Skip to content

Swallowed Star 903

ตอนที่ 903 ตำนานของจักรพรรดิดาบสายน้ำ

เศษอวกาศที่พังทลายเริ่มที่จะฟื้นฟูกลับมา และทวีปที่ลอยอยู่ด้านบน

น้ำวนมานานก็แตกออกเป็นชิ้นๆ เผยให้เห็นรูขนาดใหญ่เส้นผ่าน

ศูนย์กลางกว่าแสนกิโลมเมตร นักรบเป็นร้อยคนต่างก็ลอยอยู่ที่นั่นด้วยความอึ้งกับฉากที่เกิดขึ้น

ทันใดนั้น….

พลังงานอันแข็งแกร่งก็ได้ปรากฏขึ้นมาในอากาศ คนสวมเกราะส่อง

ประกายสีดำ ได้ปรากฏตัวขึ้นมา และความกดดันที่ไร้รูปร่างของเขาก็แผ่ออกมาทำให้นักรบกว่าร้อยนั้นต้องตกอยู่ในความเงียบ

“นั่นคือ ความมืดมน!”

“นั่นมันเผ่าหุ่นยนต์ จักรพรรดิความมืดมน!”

“เขามาจากเผ่าหุ่นยนต์ เขามาได้เร็วแบบนี้ได้ยังไง?”

“เจ้าไม่ได้ยินรึไงว่าเขาเป็นคนตั้งค่าหัวสำหรับ ดาบสายน้ำ? แน่นอน

ว่าต้องมีคนในกองทัพมนุษย์บอกตำแหน่งนี้ ทำให้เขารีบมาที่นี่”

นักรบมนุษย์เกือบทุกคนต่างก็เป็นจักรพรรดิแต่มีทั้งขั้นต่ำ และสูง เมื่อเผชิญหน้ากับ ความมืดมน พวกเขาไม่กล้าท้าทายอีกฝ่ายเลย

ความมืดมน ยังคงยืนนิ่งและมองไปรอบๆ ก่อนจะคำรามออกมา “ดาบสายน้ำ อยู่ที่ไหน?”

“ความมืดมน” นักรบมนุษย์อาจไม่กล้าที่จะท้าทายเขาแต่มันไม่ได้

หมายความว่าพวกนี้กลัวเขา นักรบคนหนึ่งที่มีตัวเท่ากับภูเขาพูดขึ้นมา “ดาบสายน้ำ เพิ่งจะสู้กับ แบล็คที และออกไปตะกี้ ก่อนหน้านั้นเขาถึงกับฆ่า เขาหิมะ เขาควรที่จะเทเลพอร์ทผ่านทางจักรวรรดิเทพ จากไปไกลแล้ว”

“เขาสู้กับ แบล็คที?” ความมืดมน มองไปที่นักรบคนนั้น

นักรบคนนั้นตะโกนออกมา “เจ้ามาดูด้วยตัวเองได้”

หวืด!

ภาพฉายปรากฏขึ้นกลางอากาศ นี่คือสิ่งที่โลกในยุคก่อนได้สร้างขึ้นมาแต่เทคโนโลยีจักรวาลนี้ชัดแล้วว่าก้าวหน้ากว่า เพราะมันเป็นฉากต่อสู้ที่สมบูรณ์ของ ดาบสายน้ำ และ แบล็คที แสดงออกมาตรงหน้าพวกเขา

ความมืดมน ดูมันจนจบ

เขากับ แบล็คที ต่างก็เป็นสิ่งมีชีวิตชั้นสูงในเขตนอกสงคราม ที่ระดับ

พวกเขา พวกเขาเห็นคนอื่นเป็นสิ่งเล็กๆ แต่น่าแปลกใจที่การต่อสู้

นี้ ไม่ต้องสงสัยเลย…การต่อสู้นี้เป็นการทดสอบของทั้งสองฝั่ง นอกซะจากว่าต้องทุ่มสุดตัวจริงๆ ดังนั้นจึงไม่มีใครเผาร่างอมตะของตัวเอง แบล็คที และ ดาบสายน้ำ ทั้งคู่ไม่ได้ทำแบบนั้น

“แบล็คที เพียงแค่ใช้วิธีพื้นฐานและค้อนของเขา!” ความมืดมน

พึมพำ “เขาแค่ใช้เทคนิคสามอย่างและ ดาบสายน้ำ นั้น…”

“ข้าได้ยินมาว่าเขาเก่งเรื่องดาบแต่เขากลับใช้อาวุธจิตวิญญาณ”

“และเขาก็ยังมี ศรคลั่ง เป็นทาส รายงานบอกว่า เทียนเฉิน และ จินหง ติดตามเขามา เทียนเฉิน ถูกเขาช่วยเอาไว้ ส่วน จินหง นั้นมาจากอีกกองทัพ สำหรับเขาแล้วที่ทำตัวเคารพแบบนี้ เขาน่าจะกลายเป็นทาสด้วย!”

