ่มอีก
คนที่อยู่ด้านข้างที่ซึ่งแผ่ออร่าที่มั่นใจในตัวเองออกมาคล้ายกับโบ
แลน คนที่เป็นอัจฉริยะส่วนมากแล้วมักจะแผ่ออร่าแบบนี้ออกมาได้
“ชายหนุ่มที่อยู่ข้างๆ เปควั้น นั้นดูคล้ายเขามาก นั่นใช่ เปฉิว ในตำนาน พี่ใหญ่ของเขารึเปล่า?”
“ฝ่าบาท หลัวเฟิง นั่นคือ เปฉิว” ผู้อาวุโสตอบกลับ
เปฉิว นั้นสวมชุดเกราะสีม่วง สายตาอันเย็นชาของเขาจับจ้องมาที่ หลัวเฟิง ที่ซึ่งยืนอยู่ตรงบันไดหอคอยด้วยความเกลียดชัง น้ำเสียงของเขาแฝงไปด้วยความชั่วร้ายในตอนที่เขาพูดขึ้น “มนุษย์ หลัวเฟิง ฉันได้ยินมาว่าเจ้าเอาชนะน้องชายข้าได้ เจ้าเองก็แข็งแกร่งพอตัว ข้า เปฉิว อยากท้าเจ้าต่อหน้าหอคอยทักษะ! เจ้าจะรับคำท้าหรือไม่?”
เด็กเผ่าทองคำนับพันล้วนแต่มองมาที่ หลัวเฟิง
สายตาของ เปฉิว นั้นก็ยังคงแสดงความมั่นใจออกมา
หลัวเฟิง มองไปที่อีกฝ่าย
“ไปกันเถอะ” หลัวเฟิง พูดขึ้นแล้วเดินหลบคนนับพันออกไปไกล
นี่ทำให้ผู้อาวุโส ดิลลัน และคนที่เหลืออึ้ง
คนนับพันตรงนั้นเองก็อึ้งเช่นกัน
มนุษย์ หลัวเฟิง หนีจากการต่อสู้งั้นรึ?
มนุษย์นั้นถือว่าการต่อสู้เป็นเรื่องปกติแต่ เปฉิว…นั้นเป็นอัจฉริยะอันดับหนึ่งของเผ่าทองคำ!
แม้ว่า หลัวเฟิง จะไม่กล้าที่จะต่อสู้ด้วยแต่อย่างน้อยก็น่าจะให้ความเคารพกันบ้าง
“มนุษย์ หลัวเฟิง!” สายตาของ เปฉิว แสดงความเย็นชาออกมาพร้อมกับคำรามด้วยความหงุดหงิด
หลัวเฟิง ยังคงเดินเหน้าต่อไปไม่หยุด
“เจ้าไม่กล้ารึ? เจ้ากลัวรึไง?” เปฉิว คำรามออกมาด้วยความโกรธ “การเอาชนะน้องชายข้าได้นั้นไม่ใช่เรื่องสำคัญเลย ถ้าเจ้าเอาชนะข้าได้…ข้ากล้าบอกเลยว่าคนที่อยู่ระดับขอบเขตขั้น 9 ในเผ่าของเรานั้นจะไม่กล้าท้าทายเจ้าอีก และถ้าเจ้าไม่รับคำท้าของข้า เผ่าเขาทองของเรานั้นจะไม่มีทางยอมรับในตัวเจ้า!”
…
หลัวเฟิง พา ดิลลัน และคนที่เหลือเดินมาตามทางเดิน เขาไม่ได้สนใจกับสิ่งที่ เปฉิว พูดออกมา
“ฝ่าบาท ท่าน?” ดิลลัน มองไปที่ หลัวเฟิง ด้วยความสงสัย
“ผมไม่อยากสู้กับเขา” หลัวเฟิง ส่ายหน้าและพูดขึ้น
“ตอนที่เราจะปฏิเสธคนอื่น มันไม่ใช่เรื่องใหญ่อะไร แต่การปฏิเสธ เป
ฉิว ที่ถือว่าเป็นคนที่ยิ่งใหญ่ที่สุดในระดับนี้ นั่นมันคนละเรื่อง ถ้าฝ่า
บาทไม่เอาชนะเขาแล้วจะมีคนมากมายที่ไม่ยอมรับในตัวฝ่าบาท พวกนั้นจะบอกว่าฝ่าบาทกลั่นแกล้งผู้ที่อ่อนแอและหวาดกลัวคนที่แข็งแกร่ง” ดิลลัน พูดขึ้น “แน่นอนว่าถ้าฝ่าบาทไม่แน่ใจว่าจะเอาชนะได้ นั่นก็ถือว่าดีที่ฝ่าบาทไม่รับคำท้า”
“ดิลลัน คุณกำลังพูดถึงเรื่องอะไร?” หลัวเฟิง อดไม่ได้ที่จะหัวเราะ
ออกมา
ถูกต้อง
ด้วยภูมิหลังและการเติบโตของเขานั้นเป็นธรรมดาที่จะไม่มีใครเชื่อว่า
เขาจะเอาชนะ เปฉิว ได้
แต่หลังจากที่มาถึงระดับห้วงมิติ และศึกษาแผ่นจารึกมานานกว่าหนึ่ง
เดือน พลังกฎต้นกำเนิดอย่างเดียวก็ผ่านพ้นระดับ 9 ของสะพานสวรรค์มาแล้ว ในตอนที่เขาปลดปล่อยพลังวิญญาณ 3,200 เท่า ออกมาพร้อมกับแรงที่เขามี และพลังงานในกระแสเลือดแล้ว ความแข็งแกร่งของเขาก็จะเพิ่มขึ้นจนน่าตกใจ
การเอาชนะ เปฉิว? หลัวเฟิง มีความมั่นใจอย่างมาก!
