Skip to content

Tales of Herding Gods 35

35. ตลาดนัดงานวัด

“กิน แข็งแรง!”

ที่วังสะกดเภทภัยในหุบเขา ฉินมู่ควักยาเซียนเสริมชีวาที่เขาหลอมปรุงด้วยตนเอง แล้วเขย่ายาเม็ดขนาดเท่ากำปั้นไปมาเบื้องหน้าลิงยักษ์อสูร กล่าวอีกว่า “แข็งแรง แข็งแกร่ง”

ลิงยักษ์อสูรเกาหัวแกรกๆ ก่อนจะรับยาเซียนฟื้นชีวามาไว้ในมือ หลังจากที่มันกลืนเข้าไป แล้วไม่เกิดปฏิกิริยาใด มันจึงถามด้วยความฉงน

“แข็งแรง?”

ทันใดนั้นทั้งร่างของลิงยักษ์อสูรก็ป่วนปั่น เส้นขนทั้งตัวของมันงอกยาวอย่างบ้าคลั่ง ต้นกล้าเล็กๆ พลันงอกเงยขึ้นมาบนหัวของมัน ก่อนจะเติบโตอย่างรวดเร็วเป็นกิ่งก้านไม้ใหญ่…

…ซึ่งมันคงจะเป็นเมล็ดพืชที่หล่นมาติดหัวลิงยักษ์อสูร และถูกกระตุ้นให้งอกเงยด้วยยาเซียนเสริมชีวา

ร่างกายของมันก็ขยายใหญ่ไม่หยุดตามกล้ามเนื้อของมันที่พองเป่งเติบโต กระดูกของมันก็ขยายหนาใหญ่ขึ้น ทำให้ลิงยักษ์อสูรร้องคำรามด้วยความเจ็บปวดจากการเปลี่ยนแปลงนี้ เมื่อมันเริ่มคลั่งทุบสิ่งของรอบๆ ตัว ฉินก็เข้าไปหยุดยั้งมัน แต่โดนมันฟาดจมพื้น หมัดที่สองของลิงยักษ์อสูรที่ต่อยลงพื้น กระแทกฉินมู่ให้กระเด็นกระดอนขึ้นจากดิน แล้วมันซัดใส่ฉินมู่อีกหมัด

ระหว่างที่ลิงยักษ์อสูรยังคงคำรามอย่าบ้าคลั่ง ฉินมู่ก็วิ่งกลับมาจากจุดที่โดนซัดไปตกอีกครั้ง ทั้งคู่เริ่มต่อยตีแลกหมัดกันทันที ทำลายดินระเบิดหินรอบๆ ให้ปลิวว่อน

หลังจากกลืนกินยาเซียนฟื้นชีวาที่ฉินมู่หลอมปรุง ร่างเนื้อของลิงยักษ์อสูรก็ใหญ่โตขึ้นและแข็งแกร่งขึ้น พละกำลังของมันเพิ่มพูนไปหลายส่วน ฉินมู่ซึ่งปะทะกับพละกำลังขนาดนี้มีแต่ต้องถอย ไม่อาจต่อกรได้

ฉินมู่จำต้องเรียกใช้ธาตุไฟเข้ามาเปลี่ยนคุณสมบัติปราณชีวิต ปราณชีวิตอันเดือดพล่านของเขาโคจรไหลเวียนไปทั่วร่างกาย รอยรูปมังกรปรากฏที่หลังของเขา สี่ขามังกรเชื่อมต่อกับแขนขาทั้งสี่ของฉินมู่ กรงเล็บมังกรก็ซ้อนกับฝ่ามือ เหมาะเหม็งกับนิ้วทั้งห้าของเขา

ห้าเล็บมังกรเพลิง!