“เขามีทาสกี่คนกัน?”

“ความเร็วนี่มันบ้าไปแล้ว!”

“การป้องกันของเขาก็มีชื่อเสียงมาก่อนและตอนนี้เขาได้เผยอาวุธจิต

วิญญาณออกมา” ความมืดมน รู้สึกว่า ดาบสายน้ำ นั้นลึกลับ ด้วยไพ่

ตายมากมายแต่ความจริงที่ว่าเขาไม่ได้ให้ทาสนั้นโจมตีก็แสดงให้เห็น

ถึงความมั่นใจที่มี

นักรบมนุษย์หลายคนนั้นต่างก็มองไปที่ ความมืดมน พวกเขาคอย

สังเกตท่าทีของอีกฝ่าย ในตอนที่เขาดูจบ เขาก็เงียบไปสักพักก่อนจะพูดขึ้นมา “ดาบสายน้ำ นี่สมกับที่ชื่อเสียงและแม้ว่าเขาจะมีสมบัติที่

แท้จริงแต่เขาก็สมควรได้รับมัน”

หลังจากนั้นเขาก็ได้เทเลพอร์ทออกไป

ความมืดมน ได้ออกไปแล้วแต่คำพูดพวกนั้นยังทำให้นักรบเป็นร้อย

ช็อก

“ความมืดมน รู้ถึงความแข็งแกร่งของ ดาบสายน้ำ”

“เขารู้ว่า ดาบสายน้ำ นั้นคู่ควรกับสมบัติ”

“น่าเสียดาย ดูเหมือนว่ามันจะยากที่จะได้เห็นทั้งสองปะทะกัน”

“ตั้งแต่ที่ ความมืดมน พูดอกมา มีใครที่จะไล่ตาม ดาบสายน้ำ อีก การต่อสู้นี้…ได้ทำให้ ดาบสายน้ำ พิสูจน์ความแข็งแกร่งของตัวเองออกมาแล้ว”

นักรบหลายคนถอนหายใจออกมา นักรบที่มีความแข็งแกร่งแบบนี้

คู่ควรที่จะมีสมบัติที่แท้จริง พวกที่อ่อนแอต้องระวังตัวไม่เผยสมบัติ

ตัวเองออกมา ถ้าไม่งั้นแล้วพวกเขาจะโดนโจมตี!

และ ความมืดมน และแม้แต่เจ็ดดาบ หนึ่งในสิ่งมีชีวิตชั้นสูงทำไมจะไม่มีสมบัติมากมาย?

เจ็ดดาบ ด้วยดาบทั้งเจ็ดเพียงอย่างเดียว ก็เป็นสมบัติที่แท้จริงพร้อมกับของอื่นๆ ที่เขามี แบล็คที และ ความมืดมน เองก็คล้ายกัน

ทุกคนในเขตนอกสงครามรู้เกี่ยวกับสมบัติของพวกนี้แต่ไม่มีใครกล้าที่จะโจมตีพวกนั้นเพื่อแย่งมันมา!

นี่คือความแข็งแกร่ง!

และการต่อสู้นี้…ที่ ดาบสายน้ำ ได้เผชิญหน้ากับ แบล็คที นี่เป็นสิ่งพิสูจน์ความแข็งแกร่ง!

มันพิสูจน์ว่าเขาเองก็มีความแข็งแกร่งระดับนั้นด้วย บางทีเขาอาจจะ

อ่อนแอกว่า แบล็คที แต่ความเร็วและการป้องกันของเขานั้น…ทำให้เขายากที่จะจัดการได้พอๆ กับคนอื่น

******

การต่อสู้นี้เริ่มกลายเป็นตำนานของ ดาบสายน้ำ และเป็นที่พูดถึงไปทั่วเขตนอกสงคราม

นักรบนับไม่ถ้วนได้เริ่มเปรียบเทียบ ดาบสายน้ำ กับ แบล็คที สุสานดำ เจ็ดดาบ ดาลอง และคนอื่นๆ ในสายตาพวกเขา…เขาอาจจะอ่อนแอกว่าคนอื่นแต่ความเร็วของเขานั้นทำให้หลายคนต้องสิ้นหวัง

“ข้าขอเจอ เจ็ดดาบ กับ ความมืดมน ดีกว่าเจอ ดาบสายน้ำ!”

