Skip to content

Tales of Herding Gods 5

5. ห้าอาวุโสแห่งแม่น้ำหลี่

เสียงตวาดเจือปราณกล้าแกร่งก้องสะท้อนไปทั่วทิศ แม้ว่าสุ้มเสียงนั้นจะส่งมาจากที่ห่างไกล แต่ฟังคล้ายกับว่าเจ้าของเสียงยืนตวาดอยู่ใกล้ๆ ทำให้หูของฉินมู่อื้ออึงไปพักหนึ่ง

เขาเหลียวไปมองยังทิศทางที่เสียงตวาดดังมา และแลเห็นเงาร่างผู้คนยืนอยู่ไกลๆ บนหน้าผาที่ห่างออกไปราวสองลี้ ฉินมู่มิอาจมองเห็นใบหน้าของผู้คนเหล่านั้นอย่างถนัดถนี่ แต่ก็รู้ได้จากวิชาถ่ายทอดเสียงระยะไกลว่าพวกมันคงมิใช่คนธรรมดา

“มารร้าย? เจ้าว่าใครเป็นมารร้าย ข้าเป็นแค่หญิงแก่ธรรมดาๆ ริมแม่น้ำ แล้วกวางน้อยนี้ เป็นลูกกวางที่ข้าเลี้ยงไว้เท่านั้น” ท่านยายซีกระเดียดตะกร้าขึ้นมาไว้ข้างตัว แล้วกระซิบ “มู่เอ๋อ วิ่งหนีเร็ว!”

ความร้อนใจในน้ำเสียงของท่านยายซีทำให้ฉินมู่พลอยตระหนกไปด้วย เขาพยายามที่จะพูดสื่อสารแต่ไม่อาจทำได้ เขาไม่ต้องการทิ้งท่านยายซีไว้เพียงผู้เดียวเพราะเกรงว่านางจะตกอยู่ในอันตราย

“เฮอะ! เจ้าเป็นแค่หญิงแก่ธรรมดาๆ ริมแม่น้ำ? ถ่ายทอดเสียงระยะไกลได้แบบนี้ แถมปราณก็ยังกล้าแข็ง หญิงแก่ธรรมดาที่ไหนถึงทำได้ ” เสียงของชายสูงอายุทว่ายังคงกังวานทรงพลังตอกกลับมาจากหน้าผา จากนั้นหัวเราะในคออย่างเย็นชา “เฮ่อๆ พวกเราห้าอาวุโสแห่งแม่น้ำหลี่มีตาและมีแวว วิชามารฟ้าเสกสรรไม่อาจตบตาพวกข้า วิชามารเยี่ยงนี้ พลิกผันเปลี่ยนแปลง ถลกหนังมาทำเนื้อผ้า…เจ้ายังกล้าปากแข็งเมื่อโดนจับได้คาหนังคาเขาแบบนี้อีกรึ”

“มารร้ายเยี่ยงเจ้าคงจับมนุษย์มาเย็บเป็นวัวควายส่งขายให้คนฆ่าในตลาดบ่อยๆ สินะ หืม?”ผู้อาวุโสอีกคนบนหน้าผาเค้นเสียงอย่างเคร่งเครียด “ศิษย์พี่อาจารย์อาหลายคนในสำนักฝ่ายธรรมะพวกข้าถูกเย็บให้เป็นวัวควายโดนข่มเขาให้กินหญ้าไปชั่วชีวิต! วิชาของเจ้า อย่าคิดมาตลบแตลง!”

“อนิจจา…ชีวิตกวางเอลก์ก็นับว่าเป็นชีวิต เจ้ายังใช้หนังและวิญญาณของมันมาเสกเป็นสิ่งที่ชั่วช้าได้ลงคอ…” ผู้อาวุโสอีกคนกล่าวด้วยน้ำเสียงรันทด “หากว่าวันนี้ไม่ขจัดมารร้ายอย่างเจ้า ไม่รู้ว่าจะมีกี่ชีวิตบริสุทธิ์ที่ต้องตกตาย ถ้าไม่สังหารเจ้า แล้วควรสังหารใคร”

ท่านยายซีหันไปดึงเข็มที่ตรึงหน้าผากกวางของฉินมู่ แล้วสั่งความ “พวกสุนัขเฒ่าพวกนี้ทำอะไรยายไม่ได้หรอก แต่ถ้าเจ้ายังอยู่ข้างๆ จะทำให้ยายต้องห่วงพะวง รีบไป! วิ่งกลับไปที่หมู่บ้าน!”

