ตอนที่ 224 เพื่อฝ่ายเที่ยงธรรม
ฉินมู่ไม่สะดุ้งสะเทือนจากคําพูดของเขาและยังคงอัญเชิญมารต่อ ทันใดนั้นแสงโลหิตก็แผ่พุ่งมาและทาบทาลงในหุบเขาแห่งนี้ ย้อมหิมะให้เป็นสีเลือด
แสงโลหิตพลุ่งพล่านขึ้นไปบนฟ้าและประกายไฟฟ้าก็แปรเปลี่ยนเป็นพายุอสนีบาตอันฟาดเปรี้ยงปร้างไปทั่วทิศ สายฟ้าฟาดใส่ผนังผารอบๆ หุบเขาและหลอมละลายหิมะหนา แม้แต่หินก็ถูกหลอมเหลวและแปรเปลี่ยนเป็นลาวาซึ่งไหลย้อยลงจากผนังภูเขา
สายฟ้าที่พลุ่งพล่านรอบๆ แสงโลหิตสร้างตาข่ายอันส่งเสียงเปรี๊ยะปร๊ะเมื่อขยับเคลื่อนไป พลังมารอันน่าสยดสยองโถมถล่มมาจากโลกอื่นและฟาดใส่รูปสลักบนแท่นสังเวย
รูปสลักไม้ทันปริแตกและพองขยาย กลายเป็นสูงขึ้นและสูงขึ้น ขณะที่รัศมีของมันก็เพิ่มพูนขึ้นอย่างน่าตระหนกอกสั่น!
เสียงโมโหเจือกระวนกระวายของราชามารตู้เถียนดังมาจากในถุงเต๋าตี้ “เด็กร้ายกาจ ตอนเจ้าอัญเชิญมารเทวะไคเหอ เจ้าไม่ได้ทําเต็มที่ใช่ไหม การอัญเชิญมารเทวะเซี่ยงผีคราวนี้แข็งแกร่งกว่าตอนนั้นเห็นๆ!”
คราวนี้เขากล่าวหาฉินมู่ผิดไป
แม้ว่าฉินมู่จะรู้ภาษามารมากมายในตอนที่อัญเชิญมารเทวะไคเหอในมหาวิทยาลัยจักรวรรดิ แต่เขามิได้เชี่ยวชาญมันโดยสมบูรณ์แบบ แต่หลังจากที่เวลาผ่านไป เขาก็ย่อยภาษามารที่เขาเรียนรู้มาตอนที่เขาทําสัตยาบันภูติบดีกับราชามารตู้เถียนได้ทั้งหมด เมื่อเขาเชี่ยวชาญภาษามารมากขึ้น มารเทวะที่เขาอัญเชิญมาก็ย่อมจะแข็งแกร่งขึ้น เขามิได้ออมกําลังในการอัญเชิญคราวก่อน
นักพรตเฒ่าเห็นปรากฏการณ์อันน่าสะพรึงกลัว และสูญเสียความเยือกเย็นเมื่อครู่ทันที สีหน้าเขาแปรเปลี่ยนและพลันสะบัดแส้หางม้าของตน “ไป!”
แส้หางม้ายืดยาวขึ้นในสายลม และขนแส้แต่ละเส้นแปรเปลี่ยนเป็นกระบี่ละเอียดอันยาวเกือบ 20 วา และยิ่งมันเล็กละเอียดเท่าไร ก็ยิ่งยากจะระวังป้องกันมากเท่านั้น!
ความเร็วของแส้หางม้านั้นรวดเร็วเฉียบขาด และมันเฉือนตัดอสุนีบาตจํานวนนับไม่ถ้วน ชายชราผู้นี้พลันปรากฏขึ้นบนท้องฟ้าเหนือหุบเขา และจู่โจมใส่พลังมารอันร้ายแรงที่มาจากโลกอื่น!
