Skip to content

Tales of Herding Gods 232

ตอนที่ 232 ไหของนักปรุงยา

“โอ๊ยยย โคตรเจ็บเลย” ฉินมู่ลงมายังพื้นและความเจ็บปวดแล่นซ่านทั่วสรรพางค์กาย ทําให้เขาสูดลมหายใจหนาวเหน็บ

วิชาวชิราไร้พ่ายของหลวงจีน ทําให้ร่างกายของเขาแข็งแกร่งประดุจเพชร ถึงขั้นที่อาวุธวิญญาณมิอาจกลํ้ากราย ทักษะเทวะทุกประเภทไร้ผล ทําให้การต่อสู้คราวนี้กินเรี่ยวแรงของฉินมู่ไปอักโข

พลังการโจมตีของหลวงจีนป้านฉือก็น่าแตกตื่น ทําให้เนื้อหนังของฉินมู่ฉีกแตก โดยเฉพาะอย่างยิ่งไม้เท้าพระเก้าห่วงนั้นที่เกือบระเบิดหัวฉินมู่ โชคยังดีที่การโจมตีของหลวงจีนนั้นตรงไปตรงมา ไม่มีพลิกแพลงอะไรมาก จึงต้องตกตายในนํ้ามือของฉินมู่

“ผู้ฝึกวิชาเทวะขั้นหกทิศแข็งแกร่งจริงๆ ข้าไม่อาจประมาทพวกเขาได้”

ฉินมู่แตะโหนกโนบนหัวของเขาและสูดลมหายใจหนาวเยือกเขาขับเคลื่อนวิชากายาจ้าวแดนดินสามอมตะเพื่อโคจรเลือดและลมป้องกันมิให้เกิดเลือดคั่ง

ซี่โครงเขาหักไป 2 ซี่ และเนื้อที่หลังเขาก็เละไปหมด การบาดเจ็บนี้น่าจะเกิดขึ้นตอนที่หลวงจีนป้านฉือทุ่มมุทราเขาพระสุเมรุใส่เขา

วิชากายาจ้าวแดนดินสามอมตะมีผลดีอย่างยิ่งในการเยียวยาอาการบาดเจ็บ แต่มันก็ยังไม่ดีเท่ากับยาวิญญาณและยาวิเศษ โชคดีที่การบาดเจ็บครั้งนี้มิได้สาหัส

“ข้ากลับไปที่หมู่บ้านเพื่อเยียวยาตนเองก่อนดีกว่า ค่อยไปหาลิงยักษ์อสูร”

ฉินมู่เชื่อมต่อซี่โครงที่แตกหักของตนเอง และโยนศพหลวงจีนทิ้งไป ไม่มีกฎที่จะต้องกลบฝังร่างให้กับผู้คนในแดนโบราณวินาศ ในเมื่อกลิ่นเลือดจากศพก็จะล่อสัตว์เถื่อนมากินศพพวกเขา อย่างมากก็จะหลงเหลือกระดูกเอาไว้ และหากว่าโชคไม่ดีนัก แม้แต่กระดูกก็คงไม่เหลือ

ฉินมู่กลับไปที่หมู่บ้านและเด็ดสมุนไพรวิญญาณจํานวนหนึ่งจากสวนสมุนไพรนอกหมู่บ้าน เขาหลอมปรุงยาวิญญาณ 2 หม้อ หม้อหนึ่งใช้รักษาอาการบาดเจ็บภายนอก และอีกหม้อใช้รักษาอาการบาดเจ็บภายใน จากนั้นเขาก็ไปขอนํ้าลายมังกรจํานวนหนึ่งจากกิเลนมังกร มาผสานตัวยาให้สอดคล้องกลมกลืน

กิเลนมังกรเห็นสภาพถูกทุบตีของเขาและเผยสีหน้าฉงนฉงาย แต่ก็ไม่ถามใดๆ

กิเลนมังกรนั่งจ่อมจมอย่างไม่ขยับเขยื้อนที่หน้าหมู่บ้านในท่าคอยป้องกันเหมือนที่มหาวิทยาลัยจักรวรรดิ แต่ฉินมู่รู้สึกว่าเขาก็ทําท่าไปอย่างนั้นแหละ อันที่จริงกําลังขี้เกียจตัวเป็นขนและคร้านแม้แต่จะขยับเขยื้อนเคลื่อนไหว

