Skip to content

ทะลุมิติมาเป็นภรรยาของตัวร้าย 518

ตอนที่ 518 ไม่ใช่ว่าท่านพ่อร้ายกาจหรือ

ท่านปู่หลิวกับท่านย่าหลิวกุมมือนาง กำชับว่า “พวกเราอยู่จวนตระกูลหลิว ไว้จะส่งเทียบเชิญเจ้ามาเป็นแขกที่จวน”

“เจ้าค่ะ”

“หากเจ้าพบเรื่องยุ่งยากใด ก็ให้คนมาหาพวกเราที่จวนตระกูลหลิว บุตรชายข้าพอมีประโยชน์อยู่บ้าง”

ท่านปู่หลิวกับท่านย่าหลิวไม่ค่อยชอบเอ่ยถึงบุตรชายตนเอง เอ่ยทีไรก็มีน้ำเสียงรังเกียจ

ใบหน้าลู่เจียวราวกับมีแสงสีดำพาดผ่าน เป็นถึงโส่วฝู่ เรียกว่าพอมีประโยชน์อยู่บ้างที่ไหนกัน

ตอนนี้อยู่ในช่วงหัวเลี้ยวหัวต่อแห่งการแย่งชิงตำแหน่งรัชทายาท เขาเป็นเป้าหมายที่บรรดาองค์ชายแย่งชิงไปเป็นพรรคพวก

แต่ลู่เจียวไม่พูดจามากความต่อ พยักหน้าหงึกๆ รับคำว่า “เจ้าค่ะ หากเจอเรื่องยุ่งยากใด จะต้องไปหาท่านปู่กับท่านย่าหลิวอย่างแน่นอน”

หลิวจื่อเหยียนไปจวนตระกูลหลิวอย่างไม่ค่อยพึงพอใจนัก เขาถูกท่านปู่หลิวกับท่านย่าหลิวดึงขึ้นรถม้าจวนตระกูลหลิวไป

ลู่เจียวด้านหลังกล่าวอำลากับคนตระกูลเถียน ฉีเหล่ยก็กล่าวอำลากับลู่เจียว “อาจารย์ ข้ากลับตระกูลฉีก่อน ไว้รายงานท่านพ่อกับท่านแม่แล้วค่อยส่งเทียบมาขอคารวะอาจารย์”

“ตกลง”

ในยุคสมัยนี้ยังให้ความสำคัญกับสถานะศิษย์และอาจารย์อยู่มาก นางรับฉีเหล่ยเป็นศิษย์ สถานะนี้ก็คือสถานะที่ยอมรับกันทั่วไป หากอยู่ในเมืองหลวงย่อมไม่อาจเลี่ยงที่จะพบปะกับคนตระกูลฉี

แต่ปกตินางคุยกับฉีเหล่ยก็ฟังออกว่าปู่กับบิดาเขาเป็นคนนิสัยอ่อนโยน ลู่เจียวจึงไม่ได้รู้สึกไม่ดีอันใดหากต้องพบเจอพวกเขา

พอทุกคนกล่าวอำลากันเสร็จ พวกลู่เจียวกับเซี่ยอวิ๋นจิ่นและพวกเจิ้งจื้อซิ่งกับจู้เป่าจูจึงได้ขึ้นรถม้าไปบ้านตระกูลเซี่ยก่อน

พื้นที่เมืองหลวงทุกตารางนิ้วดังทองคำ ลู่เจียวให้ตระกูลฉีช่วยนางซื้อบ้านก็เป็นแค่บ้านลานชั้นเดียว แต่บ้านลานชั้นเดียวนี้ก็ตั้งสองพันกว่าตำลึงแล้ว

ลู่เจียวไม่ใช่ซื้อบ้านใหญ่ไม่ไหว แต่ตอนนี้พวกนางเป็นแค่ครอบครัวจวี่เหรินเล็กๆ ที่เข้าเมืองมาสอบเท่านั้น แม้เซี่ยอวิ๋นจิ่นสอบจิ้นซื่อได้ ก็คงได้จัดสรรเพียงตำแหน่งขุนนางเล็กๆ ดังนั้นยังไม่ควรเป็นที่สะดุดตามากนัก

