ตอนที่ 187 ราชามารจุติ
นักพรตสํานักมหาบรรพตที่เป็นผู้นํากลุ่มตะลึงงัน “ศิษย์น้อง หญิงชาย? แม่ทัพท่านอาจจะยังไม่รู้ว่าศิษย์สํานักมหาบรรพตเรา แบ่งออกเป็นสองกลุ่มไปยังชนบทมฤคาเพื่อเชื้อเชิญเทพยดาลงมา และกลุ่มของพวกเราโชคดีที่อัญเชิญมารเทวะสําเร็จ แต่ว่าอีกกลุ่มถูกเข่นฆ่าจนหมดสิ้น ทั้งรูปสลักมารเทวะและยันต์สมบัติของพวกเขาถูกปล้นชิงไปจนหมด ไม่เว้นแม้แต่เสื้อผ้าติดกาย!”
เจ้าหน้าที่หลินติ่งสีหน้าแปรเปลี่ยนอย่างรุนแรง และร้องออกมา “หากว่าพวกที่กําลังอัญเชิญมารเทวะในบัดนี้ไม่ใช่ศิษย์น้องของพวกเจ้า แล้วพวกเขาเป็นใครกัน”
นักพรตผู้นํากลุ่มตาลุกวาบเมื่อเขาได้ยินเสียงพรํ่าสวดอย่าง ลางเลือนจากจวนเจ้าเมืองและกล่าวอย่างเย็นเยียบ “ข้าก็อยากรู้เหมือนกันว่าพวกเขาเป็นใคร…นี่แย่ล่ะ คนที่กําลังอัญเชิญปีศาจได้เชื่อมต่อกับมารเทวะในแดนมารแล้ว! พวกเรารีบไปดู!”
หลินติ่งตากระตุกอย่างรุนแรงและรีบรุดไปยังจวนเจ้าเมือง ระหว่างที่ตะโกนด้วยเสียงเข้ม “เจ้าสํานักน้อย รีบออกคําสั่งสังหารมารร้ายพวกนั้นในจวนเจ้าเมือง!”
และในจวนเจ้าเมือง ฉินมู่รู้สึกว่าสํานึกรู้ของเขาเดินทางลึกเข้าไปในโลกอื่นผ่านรูปสลักมารเทวะ และเดินทางผ่านความมืดนี้โดยตลอดจนกระทั่งหยุดยั้งอย่างกระทันหันเบื้องหน้าเขาเป็นกาลอวกาศแห่งความมืดอย่างไร้ขอบเขต และถัดไปนั้นเป็นดวงตาอันเต็มไปด้วยเพลิงแดงฉานที่ลุกไหม้อยู่ ในความมืด ที่เบื้องหน้าดวงตานี้ ฉินมู่ก็ไม่ต่างอะไรกับเศษธุลี
ฮืมมมม
ที่ข้างซ้ายของฉินมู่ ดวงตาอีกดวงก็เปิดออก และหลังจากนั้น ดวงตาที่ 3 บนตําแหน่งดวงตาทั้ง 2 ดวงก็เปิดขึ้นมาเช่นกัน รูม่านตาของดวงตาที่ 3 หรี่และเลื่อนเป้าสายตามาจับจ้องที่ร่างของฉินมู่
“มดปลวกเจ้าอัญเชิญข้า อัญเชิญราชามารตู้เถียนที่ครอบครองอาณาจักรไร้ขอบเขตแห่งตู้เถียน”
ดวงตาทั้ง 3 ลอยขึ้นไปบนฟ้า และห่างออกไปทุกทีๆ จากสํานึกรู้ของฉินมู่ แต่ทว่ามันก็ยังดูใหญ่มหึมายากหาใดเปรียบอยู่ดี ตอนนั้นเองฉินมู่จึงพบว่ามีแสงอยู่ข้างๆ กายเขา และเขาก็เหมือนกับตะเกียงท่ามกลางความมืด
เขามองไปที่ตนเองซึ่งยืนอยู่บนแท่นสังเวย แท่นนี้เปล่งแสงขาวเรืองและดูจิ๊บจ้อยในความมืดอันไร้สิ้นสุด ดูไม่สลักสําคัญ
แท่นสังเวยที่เขายืนอยู่เหมือนกับเป็นแท่นสังเวยจากต่างมิติ
“เจ้าได้อัญเชิญพลังอํานาจของข้า!” เสียงนั้นกึกก้องออกมาจากใจกลางดวงตาที่ 3 สูงและไกลลิบ เสียงดังกล่าวถล่มโถมทับสํานึกรู้ของเขาให้สั่นไหวไปมา “เจ้ากําลังอัญเชิญข้าไปยังโลกของเจ้า เพื่อฆ่าล้าง เพื่อสัประยุทธ์!”