“ยังมีโอกาสที่จะหนีได้หากเจอกับคนอื่นๆ แต่เมื่อเจอกับ ดาบสายน้ำ

ในอวกาศที่ถูกล็อค ใครจะไปแข่งความเร็วกับเขาได้? เราไม่สามารถ

ที่จะหนีได้”

“ระวังอย่าไปยุ่งกับ ดาบสายน้ำ เมื่อ 6,000 ปี ก่อน เขาน่ะทนระเบิด

ของคริสตัลเปลวไฟเทพเจ้า ที่แข็งแกร่งที่สุดได้ แต่ตอนนี้เขาแข็งแกร่งยิ่งกว่าเดิม มันเกินไปแล้ว การป้องกันของเขานั้นแข็งแกร่งและความเร็วนั้นก็บ้าคลั่ง มันจะดีกว่าหากหลีกเลี่ยงเขาได้”

ตำนานของ ดาบสายน้ำ เป็นที่พูดถึงกันในหมู่นักรบในจักรวาลซึ่งทำให้เขามีชื่อเสียงขึ้นมาในจักรวาล

แต่ หลัวเฟิง ได้ออกจาก วังวนคู่ ไปแล้วหลังจากการต่อสู้นั้น เขาเทเลพอร์ทตรงไปที่ดวงดาวของมนุษย์ทันที

ที่ฐานองค์กรจักรวาลเสมือน

หลัวเฟิง ได้กรอกแบบฟอร์ม ในระดับห้วงมิติของตัวเองแล้วนั่งรอในยานก่อนจะมุ่งหน้าไปยังเมืองปฐมนครแห่งความโกลาหล

“นายท่าน”

“นายท่าน”

อมตะ ระดับจักรพรรดิ ที่รับหน้าที่บนยานได้พูดขึ้นอย่างสุภาพ

หลัวเฟิง เพียงแค่ยิ้มและพยักหน้าให้ เขาพบว่ามีห้องเดี่ยวให้พักที่นี่

“กัปตัน ทำไมเราจำเป็นต้องสุภาพกับเขา เขาเป็นแค่ ระดับห้วงมิติ

ด้วยความแข็งแกร่งของท่านที่พอๆ กับจักรพรรดิระดับสูงสุดแล้ว ท่านสามารถฆ่าเขาได้ด้วยการโบกมือ” อมตะอีกคนหนึ่งพูดขึ้นมา

นอกจากเขาแล้วสมาชิกคนอื่นๆ ต่างก็พูดคุยกัน “ถูกต้อง เขาแค่เพียงโชคดีและได้กลายเป็นศิษย์ของผู้นำเมือง ถ้าไม่ใช่เพราะเรื่องนี้ เขาคงเป็นได้แค่ ระดับห้วงมิติ ทำไมต้องสนด้วย? การเดินทางนี้จัดขึ้นเพื่อเขา ถ้า ระดับห้วงมิติ ทั่วไป พวกเขาคงต้องรอจนกว่ายานจะมีครบจำนวนแล้วค่อยออกเดินทาง”

กัปตันหัวเราะออกมา “แม้ว่าเขาจะเป็นเพียงระดับห้วงมิติ และข้า

สามารถฆ่าเขาได้ง่ายๆ เขาก็ยังคงเป็นศิษย์ของผู้นำเมือง เราน่ะพูดแบบนี้ลับๆ ได้แต่ห้ามพูดมันออกมาดัง ถ้าเขาเลือกที่จะใส่ใจเรื่องนี้ มันคงไม่มีใครที่จะปกป้องพวกเจ้าได้”

“เราเข้าใจแล้ว”

“ใจเย็นๆ ไว้กัปตัน เราน่ะไม่ได้โง่หรอก”

“เราก็แค่พูด ข้าแค่ทนพฤติกรรมของเขาไม่ไหว ราวกับว่าเราควรเคารพเขา” อมตะ คนหนึ่งพูดอย่างไม่พอใจ

กัปตันส่ายหน้า มันเป็นธรรมดาที่จะรู้สึกแบบนี้ เขาเองก็เช่นกันแต่

เขาน่ะเลือกที่จะแสดงความเคารพออกมา หากเขาต้องการไต่เต้ายศในองค์กรจักรวาลเสมือน ถ้าความแข็งแกร่งเขาไม่เพียงพอ เขาก็ไม่