ฉินมู่รู้สึกได้ว่าการอัญเชิญมารของเขาถูกขัดจังหวะ เขาตะโกนร้องเรียก กิเลนมังกรเหินขึ้นไปบนอากาศและคํารามอย่างเกรี้ยวกราด เสียงคํารามของเขาพุ่งตรงไปยังแส้หางม้าและทําให้เส้นแส้ปัดเป๋เฉไฉ พลังมารที่ถูกขัดขวางเมื่อครู่ไหลบ่ามาอีกครั้ง และเทลงมาอย่างต่อเนื่อง
เมื่อนักพรตเฒ่าเห็นกิเลนมังกร เขาก็ยินดีอย่างยิ่งและยิ้มหยัน “สัตว์เลี้ยงขนยาว หากว่าเจ้าช่วยคนชั่วทําความชั่ว ภัยพิบัติก็จะตกลงใส่เจ้า แม้ว่าเจ้าจะทําไปโดยไม่รู้ก็ตาม ข้าเห็นว่าเจ้ารูปร่างท่วงทีงาม หากว่าเจ้ายินดีศิโรราบแก่ข้าและเป็นสัตว์ขี่ไป 100 ปี ข้าจะยอมให้เจ้าชําระล้างบาปผิดทั้งหลาย มิเช่นนั้นคงยากที่เจ้าจะรักษาพลังฝึกปรือของเจ้ามิให้สลายเป็นเถ้าถ่าน!”
กิเลนมังกรขนพองขึ้นมาด้วยความเดือดดาล เขาร้อง “สัตว์เลี้ยง?”
เพลิงไฟรวบรวมเข้าไปในปากของเขาและเปลี่ยนเป็นลําแสงที่ยิงตรงไปยังนักพรตเฒ่า!
ร่างของนักพรตเฒ่าสั่นเทิ้ม และปราณชีวิตของเขาแผ่พุ่งออกมาก่อรูปเป็นเทพยดาหลังเต่าข้างหลังเขาอันสูงกว่า 150 วา มือหนึ่งถือแส้หางม้าที่เป็นงูขาว และอีกมือยื่นออกมาข้างหน้า เพื่อป้องกันลําแสงที่กิเลนมังกรยิงมา
ลําแสงนั้นถูกผลักออกไปข้างๆ โดยมือมหึมา และเพลิงไฟที่ไหลบ่าไปนั้นเผาผนังหุบเขาจนเป็นสีแดงฉาน
“ชาวสวรรค์?” ฉินมู่ใจตกวูบ กีบทั้ง 4 ของกิเลนมังกรยกขึ้นและลง เมฆอัคคีผุดโผล่ขึ้นมาใต้
กีบของเขา เขาทะยานพุ่งใส่นักพรตเฒ่า ทันใดนั้นแส้หางม้าของนักพรตเฒ่าก็ฟาดลงมา และเส้นแส้ม้วนพันรอบๆ กีบทั้ง 4 ของกิเลนมังกร มัดเขาไว้อย่างแน่นหนา
นักพรตเฒ่าแย้มยิ้มด้วยความยินดี “สัตว์เถื่อนน้อย เจ้ายังไม่ยอมสยบอีกหรือ เจ้าอยากตายหรืออย่างไร”
ในตอนนั้นเอง ฉินมู่ก็ตบถุงเต๋าตี้ และปากถุงพลันขยายใหญ่ขึ้น หุ่นพยนต์มารเทวะ 4 เศียร 8 กรพลันกระโดดออกมา และบนแขนทั้ง 8 ของเขามีสมบัติวิเศษ 8 อย่าง มีกู่ขิม ลูกแก้ว ธนู ลูกศร สารีริกธาตุ กระบี่หัก สากสยบมาร และเจดีย์พันธง นั่นล้วนแต่เป็นสมบัติลํ้าค่าที่ฉินมู่ขโมยมาจากวังทองโหรวหลัน
เมื่อฉินมู่จับราชามารตู้เถียนผู้ซึ่งกําลังกังวลว่าจะไม่มีอาวุธเหมาะมือเข้าไปในถุงเต๋าตี้ ราชามารก็รีบคว้าสมบัติเหล่านั้นมาไว้ในมืออย่างเร็วรี่ และบัดนี้เมื่อเขาถูกปลดปล่อยออกมา เขาก็ย่อมเข้าใจดีว่าฉินมู่จะให้เขาออกมาช่วยด้วยอีกแรงในศึกนี้
