Skip to content
Home » Blog » ทะลุมิติมาเป็นภรรยาของตัวร้าย 378

ทะลุมิติมาเป็นภรรยาของตัวร้าย 378

ตอนที่ 378 ฟาดหน้าคืน

จางปี้เยียนหัวเราะดังลั่น “พวกเราสองคนชมกันไปชมกันมาเช่นนี้ เกรงว่าผู้อื่นได้ฟังก็คงหัวเราะเราสองคนแล้ว”

นางกล่าวจบก็มองลู่เจียวพร้อมกล่าวน้ำเสียงจริงใจยิ่งว่า “ก่อนหน้านี้ไม่เคยได้พูดคุยกับลู่เหนียงจื่อ ไม่รู้ว่านิสัยลู่เหนียงจื่อจะถูกใจข้าเช่นนี้ วันหน้าเราสองพี่น้องก็ไปมาหาสู่กันบ่อยๆ นะ”

“จางเหนียงจื่อเกรงใจไปแล้ว ข้ากับอวิ๋นจิ่นเป็นคนบ้านนอก หากไปบ้านจางเหนียงจื่อเกรงว่าจะทำเรื่องผิดพลาดให้เป็นที่หัวเราะได้”

ลู่เจียวนับว่าอ้อมค้อมแล้ว จางปี้เยียนเหมือนฟังไม่เข้าใจ ยังคงยิ้มตาหยีกล่าวว่า “คนบ้านนอกอะไรกัน กล่าวตามจริง วันหน้าเซี่ยซิ่วไฉย่อมได้เป็นเสาหลักแห่งแผ่นดิน ถึงตอนนั้นข้าก็คงได้แต่แหงนหน้ามองลู่เหนียงจื่อด้วยความเลื่อมใสแทนแล้ว ขอแค่ตอนนั้นลู่เหนียงจื่ออย่าลืมก้มหน้าลงมามองพวกเราบ้าง”

จางปี้เยียนพูดได้จริงใจยิ่ง หลี่เหวินปินพลันหันหน้าไปมองนางอย่างนึกไม่ถึง

จางปี้เยียนไม่สนใจ ลู่เจียวกลับเห็นพอดี เพราะนางหันไปมองหลี่เหวินปินด้วยสัญชาตญาณทันที หลี่เหวินปินรีบส่งรอยยิ้มซื่อให้นางพลางหันเดินเข้าไปด้านใน

ลู่เจียวรู้สึกว่าสีหน้าหลี่เหวินปินเมื่อครู่ดูแปลกไป

แต่ไม่ทันได้คิดอะไรมาก ทุกคนก็เดินมาถึงด้านนอกประตูหน้าห้องเซี่ยอวิ๋นจิ่น หลินตงที่เฝ้าหน้าประตูเรียกอย่างนอบน้อม “เหนียงจื่อ”

ลู่เจียวพยักหน้าเล็กน้อย เชิญหลี่เหวินปินกับจางปี้เยียนเข้าไป

ณ เรือนนอนตะวันออก เซี่ยอวิ๋นจิ่นแต่งตัวเรียบร้อยนั่งอยู่บนเตียง พอหลี่เหวินปินเข้ามาก็ทักทายเสียงดัง

“รบกวนพี่หลี่มาเยี่ยมแล้ว”

หลี่เหวินปินยิ้มกล่าวว่า “เจ้ากล่าวเช่นนี้ ใช่เห็นว่าเราพี่น้องห่างเหินหรือ”

หลี่เหวินปินกล่าวจบก็ถามเซี่ยอวิ๋นจิ่นอย่างห่วงใย “อาการบาดเจ็บเจ้าเป็นอย่างไรบ้าง เป็นอะไรหรือไม่”

เซี่ยอวิ๋นจิ่นส่ายหน้า “ไม่เป็นอะไรแล้ว แผลประสานกันแล้ว น่าจะลงจากเตียงไปเดินได้ในเร็ววันนี้”

ความจริงตอนนี้เขาลงไปเดินได้แล้ว แต่ลู่เจียวสั่งน้ำเสียงเข้มงวดให้เขาพักผ่อนอยู่บนเตียงอีกสองสามวัน ป้องกันแผลปริ

ตอนนี้บ้านพวกเขาอะไรๆ ก็เจียวเจียว ดังนั้นเขาได้แต่นอนอยู่บนเตียง

หลี่เหวินปินได้ฟังเซี่ยอวิ๋นจิ่นก็โล่งอก ยิ้มกล่าวว่า “อย่างนั้นก็ดีๆ”

จางปี้เยียนเดินเข้ามาทักทายเซี่ยอวิ๋นจิ่น “งั้นข้าก็ขออวยพรให้เซี่ยซิ่วไฉแข็งแรงโดยเร็ววัน”

เซี่ยอวิ๋นจิ่นคิดถึงว่าบาดแผลตนเองเกี่ยวข้องกับตระกูลจางอย่างไม่อาจปฏิเสธ ตอนนี้คนตระกูลจางถึงกับแล่นมาอยู่ตรงหน้าพวกเขา ทำเอาเซี่ยอวิ๋นจิ่นนึกรังเกียจอย่างที่สุด

