53. แสดงแสนยานุภาพ
“ถ้าอย่างนั้น เจ้าก็จะถ่ายทอดคัมภีร์มารฟ้ามหาศึกษิตให้มู่เอ๋อด้วยอย่างงั้นหรือ”
เฒ่าเป๋ถาม
ยายเฒ่าซีพยักหน้าน้อยๆ แล้วกล่าวตอบ “เขาเหนือล้ำกว่าข้า วิชามารฟ้าเสกสรรเป็นหนึ่งในวิชาเทวะในคัมภีร์มารฟ้ามหาศึกษิต ข้าใช้วิชานี้ในการถลกหนังสิ่งมีชีวิตมาทำเสื้อผ้า ซึ่งนั่นค่อนข้างชั่วร้าย แต่ข้าไม่เคยคิดมาก่อนว่าจะสามารถใช้วิชามารฟ้าเสกสรรในการต่อต้านแสงตะวันเผาวิญญาณหยางของฟ้าคำรามแปดจู่โจม เขากลับเป็นคนคิดวิธีนี้ออก”
นักปรุงยาพยักหน้า “ใช่จริงๆ มันเป็นวิธีรับมืออันไร้ที่ติ ที่ใช้วิชามารฟ้าเสกสรรตรึงวิญญาณของตนเอาไว้เมื่อปะทะกับแสงตะวันเผาวิญญาณหยาง”
“ดังนั้นหากว่าเขาได้เรียนรู้คัมภีร์มารฟ้ามหาศึกษิต เขาก็อาจจะนำคัมภีร์มารนี้สู่ความรุ่งเรือง และสำเร็จในสิ่งที่พวกเราไม่มีทางคาดคิดไปถึง”
เฒ่าใบ้ทำเสียงอาๆ แล้วส่งภาษามือ เฒ่าหนวกส่ายหน้าแล้วกล่าว “พวกเราอย่าไปบอกเขา หากบอกเขาให้รู้ตัวก่อน มันจะสนุกอะไร”
กลุ่มหญิงเฒ่าชายแก่ที่สุมหัวกันอยู่ พลันระเบิดหัวเราะพร้อมๆ กันเป็นใจเดียว
ในหมู่บ้านพิการชรา เสียงสายฟ้าฟาดกัมปนาทก้องทั่วทิศ ท่าร่างของฉินมู่และเฒ่าหม่าปะทะกัน เมื่อทั้งคู่ต่างช่วงใช้กระบวนท่าพายุสายฟ้าเก้ามังกร
ตูมมม!
เสียงหนักแน่นของสายฟ้าดังอสุนีบาตฟาดใส่หู เมื่อหมัดของฉินมู่และเฒ่าหม่าปะทะกัน ฉินมู่ครางหนักๆ คราหนึ่ง และก้าวถอยหลังไปหลายก้าวด้วยย่างเท้าขดเอี้ยววกเวียนประดุจมังกรเทพยดา นี่ดูเหมือนเขาเพลี่ยงพล้ำถอยร่น แต่ที่จริงแล้วเขาถอยเพื่อสั่งสมพละกำลังในท่อนขาของตน
ภายในการถอยไม่กี่ก้าว ฉินมู่สั่งสมพละกำลังในท่อนขาของตนจนถึงขีดสุด แล้วพุ่งใส่เฒ่าหม่าราวกับมังกรพิโรธที่ทะยานขึ้นมาจากนรก!