ราชามารตู้เถียนชัดแจ้งใจดีว่าเขาควรทําอะไร หากว่าเขาอยู่ เคียงข้างฉินมู่ ฉินมู่ก็ยังคงปล่อยให้เขามีชีวิตรอด แต่หากว่าเจ้าเด็กนี่ถูกสังหารไป เขาก็ย่อมตายตกไปตามกัน หากว่าเขาตกลงไปในเงื้อมมือของนักพรตเฒ่านั่น
สําหรับแผนการอพยพประชากรจากตู้เถียน เขาจะต้องสู้กับนักพรตเฒ่านี้อย่างเอาชีวิตเป็นเดิมพัน
สมบัติที่ฉินมู่ขโมยมาจากวังทองโหรวหลัน ล้วนแต่เป็นระดับสมบัติสืบทอดสํานัก และมีพลานุภาพอันร้ายกาจ ด้วยศักดิ์ฐานะของแดนศักดิ์สิทธิ์อันดับหนึ่งนอกกําแพงใหญ่ สมบัติที่วังทองโหรวหลันเก็บสะสมไว้ย่อมไม่ใช่ของธรรมดา แต่ทว่าฉินมู่ไม่มีเวลาฝึกปรือบ่มเพาะสมบัติวิเศษเหล่านี้
เมื่อราชามารตู้เถียนได้สมบัติทั้ง 8 ไว้ในมือ จิตสังหารของเขาก็ผุดโผล่ขึ้นมาอีกครั้ง ทั้ง 4 หน้าของเขาดูดุร้ายเมื่อเขาครุ่นคิดในใจ หากว่าข้าฉวยโอกาสที่เด็กเปรตนี่ไม่ทันระวังและสังหารมันเสีย ข้าก็จะเป็นอิสระ! แต่ว่า เมื่อคิดไปแล้ว ร่างเหล็กนี้เต็มไปด้วยกับดักที่ไอ้เด็กผีมันสร้างเอาไว้ หากว่าข้าฆ่ามันและกับดักทำงานขึ้นมา ข้าก็จะถูกกักขังไว้ในรูปสลักมารเทวะนี้โดยไม่อาจขยับเขยื้อนไปไหนได้… เช่นนั้นข้ากำจัดไอ้นักพรตกระจ้อยร่อยนี่ก่อนดีกว่า!
เสียงของกู่ขิมดังมา เป็นคลื่นเสียงมารที่แผ่พุ่งไป ดวงวิญญาณของนักพรตเฒ่าถูกถล่มโจมตี และเขารู้สึกเหมือนวิญญาณเดือดพล่านเมื่อมารจิตในจิตเต๋าของเขาผงาดขึ้นมา เขารีบกู่ร้องทันใดและใช้มุทราชําระล้างเพื่อสยบมารจิต
เงารูปเทพยดาหลังเต่ายกแขนของมันขึ้นและแส้หางม้างูขาวก็ชูชัน คลื่นยักษ์มหึมาพลันโถมซัดท่วมฟ้าและทุ่มทลายลงใส่ราชามารตู้เถียน
หน้าทั้ง 4 ของราชามารกู่ร้องอย่างเกรี้ยวกราด และพลานุภาพของสมบัติทั้ง 8 ในมือของเขาก็พวยพุ่งไป ฟาดใส่คลื่นยักษ์อันโถมซัดลงใส่เขา เสียงระเบิดสะท้านฟ้าดังมา และราชามารตู้เถียนก็ปลิวกระเด็นไป จมฝังเข้าในผนังผาอย่างรุนแรง
แส้หางม้างูขาวอ้าปากกว้างและฉกใส่ร่างของเขา ปักเขาคากับภูเขา
“นักพรตกระจ้อย เจ้าไม่รู้หรอกว่าผู้ครองโลกตู้เถียนนั้นน่าพรั่นพรึงมากแค่ไหน เจ้าทําให้ข้าโกรธล่ะ!”