ราชามารตู้เถียนก็หยุดนิ่งไม่ไหวติงเช่นกัน กิเลนมังกรนั้นคร้านเกินกว่าที่จะขยับ ส่วนเขาถูกตรึงให้ค้างไว้อย่างนั้นโดยเฒ่าหนวก

ฉินมู่รักษาร่างกายตนเองด้วยความเบาใจ เมื่อราตรีมาถึง เฒ่าหนวกก็ยังไม่กลับมา ผู้คนอื่นๆ ในหมู่บ้านก็ยังอยู่ห่างจากบ้าน

เมื่ออีกวันผันเวียนมา ผู้ใหญ่บ้านและคนอื่นๆ ก็ยังไม่กลับ ปอดของฉินมู่ยังเจ็บอยู่หน่อยๆ ดังนั้นเขาจึงไม่อาจหายใจได้หนักหน่วงนัก แต่อาการบาดเจ็บที่ซี่โครงและหลังของเขาหายดีแล้ว

“หากว่าผู้ที่ได้รับบาดเจ็บที่ปอดต้องการหายไวๆ ก็ต้องอบไอนํ้าให้ตนเอง ปล่อยให้ไอยาเข้าไปในปอด แต่ทว่าไม่มีคนช่วยข้าสุมไฟหม้อนึ่ง…”

เด็กหนุ่มโคจรวิชากายาจ้าวแดนดินสามอมตะแล้วเดินไปอย่างเชื่องช้า เขาหายใจเข้าและออกอย่างไม่เร่งรีบ เพื่อให้อาการบาดเจ็บในปอดของเขาหายไวขึ้น ทันใดนั้นเขาก็พลันนึกถึงคําถามหนึ่งขึ้นมา หลังจากปีใหม่ ข้าจะอายุ 15 หรือ 16 ปีกันล่ะนี่?

อายุของเขานั้นเป็นประเด็นถกเถียงของคนในหมู่บ้านมาตลอด ผู้ใหญ่บ้านและท่านยายเถียงกันหลายครั้งเรื่องนี้ แต่ไม่มีข้อสรุปที่แน่นอน

ท่านยายซีเก็บฉินมู่วัยแบเบาะในผ้าอ้อมขึ้นมาช่วงฤดูใบไม้ผลิ และเขาก็อายุได้สองสามปี นางเชื่อว่าเขาเกิดขึ้นมาก่อนปีใหม่ ขณะที่ผู้ใหญ่บ้านเชื่อว่าเขาเกิดขึ้นมาหลังปีใหม่

หากว่าเขาเกิดก่อนปีใหม่ เขาก็จะอายุ 16 ปี แต่ถ้าเป็นหลังปีใหม่ เขาก็ยังคงอายุ 15 ปี

ในทุกๆ ช่วงปีใหม่ 2 คนนี้จะเถียงเอาชนะกันในเรื่องนี้ และปีนี้ฉินมู่ก็คิดว่าคงไม่แตกต่างออกไป

ขณะที่เขากําลังคิดอยู่นั้น เขาก็ได้ยินเสียงหึ่งๆ และเงยหน้าขึ้นมองดู เขาเห็นแมลงสีทองจํานวนหนึ่งบินออกมาจากป่าข้างนอกหมู่บ้าน

เขากะพริบตาปริบ และแมลงสีทองก็บินจากไป หายลับเข้าไปในป่า

แมลงมากกว่าเดิมออกมาในภายหลัง และบินวนรอบหมู่บ้านก่อนจะหายลับเข้าไปในป่า

“สตรีจากปราสาทสามมหัศจรรย์คนนั้นมาถึงแล้ว!” ฉินมู่สายตาวูบไหว หญิงสาวจากปราสาทสามมหัศจรรย์นั้นแข็งแกร่งกว่าหลวงจีนป้านฉือมาก และสามารถควบคุมฝูงแมลง

