Skip to content

Swallowed Star 74

ตอนที่ 74 ฉายเดี่ยว

โดยปกติ สไนเปอร์ขนาดใหญ่เกือบจะไม่สามารถทำอันตรายสัตว์ประหลาด ‘ระดับบัญชาการขั้นต่ำ’ ได้ แต่สัตว์ประหลาดนั้นแตกต่างกับมนุษย์ มนุษย์ทรงพลัง แต่ชั้นผิวหนังและกล้ามเนื้อไม่ได้ทนทานมากเท่ากับขนของสัตว์ประหลาด นี่ถึงเป็นสาเหตุที่นักสู้ต้องสวมชุดเกราะนั่นเอง!

ถ้านักสู้ระดับแม่ทัพขั้นกลางถูกยิง ต่อให้เขาไม่ตาย เขาก็จะได้รับบาดเจ็บสาหัสอยู่ดี

แต่อย่างไรก็ตาม ปืนสไนเปอร์ทำอันตรายกับแม่ทัพขั้นสูงได้ไม่มากนัก และสำหรับเทพสงคราม สไนเปอร์ยิ่งไม่อาจแม้แต่จะทำอะไรเขาได้เลย

“ดูเหมือยว่าคนแก่กับชายผิวขาวกำลังปกป้องเจ้าหนุ่มนั่นนะ เขาน่าจะเป็นสมาชิกที่สำคัญที่สุดในทีมแน่” หลัวเฟิงสาดสายตามองทั่วทั้งทีมสายฟ้า บางคนก็กำลังเงยหน้ามองหาสไนเปอร์ บางคนก็กำลังมองหน้ากันไปมา

เงียบ…

หลัวเฟิง เกาเฟิง นักสู้อินเดียว และทีมสายฟ้าทุกฝ่ายเงียบไปครู่หนึ่ง

“ผู้อาวุโสหลิว” หัวหน้าทีมเขี้ยวพยัคฆ์มองหน้านักสู้ชรา นักสู้ชราขมวดคิ้วและจ้องเขากลับ หัวหน้าทีมเขี้ยวพยัคฆ์เงียบปากลงทันที นักสู้ชราหันไปกระซิบที่หูของหนุ่มนักสู้ “คุณชาย…ในเมื่อคุณชายมาที่นี่เพื่อฝึกฝน คุณชายก็ควรจะสู้กับสัตว์ประหลาดเองดีกว่านะ”

เด็กหนุ่มมองหน้านักสู้ชราและหันไปมองหน้าชายผิวขาว ชายผิวขาวก็พยักหน้าให้น้อยๆ

“เอาล่ะ ไปกันเถอะ!” เด็กหนุ่มออกคำสั่ง

พ่อของเขามีคำสั่งเด็ดขาดมานานแล้ว…

หลังจากที่เข้ามาในแดนเถื่อน เขาต้องฟังบอดี้การ์ด 2 คนของเขา

แม้ว่าโดยเทคนิคแล้วผู้นำทีมสายฟ้าจะเป็นนักสู้ชรา แต่ผู้นำทีมที่แท้จริงนั้นคือเด็กหนุ่มนั่นเอง และตอนนี้เด็กหนุ่มคนนั้นก็ออกคำสั่งแล้ว สมาชิกทีมเขี้ยวพยัคฆ์จึงได้แต่จ้องเกาเฟิงกับหลัวเฟิงด้วยความไม่พอใจ จางเจ๋อหู่พึมพำสาปแช่ง “หลัวเฟิง…คราวนี้แกโชคดีไป!”