“เด็กดื้อ เขาถึงกลับดัดแปลงวิชาขาขโมยสวรรค์ที่ข้าสอนเขา” เฒ่าเป๋อุทานอย่างตกใจ
เขามองเห็นว่าท่าเท้าที่ฉินมู่ก้าวย่างไปนั้นราวกับมังกรขดตัวแน่นเพื่อสั่งสมกำลังตระเตรียมจู่โจม มันอาจจะดูเหมือนถอยร่น แต่อันที่จริงนี่คือการถอยเพื่อรุกกลับ ทำให้เป็นกลอุบายอันร้ายกาจ
วิชาขาขโมยสวรรค์ของเฒ่าเป๋วิเศษพิสดารยากหาใดเปรียบ แต่เขาใช้มันแค่ไว้คุยโวโอ้อวดกับใช้ลักเล็กขโมยใหญ่ และไม่สนใจที่จะเพิ่มพละกำลังในวิชาขาขโมยสวรรค์ของตน ท่าเท้าของเฒ่าเป๋มักใช้เพื่อหลบหนีหลังจากขโมยของหรือลอบสังหาร แต่การปะทะซึ่งๆ หน้ามิใช่จุดเด่นของวิชาขาขโมยสวรรค์
ฉินมู่ได้ดัดแปลงปรับแต่งท่าเท้าของเขาเล็กน้อย และสวมใส่จิตวิญญาณของมังกรเทวะเข้าไปในกระบวนท่าโดยไม่รู้ตัว ทำให้ท่วงท่าการเคลื่อนไหวของเขามีเงาเดชานุภาพของมังกร อันคล้ายกับการโจมตีของงูมังกร
ปัง ปัง ปัง!
เสียงปะทะกันถี่ยิบดังขึ้นมา ฉินมู่กับเฒ่าหม่าประหมัดกันแค่หนึ่งหมัด แต่มันน่าแปลกที่มีเสียงระเบิดปะทะกันสี่สิบห้าครั้งก้องสะท้อนออกมา
ฉินมู่กระเด็นถอยไป แต่ในกลางอากาศนั้น เขาก็ขดร่างเอี้ยวกายเหมือนมังกรแหวกว่าย สลายพลังแรงของหมัดเฒ่าหม่า ก่อนที่จะร่อนลงพื้นยืนอย่างมั่นคง
“เฒ่าหม่าก็ยังคงสมกับเป็นเฒ่าหม่า” เฒ่าเป๋อุทานด้วยความชื่นชม
เฒ่าหม่าถาม “มู่เอ๋อ ทีนี้เจ้าเข้าใจแก่นแท้ของกระบวนท่านี้หรือยัง”
ฉินมู่เผยสีหน้าสะดุ้งตื่นใจ ก่อนจะร้องออกมาทันที “พลังหมัดของท่านปู่แตกต่างจากข้า! มังกรทั้งสี่สิบห้าตัวในพลังหมัดของข้าเป็นมังกรตัวเดียวกันทั้งหมด แต่มังกรเทวะทั้งสี่สิบห้าตัวในหมัดของท่าน แต่ละตัวแตกต่างกันไม่ซ้ำกันเลยสักตัว!”
“เจ้าเข้าใจมันแล้ว”
เฒ่าหม่ามีสีหน้าปลาบปลื้มใจ “ในวัดใหญ่ฟ้าคำราม มีประติมากรรมของมังกรฟ้าต่างๆ หนึ่งร้อยรูป เรียกว่ารูปร้อยมังกร รูปปฏิมาเหล่านี้ถูกสลักเสลาโดยยูไลรุ่นแรกสุดหลังจากที่เขาได้พบเห็นมังกรร้อยสายพันธุ์ด้วยสายตาของตนเอง เพื่อสืบทอดให้ศิษย์รุ่นหลังได้มีวิธีฝึกปรือพลังหมัดในพายุสายฟ้าเก้ามังกร เมื่อข้าฝึกพายุสายฟ้าเก้ามังกรในครั้งนั้น สิ่งที่ข้าเห็นมิใช่มังกรแท้จริง แต่เป็นรูปประติมากรรม พายุสายฟ้าเก้ามังกรบรรจุไว้ด้วยพลังมังกรที่แตกต่างกันสี่สิบห้าประเภท แต่ในวัดใหญ่ฟ้าคำรามกลับมีรูปปฏิมาถึงหนึ่งร้อยรูป เจ้ารู้หรือไม่ว่านี่หมายความว่าอย่างไร”
ฉินมู่ฉุกใจคิดและร้องออกมา “ทุกครั้งที่ท่านปู่ปล่อยหมัดพายุสายฟ้าเก้ามังกร พลังมังกรในหมัดของท่านก็จะแตกต่างจากหมัดก่อนหน้า!”