พวกมันล้วนแต่มีพิษร้ายกาจและได้รับการบ่มเพาะจากนางจนแข็งแกร่งประดุจเหล็ก สามารถกัดแทะอาวุธวิญญาณจนสิ้นซากได้

หญิงผู้นี้สามารถควบคุมแมลงได้เป็นพัน ด้วยจํานวนขนาดนั้น ฉินมู่ย่อมไม่อาจต่อกรกับพวกมันทั้งหมดได้ หากว่าพวกมันบินพรูมาที่เขาในคราวเดียว เขาก็คงจะถูกกัดกินจนไม่เหลือซากในชั่วพริบตา!

“แทนที่จะปล่อยให้นางบุกเข้ามาในหมู่บ้าน ข้าไปจัดการนางข้างนอกดีกว่า!”

ฉินมู่มองไปรอบๆ และเดินไปยังห้องเก็บยาของนักปรุงยา เขาอุ้มไหที่มีแมงป่องคู่หนึ่งอยู่ในนั้นขึ้นมาอย่างระมัดระวัง พวกมันหนีบกันไปหนีบกันมาอยู่ต่อสู้แย่งชิงยาวิญญาณที่ฉินมู่ให้อาหารไปเมื่อครู่

เขาอุ้มไหแตกหักนั้นออกไปนอกหมู่บ้าน กิเลนมังกรเหลือบแลดูก่อนจะถามด้วยเสียงเบา “จ้าวลัทธิ ท่านกําลังจะทําอะไรน่ะ”

“ต่อสู้!” ฉินมู่กล่าวอย่างเฉียบขาด

“สู้กันอีกแล้ว…” กิเลนมังกรกล่าวอย่างไร้ความสนใจ “คราวนี้อย่ากลับมาด้วยบาดแผลเต็มตัวล่ะ”

ฉินมู่อุ้มไหไปยังริมแม่นํ้า ขณะที่แมลง 2 ตัวตามเขามาตลอด ซ่อนอยู่ท่ามกลางพุ่มไม้ใบหญ้า

ฉินมู่หยุดเท้าและรออยู่ครู่หนึ่ง เขาเห็นจํานวนของแมลงที่ห้อมล้อมรอบเขามากขึ้นทุกที และมันเกาะอยู่บนผิวแม่นํ้าอย่างแน่นขนัด เหมือนกับมีใครเททองคําลงไปเคลือบอยู่บนนั้น

แมลงเหล่านี้ล่อปลายักษ์หลายตัวให้เข้ามาใกล้ และมี 2 ตัวที่กระโดดขึ้นมาจากผิวนํ้าหมายจะกินแมลงน่าอร่อยพวกนี้ แต่ทว่าเมื่อปลายักษ์กระโดดขึ้นมาบนอากาศและอ้าปากงับอย่างดุดันแมลงก็ร้องหริ่งหรีดเซ็งแซ่ และขยายร่างเป็นตัวยาววาครึ่ง จากนั้นพวกมันก็ขยํ้าใส่ร่างของปลากยักษ์และเริ่มเคี้ยวกัดพวกมัน ไม่นานก็เหลือแต่เพียงก้างปลา 2 ตัว ซึ่งหล่นจ๋อมกลับลงไปในนํ้า

หางตาของฉินมู่กระตุก ปลาสัตว์ประหลาดแห่งแม่นํ้าหย่งมีฤทธิ์มาก พละกําลังของพวกมันเทียบได้กับผู้ฝึกยุทธ์ขั้นทารกวิญญาณและขั้นห้าธาตุ แต่ทว่าเบื้องหน้าแมลงพิษที่หญิงจากปราสาทสามมหัศจรรย์เลี้ยงเอาไว้ พวกมันไม่อาจต่อกรได้เลยแม้แต่นิด

“จ้าวลัทธิมารฟ้า”