ฉินมู่กล่าวอย่างนอบน้อม “ราชามารตู้เถียนผู้สูงส่ง ข้าวิงวอนให้ท่านจุติลงมา ข้าจะสังเวยท่านด้วยชีวิตอันแข็งแกร่งนับพันนับหมื่น คือผู้ฝึกวิชาเทวะทั้งหมดในเมืองคลื่นสวรรค์”
ดวงตาทั้ง 3 พลันลุกโหมเป็นเพลิงไฟ และเสียงอันกัมปนาทก็ดังก้องมา “ตามเจ้าประสงค์!”
แท่นสังเวยใต้เท้าฉินมู่พลันเปล่งแสงจ้า และรังสีแสงกระจัดกระจายออกไปทั่วทิศ ในเสี้ยวพริบตานั้น ทั้งเมืองคลื่นสวรรค์ก็ปรากฏเห็นขึ้นมากลางความมืด
ฉินมู่มองไปรอบๆ และหัวใจเขาเต้นตึกตัก ทั้งเมืองคลื่นสวรรค์ตกอยู่ภายใต้สายตาเขาทั้งหมดและผู้คนทั่วทั้งเมืองก็ไม่อาจเล็ดลอดสายตาเขาไปได้ ทุกพฤติการณ์ทุกเสื้อผ้าที่สวมล้วนแต่อยู่ในสายตาของเขา ละเอียดยันรูขุมขน
หลังจากนั้น ร่างมนุษย์ดังกล่าวก็เริ่มหายวับไปจากเมือง เหลือแต่เป้าหมายผู้ฝึกวิชาเทวะทั้งหมดที่อยู่ในสายตา
พวกที่หายไปจากเป้าสายตานั้นเป็นผู้ ฝึกยุทธ์ที่ยังไม่บรรลุขั้นหกทิศและคนธรรมดาสามัญ ส่วนพวกผู้ฝึกวิชาเทวะที่ไม่เลือนหายไปจากเมืองคลื่นสวรรค์ในสายตาของเขาคือเครื่องบูชายัญที่ราชามารตู้เถียนรับเอาไว้!
ฉินมู่รีบชี้ไปยังกิเลนมังกรที่อยู่ข้างๆ แท่นสังเวยและกล่าว “กิเลนมังกรตัวนี้ไม่ใช่ส่วนของเครื่องสังเวยที่ถวายแก่ราชามารตู้เถียนผู้ยิ่งใหญ่”
“หุบปาก”
เสียงอันน่าสยองและชั่วร้ายดังมาจากเบื้องหลังดวงตาทั้ง 3 ฉินมู่เห็นดวงตาอีก 3 ดวงที่ใหญ่กว่านั้นหมุนวนมาจากข้างหลัง 3 ตาเดิม “เจ้าไม่มีสิทธิสั่งราชามารตู้เถียน! ข้าจะหยิบยืมสํานึกรู้ของเจ้าเพื่อจุติลงมายังเมืองนี้!”
ฉินมู่พลันรู้สึกร่างตนแข็งทื่อไม่อาจขยับเขยื้อน เมื่อมีพลังอํานาจอันน่าพรั่นพรึงท่วมท้นออกมาจากโลกมิติอื่น!
