ตอนที่ 501 ไม่รู้ยางอาย
หลี่อวี้เหยาเห็นลู่เจียว ก็รู้สึกว่าถูกนางทำเอาตาลายไปหมด นางเดินมาดึงลู่เจียวไปมองซ้ายมองขวา มองรอบๆ ก่อนจะอุทานตกใจว่า “น้องสาวข้า ทำไมข้ารู้สึกว่าเจ้าเหมือนจะงามขึ้น งามล่มเมืองเป็นเช่นนี้นี่เอง”
จู้เป่าจูกับถานเสี่ยวยามองแล้วก็พยักหน้าเห็นด้วย
จู้เป่าจูเป็นคนปากตรงกับใจ วิ่งมาข้างลู่เจียวกล่าวว่า “พี่ลู่ เจ้ารีบบอกข้ามาว่าเจ้าใช้ของดีอันใด จึงได้งดงามขึ้นเช่นนี้”
ถานเสี่ยวยาเห็นลู่เจียวเช่นนี้ก็ไม่กล้าเข้าไปหา ลู่เหนียงจื่อเหมือนเป็นฮูหยินสูงศักดิ์อยู่สูงส่งไม่เหมือน กับพวกนางแม้แต่น้อย
ลู่เจียวย่อมไม่อาจบอกว่าตนเองดื่มและอาบน้ำพุจิตวิญญาณ นางยิ้มกล่าวว่า “ระยะนี้ข้าวิจัยน้ำปรุงขาวใสทำให้ผิวพรรณขาวผ่องได้ พวกเจ้าดูผิวพรรณเฝิงจือกับหร่วนจู๋ ดีกว่าเมื่อก่อนไหม”
ในเรือนบุปผา สตรีหลายคนล้วนมองไปยังเฝิงจือกับหร่วนจู๋ ก็พบว่าสองสาวใช้ขาวผ่องไม่น้อย สตรีเราผิวขาวใสชนะความอัปลักษณ์ทั้งปวง เดิมหากหน้าตาดีอยู่แล้ว ขาวอีกนิดก็ยิ่งงาม
หลี่อวี้เหยาพยักหน้าเห็นด้วย “ดีกว่าเมื่อก่อนมากจริงๆ แม้แต่กระดำก็ไม่มีแล้ว”
จู้เป่าจูร้องขึ้นก่อนว่า “พี่ลู่ เจ้ารีบเอาของดีมาให้พวกเราบ้าง”
“ได้ ไว้ข้าปรุงเสร็จก็จะส่งไปโรงเวชสำอาง ให้คนงานผลิตออกมา ผลิตเสร็จก็จะมอบให้พวกเจ้า พวกเจ้าใช้สบู่หอมที่ข้ามอบให้ก่อนหน้านี้ล้างหน้าขาวใสไปก่อน จากนั้นก็ทาน้ำปรุงขาวใสนี้ ผิวพรรณก็จะยิ่งดีขึ้น”
สบู่หอมขาวใสกับน้ำปรุงขาวใสของนางล้วนเติมน้ำพุจิตวิญญาณลงไป แม้ว่าได้ผลช้าหน่อย แต่ใช้ระยะยาว ผิวพรรณย่อมยิ่งดีขึ้น
จู้เป่าจูกับหลี่อวี้เหยาพากันยิ้มดีใจ ถานเสี่ยวยากลับรู้สึกอึดอัดไม่เป็นตัวของตัวเอง
นางมองสตรีตรงหน้าเหมือนว่าแต่ละคนล้วนงดงามกระจ่างตา มีแต่นางที่เหมือนหญิงแก่บ้านนอก
ลู่เจียวมองความเครียดของถานเสี่ยวยาออก ก็ยิ้มทักนางว่า “ถันเหนียงจื่อ เจ้ามานั่งนี่เร็ว”
ถานเสี่ยวยานั่งลง ลู่เจียวก็มองผิวพรรณนางเหมือนยังคงมีความหมองคล้ำอยู่บ้าง นางอดแปลกใจไม่ได้เอ่ยถามว่า “ถานเหนียงจื่อ ข้ามอบสบู่หอมขาวใสให้เจ้า เจ้าไม่ได้ใช้หรือ”
ถานเสี่ยวยาส่ายหน้าเงียบงัน กล่าวว่า “ถูกน้องสามีข้าเอาไปหมดแล้ว”
พอถานเสี่ยวยากล่าว จู้เป่าจูก็โมโหกล่าวว่า “น้องสามีเจ้าใช้ไม่ได้จริงๆ เจ้าอย่าได้ตามใจนาง เจ้าเป็นพี่สะใภ้นาง ควรสอนให้นางรู้ความบ้าง”
