ตอนที่ 871 สมรภูมิ

มีการดำรงอยู่หลายอย่างที่น่ากลัวในสนามรบที่ 7 ซึ่งมาจากผู้ยืนอยู่

เหนือผู้อื่นในแต่ละกลุ่ม หลัวเฟิงเข้าใจอย่างชัดเจน แม้ว่าเขาจะใช้ไพ่ตายทั้งหมดที่มีก็ยังไม่ใช่คู่ต่อกรกับพวกเขา เมื่อความแตกต่างในด้านพลังมากเกินไป อะไรก็ไม่มีความสำคัญ

ถ้ามีใครบอกว่าราชินีนั่นเฉินเป็นหนึ่งในนั้น จักรพรรดิสุสานดำ ก็เป็น

อีกหนึ่งเหมือนกัน

นั่นเฉินใช้กองทัพแมลงอมตะของเธอด้วยจำนวนที่มากกว่าในสนามรบ

สุสานดำ ใช้เพียงดาบสุสานเลือด ล่าสังหารผู้คนจำนวนมากอย่างบ้าคลั่ง

ในด้านชื่อเสียงของสุสานดำ นั้นเหนือกว่า ด้านกำลังในการต่อสู้นั้นยากจะบอกว่าใครนั้นอ่อนแอกว่ากันระหว่างทั้งสอง

ด้วยพื้นที่ขนาดเล็ก กองทัพแมลงนั้นย่อมมีผลกระทบ สุสานดำ อาจจะฆ่าทั้งกองทัพได้ง่ายดาย ถ้าหากมีพื้นที่เพียงพอกองทัพแมลงก็ทำการโจมตีง่ายขึ้นและต่อเนื่อง มันจะกลายเป็นสิ่งที่น่ากลัว

“จักรพรรดิสุสานดำ ย่อมหยิ่งเป็นธรรมดา เขาถูกรุกรานจากนักรบ

จำนวนมาก จนต้องหนีมาอยู่ในเขตสนามรบตั้งแต่ระดับขอบเขต จากการเดินทางในเส้นทางการฆ่าอย่างยาวนาน จนเติบโตเป็นจักรพรรดิคงกระพัน ได้รับการสนับสนุนจากเผ่าพันธุ์ และล้างแค้นกับศัตรูทั้งหมดในเวลานั้น เขามีทรัพยากรจำนวนมากเพื่อการพัฒนา” หลัวเฟิงคิดถึงข้อมูลที่เขาอ่านมา

“น่าประทับใจ”

“เติบโตขึ้นมาจากระดับขอบเขต มุมมองของเขาคงคล้ายกับอาจารย์ทรูหยันของข้า” หลัวเฟิงคิด

นั่นเฉินและสุสานดำ ทั้งคู่ใกล้เคียงจักรพรรดิคงกระพัน

การปีนขึ้นไปอยู่ในระดับจักรพรรดิคงกระพันนั้นเป็นสิ่งที่หายากมาก ยิ่งกว่าจำนวนของอัศวินทั้งหมด

———-

เมื่อเวลาผ่านไปจำนวนนักรบได้เพิ่มมากขึ้น รวมตัวกันในพื้นที่หวง

ห้ามหลายพื้นที่ และมุ่งหน้าต่อไป พวกเขาจะอยู่ในพื้นที่ครึ่งชั่วโมง

หรือครึ่งวันในแต่ละพื้นที่ก่อนที่จะเคลื่อนย้าย สิ่งเหล่านี้เกิดขึ้นเป็น

เวลาสองวัน…จำนวนนักรบก็สูงขึ้นจนน่าตกใจ

“เพียงของเราชุดเดียวมีนักรบมากกว่า 16,000 คน และเรายังไม่ถึงจุดสุดท้าย ทำให้กลุ่มต่างๆ มีจำนวนเพิ่มขึ้นไปอีก” เทียนเฉินแสดงความตกใจข้างๆ หลัวเฟิง

สายตาของหลัวเฟิงอยู่ในกลุ่มของมนุษย์ ชายที่มี 7 ดาบอยู่บนหลัง และชุดสีม่วงดูเก่าแก่ บนหน้าผากของเขามีสัญลักษณ์ 7 ดาบ พลังงานที่ออกมาจากเขาก็น่าเหลือเชื่อ แม้แต่จักรพรรดิสุสานดำ ก็ยังรู้สึกถึงมัน มันมากจนทำให้เขารู้สึกอยากต่อสู้

“จักรพรรดิเจ็ดดาบ” หลัวเฟิงบ่น

จำนวนนักรบกลุ่มมนุษย์ได้เพิ่มมากกว่า 5 พัน และกว่า 90 % ยังคงเป็นระดับจักรพรรดิ จักรพรรดิระดับขีดจำกัดได้มาถึง 10 คน แล้วมี