หน้าผาระเบิดออกมา และราชามารตู้เถินเหินบินออกมาจากภูเขาที่แตกละเอียด เขาเขย่าเจดีย์พันธง และธงทั้งหนึ่งพันก็สะบัดไหว เปลี่ยนเป็นเจดีย์สูง 150 าทุ่มทับใส่นักพรตเฒ่า
ชายแก่ยิ้มหยันและเทพยดาเบื้องหลังเขาก็กล่าวมุทรา ซัดทั้งเจดีย์พันธงและราชามารให้ร่วงจากท้องฟ้าแน่นิ่งไปกับพื้น
ในจังหวะนั้นเอง แสงโลหิตเข้มข้นและพลังมารในอากาศก็พลันหายวับ บนแท่นสังเวยกระดูกขาว รูปสลักมารเทวะศีรษะหมีก็แปรเปลี่ยนเป็นมารเทวะสูง 150 วาซึ่งคํารามด้วยเสียงอันดังกัมปนาท “มดปลวกแห่งโลกอันตํ่าต้อยนี้ เตรียมตัวรับความพิโรธของจอมมารเทวะเซี่ยงผี…เอ๊ะ ตาเฒ่าตู้เถียน!”
มารเทวะเซี่ยงผีมองไปยังราชามารตู้เถียนที่อยู่ใต้เท้าเขา และหัวเราะด้วยเสียงอันดังอย่างกลั้นไม่อยู่ “ตาเฒ่าตู้เถียน ผู้ปกครองสูงสุดแห่งโลกตู้เถียนกลับถูกกดขี่จนตกอยู่ในสภาพเช่นนี้! โลกตู้เถียนของเราตกตํ่าจนทุกวันนี้ก็เพราะมีจ้าวผู้ครองที่ไม่เอาไหนอย่างเจ้า! เศษสวะอย่างเจ้าน่าจะสละตําแหน่งราชามารเสียให้รู้แล้วรู้รอด!”
ราชามารตู้เถียนทั้งเดือดดาลทั้งอับอาย เขากําลังจะลุกขึ้นแต่มารเทวะเซี่ยงผีที่มองเขาจากข้างบนก้าวเท้ามาเหยียบเขาเอาไว้ พลางหัวเราะในคอ “เจ้าก็ยังมีวันนี้เหมือนกันนะเจ้าทรราชย์ ผู้อัญเชิญมารเจ้ากะว่าจะใช้อะไรเป็นเครื่องสังเวยในการอัญเชิญข้ามาล่ะ”
“คนนั้น!”
ฉินมู่ชี้ไปยังนักพรตเฒ่า และมารเทวะเซี่ยงผีก็ซัดหมัดไปทางนักพรตนั่นทันที เงารูปเทพยดาหลังเต่าข้างหลังเขาพลันยกมือขึ้นป้องกันและเสียงตูมทึบหนักดังออกมา ฉินมู่มึนงงศีรษะจากคลื่นหางเลขของการปะทะ ส่วนนักพรตเฒ่าโดนเป่ากระเด็นไปข้างหลัง ซัดจมเข้าไปในผนังหน้าผาฝั่งตรงข้าม
จอมมารเทวะเซี่ยงผีกระโดดขึ้นไป และต่อยใส่ร่างของนักพรตเฒ่าด้วยรอยยิ้มชั่วร้าย “มดปลวกน่าอร่อย เอ๊ะ?”
แสงกระบี่พลันปรากฏเบื้องหลังเขาและแทงเข้าไปที่หัวใจเขาจากด้านหลัง กระบี่แทงลึกพอที่จะโผล่ออกมาอีกด้านหนึ่ง ปลายกระบี่ปรากฏให้เห็นบนหน้าอกของมารตนนี้ มันเป็นนักพรตที่ใช้กระบี่วิเศษซุ่มซ่อนลอบโจมตีจนสําเร็จ
“ไม่เลว แต่ว่าร่างนี้ไม่เหมือนกับที่เจ้าคิด!” จอมมารเทวะเซี่ยงผีฉีกยิ้มกว้าง และยกกําปั้นทุบใส่หน้าผา
“ร่างนี้เป็นเพียงรูปสลักมารเทวะ ต่อให้เจ้าตัดหัวข้า เจ้าก็ทําอะไรข้าไม่ได้!”