จางเจ๋อหู่แสดงอาการเกลียดชังหลัวเฟิงอย่างเห็นได้ชัด

เป็นที่แน่ชัดว่าทีมเขี้ยวพยัคฆ์กับทีมค้อนอัคคีนั้นไม่กินเส้นกัน

ชั่วอึดใจ…สมาชิกทั้ง 9 คนของทีมสายฟ้าก็เดินหายลับออกไป

เมืองในฝันว่านเคอ ทีมสายฟ้ามุ่งหน้าตรงไปยังเขตเล็กๆ ภายในเมืองนั้น

“พานย่า” ขณะที่พวกเขาเดินอยู่บนถนน นักสู้ชราก็ขมวดคิ้วพลางกล่าวขึ้น

“ผู้อาวุโสหลิว” หัวหน้าทีมเขี้ยวพยัคฆ์เข้ามาใกล้และโค้งให้

นักสู้ชราแซ่หลิวกล่าวอย่างเคร่งขรึม “เพราะทีมเขี้ยวพยัคฆ์ของนายยอมรับภารกิจนี้ พวกนายควรจะรู้ว่าความปลอดภัยของคุณชายนั้นสำคัญกว่าทุกสิ่ง! งูปล้องดำ 2 หัวนั้นเป็นเหมือยขุมทรัพย์ก็จริง แต่ก็เทียบไม่ได้กับความปลอดภัยของเขาเลย ถ้ามีอะไรเกิดขึ้นกับคุณชาย ไม่เพียงแต่นายไม่อาจหนีไปไหนได้ แต่ทีมเขี้ยวพยัคฆ์ของนายยังต้องตายยกทีมด้วย!”

หัวหน้าทีมเขี้ยวพยัคฆ์อึ้งไป และในที่สุดเขาก็พยักหน้า “รับทราบครับ!”

“ดี ถือว่าเข้าใจกันแล้ว” นักสู้ชราแซ่หลิวกล่าวอย่างเยือกเย็น “เดี๋ยวพวกเราก็จะถึงร้านเหล้าร้างจิ่นเจียงแล้ว และคุณชายก็จะเริ่มฝึกฆ่าสัตว์ประหลาดที่นั่น ถ้าพวกนายอยากจะไปฉกชิงปล้นจี้เหยื่อของใคร ก็ไปหาทำกันเอง อย่าลากคุณชายเข้าไปเกี่ยวข้องด้วย”

“เข้าใจแล้วครับ”

หัวหน้าทีมเขี้ยวพยัคฆ์รับคำก็จริง แต่ก็นึกสาปแช่งอยู่ในใจ

เหล่านักสู้ที่อยู่ในบริเวณเมือง 003 อ่อนแองั้นหรือ? ถ้าไม่มีนักสู้ระดับสูงอย่างชายชราแซ่หลิวและชายผิวขาวหน้าเหี้ยม ทีมเขี้ยวพยัคฆ์ก็ไม่มีพลังพอไปปล้นเหยื่อในแถบนี้ได้หรอก

หัวหน้าทีมเขี้ยวพยัคฆ์พยักหน้าน้อยๆ “ฉันว่านะ ทีมค้อนอัคคีมันกล้าเข้ามาลุยในเมือง 003 ทักษะของพวกมันคงจะเพิ่มขึ้นมากแล้วแน่ๆ”

“หัวหน้า พวกเราช้าไม่ได้อีกแล้ว โดยเฉพาะหลัวเฟิงนั่น มันเพิ่งจะกลายเป็นนักสู้ แต่ผมได้ยินว่ามันถึงระดับแม่ทัพขั้นต้นไปแล้ว” จางเจ๋อหู่แสดงความกระเหี้ยนกระหือรืออย่างเห็นได้ชัด

“ไอ้หนูนั่นมันร้ายไม่ใช่ย่อย”

หัวหน้าทีมเขี้ยวพยัคฆ์กล่าวเสียงทุ้มต่ำ “การปล่อยให้ศัตรูลอยนวลอย่างนี้มันยิ่งทำให้พวกมันได้ใจ! ในเมื่อเราได้เจอพวกมันในเมืองนี้ เดี๋ยวฉันจะหาทางกำจัดพวกมันให้ได้ภายใน 2-3 วันนี้! บางที…ฉันอาจจะลองจ้างผู้อาวุโสหลิวและรองหัวหน้าให้ช่วยจัดการด้วย!”

……………..