เฒ่าหม่าพยักหน้า “พายุสายฟ้าเก้ามังกรอาจจะดูเหมือนกระบวนท่าหมัดที่เรียบง่ายธรรมดา แต่จริงๆ แล้วมันซ่อนร้อยเปลี่ยนพันแปลงไว้ในนั้น การเปลี่ยนแปลงพวกนี้ซุ่มซ่อนอยู่ในพลังที่สั่งสมไว้ในหมัด ดังนั้นคนอื่นมองดูก็ไม่อาจบอกได้ว่าหมัดมีพลังแบบไหน เจ้าดูให้ดี มู่เอ๋อ!”
เฒ่าหม่าวาดหมัดซัดด้วยแขนที่เหลือข้างเดียวของเขา คำรามของมังกรกึกก้องออกมา ตามด้วยเสียงสายฟ้าฟาด ปราณชีวิตรูปมังกรแผ่พุ่งไปเบื้องหน้า และมังกรพิโรธโจนทะยานก็คล้ายกับมังกรดุที่เพิ่งออกมาจากถ้ำหาจับคนกิน!
มันตามมาด้วยมังกรคำรนอีกสองเสียง เมื่อมังกรคู่พลันแผดพุ่งออกมาจากหมัดของเขา บิดเกลียวพันซึ่งกันและกัน ด้วยร่างบิดเกลียวของสองมังกร มันก็หมุนทะลวงวนไปเบื้องหน้าอย่างไม่หยุดยั้ง!
เสียงมังกรคำรามสามเสียงแผดก้อง เมื่อมังกรก้าวร้าวดุร้ายสามชนิดพลันปรากฏหมายจะทำลายภูเขาระเบิดหินให้สิ้นซาก!
จากนั้นตามด้วยสี่มังกรขย้ำ ห้ามังกรขจัดมาร หกมังกรกลับชาติ เจ็ดมังกรอาละวาดสมุทร แปดมังกรคุมสวรรค์ และเก้ามังกรพายุสายฟ้า
หมัดของเฒ่าหม่าปลดปล่อยพลังหมัดรูปมังกรสี่สิบห้าตัวอย่างต่อเนื่อง พวกมันดูสมจริงและแจ่มชัดทุกรายละเอียด ราวกับมังกรตัวเป็นๆ
เขาปล่อยหมัดนี้ใส่ท้องฟ้า และมังกรสี่สิบห้าตัวก็ปรากฏบนนภากาศเหนือหมู่บ้านพิการชรา มังกรสี่สิบห้าตัวแหวกว่ายโจนทะยานในอากาศ นำพาเสียงฟ้าคำรามและประกายสายฟ้าแลบแปลบปลาบ
ฉินมู่เงยหน้ามองและเห็นเมฆที่เคยลอยเลื่อนอยู่สูญสลายหายวับไปจากท้องฟ้า
เมื่อเมฆสลายไป ศีรษะมนุษย์ก็พลันร่วงหล่นลงมาจากเมฆก้อนนั้น แล้วกลิ้งลงใต้เท้าฉินมู่ ฉินมู่กระโดดโหยงด้วยความตระหนกและพบว่านั่นเป็นศีรษะหลวงจีน ซึ่งเขางุนงงว่ามันขึ้นไปอยู่บนก้อนเมฆได้อย่างไร
“หรือว่ามีปีศาจฆ่าหลวงจีนผู้นี้ แล้วเอาหัวเขาไปแขวนไว้บนก้อนเมฆ”
ฉินมู่เพิ่งจะเดามั่วซั่วไป เสียงตึบๆ สี่ห้าครั้งก็ตามมา เขาเห็นสองแขนและสองขาร่วงลงมาบนพื้น ส่วนร่างไร้องคาพยพนั้นหล่นที่นอกหมู่บ้าน
“นี่ไม่ใช่ฝีมือปีศาจที่ไหน!”