เสียงหนึ่งดังมาจากปลายนํ้า และฉินมู่มองไปตามทิศทางเสียง เขาเห็นหญิงสาวจากปราสาทสามมหัศจรรย์เดินมาบนหลังฝูงแมลงทองที่โบยบินมาจากปลายนํ้าแม่นํ้าหย่ง

นางบินไม่ได้ แต่แมลงสามารถบินได้ พวกมันห้อมล้อมนางด้วยจํานวนอันนับไม่ถ้วนและยังมีนางพญาแมลงทองที่ใหญ่กว่าแมลงพิษตัวอื่นๆ มา หญิงผู้นี้กําลังเหยียบยืนอยู่บนหลังนางพญา

ฉินมู่ยิ้มหวานและเอ่ยถาม “ข้าจะเรียกหาพี่สาวผู้นี้ว่าอย่างไรดี”

ชุ่ยเยว่นั้นอยู่ห่างจากฉินมู่ไปกว่า 150 วา นางพลันหยุดฝูงแมลงและถามด้วยความใคร่รู้ “จ้าวลัทธิมารฟ้ามีศักดิ์ฐานะสําคัญยิ่ง และควรที่จะเป็นผู้ครองอํานาจใต้สรวงสวรรค์ ไฉนท่านถึงสุภาพกับศัตรูและเรียกข้าว่าพี่สาวล่ะ”

ปราสาทสามมหัศจรรย์มีมหัศจรรย์ 3 อย่าง แมลง พิษ และสาวงาม

หญิงสาวผู้นี้มีความงามจับใจ เพียงมองไปที่นางหนึ่งคราก็ทําให้ผู้คนหลงลืมแมลงพิษร้ายที่ห้อมล้อม หัวใจพวกเขากลับจะเต้นตูมตามจากการเหม่อหลงในสะคราญโฉมของนางแทน

ฉินมู่ส่ายหน้า “เมื่อข้าเข้ามาในแดนโบราณวินาศ ข้าก็มิใช่จ้าวลัทธิแห่งลัทธิมารฟ้าอีกต่อไป หากแต่เป็นเพียงเด็กของผู้เฒ่าในหมู่บ้านของข้า พี่สาวผู้นี้หากท่านยอมละวางความบาดหมาง ข้าสามารถเชื้อเชิญท่านเข้าหมู่บ้านเพื่อร่วมฉลองปีใหม่ การเฉลิมฉลองในแดนโบราณวินาศเรานั้นค่อนข้างครึกครื้นและเต็มไปด้วยความตื่นเต้น”

ชุ่ยเยว่กล่าว “หลังจากสังหารเจ้า ข้าก็จะสามารถกลับบ้านไปฉลองปีใหม่ได้”

สีหน้าของนางพลันมืดครึ้ม และดวงตาก็ฉายแววโศกสลด “ข้าลืมไป บ้านของข้าไม่มีอีกต่อไปแล้ว มันถูกทําลายโดยเจ้าและราชครูสันตินิรันดร์…บ้านของข้าอยู่ที่ปราสาทสามมหัศจรรย์ อาจารย์ย่าของข้าคือผู้เที่ยงแท้เถียน อาจารย์ของข้าคือเถียนโหย่วเฟย ในการต่อสู้ที่เมืองต้าเซี่ยง ลัทธิมารฟ้าได้เคลื่อนย้ายกองทัพสันตินิรันดร์เข้ามาในเมืองและสังหารศิษย์พี่ศิษย์น้องของข้ามากมาย อาจารย์ของข้าปกป้องข้าให้หลบหนีไป แต่ไม่คาดคิดว่าต้องตกตายในนํ้ามือของแม่ทัพใหญ่มงกุฎทัพ…”

นางหัวเราะที่ดูไม่คล้ายหัวเราะ รํ่าไห้ที่ดูไม่เหมือนรํ่าไห้ ด้วยสายตาอันเย็นเยียบ นางกล่าวด้วยเสียงนุ่ม “จ้าวลัทธิมารฟ้า ในตอนนั้นเจ้าก็ได้เป็นจ้าวลัทธิแล้วใช่ไหม สามารถสั่งการยอดฝีมือมากมายในลัทธิมารฟ้า นอกจากเจ้าแล้วก็ไม่มีใครอื่น เจ้าคือคนที่เคลื่อนกําลังยอดฝีมือลัทธิมารฟ้าเพื่อทําลายอุดมการณ์ยิ่งใหญ่ของกองทัพปลดแอกของเรา เพื่อทําลายปราสาทสามมหัศจรรย์ของพวกเรา!”

