ตอนที่ 483 ปริศนาชาติกำเนิด
เซี่ยอวิ๋นจิ่นกับลู่เจียวเริ่มคิดกันจริงจังแล้วว่าเป็นผู้ใดที่ลงมือโหดเหี้ยมกับพวกเขาเพียงนี้
แต่คิดไปคิดมาก็คิดไม่ออก
ก่อนหน้านี้หลี่เหวินปินลงมือโหดเหี้ยมกับเซี่ยอวิ๋นจิ่น ก็เพราะอิจฉาริษยา หรือว่ามีคนอิจฉาริษยาโผล่ขึ้นมาอีกคนแล้ว
เรื่องราวย่อมไม่ได้ง่ายดายเพียงนี้
เซี่ยอวิ๋นจิ่นกับลู่เจียวรู้สึกว่าเรื่องนี้มีเงื่อนงำ
แต่คนร้ายตายไปแล้วก็ไร้หลักฐาน แม้พวกเขารู้สึกว่ามีเงื่อนงำ แต่ก็ไม่อาจสืบต่อได้อีก
ตระกูลเถียนรู้สึกผิดกับเรื่องนี้มาก จึงพากันมาขอโทษเซี่ยอวิ๋นจิ่นกับลู่เจียว
เซี่ยอวิ๋นจิ่นกับลู่เจียวไม่ได้ตำหนิพวกเขา คนบงการคิดวางแผนจัดการเขา แม้ไม่ใช้ตระกูลเถียน ก็คงต้องใช้โอกาสทุกอย่างที่จะเป็นประโยชน์ได้
“ไม่เป็นไร พวกท่านอย่าได้ตำหนิตนเอง ไม่เกี่ยวอันใดกับพวกท่าน”
“เป็นศัตรูคู่อาฆาตของพวกเราที่จับจ้องดูพวกเราอยู่ เพียงแต่ข้าคิดไม่ออกว่าเป็นผู้ใดที่คิดทำร้ายข้า”
หันถงข้างกายเซี่ยอวิ๋นจิ่นเอ่ยขึ้นทันทีว่า“อวิ๋นจิ่น เป็นไปได้ไหมว่าจะเป็นนักเรียนที่ร่วมการสอบเซียง ซื่อปีนี้ คนพวกนั้นกลัวว่าเจ้าจะสอบตำแหน่งเจี่ยหยวนได้ ดังนั้นจึงลอบทำร้ายเจ้า”
เซี่ยอวิ๋นจิ่นขมวดคิ้วคิดไตร่ตรอง “มีคนคิดอิจฉาริษยาข้าคนหนึ่งก็เพียงพอแล้ว ไหนเลยจะมีคนริษยาข้ามากมายเพียงนั้น เรื่องนี้เกรงว่ามีเงื่อนงำอันใดซ่อนอยู่”
จ้าวหลิงเฟิงเลิกคิ้ว เอ่ยเตือนเซี่ยอวิ๋นจิ่นกับลู่เจียวว่า “พวกเจ้าทั้งสองคนลองคิดให้ดีๆ ดีกว่าว่าพวกเจ้าหลงลืมศัตรูคู่อาฆาตที่ไหนไปหรือไม่”
เซี่ยอวิ๋นจิ่นกับลู่เจียวคิดจนว้าวุ่นใจ ได้แต่เอ่ยว่า “ไว้พวกเรากลับไปค่อยๆ คิด ตอนนี้ยังไม่จำเป็นต้องเอาแต่คิดเรื่องพวกนี้”
ทั้งครอบครัวกินอาหารเที่ยงกันง่ายๆ แล้วก็เดินทางกลับ
ตลอดทางมา ทั้งสองคนครุ่นคิดจริงจังถึงความเป็นไปได้ต่างๆ นานา รู้สึกว่าเรื่องนี้ไม่ธรรมดา ชี้นำซย่าซื่อกับคุณชายตระกูลจางให้ทำเรื่องเช่นนี้ได้ เห็นได้ชัดว่าเป็นคนมีความสามารถและไม่ใช่คนธรรมดา
แม้ว่าเซี่ยอวิ๋นจิ่นจะเป็นซิ่วไฉ แต่ก็เป็นคนบ้านนอก คนที่เขาเคยพบมาส่วนใหญ่ก็เป็นคนมีชาติกำเนิดจากหมู่บ้าน แม้ว่าคนพวกนั้นจะฉลาด แต่ก็ไม่ได้ร้ายกาจเพียงนี้
“ข้ารู้สึกว่าคนบงการไม่ใช่คนธรรมดา จะเป็นผู้ใดกัน”
ลู่เจียวกล่าวจบ พลันคิดถึงว่าความเป็นไปได้หนึ่งขึ้นมา นางหันหน้าพลางขยับเข้าไปใกล้เซี่ยอวิ๋นจิ่น กระซิบเบาๆ ว่า “เจ้าไม่ใช่ลูกหลานตระกูลเซี่ย เป็นไปได้หรือไม่ว่าคนลงมืออยู่เบื้องหลังจะเป็น?”