ครืน
แผ่นดินสะท้านสะเทือนอย่างแรงแผ่ออกมาจากรอบๆ แท่นสังเวย แสงโลหิตพวยพุ่งขึ้นสู่ท้องฟ้า สูงกว่า 150 วา อาบย้อมร่างฉินมู่ให้เป็นสีแดงจากแสงนั้น เขารู้สึกได้ถึงมหิทธานุภาพอันร้ายกาจที่กําลังทาบทับลงมายังโลกใบนี้ผ่านสํานึกรู้ของเขา และแผ่พุ่งไปยังรูปสลักมารเทวะ
อักษรรูนบนรูปสลักมารเทวะนั้นก็ราวกับเนตรประหลาดที่ดูดกลืนเอาพลังงานอันส่งมาจากต่างโลกอย่างบ้าคลั่ง ผิวเทวรูปพลันแตกลายอย่างต่อเนื่อง ส่งเศษไม้กระเด็นกระจายไปทั่วทิศทาง
รูปสลักมารเทวะนี้พลันขยายใหญ่ขึ้นและใหญ่ขึ้นแสงเจิดจ้าแทรกซึมออกมาจากรอยร้าวบนผิวรูปสลัก ข้างในนั้นเห็นเลือดเนื้อที่เปล่งแสงจํารัสอยู่ในรูปสลักมารเทวะอันทําจากไม้!
ในชั่วพริบตาเดียว รูปสลักมารเทวะก็สูงใหญ่ขึ้นมา 15 วา และยังคงยืดขยายอย่างต่อเนื่องไม่หยุด
ฉินมู่รู้สึกเหมือนสํานึกรู้ของเขาถูกฉีกทึ้งออกจากกัน ไม่เพียงแต่พลังงานของราชามารตู้เถียนจะถูกส่งมา แต่สํานึกรู้ของราชามารตู้เถียนก็โถมทับลงมาด้วย สํานึกรู้นั้นทั้งชั่วร้าย น่าพรั่นพรึง และยากจะทนทาน นี่ทําให้สํานึกรู้ของฉินมู่กลายเป็นไม่สลักสําคัญเมื่อต้องอยู่ตรงหน้าสํานึกรู้อันยิ่งใหญ่นี้ ราวกับว่าเขาจะถูกบดขยี้ไปได้ทุกขณะ
ธรรมชาติของราชามารตนนี้ดุร้ายอํามหิตเป็นอย่างยิ่ง และเขาไม่สนใจว่าฉินมู่จะอยู่หรือตาย เขาเพียงแต่ส่งสํานึกรู้และพลังอํานาจของตนผ่านมาจากกาลและอวกาศอันห่างไกล ทุ่มเทเข้าไปบรรจุในเทวรูปมารเทวะ
รูปสลักนั้นยังคงขยายใหญ่อย่างต่อเนื่อง และทําให้เนื้อไม้ทั้งหมดที่ห่อหุ้มแปรเปลี่ยนเป็นร่างเลือดเนื้อจนสิ้น!
