Skip to content

Tales of Herding Gods 189

ตอนที่ 189 หีบไม้

หลงเจี่ยวหนันก็ลังเลไปครู่ วังวนบนท้องฟ้าเหนือเมืองคลื่นสวรรค์ได้กลายเป็นทางเชื่อมมิติไปยังโลกอื่นแล้ว ฝูงมารฟ้าที่พรั่งพรูออกมาจากวังวนก็ยิ่งแข็งแกร่งขึ้นทุกกลุ่ม พวกมันออกมาบินว่อนมืดฟ้ามัวดิน

“ออกมา ราษฎรแห่งตู้เถียนของข้า ละทิ้งโลกมืดอันแหลกสลายของเราและมุ่งหน้าสู่โลกใบใหม่!”

ราชามารตู้เถียนยืนอยู่บนแท่นสังเวยและอ้าแขนทั้ง 8 ของตนเพื่อต้อนรับฝูงมารฟ้าที่กําลังบินร่อนลงมา พร้อมกับตะโกนด้วยเสียงกัมปนาท “มา ราษฎรของข้า โลกนี้มิได้รกร้างเหมือนตู้เถียน ที่นี่มีสาวงาม อาหารอันไม่สิ้นสุด และผู้คนในโลกนี้ล้วนแต่อ่อนแอ พวกเรามาเหยียบขยี้พวกมันกัน!”

หลงเจี่ยวหนันเห็นบิดาของตนถูกเหยียบอยู่ใต้เท้าของราชามารตนนี้ แม้แต่มังกรไร้เขาคู่ใจก็นอนพังพาบอยู่กับพื้นไม่อาจโงหัวขึ้นมาได้

ในขณะเดียวกัน ตัวตนระดับจ้าวลัทธิอีกคนก็ถูกบั่นศีรษะ หัวของเขาถูกราชามารตู้เถียนเด็ดออกมาชูขึ้นสูงในมือของเขา

“สํานักขี่มังกรจะพบจุดจบจริงๆ น่ะหรือ” ความโศกศัลย์ซัดโถมใส่หัวใจของนาง

ฝูงมารฟ้าบนนภากาศร่วงลงมาราวกับห่าฝนและไล่ล่าโจมตีพวกทหารที่กําลังหนีไปทั่วทุกทิศทาง ฉินมู่เองก็ถูกตบร่วงลงจากฟากฟ้าและกลิ้งไปกับพื้นสองสามทอด มารฟ้าหกเจ็ดตนที่ร่วงลงมารอบๆ ตัวเขา ก็ค่อยๆ ลุกขึ้นยืน

ฝูงมารฟ้าไม่ใช่สิ่งแปลกใหม่สําหรับฉินมู่ เขาได้เดินทางข้ามแดนโบราณวินาศกับผู้ใหญ่บ้านในยามราตรี และได้พบกับฝูงมารฟ้าเมื่อเขาเสาะหาหมู่บ้านไร้กังวล เขายังสังหารพวกมันไปเป็นฝูงๆ อีกด้วย

ร่างกายของฝูงมารฟ้าแข็งแกร่งและมีรูปลักษณ์ผิดแผกต่างๆ กันไป อันแตกต่างจากร่างกายมนุษย์ ยิ่งไปกว่านั้นพวกมันฝึกปราณมาร และเชี่ยวชาญทั้งเวทมนตร์และวิชาบู๊ ทักษะเทวะของพวกมันพิลึกกึกกือ แต่ไม่เพริศแพร้วพิสดารเท่ากับของมนุษย์

เมื่อมารฟ้าเหล่านั้นร่วงลงถึงพื้น ฉินมู่ก็พุ่งไปประชิดมารฟ้าตนหนึ่งและง้างมีดเหวี่ยงบั่นคอมัน จากนั้นเขาหลบหลีกหางแมงป่องของมารฟ้าอีกตน หางพิษดํามะเมื่อมเกือบจะปักโดนคอเขา

ฉินมู่แทงนิ้วออกไป และกระบี่ผู้พิทักษ์เยาว์ก็พุ่งวาบทะลุหางแมงป่องอันมารฟ้าไม่ทันชักมันกลับไป มืออีกข้างผนึกมุทรามารมหาอิสระ เขาดึงวิญญาณของมารฟ้าซึ่งอยู่ใกล้กับเขาออกจากร่าง และบดขยี้วิญญาณนั้นเป็นชิ้นๆ!