ปราณชีวิตธาตุไฟถูกจัดว่าเป็นปราณหงส์แดง ทว่าฉินมู่ไม่มีทารกวิญญาณรูปหงส์แดง และมีทารกวิญญาณรูปทรงมนุษย์แทน ส่วนรอยรูปมังกรที่กลางหลังของเขานั้นมิได้เกิดจากคุณสมบัติปราณชีวิตของเขา แต่เป็นผลจากวิชาฟ้าคำรามแปดจู่โจมอันเฒ่าหม่าถ่ายทอดให้

เส้นทางโคจรปราณในฟ้าคำรามแปดจู่โจมของเฒ่าหม่าสลับซับซ้อนลึกซึ้งเป็นอย่างยิ่ง เมื่อเส้นทางโคจรทั้งหมดรวมกันเป็นรูปรอยมังกรอันแผ่ขยายไปทั่วทั้งร่างของผู้ฝึกวิชา หากว่าฟ้าคำรามแปดจู่โจมถูกใช้โดยกายาวิญญาณมังกรเขียวอย่างเฒ่าหม่า ปราณชีวิตอันมีคุณสมบัติธาตุไม้และสายฟ้าก็จะทำให้รูปรอยมังกรที่กลางหลังเป็นสีเขียวและมีประกายไฟฟ้าพุ่งวาบไปมา

แต่ในเมื่อฉินมู่ยังมิได้ฝึกปรือปราณมังกรเขียว เขาจึงได้แต่ใช้ปราณหงส์แดง และนั่นทำให้รูปรอยมังกรที่กลางหลังเหมือนสร้างจากเมฆอัคคี

เมื่อเขาใช้วิชาฟ้าคำรามแปดจู่โจม เมฆอัคคีเหล่านี้จึงจะปรากฏบนร่างกาย หากว่าเขาหยุดโคจรปราณตามวิชา รอยรูปอันพิสดารนี้ก็จะจางลงและหายวับไป

การโคจรปราณตามรอยรูปมังกรของฉินมู่เสริมพละกำลังของเขาเป็นอย่างมาก และทำให้เขาสามารถต่อสู้ทัดเทียมกับลิงยักษ์อสูรได้ในที่สุด แต่ทว่าตอนนี้นี้ลิงยักษ์อสูรกำลังคลั่งไม่ได้สติ การโจมตีของมันจึงไม่สนสี่สนแปด ไม่สนแม้กระทั่งว่าตนเองจะบาดเจ็บแค่ไหน ก็จะซัดกับฉินมู่ต่อให้จงได้ ต่อเมื่อทั้งคู่หมดแรงนอนแผ่อยู่กับพื้น ทั้งเนื้อตัวเต็มไปด้วยแผลฟกช้ำ และหายใจหอบแฮกๆ นั่นแหละ การต่อสู้ถึงสิ้นสุดลง

ต้นไม้กิ่งง่ามที่งอกเงยบนหัวของลิงยักษ์อสูรตอนนี้ก็โตจนกิ่งมันหนาเท่าถังน้ำ และมีแม้กระทั่งผลไม้สุกแดงอยู่บนกิ่ง ต้นไม้นี้มิได้เติบใหญ่อีกต่อไป เพราะว่าฤทธิ์พลังของยาเซียนเสริมชีวาถูกใช้ไปหมดแล้ว

ยาเซียนเสริมชีวาที่ฉินมู่หลอมปรุงมีปัญหาจริงๆ นั่นล่ะ ฤทธิ์พลังยาของมันรุนแรงและหยาบกระด้างจนเกินไป แทนที่จะออกฤทธิ์เสริมสร้างอ่อนโยนและค่อยเป็นค่อยไป ที่ลิงยักษ์อสูรรอดจากหนูลองยารอบนี้มาได้ก็เพราะว่าร่างกายมันใหญ่โตบึกบึน หากว่าเป็นผู้ฝึกยุทธขั้นทารกวิญญาณคนอื่นๆ ตัวคงระเบิดเป็นลูกแตงโมไปเรียบร้อยแล้ว

บัดนี้เมื่อยาหมดฤทธิ์ ร่างของลิงยักษ์อสูรก็หดลงเรื่อยๆ แต่ก็ยังนับว่าสูงใหญ่แข็งแรงกว่าตอนที่ยังไม่ได้กลืนกินยา ผลยาอันไม่เสถียรนี้ทำให้ฉินมู่รู้ว่ายาที่เขาหลอมขึ้นมาต้องมีปัญหาอะไรสักอย่าง