หลี่อวี้เหยาพยักหน้าเห็นด้วย “เหตุผลควรเป็นเช่นนี้ เจ้าเป็นพี่สะใภ้ ไม่อาจปล่อยให้น้องสามีรังแกขี่คอเจ้าได้”
ถานเสี่ยวยาได้ยินจู้เป่าจูกับหลี่อวี้เหยากล่าวเช่นนี้ก็อดร้องไห้ออกมาไม่ได้ “สามีข้าบอกให้ข้ามีความเป็นพี่สะใภ้ ข้าได้แต่ยกสบู่หอมให้นาง”
ลู่เจียวได้ฟังขมวดคิ้ว ตู้ซิ่วไฉไม่รู้รักถนอมภรรยา เจอผู้ชายเช่นนี้ ถานเสี่ยวยาวันหน้ามีแต่ทุกข์ระทมแล้ว
แต่พวกนางเป็นคนนอกก็ไม่อาจกล่าวอันใดได้
“ถันเหนียงจื่อ ไว้ข้าให้คนนำไปให้เจ้าอีกหน่อย แต่เจ้าต้องแอบซ่อนไว้ใช้นะ ข้าจะไม่บอกผู้อื่น เจ้าเองก็ไม่ต้องให้สามีเจ้ากับน้องสาวเขารู้”
“ได้ ข้าจะเก็บซ่อนให้ดี”
นางต้องแอบใช้ จะได้สวยเหมือนกับลู่เหนียงจื่อ
ถานเสี่ยวยาครุ่นคิดวางแผนอย่างระวัง
ในเรือนบุปผา ทุกคนคุยกันอยู่ นอกประตู หลิ่วอันก็ยกอาหารเช้าเข้ามา เฝิงจือรีบเร่งให้ลู่เจียวกินอาหารเช้า
“เหนียงจื่อกินอะไรสักหน่อย”
ลู่เจียวพยักหน้าเดินไปกิน หลี่อวี้เหยาถามอย่างแปลกใจ “น้องสาวพี่ เหตุใดเจ้าเพิ่งมากินอาหารเช้าตอนนี้ หรือว่าเป็นห่วงน้องเขยจนนอนไม่หลับ”
พอหลี่อวี้เหยาพูด จู้เป่าจูกับถานเสี่ยวยาก็เงียบงัน แต่ละคนสีหน้าเต็มไปด้วยความเป็นห่วง
“เมื่อคืนข้านอนหลับไม่สนิทเลย เป็นห่วงท่านพี่ ไม่รู้ว่าเขาจะผ่านการสอบเซียงซื่อครั้งนี้ไปได้อย่างราบรื่นไหม”
ถานเสี่ยวยามองไปยังจู้เป่าจูกล่าวว่า “สามีเจ้ามีความรู้ดีมาตลอด การสอบเซียงซื่อครั้งนี้ย่อมต้องไม่มีปัญหา ท่านพี่ข้าสิอันตรายกว่า หากเขาสอบจวี่เหรินไม่ได้ ไม่รู้ว่าวันหน้าจะได้เรียนต่อหรือไม่”
ถานเสี่ยวยาเป็นห่วงมาก
หลี่อวี้เหยาเองก็เป็นห่วงหูซ่านขึ้นมา “พวกเจ้ากล่าวเช่นนี้ ข้าเองก็เป็นห่วงหูซ่านบ้านเราแล้ว เขาความรู้ไม่ดีเท่าไรจริงๆ”
เดิมการสอบเซียงซื่อครั้งนี้ เขาไม่มีความมั่นใจแม้แต่น้อย แต่เพราะบิดาสามีขอให้เซี่ยซิ่วไฉช่วยทบทวนตำราให้ระยะหนึ่งจึงได้กล้าไปร่วมสอบดู
สตรีในห้องแต่ละคนล้วนขมวดคิ้วเคร่งเครียดกันทันที
ลู่เจียวยิ้มมองพวกนางกล่าวว่า “พวกเจ้าเป็นห่วงก็ไร้ประโยชน์ ก็ไม่อาจทำให้พวกเขาสอบผ่านได้ ดังนั้นควรทำใจให้สบายดีกว่า ตอนนี้ที่ข้าเพิ่งตื่น ไม่ใช่เพราะเป็นห่วงท่านพี่ แต่เพราะเมื่อตอนเที่ยงคืนบ้านตระกูลซูข้างบ้านมีเรื่อง ไม่ได้ความจริงๆ”
ลู่เจียวเล่าเรื่องที่เกิดที่บ้านตระกูลซูเมื่อคืนให้ทุกคนฟังคร่าวๆ
พวกหลี่อวี้เหยาต่างพากันโมโห “เจ้าซูต้าไห่ไม่ใช่คนจริงๆ ตนเองพลั้งมือฆ่าเฉินเจาตี้ ถึงกับใส่ความบุตรชายตนเอง ผู้ชายคนนี้ใจดำจริง”