ฉินมู่ตกใจ “หลวงจีนนี่แอบซ่อนอยู่ในก้อนเมฆ”
เฒ่าใบ้ เฒ่าหนวก คนแล่เนื้อ และคนอื่นๆ เคยชินกับเรื่องพิสดารประหลาด พวกเขาจึงไม่ใส่ใจกับสิ่งที่เกิดขึ้น
เฒ่าหม่าเองก็ทำทีเหมือนไม่รู้ตัวว่าได้สังหารหลวงจีนผู้นั้น เขาเงยหน้าขึ้นและมองไปยังปรมาจารย์ลัทธิมาร ส่งสายตาท้าทาย
แสดงแสนยานุภาพแก่ปรมาจารย์ลัทธิ และข่มขวัญยอดยุทธทั้งหลายในลัทธิมารฟ้า!
ในหมู่บ้านข้างๆ ปรมาจารย์เยาว์สีหน้าเปลี่ยนไปเล็กน้อย “วิชาเทวะของวัดใหญ่ฟ้าคำรามนับว่าโดดเด่นเหนือธรรมดา แต่พลังของเขายังขาดประสบการณ์ไปบ้างเมื่อเทียบกับยูไลเฒ่า ข้ารู้ล่ะว่าคนแขนเดียวผู้นั้นคือใคร ศิษย์ถอนตัวของวัดใหญ่ฟ้าคำราม หม่าหวางเฉิน ผู้ทรงเกียรติหม่า ครั้งกระโน้นเขาตะลุยฝ่าด่านล้างเลือดออกมาจากวัดใหญ่ฟ้าคำรามจนโด่งดัง ข้าไม่นึกว่าเขาจะซุ่มตัวเร้นกายอยู่ที่นี่ หมู่บ้านเล็กๆ นี่ดูแคลนไม่ได้เลยจริงๆ”
ผู้อาวุโสคุมกฎมองไปยังร่างที่ร่วงลงจากท้องฟ้า “นี่เป็นหลวงจีนวัดใหญ่ฟ้าคำรามที่ถูกหม่าหวางเฉินสังหาร แปลกจริง หลวงจีนวัดใหญ่ฟ้าคำรามมาทำอะไรที่นี่”
ปรมาจารย์เยาว์เผยอยิ้ม “เขาอาจจะคอยเฝ้าอยู่ที่นี่ตลอดสังเกตการณ์หม่าหวางเฉิน แต่ไม่ใช่เรื่องใหญ่อะไร ยูไลองค์ปัจจุบันนั้นชราภาพมาก เขาคงไม่ออกจากภูเขาอีกต่อไป แต่อีกเรื่อง หมัดของหนุ่มน้อยคนนี้น่าสนใจดีจริงๆ ซ้ำยังมีมาตรฐานความสำเร็จสูงส่ง เห็นได้ชัดว่าเขาไม่ได้ฝึกพระสูตรมหายานยูไล แต่ก็ยังสามารถปลดปล่อยพลังในฟ้าคำรามแปดจู่โจมได้อย่างเต็มพิกัด…”
ในหมู่บ้าน เฒ่าหม่าถอนสายตาออก แล้วกล่าวต่อ “มู่เอ๋อ เจ้าเห็นอะไรในหมัดของข้า”
ฉินมู่ยับยั้งคำถามของตนเอง ไม่เพียงแต่รูปลักษณ์และขนาดของมังกรทั้งสี่สิบห้าตัวจะแตกต่างกัน แม้แต่เผ่าพันธุ์ของมังกรพวกนั้นก็ไม่เหมือนกันโดยสิ้นเชิง ภาพที่เห็นช่างตื่นตาตื่นใจสำหรับฉินมู่
ทันใดนั้นเฒ่าหม่าก็ร่ายรำพายุสายฟ้าเก้ามังกรอีกครั้ง มังกรเขียวสี่สิบห้าตัวพุ่งทะยานขึ้นสู่ท้องฟ้า เรียกลมเรียกเมฆอันครึ้มกระหึ่มไปด้วยฟ้าแลบฟ้าร้อง
เฒ่าหม่าปล่อยหมัดต่อเนื่องซ้ำแล้วซ้ำอีก เพิ่มจำนวนพลังหมัดรูปมังกรบนท้องฟ้า ในรัศมีกว่าร้อยลี้โดยรอบอันแน่นไปด้วยมังกรเขียวนับไม่ถ้วนที่เริงระบำในสายลม!