ทว่าจากปฏิกิริยาของลิงยักษ์อสูร ผลข้างเคียงของยาคงไม่ใช่เรื่องใหญ่ หรือถ้ามีก็อาจจะดีอีกแบบ

เขาเอื้อมเด็ดผลไม้บนต้นไม้บนหัวลิงยักษ์อสูร ปอกเปลือกแล้วรับประทาน ผลไม้นั้นหวานฉ่ำชื่นใจ พร้อมกับมีกลิ่นยาสมุนไพรรวยระรื่น

ลิงยักษ์อสูรก็ผุดลุกขึ้นนั่งและดึงเอาต้นไม้ที่งอกบนหัวลงมา รากของต้นไม้นี้งอกยาวรกเรื้อไปทั้งใบหน้าของมัน และเมื่อมันถอนต้นไม้ออกมาแล้ว มันก็รูดใบและผลไม้มากินบ้างอย่างใจเย็น

ฉินมู่มอบยาเซียนเสริมชีวาที่เหลือให้ และเตือนมันว่า “เจ้าห้ามกินยานี้มากกว่าหนึ่งเม็ดต่อครั้ง และหากว่าเจ้าต้องต่อสู้ออกกำลังเพื่อย่อยยา เจ้าน่าจะไปหาสัตว์พิสดารตนอื่นเป็นคู่ต่อสู้ อย่าเผลอทำลายวังสะกดเภทภัยเข้าล่ะ”

ลิงยักษ์อสูรตาเป็นประกาย รีบเก็บยาเซียนเสริมชีวาที่ได้รับ แล้วผงกหัว

ยาเซียนเสริมชีวาที่ฉินมู่หลอมปรุงนั้นใหญ่โตมโหฬาร ยาเซียนของนักปรุงยาเม็ดหนึ่งใหญ่เท่าหัวแม่มือ แต่เพราะขาดประสบการณ์ในการปรุงยา ยาเซียนของฉินมู่จึงใหญ่เท่ากำปั้น ดังนั้นด้วยสมุนไพรหนึ่งหม้อใหญ่นี้เขาจึงปรุงยาได้แค่ยี่สิบเม็ด

ฉินมู่กลับไปด้วยความวางใจ ลิงยักษ์อสูรคอยให้ฉินมู่หายลับตา แล้วรีบกำยาเซียนเสริมชีวาหนึ่งเม็ด ไปหาสัตว์พิสดารถิ่นใกล้ๆ เพื่อชำระแค้นเก่า

สัตว์พิสดารถิ่นติดกันนั้นเป็นคู่อริของเขา มันมักจะบุกรุกเขตแดนของลิงยักษ์อสูรบ่อยครั้งเพื่อลักลอบจับสัตว์ป่าในเขตแดนนั้นไปกินเป็นอาหาร มันหยุดรุกล้ำเขตแดนลิงยักษ์อสูรไปได้สักพักหนึ่งแล้ว เพราะหลังๆ มามันถูกลิงยักษ์อัดจนหมอบก็หลายคราว และเมื่อมันเห็นรอยฝ่ามือของฉินมู่ที่ประทับอยู่บนหน้าผา มันก็รู้ว่าหุบเขาแห่งนี้มีผู้คุ้มครองเพิ่มอีกหนึ่งแล้ว

ลิงยักษ์อสูรพุ่งตะลุยฝ่าเขตแดนคู่อริของเขา เมื่อมันเห็นสัตว์พิสดารเจ้าถิ่น มันก็กลืนกินยาเม็ดในมือ แล้วกระโจนใส่พลางร้องคำราม