แต่ในตอนที่เขาเอาชนะ เปฉิว อันดับแรกเลย องค์กรจักรวาลเสมือน จะรู้เรื่องนี้ทันทีและด้วยความสัมพันธ์ของ ดิลลัน และอาจารย์ของเขา ทรูหยัน อาจารย์ของเขาเองก็คงจะรู้เรื่องนี้ด้วย
การที่เขาเอาชนะ เปควั้น มาได้นั้นเขายังพอใช้เรื่องเลือดนักรบและ
ความบังเอิญในการอธิบายเรื่องนี้ได้
แต่การเอาชนะ เปฉิว…มันยากที่จะอธิบาย
“มีอัจฉริยะหลายคนในประวัติศาสตร์ของจักรวาลนั้นได้พัฒนาอย่าง
ก้าวกระโดดผ่านการต่อสู้อันวิเศษ ถ้าฉันเผยความแข็งแกร่งออกมา…แน่นอนว่า องค์กรจักรวาลเสมือน ต้องสรุปว่าฉันนั้นไปเจอกับ
ปาฏิหาริย์” หลัวเฟิง คิด “ดูเหมือนจะจริงที่มรดกบันทึกปีศาจในศิลา
ปีศาจนั้นได้เพิ่มพลังจิตวิญญาณของฉันให้สูงถึง 3,200 เท่า อันที่จริงมันถือว่าเป็นสุดยอดปาฏิหาริย์เลยก็ว่าได้”
ในด้านของพลังกฎต้นกำเนิด เขายังอยู่แค่ระดับ 9 เท่านั้น
ด้วยพลังมากกว่า 3,200 เท่า นั่นคือไพ่ตายในการเอาชนะ เปฉิว
“ถ้าฉันหลบเลี่ยงได้ มันจะดีกว่าที่จะไม่เผยตัว มรดกบันทึกปีศาจนี้
ยังไงซะก็เป็นของที่ขโมยออกมาของจักรพรรดิหมอกโดยไม่ตั้งใจ”
หลัวเฟิง คิด “มันจะดีกว่าถ้าทำตัวไม่โดดเด่นและคอยฝึกฝนไปสักหลายร้อยปี แม้ว่าความแข็งแกร่งของฉันจะเพิ่มขึ้นมาอย่างก้าวกระโดด…แต่มันคงไม่ได้ดึงดูดความสนใจอะไรมากมายนัก”
หลัวเฟิง และกลุ่มคนได้กลับไปยังสนามฝึก
“ดิลลัน ผู้อาวุโสชิฟานจี ผมขอทำการศึกษาคนเดียวสักพัก เพื่อทำความเข้าใจคู่มือนั้น หลังจากเสร็จสิ้นแล้วผมจะออกจากที่นี่” หลัวเฟิง
พูดขึ้นหลังจากนั้นก็กลับเข้าไปในห้อง
เขาได้ศึกษาศิลาศักดิ์สิทธิ์และได้รับคู่มือนี้มา
สิ่งดีๆ ก็ได้รับกลับมาหมดแล้ว มันได้เวลาที่จะต้องออกไปแล้ว
…
หลัวเฟิง นั่งขัดสมาธิและนึกถึง คู่มือ อาวุธนันเชียน 36 ระดับ และ
รายละเอียดต่างๆ เขาเพ่งสติของตัวเองเข้าไปยังจักรวาลเสมือน เริ่มต้นฝึกฝนในบ้านของตัวเองที่อยู่ในสนามฝึก
เพื่อศึกษา เพื่อพยายามและเพื่อยืนยัน!