“หยั่ว นาลา!”

มารฟ้าหัววัวชี้มายังเขาและตะโกน “หยั่ว นาลา ไม อบูลู จี้เหนา ตี่ตี่ เหนาเจี่ยหง” (นักรบ ข้าท้าเจ้าสู้!)

“มาเลย ซัดกันสักตั้ง!”

ฉินมู่กู่ร้องและปราณชีวิตก็แผ่พุ่งออกจากการโคจรวิชากายาจ้าวแดนดินสามอมตะ วัวนั้นก็โหยหวนคํารามเช่นกันและตะลุยเข้าใส่ด้วยฝีเท้าอันไวว่อง มือก็ลากมีดใหญ่อันยาว 5 วา ด้านคมของมีดที่ลากกรีดมากับพื้นสร้างประกายไฟเปรี๊ยะปร๊ะ มันลากมีดด้วยกําลังแรงแล้วเหวี่ยงฟันฉินมู่จากข้างบนโดยฉับพลัน!

ในจังหวะนั้นเอง งูใหญ่ก็ทะลวงลงมาจากท้องฟ้า และบดทับมารฟ้าหัววัวจนเป็นก้อนเนื้อเละ หลงเจี่ยวหนันบังคับงูยักษ์ให้ร่อนลงจอดที่พื้น หางงูเหวี่ยงฟาดขนานพื้นราวกับเสาเหล็กหนาหนักด้วยพลังของงูนางจัดการมารฟ้าที่ติดตามนางมาจนหมด

ฉินมู่สะกิดเท้าพุ่งถอยเมื่อหลงเจี่ยวหนันทําท่าจะบุกตะลุยมาทางเขา มารฟ้าจํานวนไร้ประมาณร่อนลงจากท้องฟ้า แม้ว่าวรยุทธ์ของนางจะเหนือลํ้ากว่าฉินมู่สองสามขั้น นางก็ยังต้องดิ้นรนต่อสู้อย่างสุดกําลัง

ฉินมู่เองก็ถูกห้อมล้อมโจมตี ฮู่หลิงเอ๋อรีบเรียกพายุอันหมุนเกลียวรอบๆ พวกเขา แต่ก็ยังมีมารฟ้าที่ทะลวงพายุเข้ามาได้ขยํ้าใส่

มารฟ้าจากโลกมิติอื่นเทลงมาจากวังวนมากขึ้นและมากขึ้นทุกที เมื่อมองจากที่ไกลๆ มันก็ดูเหมือนฝูงแมลงวันอันคลาคลํ่าซึ่งหย่อนกลุ่มลงจากฟากฟ้า บดบังสวรรค์และกลบทั่วทั้งพิภพ

“ปรมาจารย์บอกข้าว่าถ้าก่อเภทภัยอะไรไว้ ต้องสยบมันให้ได้ด้วยตนเอง แต่ดูท่าคราวนี้ข้าคงระงับเภทภัยที่ก่อไม่ได้”

หน้าผากฉินมู่หลั่งเหงื่อเย็นเยียบ ทันใดนั้นแสงเจิดจ้าก็พลันพุ่งมาจากทิศใต้ แสงนั้นแล่นวาบกรีดฟ้าเป็นทางยาว ส่องแสงฉายโชนไปทั่วผืนพิภพ

แสงนั้นยิ่งมายิ่งบาดตา พลางเคลื่อนมาจากทิศใต้ ที่ใดก็ตามที่แสงนี้แล่นผ่าน ฝูงมารฟ้าก็จะร่วงหล่นลงมาโดยปราศจากศีรษะ ฉินมู่เงยหน้าขึ้นมาและตกใจอย่างถึงที่สุด