มังกรเขียวเหล่านั้นพลันก่อตั้งค่ายกลพยุหะอันงามมหัศจรรย์บนท้องฟ้า ด้วยร่างของพวกมันแต่ละตัวพัวพันกระหวัดรัดกัน สร้างเป็นรูปมังกรยักษ์ใหญ่มหึมาที่กำลังขดตัวอยู่ ศีรษะมังกรยักษ์นั้นหันไปภายนอก แผดเสียงคำรามสะเทือนเลื่อนลั่น!
หมื่นมังกรคำรนสะท้านฟ้าสะเทือนดิน!
นี่มิใช่แค่การแสดงเคล็ดลับกระบวนท่านพายุสายฟ้าเก้ามังกรให้ฉินมู่ดูแล้ว แต่กลับเป็นการแสดงแสนยานุภาพล้วนๆ แสดงแสนยานุภาพของเขาแก่แดนโบราณวินาศ แสดงแสนยานุภาพของเขาแก่ลัทธิมารฟ้า และแสดงแสนยานุภาพของเขาแก่ใครก็ตามที่มีจิตคิดร้ายหมู่บ้านพิการชรา!
ฉินมู่อ้าปากค้างกับภาพอลังการที่เห็น คนอื่นๆ ในหมู่บ้านเต็มไปด้วยความชื่นชมเมื่อพวกเขาพยักหน้าแล้วพยักหน้าอีก แม้แต่สาวกลัทธิมารฟ้าในหมู่บ้านข้างๆ นั้นมีสีหน้าแปรเปลี่ยน เมื่อพวกเขาก็ทึ่งในแสนยานุภาพนั้น
ปรมาจารย์เยาว์จึงกล่าวแก่สาวกที่อยู่ใกล้ๆ “ครั้งหน้าหากว่าพบพานเขาโดยลำพัง พวกเจ้าต้องแสดงความสุภาพกับเขาสักสามส่วน”
ผู้อาวุโสคุมกฎถามด้วยเสียงเบา “ลัทธิมารฟ้าของเราจำเป็นต้องหวาดกลัวหมู่บ้านเล็กๆ แบบนี้ด้วยหรือ”
“จะว่าหวาดกลัวก็พูดเกินไป”
ปรมาจารย์เยาว์ยิ้มเล็กน้อย “พวกเขาล้วนแต่พิการไม่ครบสามสิบสอง กำลังฝีมือของพวกเขามิได้สูงส่งเท่าที่เป็นมา แต่ถึงยังไง มีสองคนในนั้นที่มีกำลังฝีมือเทียบเท่ากับข้า หนึ่งในนั้นคือชายที่ไร้แขนขา และอีกคนคือช่างตีเหล็ก ส่วนที่เหลือก็แข็งแกร่งกว่าสิบสองผู้อาวุโสพิทักษ์ และสี่จตุรเทพลัทธิเล็กน้อย ข้าเกรงว่าธิดาเทพน่าจะฝีมืออ่อนด้อยที่สุดในกลุ่มคนพวกนั้น เจ้าสังเกตเห็นคนแล่เนื้อที่เหลือร่างเพียงครึ่งท่อนบนหรือไม่? หากว่าเจ้าเคยพบพานเขามาก่อน เจ้าต้องจำได้ฝังใจไม่รู้ลืมเป็นแน่ เพราะฉายาของเขาขนานว่า ดาบสวรรค์!”