สองวันต่อมา ในที่สุดก็วันตลาดนัดงานวัด ท่านยายซีหอบหิ้วเสื้อผ้าที่ม้วนไว้เป็นมัด เฒ่าหม่าแบกเครื่องเรือนชิ้นใหม่ๆ ที่เขาเพิ่งเลื่อยประกอบเสร็จ นักปรุงยามีตระกร้ายา และคนแล่เนื้อก็ลากสัตว์พิสดารที่เฒ่าเป๋จับได้เมื่อวานขึ้นไปบนเกวียน คนแล่เนื้อจะทำหน้าที่เชือดสัตว์พิสดารและแล่เนื้อมัน ส่วนเฒ่าเป๋ก็จะทำหน้าที่ขายเนื้อเหล่านั้นหน้าร้าน

เฒ่าใบ้ยังหอบหิ้วเตาไฟหลอมเหล็กและอุปกรณ์ตีเหล็ก เฒ่าหนวกมีพู่กัน หมึก และกระดาษ เมื่อทุกคนพร้อมแล้วก็เรียกฉินมู่มาขึ้นไปบนเกวียนเทียมวัวด้วยกัน และต้อนวัวขับเกวียนไปทางวัดยายเฒ่า

เกวียนเทียมวัวส่งเสียงออดแอดเอี๊ยดอ๊าดเมื่อมันบรรทุกพาของเต็มเกวียนไปยังวัดยายเฒ่า ฉินมู่ซึ่งรับหน้าที่ขับเกวียนดูอารมณ์ไม่ค่อยจะดีนัก การไปตลาดนัดงานวัดเป็นเรื่องน่าตื่นเต้นที่เขาเฝ้าใฝ่ฝันเมื่อตอนเด็กๆ แต่เมื่อตอนนี้เขามีความรู้และประสบการณ์มากขึ้น ตลาดนัดงานวัดก็ไม่ได้ดูน่าสนใจสำหรับเขาอีกต่อไป

แต่ทว่าเมื่อเขาไปถึงวัดยายเฒ่าเข้าจริงๆ ฉินมู่ก็ตกตะลึงกับภาพที่เห็น ตลาดนัดงานวัดนี้คึกคักผู้คนมากกว่าที่เขาคิด

ในซากโบราณรอบๆ วัดยายเฒ่าเป็นลานปูหินกว้างใหญ่ราวๆ สิบลี้ มีร้านรวงเปิดขายของอยู่ทุกที่ ผู้คนเดินซื้อหาข้าวของกันขวักไขว่

นี่ดูจะไม่ใช่แค่งานนัดรวมกันเปิดท้ายขายของของชาวบ้านในหมู่บ้านใกล้ๆ แล้ว ดูท่าว่าชาวบ้านในแดนโบราณวินาศในรอบรัศมีสองร้อยลี้น่าจะมากันหมด!

แผนที่ในวังสะกดเภทภัย ไม่ได้เรียกที่นี่ว่าวัดยายเฒ่า แต่เรียกว่า…วังหมาป่าสวรรค์ ฉินมู่รู้สึกประหลาดใจ เขาไม่รู้ว่าเหตุใดสถานที่แห่งนี้ถึงถูกเปลี่ยนชื่อเป็นวัดยายเฒ่า

เมื่อเกวียนวัวขับเข้าสู่เขตลานหิน ฉินมู่ก็แลเห็นสิ่งของหายากและพิสดารหลายหลากวางเรียงรายในร้านแบกะดินเล็กๆ มีกระทั่งคนขายลูกกวาดน้ำตาลปั้น คนขายอาหารนานาชนิด นักแสดงพเนจรแบบต่างๆ เช่น นักพ่นไฟ มีทั้งผู้คนที่กำลังค้าขายสัตว์พิสดาร แร่ธาตุ อัญมณี และแม้แต่ลูกสาวของตนเอง ฯลฯ

“ข้ากับลูกสาวมาจากหมู่บ้านแซ่วัว และได้ผ่านมาที่นี่ พวกเรามิได้หวังชื่อเสียงเงินทอง แต่เพราะว่าลูกสาวของข้าถึงวัยออกเรือนแล้วและยังไม่มีใครต้องใจนาง ดังนั้นข้าจึงต้องการหาลูกเขยผ่านการจัดประลองยุทธ และหวังใจว่าจะได้เขยขวัญผู้มีวรยุทธเป็นเลิศ…”

