Skip to content

Tales of Herding Gods 188

ตอนที่ 188 ชายหรือหญิง

พวกเขารีบพยุงกิเลนมังกรจากไป กิเลนมังกรนั้นได้รับบาดเจ็บขาเดินไม่ค่อยไหว ฮู่หลิงเอ๋อกระโดดขึ้นหลังฉินมู่และร่ายเวทมนตร์เรียกพายุหมุน กวาดยกเอากิเลนมังกรขึ้นไปบนยอดลม และพาเขาหนีไปด้วยกัน

ในเวลาเดียวกันข้างหลังพวกเขา เมืองคลื่นสวรรค์ที่ปลูกสร้างอยู่บนเทือกเขาข้างแม่นํ้าก็กําลังพังทลายลงมา ขณะที่ราชามารตัวสูงใหญ่เทียมฟ้าต่อสู้ปะทะกับยอดฝีมือในเมือง เขาก็ยังมีเวลาว่างใช้เลือดเนื้อและกระดูกของผู้คนที่เขาสังหารมาก่อสร้างเป็นแท่นสังเวยอีกต่างหาก

กระดูกย้อมเลือดและกะโหลกที่เพิ่งเด็ดออกมาใหม่ๆ ลอยไปเป็นเส้นสายกลางอากาศและร่วงลงใกล้เท้าเขาก่อสร้างแท่นสังเวยชั้นที่หนึ่งอย่างรวดเร็ว

ร่างจริงของเขายังคงอยู่ในโลกมิติที่เรียกว่าตู้เถียน มีแต่พลังอํานาจและสํานึกรู้ของเขาที่จุติมาที่นี่ แต่กําลังฝีมือของเขานั้นก็เหนือลํ้ากว่ายอดฝีมือระดับจ้าวลัทธิแล้ว

ในเมืองนั้น ราชามังกรแห่งสํานักขี่มังกรมิใช่ยอดฝีมือเพียงผู้เดียวที่มีกําลังฝีมือระดับจ้าวลัทธิ แต่ยังมีจอมยุทธคนอื่นๆ ในขั้นเป็นตายและขั้นสะพานเทวะด้วย หากแต่ว่าแม้พวกเขาจะกลุ้มรุมโจมตี ก็ไม่อาจทําอะไรราชามารตู้เถียนได้และกลับเป็นฝ่ายบาดเจ็บเสียอีก

ส่วนกองทัพที่ประจําการในเมือง ผู้ฝึกวิชาเทวะหลายพันคน ล้วนแต่บาดเจ็บกระอักเลือดจากเสียงร้องคํารามของราชามารตู้เถียนและตกตายไปก็มากจากสายตาสังหารจาก 12 เนตรราชามาร

เมืองนี้ตกอยู่ในความระสํ่าระสายและปั่นป่วนเป็นอย่างยิ่ง ทหารจํานวนนับไม่ถ้วนวิ่งพล่านหนีตายกันอย่างไม่เป็นกระบวนรบ บางคนถึงกระโดดลงไปในแม่นํ้า แต่ก็ถูกคลื่นเชี่ยวกรากสูงเทียมขุนเขาในแม่นํ้าหย่งซัดร่างพวกเขาปะทะผนังผาจนแหลกเหลว

เมื่อฉินมู่ติดตามคณบดีป้าซานไปยังดินแดนนอกกําแพงใหญ่ เพื่อแสวงประสบการณ์ การโจมตีประสานของยอดฝีมือ 800 คนแห่งท้องทุ่งหญ้าสามารถบ่อนเซาะทําลายทักษะเทวะของคณบดีป้าซาน ม่านสวรรค์ดาวหมีใหญ่ และบีบให้เขาต้องถอยร่นแล้วร่นอีก