ฟังดังนั้นฉินมู่ก็สิ้นความลังเล เขารีบวิ่งหนีไปตามเส้นทางเลียบแม่น้ำที่ผ่านตอนขามาทันที ตอนแรกฉินมู่คิดว่าการวิ่งในร่างกวางเอลก์คงขัดๆ เขินๆ ทว่าเมื่อได้เริ่มกระโจนเต็มฝีเท้าแล้วก็พบว่าคาดไว้ผิด แทนที่จะรู้สึกพิลึกประหลาดกลับกลายเป็นเหมือนว่าคุ้นเคยกับการเป็นกวางมาช้านาน และได้ห้อไล่ลมเร็วยิ่งกว่าที่เคย

“ไอ้เด็กปีศาจกำลังจะหนีงั้นรึ จะปล่อยให้เจ้านี่ไปรังควาญชีวิตผู้คนหรือไง ห้าศิษย์แห่งแม่น้ำหลี่ ได้เวลาฝึกแล้ว กวางนั่นคือเป้าหมายของพวกเจ้า ตามไปจัดการมันและนำหัวของมันกลับมา!”

ได้ยินเช่นนั้น เสียงสดใสของเด็กหญิงและชายหลายคนก็ร้องรับพร้อมๆ กัน “ศิษย์น้อมรับคำสั่ง!”

ในพริบตา เงาร่างห้าสายก็กระโดดลงจากหน้าผา ใต้หน้าผา เป็นบ่อธารลึกที่รองรับน้ำจากน้ำตกอันไหลถั่งโถมจากยอดเขา แทนที่พวกเขาจะตกกระทบน้ำจนกระเด็นกระดอน ศิษย์ทั้งห้ากลับแตะปลายเท้าที่ผิวน้ำอย่างแผ่วเบา แล้วสะกิดตัวพุ่งไล่ล่าฉินมู่

ท่านยายซีใจตกวูบ “กายาวิญญาณ! ซ้ำยังเป็นสมบัติเทวะทารกวิญญาณขั้นสูง ความเร็วของมู่เอ๋อคงยากที่จะหลีกลี้พวกนั้นไปได้ พวกมันต้องตามทันมู่เอ๋อแน่ๆ!”

ก่อนที่ท่านยายซีจะตามไปช่วย สี่เงาร่างก็เหินข้ามอากาศลงมายืนล้อมรอบนาง เหลือเพียงเงาร่างเดียวที่ยังยืนอยู่บนหน้าผา เขายืนเชิดหน้าอย่างโอหังและดูไม่มีทีท่าว่าจะร่วมลงมือ

“ห้าอาวุโสแห่งแม่น้ำหลี่มาทำอะไรในแดนโบราณวินาศล่ะ” ท่านยายซีกลอกตารอบหนึ่งก่อนหัวร่อคิกคักใส่สี่ผู้อาวุโสที่ยืนล้อม “แดนโบราณวินาศเปี่ยมด้วยอันตราย ท่านที่นับถือทั้งหลายไม่กลัวว่าจะทิ้งชีวิตไว้ที่นี่หรือ เฮะ ๆ”

หนึ่งในผู้อาวุโสคนที่มีหนวดดำขลับแค่นเสียงเย็นชา “พวกข้าได้ยินว่าในแดนโบราณวินาศนี้เป็นที่ซุ่มซ่อนของเหล่าหนูโสโครกอันมิอาจพบหน้าผู้คน…มารชั่วปีศาจร้ายที่ถูกล่าล้างจากโลกภายนอกจนต้องกระเสือกกระสนหนีมาที่นี่ ดังนั้นพวกข้าห้าอาวุโสจึงพาศิษย์มาช่วยขจัดเภทภัยให้สวรรค์”