แครก แครก
เปลวสายฟ้ากลิ้งม้วนกระจายไปรอบๆ แท่นสังเวย ฟาดประกายไฟฟ้าใส่ทางนั้นทีทางโน้นที ขับไล่เฉินหว่านอวิ๋นและคนอื่นๆ ให้ถอยกรูดๆ กิเลนมังกรและฮู่หลิงเอ๋อก็ต้องก้าวถอยไปไม่หยุดเช่นกัน รัศมีอันน่าดุร้ายอํามหิตของรูปสลักมารเทวะทําเอากิเลนมังกรขาอ่อนแทบจะยืนไม่ได้
ที่ตีนเทวรูปนั้น ฉินมู่เองก็สั่นเทิ้มไปทั้งร่าง ที่ใจกลางหว่างคิ้วของเขามีรอยแผลปรากฏประกายไฟฟ้าพุ่งวาบจากหว่างคิ้วของเขาไปยังรูปสลักมารเทวะ
ในประกายสายฟ้าดังกล่าวคือสํานึกรู้ของราชามารตู้เถียน สํานึกรู้ของเขานั้นกร้าวแกร่งจนแทบจะทําลายสํานึกรู้ของฉินมู่
หน้าผากฉินมู่หลั่งโลหิตไม่หยุด และมีกระทั่งกลิ่นเลือดเนื้อไหม้ฉ่าออกมาจากในนั้น เขามิอาจขยับได้เลยสักนิด และทันใดนั้นเขาก็กัดฟันและฝืนโคจรวิชากายาจ้าวแดนดินสามอมตะเพื่อป้องกันสํานึกรู้ของตนเอง
ห้วงคิดของเขาหยุดชะงักไปแล้ว แต่โชคดีที่แรงกดดันบนจิตของเขาเบาบางลงอย่างเห็นได้ชัดเมื่อวิชากายาจ้าวแดนดินสามอมตะเริ่มขับเคลื่อนโคจร ทันใดนั้นฉินมู่ก็รู้สึกเหมือนกับว่าวิชากายาจ้าวแดนดินสามอมตะได้เสริมอะไรบางอย่างเข้าไปในร่างกายเขา
เสียงการต่อสู้ฆ่าฟันดังสะท้านโลก จากอาวุธวิญญาณจํานวนมหาศาลที่ถล่มมาที่นี่อย่างแน่นขนัดราวกับพยับเมฆ ทําให้เขาไม่มีเวลาตริตรองเกี่ยวกับมัน
เสียงสะเทือนเขย่าสวรรค์ดังข้างหูเขาเมื่อรูปสลักมารเทวะเหยียบเท้าที่ยกขึ้นลงกับพื้น พังสิ่งก่อสร้างหลายหลังในจวนเจ้าเมืองราบเป็นหน้ากลองจากแรงสะเทือนนั้นและอาวุธวิญญาณที่โจมตีเข้ามาไม่ทันจะถึงตัวก็ถูกป่นเป็นจุณ
“บัญชามารถอนทัพ!” นักพรตหลายคนนั้นรีบรุดมาจากข้างนอก และเมื่อนักพรตผู้นํากลุ่มเห็นสิ่งที่เกิดขึ้น สองตาเขาก็เบิกกว้างจากโทสะ นักพรตทั้ง 12-13 คนนี้รีบตบถุงอักษรรูนที่ข้างเอว เรียกยันต์ กระดาษเหลืองจํานวนมากพรั่งพรูออกมาจากถุง อักษรรูนที่เขียนบนยันต์เหลืองเหล่านั้นเป็นอักษรรูนพิลึกพิลั่นอันแตกต่างไปจากอักษรรูนบัญชาผีย้ายเทพเคลื่อน ยันต์กระดาษเหลืองนับไม่ถ้วนปะต่อเชื่อมกันเป็นจอเหลืองขนาดยักษ์
อักษรรูนไร้ประมาณบนยันต์เหลืองก็เชื่อมต่อซึ่งกันและกัน สร้างเป็นอักขระมหึมาและซับซ้อนเหลือเชื่อ
วิชาลับสํานักมหาบรรพต บัญชามารถอนทัพ! นักพรตกว่า 10 คนแห่งสํานักมหาบรรพตสวดคาถาประสานเสียงกันและส่งปราณชีวิตของพวกเขาเข้าไปขับเคลื่อนอักขระอันซับซ้อนบนจอเหลืองนั้น อักษรรูนบัญชามารถอนทัพเปล่งแสงเรืองรองและฉายส่องไปยังราชามารตู้เถียน
และเมื่อบัญชามารถอนทัพฉายลงไปยังร่างของราชามารตู้เถียน ดวงตาของราชามารก็ลืมขึ้นมาทีละดวง เปลวสายฟ้าพุ่งมาจากสายตาของเขา ฉีกบัญชามารถอนทัพออกเป็นชิ้นเล็กชิ้นน้อย
นักพรตเหล่านั้นที่อยู่ใต้บัญชามารถอนทัพ ก็ถูกเผาจนเป็นเถ้าถ่าน!