ฉินมู่เห็นว่าข้างหน้านั่นดูคึกคักเป็นพิเศษ เขาจึงหยุดเกวียนเพื่อมองดู ปรากฎว่ามันก็คือการจัดประลองยุทธเพื่อหาว่าที่เจ้าบ่าว ในสนามประลองบุรุษและสตรีต่อสู้ประมือกันอย่างดุดัน ฉินมู่มองสองสามทีก็หมดความสนใจจึงบังคับวัวลากเกวียนไปต่อ เขาพบว่าสนามประลองยุทธคล้ายๆ กันนี้ปรากฏเป็นระยะในตลาดนัดวัดยายเฒ่า

สนามประลองยุทธเหล่านั้นถูกสร้างบนฐานพื้นโคลน และในสนามเต็มไปด้วยเด็กรุุ่นหนุ่มๆ จากหมู่บ้านต่างๆ ซึ่งล้วนแต่เป็นผู้ฝึกยุทธ แน่ล่ะว่ามีตาเฒ่า คนแก่ผมเทากระโดดลงไปแจมด้วย แต่ก็ถูกโยนออกมาจากสนามประลองพร้อมกับเสียงโห่ไล่ของผู้ชม

“บางหมู่บ้านมีผู้ชายน้อย ก็เลยจัดสนามประลองยุทธนี้ขึ้นมาเพื่อดูดเขยเข้าหมู่บ้าน”

ท่านยายซีเตือนฉินมู่ “กลายเป็นเขยบ้านเขา แปลว่าเจ้าจะต้องไปอยู่กับพวกเขาที่หมู่บ้านอื่น ดังนั้นเจ้าห้ามขึ้นสนามประลองพวกนี้เด็ดขาด!”

ฉินมู่ผงกหัวรับ แต่มือไม้คันเต็มแก่อยากจะออกไปเปรี้ยว เฒ่าบอดหัวเราะขึ้นมา “ฮ่าๆ ไม่เห็นเป็นไรเลย ให้ฉินมู่ขึ้นไปอัดหนุ่มๆ ในสนามประลองเหล่านี้ให้หมด แล้วก็รับสาวๆ มาเป็นเมียสักสิบคน…”

ท่านยายซีจิกตาจ้อง เฒ่าบอดจึงรีบหุบปากไม่กล้าพูดต่อ

หมู่บ้านพิการชรามีที่ตั้งร้านประจำในวัดยายเฒ่า ไม่นานนักเกวียนวัวก็แล่นมาถึงจุดตั้งร้านดังกล่าว ฉินมู่ช่วยคนแล่เนื้อตั้งร้านขายเนื้อ จากนั้นช่วยเฒ่าหม่าขนย้ายเครื่องเรือนไม้ลงมาจากเกวียน หลังจากขนเสร็จ เขาก็หันไปช่วยเฒ่าใบ้ตระเตรียมเตาหลอม ช่วยท่านยายซีเตรียมโต๊ะตัดเย็บปะชุน สุดท้ายก็ช่วยเฒ่าบอดฝนหินเตรียมหมึก แล้วแขวนโคลงกลอนอักษรคัดที่เฒ่าบอดเขียนไว้หน้าร้าน

หลังจากตระเตรียมทุกอย่างเสร็จแล้ว ฉินมู่ก็เห็นเฒ่าบอดนั่งหน้าโต๊ะและมีธงป้ายห้อยมาจากเสาไม้ไผ่ บนธงป้ายนั้นเขียนไว้ว่า“ทำนายเซียมซีหกเหรียญ ทำนายยันต์แปดทิศ แสวงโชคลาภ ขจัดโชคร้าย” และคำบรรยายอื่นๆ ฉินมู่เห็นแล้วก็สงสัยในใจ ท่านปู่บอดรู้วิชาทำนายทายทักด้วยหรือนี่