“เฮ่อๆ ก็ไม่แน่หรอกว่าฝั่งไหนคือมารชั่วปีศาจร้าย…และใครจะได้ขจัดใคร” ท่านยายซีกอดตะกร้าด้วยแขนโก่งๆ ข้างหนึ่ง ส่วนอีกข้างหนึ่งก็กวัดแกว่งกรรไกรตัดผ้าไปมา ราวกับว่านางมีสายตาไม่สู้ดี นางหัวร่ออีกครา “กี่ปีแล้วเนี่ยที่ข้าไม่ได้ขยับกระดูกกระเดี้ยวผุๆ ของข้า แต่นับว่าโชคยังดี ที่ฝีมือข้ายังไม่หดหายไปนัก พวกตาเฒ่าเน่าเหม็นอย่างพวกเจ้าสนใจอยากให้ข้าตัดเย็บเป็นเสื้อผ้างั้นรึ”

“นางมารเฒ่าเจ้าบังอาจทำเขื่องโขต่อหน้าพวกข้า? เจ้าคู่ควรอะไรให้มาโอหังอย่างนี้”

สี่อาวุโสจากห้าอาวุโสแห่งน้ำหลี่ตวาดพร้อมกัน พวกมันเริ่มลงมือจู่โจมฟาดเข้าไปซ้ำๆ ใส่ท่านยายซี

ในเวลาเดียวกันนั้น ฉินมู่ซึ่งวิ่งจนเต็มเหยียดไปทางหมู่บ้านชราพิการก็เห็นประกายไฟฟ้า สายฟ้าสีขาวเส้นหนาฟาดลงมาสาดแสงจ้าไปทั่วบริเวณ อาบแสงจัดเข้มยิ่งกว่าแสงอาทิตย์ใส่เนินโขดและขุนเขาซ้ำแล้วซ้ำเล่าตามเปลวฟ้าพิโรธ! หลังจากแสงฟ้าแรงร้ายนั้นก็ตามมาด้วยคำรามครั่นครื้นสะเทือนปฐพีที่ไล่เขามาจากเบื้องหลัง

ฉินมู่เหลียวหลังไปดูเพียงแวบเดียว ก็เห็นแต่ลมกรรโชกมาจากจุดที่ท่านยายซีอยู่เมื่อครู่ พายุอันเกิดขึ้นทันด่วนนั้นซัดให้ดิน กรวด แม้กระทั่งหินก้อนใหญ่ๆ หนักกว่าพันชั่ง กระเด็นกระดอนปลิวว่อนทั่วฟ้า!

“ท่านยายต้องปลอดภัยแน่…” ฉินมู่กล่าวปลอบตัวเองแม้ว่าหัวใจของเขาจะหนักอึ้ง และมุ่งหน้าวิ่งต่อไป

ทันใดนั้น เสียงแจะๆ เหมือนฝีเท้าคนเปียกน้ำก็ดังมาจากแม่น้ำ ฉินมู่มองไปก็เห็นเด็กชายและเด็กหญิงโลดแล่นอยู่บนผิวน้ำ

ปลายเท้าของทั้งคู่เหยียบแตะอยู่บนผิวน้ำ ทว่ากลับไม่จ่อมจมลงไป ความเร็วที่เท้าของพวกเขาเหยียบน้ำสะกิดตัวจากก้าวต่อก้าวนั้นว่องไวอย่างอัศจรรย์ เร็วยิ่งกว่าความเร็วสูงสุดที่ฉินมู่ทำได้ พวกเขาเหยียบน้ำยังไม่ทันจะจมถึงข้อเท้า ท่าร่างก็ผาดโผนไปเบื้องหน้ายังจุดเหยียบต่อไปราวกับสายลม!

สองคนนี้น่าจะบรรลุถึงขั้นเท้าเหยียบคลื่นอย่างที่ท่านปู่เป๋ว่าข้าไม่มีวันทำได้ พวกเขาแข็งแกร่งกว่าข้า!