คณบดีป้าซานเป็นยอดฝีมือระดับจ้าวลัทธิแต่ก็ยังถูกบีบให้ล่าถอย คราวนี้มียอดยุทธ์วิชาเทวะหลายพันคนและผู้ฝึกยุทธ์จํานวนนับไม่ถ้วนในเมืองคลื่นสวรรค์ หากว่าพวกเขาร่วมมือเป็นแรงเดียวก็อาจจะคัดง้างกับราชามารตู้เถียนได้สักพัก แต่ทว่าแต่ละสํานักที่อยู่ในเมืองนั้นไม่มีใจสมานและต่างก็เหมือนกับเม็ดทรายร่วนจับกันไม่ติด มุ่งแต่หนีตายเอาชีวิตตนรอดไว้ก่อน

ฉินมู่มองกลับไปและเห็นหลงเจี่ยวหนันไล่ตามมาอย่างสุดชีวิต แต่ทว่าดูไม่เหมือนเขากําลังไล่ตามพวกฉินมู่

อ้อ หลงเจี่ยวหนันก็กำลังหนีเอาชีวิตรอดเหมือนกันแฮะ ฉินมู่เพิ่งนึกขึ้นได้

ตู้ม

แรงสั่นสะเทือนน่าหวาดผวาจากการปะทะประมือของยอดยุทธ์ สิ่งก่อสร้างแหลกยุบและสลายเป็นผุยผงกลางอากาศ ขณะที่ฉินมู่และคนอื่นๆ ก็ถูกกระดอนขึ้นไปบนอากาศจากแรงสะเทือนนั้น ผู้คนจํานวนไร้คณาร่วงลงจากอากาศอย่างช่วยตัวเองไม่ได้

ตูม ตูม!

ขณะที่พวกเขายังอยู่บนอากาศ แรงสะเทือนร้ายกาจอีกระลอกก็แล่นเข้ามา ฉินมู่กระอักเลือดไปหลายรอบ เขารีบคว้าฮู่หลิงเอ๋อจากบนกระเป๋าหลังมากอดไว้ที่อกเพื่อมิให้นางถูกแรงสั่นสะเทือนนั้นเขย่าร่างจนแตกดับ

แรงสะเทือนระลอกที่ 4 แล่นมาอีก ฉินมู่ครางหนักและรีบโคจรวิชากายาจ้าวแดนดินสามอมตะ กายเนื้อและวิญญาณของเขาพลันกลายเป็นทนทายาด แต่ก็ยังถูกเป่ากระเด็นไปอยู่ดี

ตึบ

ฉินมู่ร่วงลงสู่พื้นและกลิ้งหลุนๆ ไปหลายตลบ เขาปะทะเข้าไปในป่า และเห็นสายลมแรงร้ายซัดผ่านยอดป่า ตัดเฉือนยอดไม้จํานวนมากล้มครืนครัน

นั่นคือผลพวงจากทักษะเทวะที่มาจากยอดยุทธ์ทั้งหลายในเมืองคลื่นสวรรค์

โลหิตไหลรินจากมุมปากฉินมู่ และดวงตาเขาก็เบิกกว้างไปข้างหน้าพลางรู้สึกจุกแน่นในอกครู่หนึ่ง เขาก็หายใจเอาอากาศเข้าไปเฮือกใหญ่และได้ยินเสียงเป๊าะดังจากหน้าอก ดูเหมือนว่า กระดูกช่วงอกคงจะหัก

เขาหอบหายใจอย่างหนักหน่วงและนําฮู่หลิงเอ๋อที่อุ้มเอาไว้ในอ้อมแขนออกมา ฮู่หลิงเอ๋อก็บาดเจ็บอย่างมากและสลบไปแล้ว ฉินมู่รีบล้วงขวดหยกจากถุงเต๋าตี้ บีบปากนางให้อ้าออกเขาเทนํ้าลายมังกรเข้าไปในปากนางสามสี่หยด

สักครู่หนึ่ง ฮู่หลิงเอ๋อค่อยได้สติขึ้นมาและนั่งบื้อ จากนั้นนางก็กล่าวด้วยเสียงเจือสะอื้น “ข้าทํามังกรใหญ่หายไปแล้ว!”