ด้วยสายตาอันสะกดข่ม นางกล่าวเสริม “ข้าลอบกลับไปที่ปราสาทสามมหัศจรรย์อย่างลับๆ แต่มันก็ถูกทําลายล้างไป สมาชิกครอบครัวของข้าถูกนับว่าเป็นกบฏและถูกตัดหัวประจานกลางตลาด! จ้าวลัทธิมารฟ้า เจ้าคิดว่าข้าควรฆ่าเจ้าไหม”

ฉินมู่ถอนหายใจ “ก็ควรอยู่ แต่ทว่าเจ้าก็ไม่ควรจะก่อกบฏตั้งแต่แรก เมื่อเจ้าเริ่มก่อกบฏ เจ้าก็ควรต้องรู้แล้วว่าหากการกบฏล้มเหลว นี่ก็จะเป็นผลลัพธ์เดียวที่จะเกิดขึ้นกับครอบครัวของเจ้า”

ชุ่ยเยว่ก้าวไปข้างหน้าอีกก้าว และกล่าวอย่างดุดัน “คุณธรรม ความดี จะต้องถูกธํารงไว้ แม้ผู้คนจะถูกคุกคามด้วยความตาย ความยุติธรรมจะได้มาย่อมต้องแลกด้วยชีวิตของผู้คน! ไม่เช่นนั้น คุณธรรม ความดี จะอยู่ที่ใด ความยุติธรรมจะอยู่ที่ใด แม้ว่าข้าจะมาจากฝ่ายมาร แต่ข้าก็ยินดีที่จะเป็นผู้เสียสละเพื่อคุณธรรมความดี เช่นนี้! จ้าวลัทธิมารฟ้ากล่าวต่อไปก็เปล่าประโยชน์ ลงมือซะ ข้าจะได้ส่งเจ้าไปสู่สุคติ!”

ฉินมู่รู้สึกยกย่องอย่างลึกลํ้าและกล่าวอย่างเฉียบขาด “ที่แตกต่างกันมิใช่เพียงแผนแต่เป็นอุดมการณ์ แม่นางเชิญ”

ชุ่ยเยว่ตะโกนอย่างเฉียบชาด และชายเสื้อของนางก็โบกสะบัด แมลงพิษพรั่งพรูใส่ฉินมู่จากรอบทิศทาง พวกมันมีประเภทอันแตกต่างและจํานวนมากมายเหลือคณา บางพวกสามารถขยายร่างได้ในอากาศ ตัวที่ใหญ่หน่อยสามารถขยายได้ถึงสามสี่วา ขณะที่ตัวเล็กๆ ขยายได้เท่าอ่างล้างหน้า ยังมีบางพวกที่ไม่ขยายตัว แต่กลับหดเล็กแทน

แมลงพิษเหล่านี้เป็นประเภทที่อันตรายร้ายกาจ เพราะหากว่ามันยิ่งตัวเล็กเท่าไร ก็จะยิ่งยากต่อการระวังป้องกันมากเท่านั้น พวกมันสามารถมุดเข้าไปในร่างของมนุษย์โดยไม่ทันระวังป้องกันและกัดกินอวัยวะทั้งห้าและโพรงทั้งหก ยังมีแมลงพิษบางพวกที่สามารถกลืนวิญญาณและดูดซึมพลังวัตรปราณชีวิตของศัตรูได้

ฉินมู่เปิดฝาไห และปราณชีวิตของเขาถ่ายเทเข้าไปในนั้นแมงป่อง 2 ตัวพลันกระโดดออกมา และขยายร่างโดยทันที กลายเป็นใหญ่ยาวกว่า 30 วา เกราะดําที่ห่อหุ้มบนหลังของมันงามอัศจรรย์และมีรอยอักษรรูนที่ส่องแสงออกมาอย่างไม่หยุดยั้ง รัศมีอันร้ายกาจน่าสะพรึงกวาดไปทั่วอากาศ และฝูงแมลงที่กรูกัน เข้ามาพลันร่วงกราวลงกับพื้นราวห่าฝน!