ไม่นาน เด็กทั้งสองคนก็วิ่งนำหน้าฉินมู่ในที่สุด เมื่อนั้นพวกเขาก็หันเหทิศทางเฉียงเข้าฝั่งหมายจะสกัดยับยั้งเส้นทางเบื้องหน้าของฉินมู่

ฉินมู่เหลือบมองไปข้างหลังพบว่ามีเด็กอีกคนที่ไล่ตามมาจากทิศนั้น และอีกสองคนวิ่งขนาบด้านที่เป็นเนินผาและป่าทึบ พวกเขากระโดดจากยอดไม้หนึ่งไปอีกยอดไม้หนึ่งเพื่อหลีกอุปสรรคเบื้องล่าง ทว่าไม่นานพวกเขาก็ต้องหยุดพักหายใจโคนต้นไม้เป็นระยะๆ

ถึงแม้จะต้องพักหายใจ แต่ผู้ไล่ล่าที่ขนาบมาทางด้านป่าก็ยังเร็วกว่าฉินมู่อยู่ดี

ข้าไม่ยอมให้พวกนี้ขวางข้าได้หรอก! ข้าต้องรีบกลับหมู่บ้าน ไปเรียกท่านปู่หม่าและคนอื่นๆ ไปช่วยท่านยาย!

ฉินมู่กัดฟันกรอด เปลี่ยนเส้นทางจากริมชายน้ำหักเข้าไปในป่า

ถ้ายังวิ่งทางโล่งริมน้ำต่อไป เขาต้องถูกสกัดไว้ได้เป็นแน่ ศิษย์แม่น้ำหลี่สองคนที่วิ่งอยู่กลางน้ำนั้นรวดเร็วเกินไป แต่อีกสองคนที่วิ่งในป่าค่อนข้างจะช้ากว่า การหนีเข้าไปในป่าจึงกลายเป็นทางเลือกเดียวของฉินมู่

“เด็กปีศาจต่ำช้า! เจ้าและนางปีศาจมือเปื้อนเลือดกวางอย่าคิดว่าจะหนีไปได้!”

เมื่อฉินมู่มุ่งหน้าเข้าไปในป่า หนึ่งในเด็กผู้ชายที่วิ่งตามเขาในพื้นที่นั้นพยายามเร่งความเร็วขึ้นมา ทว่ายังสายไปก้าวหนึ่งปล่อยให้ฉินมู่ในร่างกวางโผนกระโจนเฉียดหน้าไปได้

“ไม่ต้องห่วง มันหนีไม่พ้นหรอก!”

ผู้นำกลุ่มสองคนซึ่งก็คือเด็กหญิงชายที่วิ่งบนผิวน้ำเมื่อครู่ กล่าวด้วยสีหน้าไม่ยี่หระ เด็กหญิงสะบัดชายแขนเสื้อหนึ่งครา หัวร่อเสียงกังวานแล้วเร่งความเร็วฝีเท้าขึ้นในพริบตา นางสะกิดเท้าเหินลอยไปยังยอดไม้ราวกับนกโผบิน ส่วนเด็กชายทำหน้าที่ออกคำสั่งควบคุมอีกสามคนให้วิ่งไล่ดักตามฉินมู่ตามแผนการ

ไม่ว่าฉินมู่จะซอยฝีเท้าเร็วรี่เพียงไหน ก็ไม่อาจสลัดหลุดผู้ไล่ล่าทั้งห้าได้ มิเพียงเท่านั้น เขายังถูกต้อนให้วิ่งห่างออกไป ห่างออกไปจากหมู่บ้านพิการชรา ตัดลึกเข้าไปในใจกลางแดนโบราณวินาศ

กว่าสิบสี่สิบห้าปีที่เขาใช้ชีวิตในหมู่บ้านพิการชรา เขาเคยออกไปไกลจากหมู่บ้านก็แค่สิบกว่าลี้ แต่บัดนี้เขาต้องพเนจรไปไกลกว่านั้น เส้นทางรอบๆ ยิ่งวิ่งก็ยิ่งพิลึกประหลาด ป่ายิ่งชันยิ่งเปลี่ยว กระทั่งเส้นทางรอยเดินก็ไม่มีให้เห็น

ทันใดนั้น ฉินมู่ก็เห็นหุบเขาอันอุดมด้วยป่าท้อชูกิ่งไสว ทั่วทั้งหุบเขานั้นฝูงกวางเอลก์วิ่งละเล่นกันในป่าท้อ เขารีบวิ่งรี่เข้าไปเต็มฝีเท้า แล้วหลบซ่อนกลืนไปกับฝูงกวาง

วูชชช!