แสงนั้นคือกลุ่มขบวนกระบี่ กลุ่มกระบี่อันก่อขึ้นจากกระบี่บินจํานวนไร้ประมาณ! จะนับว่ามีกระบี่ในนั้นกี่เล่มคงนับไม่หมดไม่ถ้วน

ในขณะเดียวกัน ใจกลางกลุ่มขบวนกระบี่ ก็มีไจกระบี่นับพันที่ยังคงหมุนหวืออย่างไม่หยุดนิ่ง ไจกระบี่เหล่านั้นเปล่งแสงเงินยวงดั่งดวงจันทร์และซัดกระบี่บินให้พรั่งพรูออกมาอย่างต่อเนื่อง เข่นฆ่าสังหารฝูงมารฟ้าบนอากาศด้วยท่วงท่ากระบี่ทุกรูปแบบ

กลุ่มกระบี่นี้กว้างขวางใหญ่โต แสงที่เปล่งจากกระบี่แต่ละเล่มนั้นเจิดจรัสบาดตา ถ้ากะคร่าวๆ คงมีกระบี่ในนั้นหลายล้านเล่ม ด้วยแสงกระบี่หลายล้านเล่มที่ส่องขันประชันกัน ก็สร้างทัศนียภาพอันยากจะลืมเลือน

แม้ว่าฝูงมารฟ้าจากตู้เถียนจะมากมายมืดฟ้ามัวดินแต่ท้องฟ้าก็กลับมากระจ่างอย่างรวดเร็วหลังจากที่กลุ่มกระบี่อันเรืองรองนั้นกวาดล้างพวกมันทิ้งไว้แต่ซากศพที่ร่วงลงมายิ่งกว่าห่าฝนฤดูมรสุม

ในเมืองคลื่นสวรรค์ สีหน้าของราชามารตู้เถียนแปรเปลี่ยนอย่างรุนแรง เขากู่ร้องด้วยเสียงอันดังและเร่งกระบวนการอัญเชิญร่างจริงของเขามาที่นี่ เสียงของมารฟ้าชั้นสูงที่ทําพิธีรอบๆ แท่นสังเวยก็เร่งเร้าและทวีความดังมากขึ้น ใช้ภาษามารและซากศพจํานวนมหาศาลเพื่อช่วยอัญเชิญร่างแท้ของราชามารตู้เถียน

มวลอากาศสั่นสะท้านอย่างรุนแรงเมื่อขามหึมาข้างหนึ่งเหยียบหยั่งลงมาจากโลกมิติอื่นขานั้นมีเพลิงปีศาจแผดเผาอยู่รอบๆ อันเผาผลาญท้องฟ้าให้เป็นสีแดงฉาน

กลุ่มกระบี่กลางฟากฟ้าคคนานต์พลันเปลี่ยนแปลงทิศทางและหวีดหวือไปยังเมืองคลื่นสวรรค์ อาณาบริเวณของกลุ่มกระบี่นั่นใหญ่โตแทบจะเท่ากับอาณาเขตเมืองคลื่นสวรรค์ทั้งเมือง

ในเมืองนั้น ราชามารตู้เถียนร้องคํารามอย่างเกรี้ยวกราดและยกแขนทั้ง 8 ขึ้น เสียงหึ่งฮัมดังมาพร้อมกับม่านคุ้มกันสีดําขนาดมหึมาที่ปรากฏอยู่บนท้องฟ้าเหนือเมืองคลื่นสวรรค์คลี่คลุมไปทั่วทิศ

ในพริบตานั้น เสียงเสียดแก้วหูถี่ยิบนับล้านครั้งก็ดังออกมา ส่งให้ผู้คนจํานวนมากเลือดไหลออกกกหู นั่นคือเสียงที่กระบี่บินทั้งมวลเข้าไปปะทะกับม่านดําของราชามารตู้เถียน เสียงเคร้งๆ ถี่ยิบเหล่านั้นฟังเผินๆ เหมือนกับเกิดขึ้นพร้อมๆ กันและคลื่นเสียงอันทับซ้อนอย่างมหันต์ก็ทะลวงแก้วหูของทุกผู้คนอย่างไม่มีใครต้านทานได้