กิเลนมังกรนั้นเดินไม่ถนัด ฮู่หลิงเอ๋อจึงเรียกพายุออกมาด้วยเวทมนตร์ของนางแบกกิเลนมังกรมาบนพายุนั้นแต่คลื่นกระแทกที่ซักมา 4 ระลอกเมื่อครู่ได้ทําลายเวทมนตร์และเป่ากิเลนมังกรหายไปไกลเช่นกัน

ฉินมู่ปลอบใจนาง “ไม่เป็นไรหรอก กิเลนมังกรนั้นแค่เจ็บตูด และเขาก็สามารถเยียวยาตนเองได้ ถึงข้าจะไม่แน่ใจว่าเขาจะเอี้ยวตัวไปเลียตูดตัวเองถึงไหมก็เถอะ และข้าเองก็ทําเฉินหว่านอวิ๋นและคนอื่นๆ ปลิวหายไปเช่นกัน”

“มังกรใหญ่มีประโยชน์มากนะ”

ฮู่หลิงเอ๋อกล่าว “แต่เฉินหว่านอวิ๋นและคนอื่นๆ ไร้ประโยชน์…”

ฉินมู่ลุกขึ้นและโคจรปราณชีวิตของเขาขับไล่เลือดเสียออกมาจากหน้าอก จากนั้นเขาก็อุ้มนางขึ้นมาแล้วกล่าว “เราไปตามหาพวกเขากันเถอะ”

ขณะที่เขากล่าวนั่นเอง ร่างของเขาก็พลันชะงักทื่อ เสียงของต้นไม้ล้มครึกโครมดังมาจากส่วนลึกของป่า และมีงูใหญ่ค่อยๆ เลื้อยออกมาจากป่า แหวกต้นไม้ที่เกะกะให้ล้มออกไป 2 ข้างทาง

งูยักษ์นั้นคือตัวที่ทําลายเรือเหาะอันฉินมู่และเว่ยหยงโดยสารมาจากสุสานแม่นํ้า

มันคือสัตว์ยักษ์ที่หลงเจี่ยวหนันเลี้ยงเอาไว้! “แค่กๆ แค่กๆ…”

เสียงไออย่างรุนแรงดังมาจากบนหัวงูนั้น ฉินมู่เงยหน้าขึ้นมอง และเห็นหนุ่มหน้าสวยที่เสื้อผ้ารุ่งริ่งไม่เป็นระเบียบนั่งอยู่บนหัวแบนๆ ของอสรพิษ ทั้งไอและอาเจียนเลือดออกมา

บนเสื้อยาวที่เคยสวยสะของเขามีรูพรุนกว่าเป็นพันรู แม้แต่แป้งประทินผิวและผงชาดบนใบหน้าก็เลอะเทอะไปหมด สารรูปดูไม่ได้

“เจ้าทําลายเมืองคลื่นสวรรค์ ทําลายสํานักขี่มังกรข้า!” หลงเจี่ยวหนันฝืนยืนขึ้นด้วยแข้งขาสั่นเทิ้ม สีหน้าบิดเบี้ยว เหมือนจะร้องไห้แต่ก็ไร้นํ้าตา สายตาของนางทอดลงจับที่ร่างฉินมู่ และฉินมู่ก็สั่นเทิ้มด้วยความหวาดผวา เขาเดินถอยกลับทีละก้าวที…ละก้าว

หลงเจี่ยวหนันเป็นยอดฝีมือที่สามารถปะทะประมือกับทั้งกองพันธนูเคลื่อนที่เร็วกับกองกระบี่พิทักษ์ที่นอกเมืองหลวง แม้จะใช้กองกําลังขนาดนั้นก็ไม่อาจจับตัวหลงเจี่ยวหนันไว้ได้ ปล่อยให้เขาเตลิดหนีไปโดยไม่เพลี่ยงพลํ้าเลยสักนิด

“เจ้าคือใครกันแน่”

งูยักษ์หงอนบุปผาโงหัวขึ้นและมองลงมายังฉินมู่ หลงเจี่ยวหนันหวีดร้อง “ราชครูสันตินิรันดร์ส่งเจ้ามารึ”

ฉินมู่ไม่ตอบคําและถอยกลับไปที่ข้างต้นไม้ใหญ่ ทันใดนั้นร่างของเขาก็หายวับในพริบตาและซ่อนร่างอยู่หลังต้นไม้นั้น