จักรพรรดิระดับสูงสุดอีก 10 คนที่เชี่ยวชาญโจมตีจิตวิญญาณ ทำให้ผู้นำของกลุ่มไม่ใช่หลัวเฟิงหรือเทียนเฉิน แต่เป็นจักรพรรดิเจ็ดดาบ

“อาจารย์เคยบอกว่า เจ็ดดาบมีความหวังที่จะก้าวไปถึงระดับขนนก

สวรรค์”

เจ็ดดาบเป็นนักรบและผู้อ่านจิตวิญญาณ

เขาเติบโตมาในสำนักขวานยักษ์ ที่เข้ามาในฐานะอัจฉริยะหลัก แล้วเป็นอัจฉริยะอันดับหนึ่งในรุ่น บางทีความเร็วในการฝึกฝนและพรสวรรค์ไม่อาจเทียบเคียง เคอตี้ กับหลัวเฟิง

แต่เจ็ดดาบก็เป็นอัจฉริยะที่สูงกว่าโบแลน

หลังจากเป็นอมตะเขาก็ได้เข้าเป็นศิษย์คนหนึ่งของผู้ยิ่งใหญ่จากสำนักขวานยักษ์ หลังจากนั้นความสามารถก็เพิ่มขึ้นเรื่อยๆ จนในเวลาไม่กี่หมื่นปี เขาก็เข้าใกล้ระดับจักรพรรดิคงกระพัน

ผู้มีอำนาจในเผ่าพันธุ์มนุษย์ได้สนับสนุนเจ็ดดาบ และถือว่าเขามี

ความหวังสูงที่จะเป็นอัศวิน

ด้วยการดูแล จากมนุษยชาติและคำแนะนำ ของผู้ยิ่งใหญ่ พร้อมกับการเผชิญหน้าพิเศษ จนกลายเป็นจักรพรรดิเจ็ดดาบในปัจจุบัน

“เขาเป็นศิษย์ที่แท้จริงของเจ้าแห่งจักรวาล”

“ข้าได้ยินว่าเขามาจากสำนักขวานยักษ์”

“แน่นอนว่าเผ่าพันธุ์มนุษย์นั้นแข็งแกร่ง เราไม่มีเพียงแค่หนึ่งเจ้าแห่ง

จักรวาล แต่มีถึง 5 องค์กรที่ยิ่งใหญ่”

กลุ่มมนุษย์ได้พูดคุยกันอย่างเงียบๆ ไม่เอ่ยถึงแม้แต่ความแข็งแกร่งของเจ็ดดาบ เพียงแค่ขึ้นชื่อว่าเป็นศิษย์ของเจ้าแห่งจักรวาลก็ทำให้เขากลายเป็นผู้นำกลุ่ม การดำรงอยู่เช่นนี้…ถ้าตายขึ้นมาคงไม่ใช่แค่เรื่องตลก

“หลัวเฟิง ถ้าเจ้าเปิดเผยตัวเอง เจ้าต้องโดดเด่นกว่าเจ็ดดาบนั่น” บาบาต้าพูดขึ้นมาในใจของหลัวเฟิง

“เจ้าเป็นศิษย์ของผู้นำเมืองแห่งความโกลาหล และเป็นหมายเลขหนึ่ง

ขององค์กรจักรวาลเสมือน ตัวตนที่ปกป้องดินแดนศักดิ์สิทธิ์ของมนุษย์ต้องแข็งแกร่งมาก เขายอมรับ เจ้าเป็นศิษย์ตั้งแต่ระดับห้วงมิติ”

“จะให้ทำอะไรอะไรโง่แบบนั้น หุบปาก” หลัวเฟิงคำราม

“รุนแรงจัง” บาบาต้าหยุดสร้างความรำคาญให้กับหลัวเฟิง

มันเป็นสิ่งที่ยากมากที่จะเอาชนะอีกกลุ่มถ้ายังอยู่ระดับห้วงมิติ แต่ถ้าไปอยู่ในระดับอมตะแล้ว การเอาชนะเขาก็ไม่ใช่เรื่องยาก

“เสียดายที่ข้ายังอยู่ระดับห้วงมิติ”

“ถ้าไม่ได้ตัวเลือกที่ดีที่สุดในโคลนที่ 3 ข้าจะไม่ข้ามผ่านต่อไปแน่นอน

ระยะการฝึกฝนของข้ามันสั้นเกินไป ความเข้าใจกฎก็ยังไม่สูง ข้าไม่ควรจะรีบร้อนที่จะไปต่อ” หลัวเฟิงครุ่นคิดร่างที่ 3 ของเขา และคอยตรวจสอบชิ้นส่วนต่างๆ จากหลายๆ ที่