ฉินมู่แก้วหูฉีกหนวกและไม่ได้ยินเสียงใดอีกต่อไป มารฟ้าคลาคลํ่าอันล้อมรอบเกลื่อนกลาดเขาก็กลิ้งตัวกับพื้นร้องโอดโอย และกุมหูของพวกมันด้วยความเจ็บปวด

ในเมืองระเบียบยุทธ์ที่ฝั่งตรงข้ามของแม่นํ้าหย่ง ทหารสันตินิรันดร์จำนวนมากเฝ้าป้องกันการรุกรานของฝูงมารฟ้า และตอนนี้ทุกอย่างก็ปั่นป่วนสับสน เสียงไม่ได้ศัพท์อันดังมาจากการการปะทะของแสงกระบี่และม่านคุ้มกันได้ทําให้พวกเขาตกอยู่ในความเจ็บปวดอย่างสาหัส แต่ในเมื่อพวกเขาอยู่ห่างกว่ามาก จึงยังพอทนทานไหว

เสียงตูมๆ ดังมาจากผิวแม่นํ้าหย่ง นั่นมาจากฝูงมารฟ้าที่บินข้ามนํ้าหมายมาโจมตีเมืองฝั่งตรงข้าม แต่เจอคลื่นเสียงร้ายกาจนั่นซัดจนหล่นลงไปในแม่นํ้า

ในหอคอยปราการของเมืองระเบียบยุทธ์ แม่ทัพเฒ่าผมขาวเผยสีหน้าแตกตื่น “ท่านราชครู มีสุดยอดจอมยุทธ์ข้ามแม่นํ้าไปฝั่งโน้น!”

“เจ้านครเว่ย คนผู้นี้มิใช่เพียงสุดยอดจอมยุทธ์”

ราชครูสันตินิรันดร์ยืนอยู่ข้างหน้าและทอดสายตาจับจ้องสถานการณ์ฝั่งตรงข้ามแม่นํ้า “กําลังฝีมือของเขาไม่ห่างไกลไปจากข้า เขานั้นยังแกร่งกล้าเสียยิ่งกว่า 3 ปีศาจเฒ่าที่ลอบโจมตีข้าเมื่อคราวก่อน”

เจ้านครเว่ยเผยสีหน้าพิศวง เขาเพ่งมองกลุ่มกระบี่ที่ปะทะสัประยุทธ์กับราชามารตู้เถียนและมองไปยังร่างจริงของราชามารที่เหยียบขาครึ่งหนึ่งลงมาจากบนท้องฟ้าและถามด้วยความฉงน “ใครกันที่อัญเชิญราชามารมา นี่มันจะไม่เกินไปหน่อยหรือ หรือพวกที่สุมหัวกันในแดนใต้จะตํ่าช้ากันถึงขนาดทําทุกสิ่งทุกอย่างเพื่อชัยชนะ?”

ราชครูสันตินิรันดร์ส่ายหน้า “มีข้าอยู่ราชามารตู้เถียนไม่มีวันจุติลงมาในโลกนี้ได้สําเร็จ ในทางตรงข้าม ผู้ที่อัญเชิญมารเทวะตนนี้มาได้สร้างความดีความชอบใหญ่หลวงแก่สันตินิรันดร์ ก็ดูสิเมืองคลื่นสวรรค์ถูกทําลายล้างในพริบตาแบบนั้นไม่ใช่หรือ ทหารหาญของเรามิจําเป็นต้องสละเลือดเนื้อสักนิด และหากว่าเป็นข้า ข้าก็คงทําเช่นเดียวกับคนผู้นั้นเพื่อรักษาชีวิตไพร่พลของเรา”