แต่ทว่าในจังหวะนั้นราชามารตู้เถียนต้องแสงจากบัญชามารถอนทัพ ฉินมู่ก็พลันรู้สึกว่าหว่างคิ้วของเขารู้สึกเบาโล่งขึ้นราวกับว่ายกภูเขาที่ทับออกไป เขาชิงการควบคุมร่างของตนกลับมาได้ และรีบถอยออกห่างจากตรงนั้น
เขายังมีเรื่องพิศวงในใจ มารเทวะที่เขาเรียกมานี้ดูจะแตกต่างออกไป มารตนนี้ไม่ฟังคําสั่งเขาเลยแม้แต่น้อย โหดเหี้ยมเป็นอย่างยิ่งไม่สนใจความเป็นตายของผู้เรียกมัน มารเทวะที่เขาอัญเชิญออกมาดูท่าจะไม่ใช่มารเทวะธรรมดา!
“พวกเราถอย!”
ฉินมู่รีบรุดไปหาพรรคพวกและตะโกน “มังกรใหญ่ รีบเผยร่างจริงแล้วพาพวกเราออกจากเมือง!”
กิเลนมังกรกู่ร้องคําราม และแผ่คลื่นความร้อนออกมาเป่าเยว่ชิงหงและอวิ๋นฉื้อออกไป เฉินหว่านอวิ๋นและทาสหมาป่าเองก็ยืนเซแซ่ดๆ ก้าวถอยหลังไปหลายก้าว ส่วนซีอวิ๋นเซี่ยงนั้นแค่โงนเงนเล็กน้อย
ร่างของกิเลนมังกรขยายใหญ่ขึ้นมาเรื่อยๆ ด้วยเพลิงแท้ที่ผลาญเผารอบๆ กายเขา เขาพลันแปรเปลี่ยนเป็นสิ่งมีชีวิตใหญ่โตมโหฬารซึ่งยาวกว่า 60 วา และสูงยิ่งกว่าหอคอยป้อมปราการ เมื่อเขาเคลื่อนที่ไป อากาศรอบตัวเขาก็ระเบิดปะทุอย่างต่อเนื่องจากการบีบอัด
ฉินมู่สะกิดเท้าพุ่งไปปรากฏข้างกายเยว่ชิงหงและอวิ๋นฉื้อ จากนั้นคว้าจับทั้ง 2 คน ด้วยเท้าสะกิดอีกที เขาก็ปรากฏที่ข้างกิเลนมังกรและกระโดดขึ้นไปบนหลังของมัน
เฉินหว่านอวิ๋นและซีอวิ๋นเซี่ยงก็กระโดดขึ้นมาด้วย ฉินมู่ตะโกนทันที “หนี! หนีไปให้เร็วที่สุด!”
เมฆอัคคีพวยพุ่งขึ้นมาใต้เท้ากิเลนมังกรและพาร่างมหึมาลอยขึ้นไปบนท้องฟ้า ในตอนนั้นเอง พวกเขาก็ได้ยินเสียงราชามารตู้เถียนดังมาจากข้างหลัง “วิ่ง? จะหนีไปไหน ในที่สุดก็มีคนอัญเชิญ
ข้ามาจนได้ ไม่เสียแรงที่ข้าเผยแพร่เวทมนตร์แห่งตู้เถียน ข้าจะสร้างแท่นสังเวยที่นี่ เพื่อสร้างทางผ่านมิติที่จะเรียกร่างที่แท้จริงของข้ามาได้ จากนั้นก็จะเรียกผู้คนจากตู้เถียน! ฮ่าๆๆๆ พวกเจ้าจะได้กลายเป็นโครงกระดูกประดับแท่นสังเวยของข้า!”