กลิ่นดอกท้อกรุ่นไปทั้งบริเวณ เด็กหญิงหยุดยั้งเท้า แขนของนางสะบัดไหวจากสายลม และขมวดคิ้วจ้องมองฝูงกวางเบื้องหน้า

“ศิษย์พี่หญิง เจ้าเด็กชั่วร้ายนั่นหายไปไหน” เด็กอีกคนที่อายุอานามใกล้เคียงฉินมู่เอ่ยปากถาม เมื่อพวกเขาตามมารวมตัวกันตรงนั้น

ดรุณีแรกรุ่นกัดเม้มริมฝีปากของนางและกล่าวตอบ “มันปลอมตัวปะปนกับฝูงกวาง”

“งั้นฆ่ากวางพวกนี้ให้หมดเลยสิ!”

ศิษย์เยาว์ทั้งหลายชักดาบใช้กระบี่พล่าผลาญชีวิตของกวางเอลก์โดยไร้ความปรานี แม้ว่ากวางเอลก์จะว่องไวเพียงใดก็ไม่อาจทัดเทียมความเร็วของผู้ฝึกยุทธเด็กพวกนี้

ทั้งห้าคนเป็นผู้ครอบครองกายาวิญญาณ และมีพลังยุทธที่กล้าแข็ง ฝึกปรือวิชาฝีมือมาแต่เล็ก เหล่ากวางวิ่งหนีพล่านไปทุกสารทิศแต่มิอาจพ้นสนามอาบเลือดไปได้ ไม่นานนักกวางเอลก์ก็ถูกเข่นฆ่าไปทีละตัวทีละตัว

และในตอนนั้นเอง เสียงของมนุษย์ก็เอ่ยคำถามขึ้นมาท่างกลางฝูงกวางที่แตกตื่น

“ไหนพวกเจ้าว่า…ชีวิตกวางก็ถือเป็นชีวิต? ท่านยายซีฆ่ากวางตัวเดียว แต่พวกเจ้าเข่นฆ่ากวางทั้งฝูง แล้วทำไมถึงมาชี้หน้าว่าข้าและท่านยายคือมารชั่วปีศาจร้าย”

“ตรงนั้นไง!”

ตาของเด็กหญิงเป็นประกายเมื่อนางรวบรวมปราณและทิ่มแทงกระบี่ยาวออกไป ปราณพยัคฆ์ขาวแผ่พุ่งจากคมกระบี่และฉายแสงสีทองสดใส กระบี่ทั้งเล่มพวยพุ่งจากมือของนาง พุ่งไปยังฉินมู่ซึ่งวิ่งโผนอยู่กลางฝูงกวาง

ฉินมู่บิดร่าง เปลี่ยนเส้นทางวิ่งหลบทางกระบี่ ทว่ากระบี่นั้นเหมือนมีตา เปลี่ยนทิศไล่ตามฉินมู่ในทันที

นี่มันวิชาอะไรกัน

ฉินมู่มีจิตพิศวง ใช่ทักษะเทวะหรือเปล่านะ แต่มัน…ดูเหมือนไม่ใช่แฮะ ท่านปู่คนแล่เนื้อเคยพูดไว้ว่า จะสำเร็จทักษะเทวะได้ก็เมื่อฝึกมรรคายุทธจนถึงขีดสุด แต่มรรคายุทธของหญิงผู้นี้ต่ำชั้นกว่าท่านปู่คนแล่เนื้ออยู่หลายขุม…

เมื่อกระบี่พุ่งเข้ามาเฉียดจมูก ฉินมู่ก็หกหัวเปลี่ยนทิศทางและย่อตัววิ่งเลียดดินให้มากที่สุด หลบคมกระบี่ได้ได้เส้นยาแดงผ่าแปด ในจังหวะที่เขาหลบหลีกการโจมตีนั่นเอง สายตาก็จ้องจับเห็นเส้นด้ายบางๆ อันผูกกระบี่เล่มนั้นไว้กับมือดรุณี

เส้นด้ายนั้นเบาบางยังกับเส้นไหม ยากจะสังเกต

ใส่ความเห็น

อีเมลของคุณจะไม่แสดงให้คนอื่นเห็น ช่องข้อมูลจำเป็นถูกทำเครื่องหมาย *

error: Content is protected !!
Exit mobile version