ติดที่ไม่มีหลักฐานว่าเรื่องพวกนั้นเป็นคนตระกูลจางทำ ดังนั้นเขาก็ไม่อาจแสดงออกมาได้

เขาได้แต่ทำหน้านิ่งพยักหน้าเล็กน้อย นับว่าทักทายจางปี้เยียนแล้ว

เขาเป็นคนเย็นชาเช่นนี้มาตลอด จางปี้เยียนเองก็ไม่คิดหาเรื่องอะไร หันหน้าไปกล่าวกับหลี่เหวินปินว่า “เจ้าอยู่คุยกับเซี่ยซิ่วไฉ ข้าไปคุยกับลู่เหนียงจื่อที่เรือนด้านหลัง”

หลี่เหวินปินพยักหน้า “ได้ เจ้าไปเถอะ”

จางปี้เยียนหันไปมองลู่เจียว ลู่เจียวก็พาจางปี้เยียนไปเรือนบุปผาที่เรือนด้านหลัง

พอทั้งสองคนนั่งลงแล้ว จางปี้เยียนก็ให้สาวใช้ประจำตัวนำของขวัญที่นำมาในวันนี้ออกมา

ไม่เพียงแต่มีโสมคนอายุหลายสิบปี ยังมีเห็ดหลินจืออายุหลายสิบปี พร้อมกันนี้ยังเตรียมเหอโส่วอู เสวี่ยเหลียนและตัวยาราคาแพงอื่นๆ มาด้วย

เดิมจางปี้เยียนคิดว่าตนเองนำของมามากมายเช่นนี้จะต้องทำให้ลู่เจียวตกใจอย่างแน่นอน เพราะนางไปสืบมาแล้ว รู้ว่าลู่เหนียงจื่อผู้นี้เป็นหมอประจำหอยาเป่าเหอ วิชาการแพทย์ไม่เลวอย่างมาก

ดังนั้นนางมอบตัวยาหายากราคาแพงพวกนี้น่าจะถูกใจนาง แต่จางปี้เยียนเห็นท่าทางลู่เจียวกลับดูนิ่งปกติมาก นี่เป็นเพราะไม่นำมาใส่ใจหรือว่าไม่รู้จักกัน

จางปี้เยียนอดยิ้มกล่าวไม่ได้ว่า “เดิมคิดมอบโสมคนร้อยปีกับหลินจือร้อยปีให้เซี่ยซิ่วไฉ แต่ของพวกนั้นหายาก ดังนั้นจึงหามาได้แค่โสมคนและเห็ดหลินจือหลายสิบปีเท่านั้น ขอลู่เหนียงจื่ออย่าได้รังเกียจ”

ลู่เจียวหันหน้าไปยิ้มมองจางปี้เยียน หญิงผู้นี้คิดว่านางไม่รู้จักโสมคนและเห็ดหลินจือหลายสิบปีพวกนี้หรือ ถึงกับหยิบออกมาพูดทีละชิ้น หรือว่านางคิดว่านางนำของพวกนี้มามอบให้แล้วนางจะดีใจ

ลู่เจียวสีหน้ายังคงเป็นปกติ มองจางปี้เยียนกล่าวว่า “ของเช่นโสมคนกับเห็ดหลินจือพวกนี้สูงค่ามาก จางเหนียงจื่อนำกลับไปเถอะ กล่าวกับจางเหนียงจื่อตรงๆ ตระกูลเซี่ยพวกเราแม้ว่ายากจน แต่เพราะอยู่ติดภูเขา ส่วนข้าก็ชอบขึ้นเขาเก็บสมุนไพร ดังนั้นสิ่งที่บ้านข้าไม่ขาดแคลนที่สุดก็คือโสมคนและหลินจือแล้ว บนเขาโสมคนและเห็ดหลินจือหลายสิบปีพวกนี้พบเจอได้บ่อยมาก”

นางกล่าวจบก็เหมือนกลัวจางปี้เยียนไม่เชื่อ หันไปมองเฝิงจือกล่าวว่า “เฝิงจือ ไปนำโสมคนและเห็ดหลินจือบ้านเราออกมาให้จางเหนียงจื่อดูหน่อย”

เฝิงจือรับคำเดินออกไปห้องคลังนำโสมคนและเห็ดหลินจือออกมา นอกจากสองอย่างนี้แล้วยังนำยาสมุนไพรที่มีราคาแพงอื่นๆ ออกมาอีกจำนวนหนึ่ง

โสมคนและเห็ดหลินจือหลายสิบปีพวกนี้ตระกูลจางวางในกล่องหรูหราล้ำค่า แต่โสมคนและเห็ดหลินจือที่เฝิงจือนำออกมากลับวางอยู่ในกล่องธรรมดา

แต่พอเฝิงจือนำออกมา จางเหนียงจื่อก็มองออกว่าโสมคนและเห็ดหลินจือกับสมุนไพรอื่นๆ ของลู่เจียว ดีกว่าของนางมาก