ทุกคนตามหลังหลี่หนานเทียนมาถึงประตูบ้านตระกูลเซี่ยอย่างรวดเร็ว บนประตูเขียนคำว่าบ้านตระกูลเซี่ย

หน้าประตูมีคนรับใช้มารอรับสองสามคนอย่างนอบน้อม พอเห็นรถม้ามาก็รีบเข้าไปต้อนรับ

พอครอบครัวเซี่ยอวิ๋นจิ่นลงจากรถม้า คนรับใช้ต่างมองอย่างตื่นตะลึง นี่คือครอบครัวเจ้านายพวกเขาหรือ หน้าตาดีกันเกินไปสักหน่อยแล้วกระมัง ราวกับบุคคลในภาพวาด

พอหันไปมองเจ้าหนูน้อยทั้งสี่ สวรรค์ พวกเขาอยากจะเป็นลม ไม่เคยเห็นเด็กน้อยหน้าตาดีเช่นนี้มาก่อน เมืองหลวงไม่ขาดแคลนคนงาม แต่พอเห็นทั้งครอบครัวก็รู้สึกว่าเจริญตามาก ยิ่งไม่ต้องพูดถึงเจ้านายพวกเขายังเป็นถึงเจี่ยหยวนเมืองหนิงโจว ว่าที่ขุนนาง

แม้ว่าเมืองหลวงชนชั้นสูงมากมายทุกตารางนิ้ว แต่ขุนนางก็ยังสถานะสูงส่งกว่าราษฎรและพ่อค้า

ลู่เจียวหันไปมองพ่อบ้านเซียวที่เดินตามมาด้านหลัง ก็เอ่ยกับคนรับใช้สองสามคนว่า “นี่คือพ่อบ้านเซียว วันหน้าให้เขารับหน้าที่ดูแลเรื่องทุกอย่างในจวน”

“ขอรับ/เจ้าค่ะ นายหญิง”

พ่อบ้านเซียวรีบเข้ารับภาระงานพ่อบ้านดูแลบ้านตระกูลเซี่ย เริ่มลงมือจัดการภาระงานด้านต่างๆ

คนรับใช้ตระกูลเซี่ยที่พามาได้ก็ล้วนพามากันครบ มีเพียงตาเฒ่าเหวินเฝ้าประตูที่ไม่ได้มา เดิมลู่เจียวจะพาเขามาด้วย แต่ตาเฒ่าเหวินไม่อยากมา สุดท้ายยายเฒ่าชิวก็ปล่อยเขา นางบอกกับตาเฒ่าเหวินแล้วว่า นางจะรับใช้คุณชายและเหนียงจื่ออีกสองสามปี ไว้ค่อยกลับมาใช้ชีวิตบั้นปลายที่อำเภอชิงเหอกับเขา

ทั้งสองคนตกลงกันเช่นนี้ สุดท้ายลู่เจียวก็ตามใจพวกเขา

คนรับใช้ตระกูลเซี่ยเข้าประจำตำแหน่งตนเองอย่างรวดเร็ว พอเข้ามาอยู่จึงได้พบว่าที่นี่เล็กจริง

เรือนแบบลานชั้นเดียว เซี่ยอวิ๋นจิ่นกับลู่เจียวอยู่เรือนกลาง เจ้าหนูน้อยทั้งสี่อยู่เรือนตะวันออก เรือนตะวันตกไว้วางข้าวของ เรือนแถวด้านหลังเป็นที่พักคนรับใช้

จู้เป่าจูปากไวถามว่า “พี่ลู่ ที่นี่ดูจะไม่ได้ใหญ่เหมือนบ้านพี่ที่อำเภอชิงเหอ”

เจิ้งเมี่ยวตัวน้อยพยักหน้าเห็นด้วย “ใช่ ไม่ได้ใหญ่เหมือนบ้านพี่ชาย”