บนสนามหญ้าของอพาร์ทเมนต์คละคลุ้งไปด้วยเลือดสด หลัวเฟิง เกาเฟิง และ 3 นักสู้อินเดียกำลังชำแหละงูปล้องดำ ไม่เพียงแต่พวกเขาจะตัดเอาถุงพิษออกมา แต่พวกเขายังเอาอวัยวะต่างๆ อย่างกระเพราะปัสสาวะของมันด้วย แน่นอนพวกเขายังลอกหนักของมันด้วย เพราะว่าหนังของมันนั้นราคาแพงมาก

“ครึ่ง!”

“ครึ่ง!”

ทั้ง 2 ทีมต่างก็แบ่งชิ้นส่วนจำนวนมากมายของมันออกอย่างรวดเร็ว

“แข็งแกร่งทนทานมาก เกล็ดมันนี่อัศจรรย์จริงๆ” เกาเฟิงโพล่งออกมาหลังจากที่สัมผัสเกล็ดของมัน “เกล็ดของมันเป็นวัตถุดิบสำคัญในการผลิตชุดเกราะต่อสู้!”

สิ่งประดิษฐ์ที่สำคัญที่สุดของมวลมนุษย์…เหล็กโครห์น มีส่วนประกอบสำคัญมาจากชิ้นส่วนของสัตว์ประหลาดนั่นเอง

แน่อนอน มันคือ ‘ทองคำคราม’ โลหะที่พบบนดวงจันทร์ซึ่งนำเอามาทำเป็นเหล็กโครห์น! เหล็กโครห์นใช้ทำเป็นชุดเกราะให้กับนักสู้ มีความทนทานมากและทำดาบซึ่งคมแบบหาที่เปรียบไม่ได้! แม้แต่อาวุธปืนบางชนิดยังใช้เพื่อเพิ่มอำนาจในการทำลายด้วย

“ร่วมมือ ยอดเยี่ยม!” ผู้นำฝั่งอินเดียโพล่งออกมากับหลัวเฟิงและเกาเฟิง

“ฮ่าๆๆๆ เยี่ยม” เกาเฟิงหัวเราะ

หลัวเฟิงและเกาเฟิงต่างก็ช่วยกันแบบกระเป๋าตุงเดินขึ้นชั้นบน หนังของงูดูเหมือนจะผืนใหญ่ แต่มันก็ไม่ได้หนาอะไรนัก พอพับซ้อนๆ กันสามารถใส่ไว้ในกระเป๋าได้อย่างสบาย! ซ้ำกระเป๋าของนักสู้ยังยืดหยุ่นได้ดีด้วย ด้วยการออกแบบ กระเป๋าจึงสามารถขยายขนาดจากเดิมได้ค่อนข้างมาก

หากขยายใหญ่สุด คนทั้งคนอาจเข้าไปอยู่ข้างในได้เลย แต่อย่างไรก็ตาม ขนาดปกติของมันก็สามารถใส่หนังงูเข้าไปได้อยู่แล้ว

พวกเขาขึ้นมาถึงชั้นที่ 12 อย่างรวดเร็ว พอเข้าไปที่พักพวกเขาก็ได้ยินเสียงทักทายอย่างยินดี

“ยินดีต้อนรับ ยินดีต้อนรับ” เว่ยเถี่ยกล่าวด้วยความยินดี

“ยินดีต้อนรับกลับ หัวหน้า หลัวเฟิง” เฉินกู่กล่าวอย่างยินดีเช่นกัน แน่นอนพวกเขายินดีมาก เพราะการที่หลัวเฟิงกับเกาเฟิงกลับมาได้สำเร็จ นั่นก็หมายถึงเงินจำนวนมากด้วย

เกาเฟิงมีสีหน้าไม่ค่อยมีความสุขนัก “พวกนายมองเห็นทีมเขี้ยวพยัคฆ์รึเปล่า?”