กล่าวถึงตรงนี้ นางก็ไม่อาจกล่าวต่อ คงไม่อาจกล่าวว่าบิดามารดาของเซี่ยอวิ๋นจิ่นส่งคนมาสังหารเขากระมัง
แต่สีหน้าของเซี่ยอวิ๋นจิ่นยามนี้เต็มไปด้วยความเย็นเยียบ รอบกายแผ่รัศมีเย็นเยียบราวกับน้ำแข็งหนาวเหน็บ
ในรถม้า เจ้าหนูน้อยทั้งสี่มองเขาอย่างว้าวุ่นใจ
ลู่เจียวยื่นมือไปดึงเขาเอาไว้ ทำท่าทางบอกให้หยุดพูด เซี่ยอวิ๋นจิ่นหันหน้าไปมองเจ้าหนูน้อยทั้งสี่ จึงค่อยได้สติคืนมา กล่าวว่า “ไม่เป็นไรแล้ว พ่อไม่เป็นไร พวกเจ้าเชื่อพ่อ พ่อต้องตรวจสอบให้ได้ว่าคนวางอุบายเบื้องหลังคือผู้ใด”
เจ้าหนูน้อยทั้งสี่รู้สึกผ่อนคลายลงทันที พวกเขาหันไปมองลู่เจียวพร้อมกันพลางกล่าวว่า “ท่านแม่ส่งท่านอาหลี่กับพี่หร่วนไคมาปกป้องท่านพ่อเถิด”
ลู่เจียวรีบพยักหน้าเห็นด้วย “ได้ ตั้งแต่วันนี้ไป นอกจากหร่วนจู๋อยู่บ้านปกป้องพวกเรา คนที่เหลือก็ให้คุ้มกันเจ้าไปส่งสำนักศึกษา”
แววตาเซี่ยอวิ๋นจิ่นโหดเหี้ยมขึ้นเล็กน้อย แต่สีหน้ากลับไปไม่แสดงออกแม้สักนิด
“ได้ เจ้าอยู่บ้านก็ต้องระวังตัวหน่อย ระยะนี้อย่าได้ออกไปไหน”
ทั้งครอบครัวคุยไปคุยมาตลอดทางก็ถึงบ้านตระกูลเซี่ย ตอนบ่ายเซี่ยอวิ๋นจิ่นไม่ได้ไปสำนักศึกษา
คิดถึงการคาดเดาก่อนหน้านี้ของลู่เจียว เขาก็ยากจะสงบสติอารมณ์ลง
หรือว่าเป็นบิดามารดาที่ทอดทิ้งเขาไปส่งคนมาตามล่าสังหารเขา หากเป็นพวกเขาจริง ทำไมต้องทำเช่นนี้ แท้จริงเขาขวางหูขวางตาอันใดพวกเขากัน
เซี่ยอวิ๋นจิ่นคิดไม่ตก จึงไปหาลู่เจียว
“เจียวเจียว เจ้าว่าเหตุใดพวกเขาทอดทิ้งข้าไม่พอ ยังต้องตามมาสังหารข้าอีก!”