ผู้เฒ่าคุมกฎหัวใจสั่นราวกับแผ่นดินไหว เมื่อเขามองไปทางคนแล่เนื้ออย่างไม่เชื่อสายตา พลางพึมพำ “ดาบสวรรค์ผู้นั้นน่ะหรือ เขาไม่ได้ตายไปแล้วหรอกหรือ”
“ข้าก็ได้ยินว่าเขาเสียชีวิตไปแล้วเหมือนกัน”
ผู้อาวุโสพิทักษ์ลัทธิคนหนึ่งสอดคำเข้ามา “ข้าได้ยินว่าเขากลายเป็นบ้าคลั่งเสียสติ ชี้มีดไปทางสวรรค์ ตะลุยขึ้นไปฆ่าฟันบนท้องฟ้า ตอนนั้นมีหลายคนเห็นเงาของบรรดาเทพเจ้าบนท้องฟ้า และเจ้าบ้านี่ก็ฟาดมีดตะลุยขึ้นไปใส่ทวยเทพเหล่านั้น จากที่ข้าได้ยินมา ท้องฟ้าก็พลันมืดครึ้มไปด้วยก้อนเมฆดำทะมึน และในตอนนั้นเอง ก็มีรังสีดาบฟาดผ่ามาจากเมฆสายฟ้านั้น ไม่นาน ซากร่างของดาบสวรรค์ก็ร่วงลงมาจากนภากาศ หากว่าคนแล่เนื้อผู้นี้คือดาบสวรรค์จริงๆ เขารอดตายมาได้อย่างไร”
ปรมาจารย์เยาว์ตอบ “ยอดยุทธเยี่ยงเขา ต่อให้อยากตายเองก็ยังยากที่จะตายเลย”
ผู้เฒ่าคุมกฎถามอย่างพิศวง “ปรมาจารย์ ไฉนท่านถึงตกลงกับฮูหยินให้เด็กผู้นี้มาเป็นเจ้าลัทธิเยาว์ของพวกเรา ข้าไม่เห็นว่ากำลังฝีมือเขาวิเศษตรงไหน”
ปรมาจารย์หนุ่มยิ้มแก้มปริ “ยอดยุทธรอบๆ เขาล้วนแต่ฝีมือร้ายกาจมหัศจรรย์ พวกเขาล้วนแต่มีความเชี่ยวชาญในทางของตนอันเลิศล้ำในโลก! เด็กผู้นี้เป็นแก้วตาดวงใจของพวกเขา ดังนั้นพวกเขาต้องถ่ายทอดประสบการณ์ความรู้ทุกอย่างในชีวิตให้กับเด็กผู้นี้ และถ้านับข้าเป็นผู้สั่งสอนคัมภีร์มารฟ้ามหาศึกษิตของลัทธิเราให้กับเขาด้วยล่ะก็…ฮี่ๆ หากว่าเขาได้มาเป็นจ้าวลัทธิเรา ข้าว่าลัทธิเราต่างหากที่ได้กำไรจากเรื่องนี้!”
ผู้อาวุโสคุมกฎทึ่งจนแทบลืมหายใจ และเอ่ยถาม “ปรมาจารย์ท่านช่างสติปัญญาล้ำเลิศ! แต่ว่า…แล้วทำไมท่านยังต้องทดสอบเขาอีกด้วยล่ะ”
ปรมาจารย์ถามกลับทันที “ถ้าหากเด็กคนนี้โง่เซ่อหัวทึบล่ะ? ดังนั้นก็เลยยังต้องทดสอบดูก่อน ถ่ายทอดคำสั่งข้าไปยังหัวหน้าโถงทั้งสามร้อยหกสิบว่า ให้พวกเขาใช้พลังวัตรแค่ระดับทารกวิญญาณเท่านั้น! เราจะรอให้เขามาเยี่ยมหมู่บ้านในวันพรุ่งนี้!”