“ใช่…พวกเราเห็น” สีหน้าของเฉินกู่และ 2 พี่น้องเว่ยอึมครึมลงทันที

เฉินกู่ขบฟันกรอด “ฉันอยากยิงหัวพวกนั้นเพื่อแก้แค้นให้สหายจาง”

ในบรรดาสมาชิกทั้งหมดเฉินกู่ใกล้ชิดกับจางเคอมากที่สุด เพราะพวกเขามาจากเขตหมิงเยว่ด้วยกัน

พวกเขาร่วมเป็นร่วมตายกันมาตลอด

ตลอดช่วงเวลาหลายปี พวกเขาสนิทกันยิ่งกว่าพี่น้อง! แต่เฉินกู่ก็รู้ดีว่าเขาไม่อาจยิงใครได้ในตอนนั้น หากเขาฆ่าใครสักคน ทีมสายฟ้าก็จะต้องโต้ตอบในทันที…และหากเป็นเช่นนั้น มันจะไม่มีทางแก้ไขอะไรได้เลย

“พี่เฉิน ตอนนี้พวกมันอยู่ที่ไหน?” หลัวเฟิงถาม

“พวกเราจับตาดูพวกมันตลอด”

ที่หน้าต่างทางด้านเหนือ เว่ยชิงใช้กล้องส่องทางไกลส่องดูด้านล่าง “พวกมันเพิ่งจะเดินออกจากเมืองในฝันว่านเคอและกำลังเดินไปทางถนนเส้นตะวันออก!”

วูบ!

วูบ!

พวกหลัวเฟิงเคลื่อนไหวทันที หลัวเฟิงหยิบกล้องส่องทางไกลและส่องมองลงไปดู อันที่จริง…สมาชิกทั้ง 9 ของทีมสายฟ้ากำลังเดินตามถนนห่างออกไปหลายไมล์ โชคดีที่ทุกคุนพากันเลือกตึกสูงนี้ ตึกที่อยู่ทางตอนเหนือด้านหน้าของพวกเขาเป็นตึกเตี้ยๆ พวกเขาจึงมองเห็นทัศนียภาพด้านเหนือนั้นได้ค่อยข้างชัดเจนทีเดียว

“หัวหน้า พี่เฉิน” หลัวเฟิงพูดขึ้นมา

“หือ?” สมาชิกในทีมหันมามองเขา

หลัวเฟิงกำหมัดแน่นและพูดลอดไรฟันออกมา “ผมไม่เคยลืมสิ่งที่พวกมันทำกับพี่จาง ผมสาบานไว้แล้ว…ถ้าผมได้เห็นพวกมันในแดนเถื่อนอีก ผมจะทำลายพวกมันให้สิ้น!”

“หลัวเฟิง ความหมายของนายคือ?” เกาเฟิงตกใจ

“ผมจะแอบติดตามพวกมันและหาโอกาสฆ่าพวกมันให้เกลี้ยง! พวกมันจ้องจะฆ่าเราทั้งหมด ฉะนั้น เราจะต้องโจมตีพวกมันก่อน!”

หลัวเฟิงไม่เคยลืมกระสุน 2 นัดนั้น นัดหนึ่งเขาหลบได้อย่างเฉียดฉิวด้วยพลังจิต

ส่วนอีกนัดทำให้พี่จางต้องพิการไป!

“หลัวเฟิง ฉันจะไปด้วย พวกเราจะต้องแก้แค้นให้สหายจางให้ได้” เฉินกู่ขบกรามแน่น

“พี่เฉิน การไปคนเดียวจะดีกับผมที่สุด” หลัวเฟิงกล่าวเบาๆ “ด้วยพลังจิตของผม ผมสามารถบินหนีได้แม้จะเป็นเทพสงครามก็ตาม!”

นี่จึงเป็นเหตุว่าทำไมนักอ่านจิตถึงได้น่ากลัว!