มือใหญ่มหึมาของเขาเอื้อมคว้าเข้ามา และอากาศโดยรอบก็แทบถูกผนึกแข็ง ขัดขวางการเคลื่อนไหวของกิเลนมังกร กิเลนมังกรเร่งเร้าพลังวัตรของตนขับเคลื่อนเมฆอัคคี แต่เขาก็ยังขยับไม่ได้อยู่ดี
ขณะที่ราชามารตู้เถียนจะคว้าถึงพวกเขานั่นเอง ก็มีเสียงมังกรคํารามดังกึกก้อง ชายกลางคนผู้หนึ่งขี่มังกรไร้เขาขยํ้าเข้ามาอย่างหฤโหด ร่างมังกรปะทะเข้าใส่ราชามารตู้เถียน มังกรไร้เขาพ่นเปลวไฟและสายฟ้าลงใส่หน้าราชามาร
ในขณะเดียวกันนั้น ชายกลางคนที่ยืนอยู่บนศีรษะมังกรไร้เขาก็แทงหัวราชามารตู้เถียนด้วยแสงกระบี่ที่วูบวาบในมือของเขา
ฉินมู่และผองเพื่อนหลุดจากพันธนาการ และกิเลนมังกรก็ทะยานขึ้นไปบนท้องฟ้าโดยพลัน วิ่งตะบึงออกไปจากเมือง ฉินมู่ระบายลมหายใจโล่งอก “ราชามังกรแห่งสํานักขี่มังกรมาล่ะ!”
และในจังหวะนั้น เสียงร้องด้วยความเจ็บปวดก็ดังมา มังกรไร้เขาระดับจ้าวลัทธิถูกราชามารตู้เถียนซัดด้วยมือเปล่า หมัดนั้นทําให้ทั้งมังกรไร้เขาและราชามังกรแห่งสํานักขี่มังกรกระอักเลือดและกระเด็นถอยไป
อาาา
ทั้ง 4 ใบหน้าของราชามารตู้เถียนเปิดปากของมันและตะโกนด้วยกําลังทั้งหมดที่มี เสียงอันเลื่อนลั่นสะท้านโลกสร้างคลื่นโถมกระหนํ่าออกไป ทําให้ผู้คนนับไม่ถ้วนเลือดหลั่งไหลจากทวารทั้งเจ็ด
ร่างของกิเลนมังกรก็เซวูบจากเสียงคํารามนั้นและทันใดนั้นดวงตา 12 ดวงของราชามารตู้เถียนก็เปล่งแสงจ้าพร้อมๆ กัน สายฟ้าจากดวงตาเหล่านั้นถักทอผสานและกวาดทําลายล้างไปรอบทิศทาง เฉือนเอายอดฝีมือนับไม่ถ้วนในเมืองคลื่นสวรรค์ที่ทะยานเข้ามากลุ้มรุม กิเลนมังกรเองก็ถูกสายฟ้าเนตรเข้าที่ก้นและมันร้องขึ้นมาด้วยความเจ็บปวด ร่วงลงมาจากท้องฟ้า
โชคดีที่หนังเขาหนา จึงไม่ถูกสังหารด้วยสายตาของราชามารตู้เถียน
กิเลนมังกรร่วงลงในเมือง และร่างของเขาก็หดย่อลงก้าว กะเผลกเซไปอีกสองสามก้าว ฉินมู่และคนอื่นๆ รีบลงมาจากข้างหลังกิเลนมังกร และทันเห็นราชามารตู้เถียนฆ่าล้างยอดฝีมือทั้งหมดในจวนเจ้าเมือง ราชามารหัวเราะคิกคัก “ข้านี่แหละคือผู้เผยแพร่อักษรรูนบัญชาผีย้ายเทพเคลื่อน มดปลวกอย่างพวกเจ้า คงคิดไม่ถึงสินะ? ข้าจะใช้ซากศพพวกเจ้ามาก่อสร้างแท่นสังเวยขนาดใหญ่พิเศษเพื่อให้ร่างจริงของข้าจุติลงมาได้! ผู้คนจากโลกตู้เถียนของข้า ก็จะลงมายังโลกใบนี้!”
เยว่ชิงหงอ้าปากค้างและพึมพํา “ดุษฎีบัณฑิตฉิน เจ้าอัญเชิญมารปีศาจแบบไหนมากันแน่…”
ฉินมู่เองก็ตะลึงสุดๆ “ข้าก็ไม่รู้เหมือนกัน…พวกเรารีบไปเร็วเข้า หลงเจี่ยวหนันกําลังมานั่นแล้ว!”