หลงเจี่ยวหนันกรีดร้องและเอื้อมมือไปข้างหน้าเพื่อคว้าจับ ปราณชีวิตของเขาแปรเปลี่ยนเป็นมือใหญ่มหึมาอันกอบกําและบดขยี้ต้นไม้ใหญ่นั้นเป็นชิ้นๆ

แต่ทว่าไม่มีร่องรอยของฉินมู่หลังต้นไม้ใหญ่นั้น หลงเจี่ยวหนันพลันบ้าคลั่งขึ้นมาทันทีและยกมือของนางไปข้างหน้า พื้นดินในบริเวณเขย่าสะเทือนอย่างต่อเนื่องและส่งหนามหินแทงทะลุขึ้นมาจากใต้ดิน ในรัศมี 18 วา มีหนามหินแทงขึ้นมาอย่างถี่ยิบ เปลี่ยนพื้นที่นี้ให้กลายเป็นป่าหินแหลม

“หนีรึ เจ้าหนีไม่ได้หรอก”

งูยักษ์นั้นเลื้อยร่างไปและบดขยี้หินหนามอันกีดทางมัน ในขณะเดียวกันหลงเจี่ยวหนันที่อยู่บนศีรษะงูก็ดูเหมือนจะบาดเจ็บหนักเพราะร่างของเขาบิดไปมาบนหัวงูราวกับว่าเขาเป็นมนุษย์งูตนหนึ่ง หลังจากบิดไปมาสักพัก ศีรษะของเขาก็พลันฉีกออกและที่หน้าของเขาก็มีอีกศีรษะโผล่ขึ้นมา

เขายังคงบิดไปมาเหมือนงูดิ้นและไม่นาน เขาก็ลอกคราบหนังมนุษย์เดิมออก หลงเจี่ยวหนันยืนขึ้นมาด้วยร่างเปลือยเปล่า เขาคว้าเอาเสื้อผ้าชุดใหม่ออกมาและค่อยๆ สวมใส่มันอย่างช้าๆ มองไปรอบๆ พลางหัวเราะคิกคัก “ข้ารู้ว่าเจ้ายังไม่ไปไกลและยังคงซุ่มอยู่แถวนี้ ข้ารู้สึกถึงสายตาเจ้า เจ้ากําลังชื่นชมเรือนร่างของข้า…”

ประมาณ 150 วาจากหลงเจี่ยวหนัน ฉินมู่นั่งยองอยู่บนคาคบไม้ใหญ่และเขม้นมองร่างกายของหลงเจี่ยวหนันที่ผ่านการแปรเปลี่ยนลอกคราบ “สํานักขี่มังกรนี่มีวิชาแปลกประหลาดเสียจริง ถึงกับสามารถลอกคราบตนเองออกเป็นร่างใหม่ได้ แต่ว่าไม่ใช่เขารู้กันทั่วว่าหลงเจี่ยวหนันเป็นบุตรชายของราชามังกรแห่งสํานักขี่มังกรหรอกหรือ ทําไมเขาถึงกลายเป็นผู้หญิงหน้าอกใหญ่ไปได้…”

ในชั่วพริบตาที่เขาหลบไปหลังต้นไม้ใหญ่ เขาก็ยกเสื้อนอกของตนเพื่อเคลื่อนย้ายระยะไกล หลบหลีกกระบวนท่าสังหารของหลงเจี่ยวหนันแต่ทว่าพลังวัตรของเขาไม่แก่กล้าจึงมิได้เคลื่อนย้ายไปไกลนักเขาสามารถเคลื่อนย้ายไปอย่างมากก็ 300 วา ไม่อาจไปพ้นจากป่านี้ได้

สิ่งที่ทําให้เขาตื่นตระหนกที่สุดคือวิชาที่หลงเจี่ยวหนันฝึกปรือ ตอนแรกนั้นหลงเจี่ยวหนันมีบาดแผลทั่วทั้งร่าง แต่หลังจากที่เขาลอกคราบผลัดผิว กลับไม่หลงเหลืออาการบาดเจ็บเลย