ชุ่ยเยว่ตกตะลึงและรีบหันหลังกลับหมายจะหลบหนี แต่ทันใดนั้นหางแมงป่องก็กวาดมาและยืดยาวอย่างไม่สิ้นสุดราวกับโซ่เหล็ก ต่อยใส่หญิงนางนั้นและคร่าชีวิตของนางในคราวเดียว

ฉินมู่ถอนหายใจ เขาเห็นแมงป่อง 2 ตัวยื้อแย่งศพของชุ่ยเยว่ ซึ่งทําให้คลื่นในแม่นํ้าปั่นป่วนสูงถึงนภากาศ เขารีบขับเคลื่อนไห และแมงป่องก็หดเล็กลง พวกมันกลับเข้าไปข้างในและสู้กันต่อในนั้น

ศพของชุ่ยเยว่ถูกฉีกแยกและตกลงไปในแม่นํ้า จากนั้นก็ถูกซัดหายไปกับกระแสนํ้า

ฉินมู่อุ้มไหกลับไปที่หมู่บ้านพิการชรา และกิเลนมังกรก็มองเขาขึ้นๆ ลงๆ ที่ปากทางเข้าหมู่บ้าน เขาเห็นว่าเด็กหนุ่มดูท่าอารมณ์ไม่สู้ดี เขาจึงไม่กล่าวอะไร

ฉินมู่วางไหลง แล้วไปลากราชามารตู้เถียนมา เขาต่อย เตะ แม้กระทั่งเรียกลมและสายฟ้ามาฟาดใส่เทวรูปหลายรอบ ก่อนที่จะปล่อยเขาไป

ราชามารตู้เถียนนอนแน่นิ่งอยู่ที่พื้นและสูญเสียชิ้นส่วนไป 10 กว่าชิ้น เขารู้สึกเจ็บปวดใจอย่างยิ่ง และพึมพํา “ข้าไปตอแยเจ้าตั้งแต่เมื่อไหร่”

หลังจากกระทืบราชามารตู้เถียน ฉินมู่ก็รู้สึกดีขึ้นมาก ทันใดนั้นเขาก็ได้ยินเสียงคนตะโกนออกมาจากข้างนอก “จ้าวลัทธิมารฟ้าอยู่ที่นี่! ทุกคนมาเร็วเข้า!”

ฉินมู่หน้ามืดคลํ้า เขาไปที่ห้องท่านยายซีแล้วนํากระจกบานที่นางใช้แต่งตัวแต่งหน้าออกมา เมื่อเขาเดินออกไปนอกหมู่บ้าน เขาก็เห็นผู้ฝึกวิชาเทวะสองคนกําลังเร่งรุดมา

เขายกกระจกทองแดงขึ้นและปราณชีวิตเขาถ่ายเทเข้าไปในนั้น แสงจากกระจกส่องไปยังร่างของผู้ฝึกวิชาเทวะทั้ง 2 และดวงวิญญาณของพวกเขาก็กระจัดกระจายไป ศพของทั้งคู่ร่วงลงจากฟ้า

เด็กหนุ่มกลับเข้าไปในหมู่บ้านและวางกระจกกลับไปบนโต๊ะเครื่องแป้งของท่านยายซี ครุ่นคิดกับตนเอง เมื่อไหรจ่ะจบสิ้นสักที นี่พวกเขาจะไม่ปล่อยให้ข้ามีปีใหม่อันสุขสงบเลยหรืออย่างไร

ใส่ความเห็น

อีเมลของคุณจะไม่แสดงให้คนอื่นเห็น ช่องข้อมูลจำเป็นถูกทำเครื่องหมาย *

error: Content is protected !!
Exit mobile version