เจ้านครเว่ยถอนหายใจ “ราชครู เช่นนี้ผู้คนถึงไม่เข้าใจท่านและชอบกล่าวหาว่าท่านหลงเข้ามรรคามาร”

ราชครูสันตินิรันดร์เดินออกไปจากป้อมปราการและมุ่งตรงไปยังเมืองคลื่นสวรรค์ที่อยู่ฝั่งตรงข้ามพร้อมด้วยรอยยิ้ม “สาเหตุที่พวกเขากล่าวกันเช่นนั้นเพราะว่าข้าขัดผลประโยชน์พวกเขา บาปบุญคุณโทษของข้ามิใช่สิ่งที่ผู้คนในปัจจุบันสมัยจะสามารถตัดสิน มีแต่ชนรุ่นหลังนับจากนี้ไปหลายร้อยหลายพันปีเท่านั้นที่จะสามารถตัดสิบบาปบุญคุณโทษของข้าได้! ยิ่งไปกว่านั้น ในสายตาของข้า ผู้คนช่างตัดสินในปัจจุบันสมัยเหล่านั้นไม่ต่างอะไรกับคนตาย”

ในเมืองคลื่นสวรรค์ ราชามารตู้เถียนครางเสียงหนักเนื้อหนังบนฝ่ามือทั้ง 8 ของเขาแหลกยับเยิน การโจมตีของกระบี่บินจํานวนหลายล้านเล่มนั้นน่าขวัญหนีดีฝ่อจนเกินไป เขาไม่อาจต้านรับพลานุภาพที่มากับพวกมันได้

หากว่าร่างจริงของเขาลงมาแทน เขาก็คงต้านรับไว้ได้ แต่ร่างจําแลงของเขาในตอนนี้เพียงก่อขึ้นมาจากไม้ ฉินมู่อัญเชิญเขามาด้วยเสียงมาร แต่พละกําลังของฉินมู่อ่อนด้อยเกินไป พลังงานที่เขาสามารถส่งผ่านทางฉินมู่จึงมาได้เพียงเล็กน้อย และไม่เพียงพอที่จะต้านรับยอดฝีมือสุดแกร่งระดับนี้ ผู้ซึ่งควบคุมกระบี่บินได้ทีละเป็นล้านล้านเล่ม

ในจังหวะนั้นเอง เขาก็เห็นชายกลางคนเดินมาจากอีกฝั่งแม่นํ้า ราชามารตู้เถียนรู้สึกถึงความหวาดกลัวที่ผุดขึ้นมาในใจและขณะที่กําลังจะรีดเร้นพละกําลังเพิ่มเข้าไปอีกหน่อย เขาก็พลันเห็นแสงกระบี่พวยพุ่งตรงมายังใบหน้าตน

กระบี่จู่โจมนี้สุดยอดแค่ไหนน่ะหรือ การจู่โจมนี้แฝงกฎเกณฑ์อันลึกลํ้าในวิถีกระบี่ ปลดปล่อยจิต

สังหารจากเต๋ากระบี่ออกมาอย่างถึงขีดสุด มันเหมือนกับว่าได้เห็นภาพจิตรกรรมอันวิจิตรอยู่กับตา เมื่อได้เห็นจิตรกรรมอันเอกอุเช่นนี้ เขาก็ตายตาหลับ

ดังนั้น เขาจึงตาย

ศีรษะเขาถูกตัดกระเด็นด้วยแสงกระบี่ ศีรษะอันมี 4 หน้าและ 12 ดวงตาร่วงหล่นลงจากบ่า

ราชครูสันตินิรันดร์รั้์งกระบี่ตนกลับ และเดินไปยังเมืองคลื่นสวรรค์ ฝูงมารฟ้าชั้นสูงในเมืองยังคงร่ายเวทมนตร์อัญเชิญที่แท่นสังเวยอย่างไม่หยุดยั้ง เมื่อพวกมันเห็นชายกลางคนผู้นี้ มารฟ้าจํานวนมหาศาลก็ไหลบ่าเข้ามาโจมตีราชครูสันตินิรันดร์ราวกับคลื่นยักษ์