“อย่างนั้นหรือ”
เสียงหนึ่งพลันดังมาจากข้างหลัง และจอมมารเทวะเซี่ยงผีรีบหันกลับไปดู รังสีกระบี่พุ่งวนไปรอบๆ คอของเขา 3 ครั้ง และศีรษะมหึมาของเขาก็ร่วงหลุดจากบ่า
“นักพรตคูเย่ ศิษย์ที่โง่งมของท่านมาถึงล่าช้า” แสงกระบี่ลอยขึ้นมาและจอดลงบนยอดผา อันมีบัณฑิตผู้หนึ่งในชุดเขียวอันปลิวสะบัดตามแรงลม สายตาของเขาทอดลงจับที่ร่างไร้ศีรษะของจอมมารเทวะเซี่ยงผี ก่อนที่จะเปลี่ยนไปจับจ้องฉินมู่ ผู้ซึ่งเขาคารวะอย่างนอบน้อม “สํานักเหตุผลยากจน ผู้ใต้บัญชาของอาจารย์ยากจน นามลู่เหวินฉู่ น้อมพบจ้าวลัทธิมารฟ้า! จ้าวลัทธิแห่งลัทธิมารฟ้าเป็นผู้อาวุโส คงไม่ถือสาที่ผู้เยาว์จะลงมือกับผู้อาวุโสอย่างท่านใช่หรือไม่”
หัวของจอมมารเทวะลอยขึ้นมาตั้งบนบ่าตามเดิมพลางแย้มยิ้ม “มดปลวกมาเพิ่มอีกหนึ่งตัว”
ฉินมู่ส่ายหน้าด้วยสีหน้าสงบ “อาจารย์ยากจนนับเป็นรุ่นเดียวกับข้า การที่เขาส่งเจ้ามาแต่ไม่ลงมือด้วยตนเองนั้นถือว่าประเมินข้าตํ่าไป”
ลู่เหวินฉู่กล่าวอย่างไม่รีบร้อน “มิใช่ว่าท่านอาจารย์ไม่ต้องการพบกับจ้าวลัทธิมารฟ้า แต่เพราะท่านอาจารย์ติดภารกิจกู้โลกที่อื่นอยู่”
“ไปลอบสังหารจักรพรรดิ?” ฉินมู่ถาม “ราชครูไว้หน้ายูไลเฒ่าเพื่อให้เขาช่วยเหลืออาจารย์ยากจนและพวกพ้องไป ยูไลเฒ่าให้คํามั่นว่าอาจารย์ยากจนจะเข้าสู่ร่มกาสาวพัตร์และไม่ไถ่ถามเรื่องทางโลกอีกต่อไป ไฉนเขาถึงกลับคําพูด”
สีหน้าลู่เหวินฉู่พลันแข็งทื่อ และเขาก็พลันหัวเราะออกมา “เพื่อสรรพชีวิตของปวงชนในโลกหล้า ไฉนเขาถึงจะไม่กลับคําพูดล่ะ”
ฉินมู่หันกลับไปดูและเห็นนักพรตหญิงมาจากภูเขาอีกลูก นางสวมใส่ชุดนักพรตขาว และปักลวดลายดอกเหมยไว้ที่หน้าอก
“คนพเนจรชิงอวี๋แห่งวังจิตเบ่งบานน้อมพบจ้าวลัทธิมารฟ้า” นางกล่าว
ฉินมู่ยิ้มกล่าว “เหตุใดคนพเนจรต้องคารวะทักทายด้วย”
นักพรตหญิงผู้นั้นกล่าวอย่างเคร่งขรึม “แม้ว่าเจ้าจะเป็นศัตรู แต่มิอาจเสียมารยาท จ้าวลัทธิตัวน้อยแห่งลัทธิมารฟ้า เจ้าอาจจะเคียดแค้นพวกเราที่รังแกผู้อ่อนแอ แต่ถึงอย่างไรเจ้าก็เป็นจ้าวลัทธิแห่งแดนศักดิ์สิทธิ์อันดับหนึ่งในฝ่ายมาร ความอาวุโสของเจ้า เหนือกว่าพวกเราหนึ่งขั้น ดังนั้นนี่มิอาจเรียกได้ว่ารังแกผู้อ่อนแอได้จริงๆ”