เจ้าหนูน้อยทั้งสี่เองก็ไม่ได้พูดอันใด ขอเพียงได้อยู่กับท่านพ่อและท่านแม่ แม้สถานที่จะเล็ก แต่พวกเขาก็ดีใจ

“ไม่เป็นไร สถานที่นี้ดีมาก”

ต้าเป่ากล่าวจบ เอ้อร์เป่า ซานเป่า ซื่อเป่าพยักหน้าเต็มแรง สถานที่อยู่ของพวกเขาเมื่อก่อนตอนอยู่หมู่บ้านตระกูลเซี่ยแย่ยิ่งกว่านี้ ก็ยังอยู่ได้ไม่ใช่หรือ

ลู่เจียวส่งสัญญาณให้เฝิงจือพาเด็กๆ ไปเรือนตะวันออกอาบน้ำแปรงฟันก่อนเข้านอน นางคุยกับจู้เป่าจูต่ออีกสักครู่

“วันนี้พวกเจ้าจะอยู่ที่นี่ก่อนไหม พรุ่งนี้ค่อยให้คนพาพวกเจ้าไปบ้านเช่า”

จู้เป่าจูอยากอยู่ แต่เจิ้งจื้อซิ่งกลับไม่เห็นด้วย สถานที่นี้เดิมก็ไม่ได้ใหญ่ ผู้ชายกับผู้หญิงอยู่ด้วยกัน พวกเขาอยู่ต่อจะไม่สะดวก

“ไม่ต้อง พี่เซี่ยให้คนพาพวกเราไปบ้านที่พวกเราเช่าไว้ก็พอ พวกเราจะได้จัดเก็บของสักหน่อย”

เซี่ยอวิ๋นจิ่นเห็นด้วย เรียกหลี่หนานเทียนเข้ามาพาคนตระกูลเจิ้งไปบ้านที่เช่าไว้

ลู่เจียวสั่งการพ่อบ้านเซียวให้จัดห้องพักให้หันถงที่เรือนตะวันตก

หันถงรู้สึกว่าเช่นนี้ไม่ค่อยดี ดังนั้นจึงเอ่ยว่า “ข้าไปพักโรงเตี๊ยมข้างนอกดีกว่า”

เซี่ยอวิ๋นจิ่นมองเขาอย่างไม่ค่อยพอใจ “ที่บ้านแม้ว่าสภาพจำกัดสักหน่อย แต่ห้องหนึ่งห้องก็พอมีให้เจ้าได้ เจ้าไปอยู่ข้างนอกใช้ได้ที่ไหนกัน”

หันถงรีบยิ้มกล่าวว่า “เช่นนั้นก็ได้ รบกวนพี่สะใภ้แล้ว”

ลู่เจียวยิ้มให้พ่อบ้านเซียวพาเขาไปหาที่พัก พวกนางเองก็เหนื่อยแล้ว ไม่อยากจะฝืนทนต่อ วันนี้ก็กินอะไรง่ายๆ แล้วก็พักผ่อนกันก่อน พรุ่งนี้ค่อยเก็บของ

เซี่ยอวิ๋นจิ่นเองก็เห็นด้วย สั่งการฮวาเสิ่นให้ทำอาหารให้ทุกคนกินกันเล็กน้อย กินเสร็จแต่ละคนก็ไปพักผ่อนได้

เช้าวันรุ่งขึ้น ทั้งครอบครัวก็ตื่นขึ้นมาเก็บของ แต่ละคนเก็บเสื้อผ้าข้าวของตนเองเข้าที่ คนรับใช้เองก็ไปเก็บของของตนเอง ทั้งบ้านตระกูลเซี่ยยุ่งกันง่วนไปหมด

เช้ามาหันถงก็ไปตรวจร้านขนส่งสินค้าเหนือใต้

บ้านตระกูลเซี่ย หลังลู่เจียวกับเซี่ยอวิ๋นจิ่นเก็บของเสร็จก็พาเจ้าหนูน้อยทั้งสี่ไปเดินเล่นรอบบ้านหนึ่งรอบ กล่าวตามตรง ที่นี่เล็กมากจริงๆ นอกจากห้องสี่ห้องตรงเรือนกลาง เรือนซ้ายและขวาข้างละสามห้อง ด้านหลังเป็นเรือนแถวกับห้องครัว ลานด้านหน้ามีสวนดอกไม้เล็กๆ ก็ไม่มีพื้นที่อีก