สิ่งที่เขาสามารถซื้อได้ก็ดีกว่าอสูรเขาทองเพียงเล็กน้อย เขายังไม่พบ

อะไรที่หวังไว้

จักรวาลนั้นมีสัตว์เทพ หลัวเฟิงต้องการค้นหาหนึ่งสัตว์เทพเหล่านั้นในระดับห้วงมิติ

———-

กลุ่มมนุษย์มีมากกว่า 16,000 อมตะ พวกเขาทั้งหมดมาจากส่วนต่างๆ ของจักรวาล ต่างลักษณะ บางส่วนเป็นรูปแบบเลือดเนื้อ บ้างก็พลังงาน บ้างก็โลหะ กระทั่งรูปแบบพืชขนาดใหญ่ที่เป็นสายพันธุ์พิเศษ

บางส่วนมีสติปัญญาคล้ายกับมนุษย์ บางส่วนดูคล้ายมนุษย์…มีความ

แตกต่างเพียงโครงสร้างภายใน

ภูเขาเกิดเสียงดังก้อง เผยให้เห็นหลุมลึกที่มีดวงดาวหมุนวนอยู่ด้านใน

“ทางออก”

“มันเป็นทางออก”

สี่กลุ่มทำการเคลื่อนไหวโดยทันที มนุษย์เป็นกลุ่มที่สามที่เข้า หลังจากที่บินมาถึงยอดหิน พวกเขารู้สึกถึงเวลาและอวกาศที่เปลี่ยนไป

พื้นที่ขนาดใหญ่มียอดหินลอยอยู่จำนวนมาก แล้วมีก้อนกรวดลอยอยู่

รอบๆ สร้างเป็นเส้นทางขึ้นมา

ด้วยประสบการณ์ที่หลัวเฟิงได้เจอมาก่อน ทำให้รู้ว่ามันเป็นช่องว่าง

ทางเดินที่นำไปสู่พื้นที่หวงห้ามต่อไป

หลัวเฟิงลงมายังพื้นหิน เขามองออกไปไกลๆ พร้อมกับหายใจเข้าลึกๆ

“จะมีนักรบมากแค่ไหน พื้นที่ถัดไปควรมีนักรบจำนวนไม่น้อย ที่นี่มี

มากกว่า 1 แสนอมตะ”

“พันธมิตรหงของมนุษย์มีเพียงแค่ 1 แสนจักรพรรดิเท่านั้น” เทียนเฉินยืนข้างๆ หลัวเฟิงและยิ้ม

“แน่นอนว่าไม่ใช่เพียงแค่นั้น กระบวนการที่เกิดขึ้นทั้งหมดรวบรวม

นักรบในแต่ละพื้นที่ โดยเฉพาะพวกที่อ่อนแอได้เห็นนักรบที่แข็งแกร่งก็จะหลบหนีไป พวกที่กลัวตายก็เป็นธรรมดาที่จะออกไป” เทียนเฉินกล่าวต่อ

วิธีที่จะออกจากนี้ก็ง่ายๆ เมื่อกลุ่มใหญ่เข้าไปตามเส้นทางก็ไม่

จำเป็นต้องตามพวกเขาไปยังพื้นที่ถัดไป แล้วรอให้อยู่เพียงลำพังก็จะ

ออกจากกลุ่มได้

“นักรบแท้จริงที่มีความมั่นใจในสนามรบที่ 7 หากได้ยินการร่วงหล่น

ของผนึกดวงดาวพวกเขาต้องมุ่งหน้ามาทันที”

“ดังนั้นจึงมากกว่า 1 แสนอมตะที่นี่ จะเห็นนักรบที่มีชื่อเสียงแต่ละ

เผ่าพันธุ์ได้มายังที่นี่ ตอนนี้พวกเขากำลังถูกรวมมายังที่นี่จากหลาย

เส้นทางนี้อาจเป็นที่ผนึกดวงดาวตก”

หลัวเฟิงพยักหน้า

สถานที่ที่เห็นผนึกดวงดาวได้เป็นเส้นทางภายใน จะมีโอกาสสูงที่มัน

จะตกลงมา

“ผนึกดวงดาว”

“นั่นผนึกดวงดาว”

“มันปรากฎออกมาแล้ว”

เกิดความวุ่นวายขึ้นในกลุ่มอมตะนับแสน

ในพื้นที่กว้างใหญ่…ด้านล่างมีวังวนพลังงานปรากฎขึ้นมา และในส่วนลึกของมันมีดวงดาวที่หมุนวนลอยอยู่