ฉินมู่ยิ้มเล็กน้อยแล้วกล่าว “ไม่มีปัญหา ไม่มีปัญหา มีใครอีกไหมที่หมายจะสังหารข้า”
“ข้ามาที่นี่เพื่อฆ่าเจ้า”
เมฆมนตราลอยมา และอรหันต์คนหนึ่งกระโดดลงมาเหยียบบนยอดเขา สองมือเขามีสร้อยประคําและแต่ละลูกประคํานั้นใหญ่โตเท่าหัวมนุษย์ เขาประนมมือเข้าด้วยกันแล้วกล่าว “จ้าว ทธิมารฟ้ามีศักดิ์ฐานะสูงส่ง ดังนั้นหลวงจีนน้อยผู้นี้จึงมาที่นี่เพื่อเปิดดวงตาเห็นธรรมให้ท่านและสยบมารร้าย เชิญจ้าวลัทธิมารฟ้าชี้แนะสั่งสอน”
“จ้าวลัทธิแห่งแดนศักดิ์สิทธิ์อันดับหนึ่งในฝ่ายมารคงไม่เกรงกลัวคนที่มาเป็นตัวเสริมอย่างข้าหรอกใช่ไหม” อีกคนหนึ่งมายังยอดเขาอีกลูก สวมใส่เสื้อผ้าซอมซ่อปุปะอันเต็มไปด้วยรูโหว่ แต่เขานั้นโออ่าและหัวเราะด้วยเสียงอันดังด้วยความเหี้ยมหาญที่ทะยานถึงสวรรค์
“ผู้อยู่ใต้เจ้าสํานักกระยาจกฉีต้าโหย่ว หัวหน้าโถงดอกบัว นามลั่วซานโป้ น้อมพบจ้าวลัทธิมารฟ้า ข้ามาที่นี่เพื่อชิงชีวิตของท่าน จริงสิ จ้าวลัทธิดูเหมือนจะมีปีศาจจิ้งจอกตัวน้อยที่ได้ล่วงเกินเจ้าสํานักฉี และเจ้าสํานักฉีกล่าวว่านางก็ต้องตายด้วยเช่นกัน”
ฮู่หลิงเอ๋อรีบหลบไปซ่อนหลังฉินมู่ทันที โผล่หัวออกมาแอบดูเท่านั้น “เจ้าสํานักฉีของเจ้าใจแคบจริงๆ เขามันไร้สมรรถภาพ!”
ลั่วซานโป้ชี้ไปที่นางแล้วแย้มยิ้ม “จิ้งจอกน้อยนั่นแหละ! ทุกๆ คน การที่ข้าได้ร่วมล้อมกําจัดจ้าวลัทธิมารฟ้าร่วมกับสหายฝ่ายเที่ยงธรรมทั้งหลายในยุทธจักร นับว่าเป็นโชควาสนาอันดีและเป็นเหตุการณ์อันควรแก่การรื่นเริง! พวกเราน่าจะเรียกการรวมตัวของพวกเราครั้งนี้ว่า ร่วมมือสังหารมารป้องกันเต๋า!”
“ร่วมมือสังหารมารป้องกันเต๋า? นามอันยอดเยี่ยม!”
ในภูเขา นักพรตคูเย่คลานขึ้นมาและอาเจียนเลือดออกมากําหนึ่ง จากนั้นเขาจึงนั่งลงที่หน้าผาเพื่อหอบหายใจ “หากว่าพวกเราสามารถกําจัดจ้าวลัทธิมารฟ้าและคืนสันติสุขให้แก่โลก การลงทุนลงแรงของพวกเราก็จะไม่เสียเปล่า ทุกท่าน เพื่อฝ่ายเที่ยงธรรม!”