ลู่เจียวเห็นเขายากจะระงับอารมณ์ตนเอง ก็รีบปลอบใจเขา “เจ้าอย่าได้โมโหไป นั่นเป็นเพียงแค่การคาดเดาของข้าเท่านั้น ไม่อาจนำมาคิดเป็นจริงจัง บางทีคนบงการสังหารพวกเราอาจเป็นคนที่พวกเราเคยล่วงเกินเช่นคนสี่ตระกูลใหญ่ก็ได้”
เซี่ยอวิ๋นจิ่นจ้องมองลู่เจียวกล่าวว่า “เจียวเจียว ข้ารู้สึกได้ว่าคนที่ลอบสังหารข้า จะเป็นคนที่บิดามารดาข้าส่งมา”
ลู่เจียวกำลังจะกล่าวตอบ นอกประตู เซียวซานก็ก้าวเข้ามารายงานว่า “คุณชาย มือปราบจ้าวมาเยี่ยมท่าน”
ลู่เจียวมองเซี่ยอวิ๋นจิ่น เดิมที่กำลังร้อนใจก็สงบนิ่งลง
เขาหันไปสั่งการเซียวซานว่า “เชิญเขาเข้ามาได้”
เซียวซานรับคำออกไปเชิญมือปราบจ้าวเข้ามา
พอมือปราบจ้าวเข้ามาก็ร้อนใจถามว่า “อวิ๋นจิ่น ได้ยินว่าวันนี้เจ้าประสบอันตรายที่ตระกูลเถียน เกิดเรื่องอะไรขึ้น”
เซี่ยอวิ๋นจิ่นเล่าเรื่องที่คุณชายตระกูลจางบงการคนมาวางยาพิษเขาให้ฟัง
จากนั้นแววตาเขาก็เย็นเยียบ “เดิมข้าคิดว่าเซี่ยเหล่าไท่ไท่ถูกตระกูลจางบงการมา แต่ตอนนี้ดูท่าไม่น่าใช่ตระกูลจาง ตระกูลจางเองก็ถูกบงการ มีคนคิดลอบทำร้ายข้า”
“ข้ากับเจียวเจียวคิดไปคิดมาก็คิดไม่ออกว่าคนที่ลอบทำร้ายพวกเราจะเป็นผู้ใด ข้าเป็นแค่ซิ่วไฉคนหนึ่ง แม้ว่าช่วยนายอำเภอหูล้มสี่ตระกูลใหญ่ แต่ตอนนี้พวกเขาแต่ละตระกูลก็ถูกกวาดล้างไปแล้ว ไม่มีความสามารถจะมาทำเรื่องอันใดได้ถึงจะถูก”
“แต่นอกจากคนสี่ตระกูลใหญ่แล้ว ปกติข้าไม่เคยล่วงเกินผู้ใด แม้ว่าหลี่เหวินปินก่อนหน้านี้เคยทำร้ายข้า แต่ก็คงไม่มีคนเช่นหลี่เหวินปินปรากฎขึ้นอีกคนกระมัง
เซี่ยอวิ๋นจิ่นกล่าวจบก็เงียบงันไป เขาไม่ได้บอกเรื่องที่ลู่เจียวสงสัยก่อนหน้านี้ออกมา อย่างไรก็เป็นแค่ข้อสงสัยของพวกเขาเท่านั้น และคนนอกไม่รู้ว่าเซี่ยอวิ๋นจิ่นไม่ใช่คนตระกูลเซี่ย
มือปราบจ้าวได้ฟังเซี่ยอวิ๋นจิ่น แววตาก็หม่นลงพร้อมกับมีสีหน้าหนักใจ เขาอ้าปากคิดจะพูดบางอย่าง แต่ก็หุบปากลงอย่างลังเลทันที