ใบหน้าจางปี้เยียนพลันร้อนผ่าวอย่างรู้สึกอับอาย เดิมตนเองคิดทำให้ลู่เจียวตื่นตกใจ ปรากฏว่ากลับถูกคนเขาตบหน้ากลับ คนเขาหยิบสมุนไพรมีราคาออกมาด้วยท่าทีไม่เห็นว่าสำคัญอะไร

ในใจจางปี้เยียนนอกจากรู้สึกบอกไม่ถูกแล้ว ยังสงสัยว่าลู่เจียวเดาเรื่องที่นางกับหลี่เหวินปินมาวันนี้ออก แต่นางแสร้งทำเป็นไม่รู้ และยังไม่ยอมรับน้ำใจจากตระกูลจาง

จางปี้เยียนพลันนึกโมโห แต่ไม่ได้แสดงออก ยังคงยิ้มละไมกล่าวว่า “วันนี้ข้าได้รับรู้ความจริงข้อนี้แล้ว ลู่เหนียงจื่ออย่าได้หัวเราะเยาะข้าก็พอ”

ลู่เจียวส่ายหน้า “จางเหนียงจื่อมีน้ำใจ ข้าจะไปหัวเราะเยาะได้อย่างไร เพียงแต่บ้านข้าพอดีมีสมุนไพรก็เท่านั้น กล่าวกับจางเหนียงจื่อตรงๆ สมุนไรละแวกบนเขาแถวบ้านพวกเรามีมากจริงๆ บางครอบครัวไม่รู้ว่านี่คือสมุนไพร ถึงกับตุ๋นโสมคนกินเหมือนเป็นหัวไชเท้า ปรากฏทั้งครอบครัวร้อนในกันหมด เกือบเอาชีวิตไปทิ้ง”

ลู่เจียวจงใจกล่าวเช่นนี้ก็เพื่อตบหน้าจางเหนียงจื่อ เจ้าเอาโสมคนเห็นหลินจือมาเป็นดังของมีค่า แต่ที่บ้านพวกเราเอาไปกินดังหัวไชเท้า

ดังคาด จางเหนียงจื่อสีหน้าย่ำแย่อย่างมาก นางค่อย ๆ หรี่ตามองลู่เจียว ก็ไม่รู้ว่านางพูดจริงหรือเท็จ ถึงกับไม่รู้ว่าควรพูดอะไรต่อ

แต่คิดถึงจุดมุ่งหมายที่มาในวันนี้ ก็ค่อย ๆ ปรับอารมณ์ลง “วันหน้าข้าขอเชิญลู่เหนียงจื่อไปเดินเที่ยวในอำเภอชิงเหอเราสักหน่อย แม้ว่าอำเภอชิงเหอเรายากจน แต่ก็มีของดีอยู่บ้าง พอดีตระกูลจางเปิดร้านเครื่องประดับหลายร้าน ถึงตอนนั้นหากลู่เหนียงจื่อสนใจสิ่งใดก็บอกกับข้าได้ ข้าจะได้มอบให้ลู่เหนียงจื่อ”

ลู่เจียวพอได้ฟังก็มองจางเหนียงจื่อพร้อมรอยยิ้มทันที “กล่าวกับจางเหนียงจื่อตรงๆ คนอย่างข้ามีนิสัยประหลาด ไม่ชอบเครื่องประดับเงินทองของที่ผู้หญิงชอบกัน ข้าชอบรักษาผู้ป่วย จางเหนียงจื่อคงเคยได้ยินว่าข้าพอเป็นวิชาแพทย์ ข้าเป็นคนที่นอกจากชอบรักษาผู้ป่วยแล้ว ก็มิได้สนใจอย่างอื่นอีก”

จางปี้เยียนได้ฟังคำพูดลู่เจียวก็มีสีหน้าเย็นเยียบลงทันที ในใจแอบนึกด่าทอลู่เจียวว่าไม่รู้จักน้อมรับการยกย่องนี้ ไม่เห็นหัวนางเลยจริงๆ

ทว่าแม้สีหน้านางจะไม่ดีนัก แต่นางก็ไม่ได้แสดงออก อย่างไรก็ต้องรักษาไว้เผื่อวันหน้า วันหลังค่อยหาทางมาใหม่

แต่วันนี้จางปี้เยียนก็ไม่คิดอยากอยู่เชื่อมสัมพันธ์ต่อแล้ว นางลุกขึ้นกล่าวว่า “สายแล้ว วันนี้พวกเรากลับก่อน วันหน้าค่อยมาคุยกับลู่เหนียงจื่อใหม่”

ลู่เจียวยิ้มกล่าวว่า “หากจางเหนียงจื่อสุขภาพไม่ดี ก็มาให้ข้ารักษาได้นะ!”

ใส่ความเห็น

อีเมลของคุณจะไม่แสดงให้คนอื่นเห็น ช่องข้อมูลจำเป็นถูกทำเครื่องหมาย *

error: Content is protected !!
Exit mobile version