บนยอดของภูเขารอบๆ เขา อารมณ์อันพลุ่งพล่านแล่นไปมา ในอกของสุดยอดฝีมือขั้นชาวสวรรค์เหล่านั้นและพวกเขาตะโกนออกไปอย่างห้าวหาญเป็นเสียงเดียวกัน “เพื่อฝ่ายเที่ยงธรรมในโลกหล้า!”
“ฆ่า!”
ห้าสุดยอดฝีมือเต็มไปด้วยความคึกคัก และปราณชีวิตของพวกเขาแผ่พุ่งไป เงารูปของเทพยดาปรากฏขึ้นเบื้องหลังพวกเขา แต่ละคนปลดปล่อยกระบวนท่าอันแข็งแกร่งที่สุดของตน พุ่งโจมตีไปยังหุบเขา!
ในตอนนั้นเอง จอมมารเทวะเซี่ยงผีก็กู่ร้องเกรี้ยวกราด และพลังงานทั้งหมดในร่างก็ระเบิดออก
“มารฟ้าไร้ขอบเขต!” ฉินมู่รีบพาฮู่หลิงเอ๋อไปซ่อนหลังกิเลนมังกร เมื่อแผ่นดินไหวอันน่าสะพรึงกลัวเขย่าทั้งหุบเขาและคลอนหินภูเขา ทําให้พวกมันร่วงลงมาจากท้องฟ้าและแตกทําลายเป็นผุยผง แม้จะมีกิเลนมังกรป้องกันจากความรุนแรงเกือบทั้งหมด ฉินมู่และฮู่หลิงเอ๋อก็ยังคงรู้สึกได้ถึงแรงกดดันมหาศาลอันมิอาจจินตนาการได้กดทับมายังพวกเขา ทําให้กระดูกลั่นเปรี๊ยะๆ
สุดยอดฝีมือขั้นชาวสวรรค์ทั้งหมดกระอักเลือด และกระเด็นถอยหลังไป ไม่รู้ว่าเป็นหรือตาย
ฉินมู่โผล่หัวออกมาจากหลังกิเลนมังกรและเห็นจอมมารเทวะเซี่ยงผียืนอยู่เพียงผู้เดียวอย่างน่าเกรงขาม ฮู่หลิงเอ๋อประหลาดใจแกมยินดี “เซี่ยงผีแข็งแกร่งจริงๆ!”
ทันใดนั้น ร่างของจอมมารเทวะเซี่ยงผีก็เริ่มแหลกทําลายไปทีละนิ้ว พวกเขาได้ยินมารเทวะตนนี้พึมพํา “พลังงานหมดเสียแล้ว น่าเสียดายที่ข้าไม่อาจเก็บเกี่ยวเครื่องสังเวยเหล่านี้ได้ แต่โชคยังดีที่ข้าได้เห็นความน่าอนาถของราชามารตู้เถียน…ผู้อัญเชิญมารข้าไปก่อนล่ะ!”
เมื่อเขากล่าวจบ ร่างกายเขาก็ระเบิดดังปังและสํานึกรู้ของเขาก็ไหลกลับไปยังโลกอื่น
ฮู่หลิงเอ๋อตกตะลึงเมื่อเขาได้ยินเสียงไอของลั่วซานโป้และพวกพ้องดังมาจากหุบเขา ยอดฝีมือเหล่านั้นยังมิได้ถูกสังหารโดยจอมมารเทวะเซี่ยงผี
“คุณชาย…” ฮู่หลิงเอ๋อหันกลับไปมองฉินมู่
“ไม่เป็นไร” ฉินมู่ลุกขึ้นและปัดฝุ่นออกจากร่างกาย เขาดึงราชามารตู้เถียนที่ถูกเหยียบจมดินขึ้นมาและโยนเขาขึ้นไปบนหลังกิเลนมังกร หนุ่มน้อยดูคึกคักแจ่มใสเมื่อเขาเก็บแท่นสังเวยอีก 3 แท่นเข้าไปในถุงเต๋าตี้ของตนแล้วจึงตะโกน “มังกรอ้วน หนีเร็วเข้า!”