สามารถไปคุกคามใครได้ และคนอย่าง หลัวเฟิง คือหนึ่งในนั้น

“ฮึ่ม ความรุ่งเรืองในวันเก่าผ่านพ้นไปแล้ว มันก็หมื่นปี แล้วตั้งแต่ที่เขาเป็นศิษย์ผู้นำเมืองแต่ข้าไม่เคยได้ยินเขาทำอะไรสำเร็จเลย เขาอาจจะถูกหลายคนลืมไปแล้ว” กัปตันคิด

******

ยานได้บินมาหยุดอยู่บนอากาศด้านบนเมือง

“นายท่าน”

“นายท่าน”

ด้วยการนำของกัปตัน สมาชิกคนอื่นๆ ต่างก็มาส่ง หลัวเฟิง ด้วยความเคารพ

หลัวเฟิง มองไปยังพลังงานที่สับสน ที่ครอบคลุมไปทั่วทั้งเมืองด้านล่าง

ตั้งแต่ที่เขาเป็นศิษย์ของผู้นำเมือง เขาเริ่มชินกับสิทธิพิเศษต่างๆ จริงๆ แล้วแม้ว่าระดับของเขาบนสะพานสวรรค์อย่างเดียวจะทำให้เขาได้สิทธิ์พวกนี้มาก็ตาม

เมืองแห่งความโกลาหล ที่พักของ ทรูหยัน

หลัวเฟิง รีบเข้าไปในที่พักและพบศิษย์บางคนพร้อมกับศิษย์สายในคนอื่นๆ

“ศิษย์พี่”

“ศิษย์พี่หลัวเฟิง” ศิษย์หลายคนตะโกนเรียกเขาด้วยท่าทีหลงใหล หลัวเฟิงถามพวกนั้นว่า ทรูหยัน อยู่ที่ใดในตอนนี้

หลังจากนั้นสักพัก

เขาก็ได้ไปที่ลานและหยุดไปทันที

“ข้าได้ยินเสียงเจ้ามาแต่ไกลๆ ทำไมเจ้าไม่เข้ามาล่ะ” เสียงของ ทรู

หยัน ดังก้องไปทั่วลาน

หลัวเฟิง ยิ้มและเดินเข้าประตูไป

ทรูหยัน นั่งอยู่ที่นั่น ด้วยการโบกมือ ประตูก็ได้ปิดลง

“เจ้ามาหาข้าไม่เอาอะไรมาด้วยเลยรึ?” ทรูหยัน มองไปที่ หลัวเฟิง ด้วยท่าทีที่ไม่ต่างจากเดิม

หลัวเฟิง ยิ้มออกมาแล้วพลิกมือก็ได้มีไวน์แดงออกมาหนึ่งขวด มันขนาดราวๆ พอกับฝ่ามือและรูปร่างของมันก็เหมือนกับส้ม มีรอยอันซับซ้อนที่ผิวของมันและส่องแสงพลังงานของกฎไฟออกมา หลัวเฟิง วางมันไว้ที่โต๊ะของอาจารย์ทันที

“ตามที่ท่านบอก ข้าต้องเอาไวน์มาเยี่ยมท่าน” หลัวเฟิง พูดอย่างจริงจัง “ข้าสงสัยว่าท่านจะพอใจมันรึเปล่า”

“พอใจอย่างมาก”

ทรูหยัน เบิกตากว้างมองไปที่ไวน์ หลังจากที่สังเกตดีๆ แล้วเขาก็ได้

เอื้อมมือออกมาจับมันก่อนจะพยักหน้า “อันที่จริงมัน มีเพียงแค่

มนุษย์ที่ร่ำรวยที่สามารถซื้อมันได้ นี่น่ะต้องใช้เงินทั้งหมดของ

จักรพรรดิระดับขีดกำจัด เลย มีไวน์ไม่กี่ขวดในหมู่มนุษย์ ข้าเคยลองกินมาแค่แก้วเดียว ข้าไม่คิดว่า…”

“ฮี่ ฮี่” ทรูหยัน ยิ้มออกมาอย่างดีใจ “ศิษย์ที่ดีของข้า ดาบสายน้ำ ผู้

แข็งแกร่ง ดูเหมือนว่ารางวัลของเจ้าจากเขตนอกสงครามนั้นจะ

มหาศาล”

“ฮี่ ฮี่” หลัวเฟิง ยิ้ม

อันที่จริงมันก็มหาศาลจริงๆ

ใส่ความเห็น

อีเมลของคุณจะไม่แสดงให้คนอื่นเห็น ช่องข้อมูลจำเป็นถูกทำเครื่องหมาย *

error: Content is protected !!
Exit mobile version