จู้เป่าจูพยักหน้าทันที “ใช่ จื้อซิ่งบ้านเราไม่เหมือนเขา เขารักลูกๆ มาก”
ถานเสี่ยวยาก็เอ่ยเสียงกระท่อนกระแท่นว่า “ท่านพี่ข้าก็รักบุตรชายมากเช่นกัน”
ลู่เจียวมองพวกนางแล้วก็แอบถอนหายใจ เรื่องไม่ถึงตัว ผู้ใดก็ไม่อาจรู้ว่าสามีตนจะเป็นคนหรือเป็นผี
แต่นางไม่ได้พูดจาไม่มงคลเช่นนี้ออกไป
ลู่เจียวเตรียมจะกินข้าว แต่ก็ถามทุกคนอย่างห่วงใยว่า “หรือว่าเอาขนมมาให้พวกเจ้ากินกันดี เอาน้ำชามาอีกสักกา วันนี้ในเมื่อพวกเจ้ามาบ้านเรา พวกเราก็คุยกันให้เต็มที่”
ผู้ชายไปสอบ ในฐานะภรรยาอยู่บ้านก็ได้แต่เป็นห่วง ไม่สู้มารวมตัวคุยกันให้ครึกครื้นสักหน่อย
หลี่อวี้เหยารีบส่งเสียงก่อนว่า “ได้ รบกวนน้องสาวแล้ว ให้พวกนางนำขนมกับน้ำชามาหน่อย วันนี้พวกเราก็อยู่บ้านเจ้าไม่ไปไหนแล้ว”
ลู่เจียวยิ้มมองไปยังเฝิงจือ เฝิงจือรีบรับคำทันที “บ่าวจะรีบไปเตรียมขนมกับน้ำชามาให้เหนียงจื่อทุกท่านเจ้าค่ะ”
กล่าวจบก็เดินออกไปเตรียมขนมกับน้ำชา
หลี่อวี้เหยาเอ่ยชมว่า “เฝิงจือบ้านเจ้าไม่เสียทีที่เป็นหัวหน้าสาวใช้”
จู้เป่าจูยู่ปากกล่าวว่า “แค่หน้าตาดีไปสักหน่อย”
หากเป็นนาง ไม่มีทางกล้าให้อยู่ข้างกายเด็ดขาด หากเจิ้งจื้อซิ่งต้องตาต้องใจหญิงผู้นี้ จะทำเช่นไร หรือว่าต้องรับหญิงผู้นี้เป็นอนุให้ท่านพี่ตนเอง
จู้เป่าจูหันไปมองลู่เจียว แม้ว่านางไม่ได้พูดอะไร แต่ลู่เจียวก็เดาความในใจนางออก รู้สึกนึกขำ
แต่ก็ไม่ได้พูดอะไรออกมา
ในเรือนบุปผา ขณะทุกคนกำลังคุยกันอยู่ นอกห้องมีเสียงเอะอะดังแว่วมา ลู่เจียวตั้งใจฟังก็พอจับใจความได้ว่ามาจากบ้านตระกูลซูข้างบ้าน นางขมวดคิ้วมุ่นสีหน้าแปรเปลี่ยนทันที
บ้านตระกูลซูไม่จบไม่สิ้นหรือนี่
นอกประตู หร่วนจู๋วิ่งเข้ามารายงานทันที “เหนียงจื่อ เมื่อคืนคนบ้านตระกูลซูขับไล่ซูเหลียงเฉินออกไปแล้วใช่ไหม แต่วันนี้น้าสวีพาซูเหลียงเฉินกลับมาแล้ว ใช่แล้ว น้าสวียังมีหนังสือรับรองที่ซูต้าไห่เขียนให้นางว่าจะมอบสมบัติทั้งหมดของซูต้าไห่ให้บุตรชาย ไม่ได้ให้ยายเฒ่าซูกับตาเฒ่าซูแม้สักแดงเดียว”
“ตอนนี้น้าสวีนำหนังสือที่ซูต้าไห่เขียนไว้มาขับไล่ตาเฒ่าซู ยายเฒ่าซูและน้องชายซูต้าไห่ออกไป ยายเฒ่าซูกับตาเฒ่าซูและน้องชายซูต้าไห่เอาแต่ร้องไห้คร่ำครวญไม่ยอมไป”
“คนรับใช้บ้านตระกูลซูไม่กล้าแตะต้อง น้าสวีก็ไร้หนทาง เหนียงจื่อว่าพวกเราควรไปช่วยพวกนางสักแรงไหม”