นักปรุงยาเริ่มตั้งแผงขายยาของตน ส่วนคนแล่เนื้อก็เริ่มแล่ผ่าท้องสัตว์พิสดาร และเฉือนเนื้อแต่ละส่วนของมันมาห้อยขาย สมาชิกหมู่บ้านพิการชราเริ่มตะโกนโฆษณาเรียกลูกค้า ทำให้พวกเขาดูไม่ต่างจากคนธรรมดาทั่วไป

“มู่เอ๋อ ตรงนั้นมีสนามประลองว่างอยู่ เจ้าขึ้นไปแขวนป้ายนี้ไว้ซิ”

เฒ่าหนวกสะบัดพู่กันไม่กี่ครา ก็ได้อักษรบนป้ายผ้าให้แก่ฉินมู่ เขากล่าวต่อ “หลังจากเจ้าแขวนป้ายนี้ไว้แล้ว ห้ามลงมาจากสนามประลองเด็ดขาด ยืนอยู่บนนั้นแหละ นี่คือบททดสอบของเจ้าในวันนี้ หากว่าตะวันตกดินแล้วเจ้ายังยืนอยู่ในสนามประลองได้ ก็ถือว่าผ่านบททดสอบ”

ฉินมู่อ่านข้อความบนแผ่นป้ายเหล่านั้น ‘บุรุษไร้เทียมทานเตะแม่น้ำหย่งขาดครึ่ง สยบแปดร้อยหมู่บ้านแดนโบราณวินาศ!’ และอีกป้ายก็เขียนว่า ‘ยอดฝีมืออันดับหนึ่งขั้นทารกวิญญาณ’

แล้วฉินมู่ก็หันไปมองสนามประลองซึ่งมีเสาไม้มันวาวเป็นประกายสองต้น ที่กลางเสามีแท่นวางว่างเปล่า ดูเหมือนจะเป็นที่ให้แปะป้ายผ้ายาวพวกนี้

“ท่านปู่หนวก อย่างนี้ข้าจะไม่โดนต่อยตีจนปางตายหรือ” ฉินมู่หันไปถามเฒ่าหนวก

ในตอนนั้นเอง เขาก็เห็นเฒ่าบอดควักธงผ้ามาอีกผืนเขียนว่า ‘พนันวันนี้พรุ่งนี้รวย พนันข้างไหนแล้วห้ามคืนคำ’ ดูเหมือนว่าเฒ่าบอดตระเตรียมจะหารายได้เข้ากระเป๋าจากการประลองของฉินมู่เรียบร้อย

ระหว่างนั้น ท่านยายซีก็แวะเข้ามาวางเดิมพันที่โต๊ะพนันของเฒ่าบอด นักปรุงยารีบเอายาสมานแผล ยารักษาบาดเจ็บออกมาตระเตรียมขายผู้ฝึกยุทธที่พ่ายประลอง เฒ่าหม่าก็เริ่มเหลาประกอบไม้ค้ำยันและเปลพยาบาล ขณะที่คนแล่เนื้อก็มาขาย ‘โลหิตล้ำค่าของงูมังกร’ อันเป็นยาบำรุงวิเศษสำหรับโป้วเสริมพลังก่อนประลอง!

ฉินมู่หน้ามืดคล้ำทันใด ตาเฒ่ายายเฒ่าแสนกลพวกนี้ชักจะมีหัวคิดในการทำธุรกิจมากไปแล้ว!

“เฒ่าหนวก เขียนเพิ่มไปอีกหน่อยซิว่า “ขึ้นสนามได้เฉพาะผู้ฝึกยุทธขั้นทารกวิญญาณเท่านั้น” นางขบคิดอยู่นิดนึง “เพราะถ้าผู้ฝึกทักษะเทวะกระโดดขึ้นไปแล้วซ้อมมูเอ๋อปางตายขึ้นมาจะทำอย่างไร”

ใส่ความเห็น

อีเมลของคุณจะไม่แสดงให้คนอื่นเห็น ช่องข้อมูลจำเป็นถูกทำเครื่องหมาย *

error: Content is protected !!
Exit mobile version