ถึงแม้จะเป็นเทพสงครามซึ่งแข็งแกร่งมากกว่าเป็นสิบเป็นร้อยเท่า แต่นักอ่านจิตที่อ่อนแอที่สุดยังสามารถบินหนีได้! ที่นักอ่านจิตเหนือกว่าเทพสงครามก็คือการบินได้

“เฉินกู่ หลัวเฟิงพูดถูกแล้ว นายอาจจะเป็นภาระได้” เกาเฟิงว่า

เฉินกู่ขบกรามแน่น หัวหน้าอาจจะพูดไม่น่าฟัง แต่เขารู้ว่าหัวหน้าพูดก็เพื่อสิ่งที่ดีที่สุดของทีม

“และถ้าพวกเราอยากจะเล่นงานพวกมัน แล้วพวกมันไม่กำลังจ้องหาทางเล่นงานเราอยู่เหรอ?” เกาเฟิงกล่าว “ดูจากแผนการของพวกมันครั้งที่แล้ว พวกมันจ้องจะฆ่าเราทั้งหมดแน่ แต่พวกมันก็ไม่ได้เจอเราในแดนเถื่อนอีก แต่ตอนนี้พวกมันเจอเราแล้ว…จะต้องคิดทำการบางอย่างอยู่แน่ๆ”

ทุกคนต่างก็อึ้งไป

จริง…

ด้วยวิธีการของทีมเขี้ยวพยัคฆ์ พวกมันต้องคิดทำการอะไรอยู่แล้ว

“พวกเราฆ่าสัตว์ประหลาดมากพอแล้ว กระเป๋าของพวกเราก็เกือบใส่อะไรไม่ไหวแล้ว สมาชิกคนอื่นๆ ของทีมจะต้องกลับไปที่ฐานเติมเสบียงก่อน” เกาเฟิงกล่าวและจากนั้นมองไปยังหลัวเฟิง “หลัวเฟิง นายเป็นนักอ่านจิต ไม่มีใครรู้ว่าการเอาชีวิตรอดของนายเยี่ยมกว่าพวกเรากี่เท่า แต่ยังไงนายก็ระมัดระวังให้มากอย่าได้ประมาทเป็นอันขาด”

หลัวเฟิงพยักหน้า

ขณะที่พวกเขาพูด ทุกคนต่างก็ใช้กล้องส่องทางไกลส่องดูว่าทีมสายฟ้ามุ่งหน้าไปทางไหน

“พวกเขาเข้าไปที่ร้านเหล้าจิ่นเจียง” เฉินกู่กล่าวอย่างตื่นเต้น “ดูเหมือนจะใช้ที่นั่นเป็นที่พักชั่วคราวนะ”

“อย่าช้าอยู่เลย ไปกันเถอ” เกาเฟิงกล่าวชัดเจน

หลัวเฟิงยืนขึ้นมองหัวหน้ากับคนอื่นๆ

นี่เป็นเขตชายแดนของเมือง ดังนั้น หลัวเฟิงจะสามารถมองเห็นหัวหน้าและคนอื่นๆ ได้จากระยะ 2-3 ไมล์เท่านั้นบนถนน หลังจากที่ออกจากเมือง 003 จะมีสัตว์ประหลาดแทบทุกชนิด แต่ด้วยความแข็งแกร่งของทีมในตอนนี้ เขาคิดว่าก็คงไม่มีอะไรเกิดขึ้นแน่

“หลัวเฟิงระวังตัวด้วย” เกาเฟิงและสมาชิกคนอื่นๆ ต่างก็มองมาทางหลัวเฟิง

ครั้งนี้ หลัวเฟิงต้องรับภาระของทีมเพียงลำพัง

“หัวหน้า ไม่ต้องห่วงครับ พวกทีมเขี้ยวพยัคฆ์จะต้องไม่มีชีวิตอยู่อีกต่อไปแม้แต่คนเดียว!” หลัวเฟิงหัวเราะ แล้วเขาก็กลายเป็นเงาหายวับไปท่ามกลางซากปรักหักพังซึ่งเรียงรายอยู่ในเมืองนั้น

ใส่ความเห็น

อีเมลของคุณจะไม่แสดงให้คนอื่นเห็น ช่องข้อมูลจำเป็นถูกทำเครื่องหมาย *

error: Content is protected !!
Exit mobile version