ยิ่งไปกว่านั้น หลงเจี่ยวหนันที่คลานออกมาจากหนังเก่า เหมือนทารกแรกเกิดก็มีเรือนร่างอันแตกต่างไปจากเดิม และทําให้ฉินมู่เพิ่งตระหนักว่านางนั้นดูเหมือนสตรีที่มีเรือนร่างอันเย้ายวน

เขาฝึกกล้ามอกได้เยี่ยมยอดกว่าข้า ข้าไม่อาจฝึกจนอกใหญ่ขนาดนี้ได้

ฉินมู่ลอบอุทานในใจ อย่างนั้นเขาเป็นชายหรือหญิง? หรือว่าจริงๆ แล้วเขาเป็นผู้หญิง แต่ราชามังกรอยากได้ลูกชาย ดังนั้นจึงให้ชื่อนางว่าเจี่ยวหนันอันแปลว่าเด็กชายผู้บอบบาง? ราชามังกรคงเลี้ยงดูนางอย่างบุตรชาย ทำให้นางมีรูปลกัษณ์อันแปลกประหลาดแบบนี้

สายตาของเขาจับจ้องเรือนร่างของหลงเจี่ยวหนันอย่างไม่กะพริบ หากว่าเขากะพริบตาในวินาทีนี้ การปิดและลืมตาขึ้นใหม่ของเขาก็จะเผยตําแหน่งตน อันทําให้หลงเจี่ยวหนันสามารถพบที่ซ่อนเขาได้อย่างง่ายดาย

หลงเจี่ยวหนันมีทักษะเทวะอันร้ายกาจเขื่องโข และเขาไม่มีทางเป็นคู่มือนางได้

ยิ่งไปกว่านั้นเสื้อผ้าเคลื่อนย้ายระยะไกล ก็สามารถพาเขาเคลื่อนย้ายไปได้เพียงสามสี่ครั้งพลังวัตรของเขาก็จะหมดสิ้น อันจะทําให้เขายากรอดพ้นเงื้อมมือของหลงเจี่ยวหนัน

เขาก็ไม่สามารถจ้องหลงเจี่ยวหนันตลอดเวลาได้ ยอดฝีมือระดับหลงเจี่ยวหนันนั้นมีประสาทสัมผัสอันเฉียบไวและก็สามารถติดตามสายตาของเขาเสาะหาที่ซ่อนฉินมู่

หลงเจี่ยวหนันยังคงค่อยๆ สวมเสื้อผ้าใหม่ของนางอย่างไม่รีบเร่ง ด้วยแผ่นหลังที่หันหาฉินมู่ ทันใดนั้นก็มีขนลุกเป็นตุ่มที่คอ ของนางพร้อมกับเสียงหัวเราะระริก “เจ้าจ้องคอข้า คอข้าสวยไหมล่ะ”

ฉินมู่ม่านตาหดแคบเมื่อรูขุมขนที่คอของหลงเจี่ยวหนันหดกลับเป็นปกติ นางค้นพบที่ซ่อนของฉินมู่แล้ว!

ฉินมู่ยกผ้าขึ้นตวัดพร้อมกับเสียงระเบิดดังก้องประชิดหู ร่างของเขาหายวับไปในการระเบิดของทักษะเทวะ

หลงเจี่ยวหนันเพิ่งสวมเสื้อครึ่งๆ กลางๆ และนางก็รั้งมือที่ปล่อยทักษะเทวะกลับ งูยักษ์แบกนางเลื้อยไปด้วยความเร็วขีดสุดของมันแต่ก็กลับไม่เห็นร่องรอยของฉินมู่ ณ จุดนั้น นางพลันเงยหน้าขึ้นและเห็นคนผู้หนึ่งวิ่งตะบึงอย่างไม่คิดชีวิตบนท้องฟ้า เหยียบอากาศตะลุยไปข้างหน้า

“เจ้าหนีไม่ได้หรอก!”