เซี่ยอวิ๋นจิ่นกับลู่เจียวพยายามนึกถึงว่าเป็นผู้ใดคิดวางอุบายพวกเขาอยู่ จึงไม่ทันได้สังเกตท่าทางแปลกประหลาดของมือปราบจ้าว
ในห้องพลันเงียบงัน เซี่ยอวิ๋นจิ่นได้สติก่อน เขาหันไปมองมือปราบจ้าวกล่าวว่า “คนผู้นั้นลงมือทำร้ายข้าพลาดถึงสองครั้งติดกัน ข้าคิดว่าจากนี้เขาคงต้องลงมืออีกเป็นแน่ ข้าจะระวังตัว ต้องคิดหาทางจับตัวเขาให้ได้ ข้าอยากดูนักว่าเป็นผู้ใดอยู่เบื้องหลังลงมือกับข้าเช่นนี้”
มือปราบจ้าวนึกลังเล เขาสงสัยว่าคนบงการก็คือคนที่ส่งเซี่ยอวิ๋นจิ่นมาอำเภอชิงเหอผู้นั้นในปีนั้น
คนผู้นั้นส่งเซี่ยอวิ๋นจิ่นไปตระกูลเซี่ยในปีนั้น คนผู้นั้นน่าจะคิดไม่ถึงว่าเซี่ยอวิ๋นจิ่นอยู่หมู่บ้านเล็กๆ จะมีความสามารถและกำลังจะเข้าสอบเซียงซื่อ หากเขาสอบเซียงซื่อได้เป็นจวี่เหริน ก็จะต้องไปสอบหุ้ยซื่อที่เมืองหลวง
คนผู้นั้นรับคำสั่งส่งเขามาอำเภอชิงเหอ ก็เพื่อไม่ให้เขามีโอกาสไปเมืองหลวง ตอนนี้เห็นเซี่ยอวิ๋นจิ่นจะไปเมืองหลวงแล้ว เขาย่อมคิดหาทางยับยั้งเซี่ยอวิ๋นจิ่นไม่ให้ไปเมืองหลวง
เพียงแต่มือปราบจ้าวไม่แน่ใจว่าคนบงการเบื้องหลังคือคนผู้นั้น ดังนั้นจึงยังไม่กล้าบุ่มบ่ามบอกชาติกำเนิดเซี่ยอวิ๋นจิ่น
ในปีนั้นคุณหนูบอกกับเขาแล้วว่า หากบุตรชายคนนี้มีชีวิตสงบราบรื่น ก็อย่าได้บอกชาติกำเนิดให้เขารู้ ตลอดไป
ตอนนี้เขาไม่รู้ว่าตนเองควรบอกหรือไม่
มือปราบจ้าวลังเลไปชั่วขณะก่อนจะเอ่ยว่า “อวิ๋นจิ่นอย่าได้เป็นห่วง ข้าจะช่วยเจ้าสังเกตดูไว้ หากพบว่ามีคนผิดปกติ ข้าก็จะช่วยเจ้าจับตัวคนผู้นั้นทันที”
สุดท้ายมือปราบจ้าวก็ไม่ได้เอ่ยถึงชาติกำเนิดเซี่ยอวิ๋นจิ่น เขาตัดสินใจว่าสองสามวันนี้จะไม่ทำอันใดทั้งสิ้น จะแอบติดตามเซี่ยอวิ๋นจิ่น เพื่อจับตาดูคนที่จะลอบทำร้ายเขาว่าใช่คนที่ส่งเขามาอำเภอชิงเหอผู้นั้นในปีนั้นหรือไม่
เซี่ยอวิ๋นจิ่นกับลู่เจียวได้ฟังมือปราบจ้าวก็รีบเข้ามาขอบคุณเขา
“ขอบคุณท่านอาจ้าว!”