ทั้งครอบครัวเดินครู่เดียวก็ทั่ว

เจ้าหนูน้อยทั้งสี่อดกระซิบเบาๆ ไม่ได้ว่า “ไม่ได้ใหญ่เหมือนบ้านเรา”

“ได้ยินว่าแพงกว่าบ้านเราที่นั่น”

“เหตุใดแพงกว่าบ้านเราเล่า”

เจ้าหนูน้อยทั้งสี่แสดงท่าทางไม่เข้าใจ ลู่เจียวได้ฟังพวกเขาคุยกันก็ยิ้มอธิบายว่า “เพราะที่นี่คือเมืองหลวง เมืองหลวงไม่เพียงแต่บ้านแพง ของก็ยังแพง เช่นว่าเงินสองสามเหวินของพวกเราที่นั่นซื้อเนื้อได้ห่อใหญ่ห่อหนึ่ง ที่นี่ซื้อไม่ได้ เนื้อปลาอะไรพวกนี้ก็ยิ่งแพง”

ลู่เจียวกล่าวจบก็ยิ้มกวักมือให้เจ้าหนูน้อยทั้งสี่เข้ามาหา กระซิบกับพวกเขาว่า “ความจริงข้ากับท่านพ่อเจ้ามีเงินซื้อบ้านหลังใหญ่ แต่ท่านพ่อตอนนี้เจ้าเป็นเพียงแค่จวี่เหริน ไม่เหมาะจะทำอันใดเป็นที่เอิกเกริก จะเป็นที่สะดุดตาได้ง่าย จะทำให้ผู้อื่นจับจ้องมาที่พวกเรา ดังนั้นพวกเราต้องทำตัวเงียบๆ กันหน่อย เข้าใจหรือไม่”

เจ้าหนูน้อยทั้งสี่กะพริบตาปริบๆ สีหน้าไม่เข้าใจ ถามว่า “ท่านพ่อไม่ใช่ว่าร้ายกาจมากหรอกหรือ”

ลู่เจียวขำพรืดออกมาทันที น่างหันไปมองเซี่ยอวิ๋นจิ่นด้วยสีหน้าหยอกล้อ เซี่ยอวิ๋นจิ่นได้แต่จนปัญญาเดินเข้ามาอธิบายให้บุตรชายทั้งสี่ฟัง

“พ่อเป็นแค่จวี่เหรินเล็กๆ อยู่อำเภอชิงเหอดูว่าร้ายกาจอยู่สักหน่อย แต่มาอยู่เมืองหลวงกลับไม่เท่าไรนัก เมืองหลวงมีชนชั้นสูงศักดิ์อยู่มาก พ่อเป็นแค่จวี่เหรินเช่นนี้ ถือว่าตัวเล็กมากๆ ดังนั้นพวกเราไม่อาจทำการเอิกเกริกเกินไป ป้องกันพวกชนชั้นสูงศักดิ์ไม่พอใจพวกเรา และจะมาหาเรื่องพวกเรา”

พอเซี่ยอวิ๋นจิ่นบอก เจ้าหนูน้อยทั้งสี่ก็คิดถึงเรื่องวุ่นวายที่เผชิญมาก่อนหน้านี้ ก็รีบพยักหน้าแสดงว่าตนเองทราบแล้ว

“ท่านพ่อ พวกเราทราบแล้ว”

“ดังนั้นพวกเจ้าอยู่ที่นี่ ต้องเชื่อฟังท่านพ่อกับท่านแม่ อย่าได้ไปหาเรื่องผู้ใดเข้า รู้ไหม”

ใส่ความเห็น

อีเมลของคุณจะไม่แสดงให้คนอื่นเห็น ช่องข้อมูลจำเป็นถูกทำเครื่องหมาย *

error: Content is protected !!
Exit mobile version