งูยักษ์ใต้ร่างนางพลันพ่นไอปีศาจออกมาและลอยขึ้นไปบนอากาศ ไล่กวดฉินมู่

บนท้องฟ้า ทั้งคู่เห็นสภาพของเมืองคลื่นสวรรค์และตกตะลึงอย่างแรง พวกเขาเห็นเมืองอันปลูกสร้างบนเทือกเขาอลังการบัดนี้ถูกทําลายราพณาสูร และใจกลางซากปรักหักพังของเมือง มีแท่นสังเวยสูงใหญ่อันก่อขึ้นจากโลหิตและกระดูกตั้งอยู่!

ราชามารตู้เถียนยืนอยู่บนแท่นสังเวยนั้นและต่อสู้กับคน 2 คน หนึ่งในนั้นคือราชามังกรแห่งสํานักขี่มังกรผู้ซึ่งประสานการโจมตีกับมังกรไร้เขาของตนและอีกคนหนึ่งเป็นยอดฝีมือระดับจ้าวลัทธิในวรยุทธ์ขั้นสะพานเทวะ

ทั้ง 2 คนนั้นต่อสู้อย่างหมิ่นเหม่เฉียดตาย และอาจถูกราชามารตู้เถียนเด็ดชีวิตไปได้ทุกเมื่อ ภาษามารเปล่งออกมาจากปากของราชามารตู้เถียนอันลึกลํ้าเปี่ยมปริศนายิ่งกว่าภาษามารที่ฉินมู่

ใช้อัญเชิญเขา!

เหนือเมืองคลื่นสวรรค์ ท้องฟ้าหมุนวนและบิดเบี้ยว ทันใดนั้นก็มีฟ้าร้องคํารามและอสุนีบาตฟาดมาเมื่อท้องฟ้าฉีกปริออกเผยให้เห็นห้วงมิติมืดอันลางเลือน!

ในห้วงมิติมืดนั้น ดูเหมือนจะมีสิ่งที่เคลื่อนไหวอยู่และทันใดนั้น มารแปลกประหลาดอันมี 2 หัวและ 2 ตาก็ลอยออกมาจากวังวนอันหมุนเกลียวอย่างไม่หยุดยั้ง

มารประหลาดนั้นยั้งเท้าอยู่กลางอากาศและส่งเสียงตะโกนเรียกเข้าไปในวังวน

ฟืด

จุดดําจํานวนมากมายพรั่งพรูออกจากวังวนมืดมัวพื้นฟ้ากระผีกนั้นพลางมุ่งหน้าลงไปยังเมืองคลื่นสวรรค์

พวกมันคือฝูงมารฟ้าแห่งตู้เถียน!

มารฟ้ามากกว่าหมื่นถ่ายเทมาจากตู้เถียน พวกมันเข่นฆ่ากันเอง ซากศพพวกมันร่วงลงจากท้องฟ้าราวกับห่าฝนและเข้าไปกองสะสมบนแท่นสังเวย ทําให้แท่นสังเวยในเมืองคลื่นสวรรค์ขยายใหญ่ขึ้นไปอีก

ฝนโลหิตโปรยปรายลงจากนภากาศ

และมีมารฟ้าตําแหน่งสูงซึ่งถือคทาลอยล่องลงมาจากบนอากาศ พวกมันลงเหยียบยืนบนแท่นสังเวยเมืองคลื่นสวรรค์และเริ่มท่องบ่นภาษามารอันลึกลับโบราณล้อมรอบแท่นสังเวยนั้น อักษรรูนอลังการจํานวนมากพลันปรากฏขึ้นบนท้องฟ้าเหนือแท่นสังเวยเปล่งแสงเจิดจ้า

ดูเหมือนข้าจะสร้างภัยพิบัติอันร้ายแรงกว่าครรั้งที่วางยาสลบทั้งมหาวิทยาลัยจักรวรรดิ…ฉินมู่คิดในใจ หางตาเขากระตุกอย่างรุนแรง

ใส่ความเห็น

อีเมลของคุณจะไม่แสดงให้คนอื่นเห็น ช่องข้อมูลจำเป็นถูกทำเครื่องหมาย *

error: Content is protected !!
Exit mobile version