จากนั้นรวมรูปปั้นสัตว์อสูรและภาพโบราณนั้นเข้าด้วยกันแล้วศึกษา
ในตอนที่ฝึกฝนตามคู่มือ คนที่จะทำการเรียนรู้นั้นต้องพิจารณาว่าวิธีใดคือวิธีที่ดีที่สุดในการศึกษาก่อนที่จะเริ่มต้น มีคำบอกคล้ายๆ กันว่าถ้าวัวมันโง่และมีเล็บที่ไม่แหลมคม มันยิ่งต้องการแรงมากขึ้น หลัวเฟิง ตอนนี้นั้นลับขวานให้คมกริบในตอนที่เขาเริ่มฝึกฝน มันจึงอยู่ในสภาพเตรียมพร้อมที่สุด
ในเสี้ยวพริบตามันก็ผ่านไปกว่า 3 เดือน
“ความต้องการนี้มันสูงจริงๆ”
“การฝึกด้วยดาบธรรมดานั้นความต้องการสูงแต่การฝึกด้วยวิธีของ ฉิงหลูเต๋า นั้นต้องใช้กฎต้นกำเนิด แน่นอนว่าเมื่อเข้าใจโครงสร้างของ
อาวุธและทักษะแล้วเมื่อใช้มันโจมตีมันจะออกมาทรงพลังมาก” หลัวเฟิง ยิ้มแล้วลุกขึ้นยืน “ครั้งหน้าฉันจะคิดถึงคู่มือนี้ เพื่อเพิ่มความ
เข้าใจทักษะให้มากขึ้น”
หลังจากนั้นเขาก็ได้เดินออกมา
…
ทักษะนี้มีหลายเส้นทางในการฝึกฝน
เส้นทางใดก็ตาม ก็พาเขาไปได้ไกลเพราะพลังจิตวิญญาณของเขานั้น
สูงอย่างมาก เขาตัดสินใจเลือกทักษะโครงสร้างที่ยากที่สุดเอามาศึกษา
ในตอนที่เขาเดินออกมาที่สวนก็ได้มีเงาหลายเงาโผล่ขึ้นมาอย่างรวดเร็ว
“ผู้อาวุโสชิฟานจี” หลัวเฟิง พูดขึ้น “ผมกำลังจะออกไปที่ปราสาทผู้
อาวุโสและขอบคุณพวกเขา และบอกลาด้วย! พวกเขาได้ช่วยเหลือผมอย่างมาก ทำให้ผมได้ศึกษาและเลือกคู่มือตามที่ผมต้องการ ผมคงไปจากที่นี่โดยไม่บอกลามิได้”
“หืม” ผู้อาวุโสยิ้มแล้วพยักหน้า “ก่อนที่เราจะจากไป คุณควรไปที่
ปราสาทแต่ฝ่าบาท หลัวเฟิง ท่านควรรู้บางอย่างไว้ก่อน”
“มีอะไรรึ?” หลัวเฟิง ถามออกมาด้วยความสงสัย
ผู้อาวุโสมองไปที่ ดิลลัน ที่อยู่ข้างๆ ซึ่งยิ้มแล้วพูดออกมา “ข้าง
นอกนั้นมันก็ผ่านมากกว่า 3 เดือนแล้ว มีเผ่าเขาทองหลายคนที่อยู่ด้านนอกนั่น ชัดเจนแล้วว่าหลังจากที่ท่านปฏิเสธ เปฉิว ไป พวกนั้นก็ไม่พอใจอย่างมาก”
“มากแค่ไหน?” หลัวเฟิง ช็อค เขาไม่ได้รู้สึกอะไรเลยด้วยซ้ำ
“เพื่อที่จะไม่รบกวนการฝึกของฝ่าบาท ผมได้สร้างมิติลบเสียงรอบๆ
ห้องของฝ่าบาท” ดิลลัน พูดขึ้น
“ขอบคุณ คุณมาก” หลัวเฟิง พยักหน้า
“ไม่ใช่แค่กลุ่มคนจากเผ่าเขาทองจาะมาแสดงความโกรธเกรี้ยว แม้แต่เปฉิว เองก็มานั่งรออยูที่ทางเดินด้านนอกนานกว่า 3 เดือน” ดิลลันพูดขึ้น
หลัวเฟิง อึ้ง
“เขานั่งอยู่ด้านนอกมานานกว่า 3 เดือนโดยไม่ขยับสักนิด” ดิลลัน
ฝืนยิ้มออกมา “ดังนั้นแม้แต่ตอนนี้ก็ยังมีเผ่าเขาทองกว่า 10,000 คนนั่งคอยอยู่ข้างนอกนั้นด้วย”
“ผม…” หลัวเฟิง อึ้ง
“ไปกันเถอะ” หลัวเฟิง พูดขึ้น
“ข้างนอกรึ?” ดิลลัน และผู้อาวุโสมองมาที่เขา
“ไม่!” หลัวเฟิง ส่ายหน้า “ผมไม่สนใจพวกนั้น เราจะบินตรงไปยังปราสาทผู้อาวุโส”