ที่ตามมาจากนั้นคือการร่วงล้มของศพมหึมาของราชามารตู้เถียน ม่านคุ้มกันสีดํานั้นก็แตกสลายและจางหายไปกับอากาศ

กระบี่บินนับล้านเล่มที่โจมตีม่านคุ้มกันอยู่ก็พลันวกกลับ แล้วรวบเข้าไปในไจกระบี่แต่ละอันของพวกมัน ในท้องฟ้านั้นมีไจกระบี่หลายพันไจ แต่ละอันมีขนาดเท่านิ้วหัวแม่โป้ง หมุนหวือไปก็หวือมา

ในจังหวะนั้นเอง ก็มีหีบหนึ่งลอยละลิ่วจากที่ไกลๆ และเมื่อฝาหีบนี้เปิดขึ้น ไจกระบี่จํานวนนับไม่ถ้วนก็พรั่งพรูกลับเข้าไปในหีบไม้ด้วยเสียงกรุ๊งกริ๊งติงตัง

ราชครูมองไปยังหีบไม้ดังกล่าวด้วยสีหน้าครุ่นคิด และยืนนิ่งอยู่ตรงนั้น

เมื่อไม่มีใครจัดการแท่นสังเวย การอัญเชิญอันแสนจะขนหัวลุกนั้นก็สิ้นสุด และวังวนอันขยายตัวเป็นเกลียวบนท้องนภาก็หยุดขยายและหดแคบลงเรื่อยๆ

ร่างจริงของราชามารตู้เถียนซึ่งหยั่งขาลงมาครึ่งหนึ่งแล้วก็ถูกบีบให้ชักขาข้างนั้นกลับไป เสียงคํารามด้วยความเกรี้ยวกราดและไม่ยินยอมก็ดังมาแต่ลางเลือนจากส่วนลึกของฟากฟ้า

ที่นอกเมืองคลื่นสวรรค์ ฉินมู่ก็เงยหน้ามองหีบไม้ที่ลอยอยู่บนอากาศและเผยสีหน้าสงสัย “หีบนี้คุ้นตาจริงๆ ดูเหมือนจะเป็นหีบที่อยู่ในโรงตีเหล็กที่หมู่บ้าน หีบที่ว่าก็มีลูกกลมเล็กๆ สีเงินบรรจุไว้เต็มไปหมด ท่านยายซีบอกข้าว่าพวกมันไม่ใช่ไจกระบี่ เป็นลูกกลมเงินธรรมดา นางยังบอกอีกว่าท่านปู่ใบ้ไม่น่าจะรวยขนาดนั้นหรอก…”

เขาเห็นไจกระบี่ทั้งหมดไหลกลับเข้าหีบโดยไม่เหลือไว้ข้างนอกแม้แต่ลูกเดียว หีบไม้พลันตกลงมา ฉินมู่จึงรีบวิ่งไปยังจุดที่หีบไม้ร่วงหล่น

หีบไม้นั้นร่วงลงไปในป่าหย่อมหนึ่ง ฉินมู่รีบรุดเข้าไปและเห็นผู้เฒ่าในชุดผ้าฝ้ายก็กําลังแบกเตาหลอมตีเหล็กไว้ที่หลัง ที่มือของเขามีกล่องไม้ ใบหน้าของเขาเต็มไปด้วยริ้วรอยแห่งชีวิตอันตรากตรํา อีกทั้งรอยยับย่นแห่งกาลเวลา

เมื่อผู้เฒ่าในชุดผ้าฝ้ายเห็นเข้าวิ่งมาหา ผู้เฒ่าก็ยิ้มร่าอ้าปากเผยให้เห็นโพรงปากอันไร้ลิ้น

ใส่ความเห็น

อีเมลของคุณจะไม่แสดงให้คนอื่นเห็น ช่องข้อมูลจำเป็นถูกทำเครื่องหมาย *

error: Content is protected !!
Exit mobile version