ตอนที่ 524 หญิงหน้าหนาไร้ยางอาย
หลินหรูเยว่รีบกล่าวทันทีว่า “ท่านพ่อ ข้าบอกท่านสองเรื่อง ท่านลองดูว่าเกิดหรือไม่”
เฉิงเต๋อโหวยังจะกล่าวต่อ หลินหรูเยว่ยื่นมือออกไปรั้งแขนเสื้อเฉิงเต๋อโหวไว้ ขอร้องว่า “ท่านพ่อ ท่านลองดูก่อนว่าที่ข้าพูดออกมาใช่หรือไม่ บางทีอาจจะใช่ก็ได้เจ้าค่ะ”
เฉิงเต๋อโหวลังเล แต่สุดท้ายก็เห็นด้วยกับคำพูดหลินหรูเยว่
ตกค่ำ ลู่เจียวเพิ่งจะปรุงยาถอนพิษเสร็จ ตระกูลหลินก็ให้คนมารับยาถอนพิษไปให้ตระกูลฉี
จากนั้นนางก็ไม่สนใจเรื่องจวนเฉิงเต๋อโหวอีก แต่สองวันถัดมาก็ได้ยินข่าวบุตรีตระกูลหลินโดนยาพิษจนโฉมหน้าถูกทำลายไปครึ่งใบหน้า ไม่อาจแต่งกับซื่อจื่อจวนอ๋องฉินได้แล้ว เฉิงเต๋อโหวเดินทางไปจวนอ๋องฉินถอนหมั้นซื่อจื่อจวนอ๋องฉินด้วยตนเอง
ซื่อจื่อแสดงอาการเสียใจ แต่กลับไม่ดึงดันจะแต่งกับบุตรีเฉิงเต๋อโหวอีก
ลู่เจียวได้ยินข่าวนี้ก็เม้มปากหัวเราะขึ้นเบาๆ ดูท่าตระกูลหลินไม่ได้ใช้ยาถอนพิษนาง ยาถอนพิษนางใช้รักษาใบหน้าได้
เพียงแต่ไม่รู้ว่าบุตรีจวนเฉิงเต๋อโหวผู้นี้รู้ว่าเซี่ยอวิ๋นจิ่นมีภรรยาแล้ว จะคิดสิ่งที่ไม่ควรคิดอีกหรือไม่
ขณะลู่เจียวกำลังคิดอยู่ นอกประตู เจ้าหนูน้อยทั้งสี่ก็วิ่งเข้ามาอย่างตื่นเต้นว่า “ท่านแม่ ตอนนี้พวกเราไปกันได้หรือยัง”
ก่อนหน้านี้ลู่เจียวบอกว่าจะพาพวกเขาไปเดินตลาดกลางคืน เจ้าหนูน้อยทั้งสี่ดีใจมาก เก็บของเสร็จก็รีบวิ่งมา
ลู่เจียวพยักหน้า หันหลังไปเรียกเฝิงจือกับหร่วนจู๋ให้ตามไปด้วย
แม่ลูกกำลังจะออกนอกประตู นายผู้เฒ่าฉีก็เดินเข้ามารวดเร็ว หัวเราะดังลั่นกล่าวว่า “ข้า ข้าไปด้วย พวกเจ้าไม่คุ้นชินกับเมืองหลวง ข้ารู้จักเมืองหลวงทุกซอกมุม”
ลู่เจียวมองนายผู้เฒ่าฉีด้วยสีหน้านิ่งเฉย ตอนนี้เขามาติดหนึบอยู่กับครอบครัวพวกนางไม่ยอมไปไหน แทบจะกินอยู่ตระกูลเซี่ยไปแล้ว ปกติเอาแต่ไล่ตามถกเรื่องวิชาการแพทย์กับนาง นางยุ่งกับงาน เขาก็ไปเล่นกับเจ้าหนูน้อยทั้งสี่ ปรากฏสนุกจนไม่คิดกลับบ้านแล้ว
ลู่เจียวไม่ทันได้กล่าวอันใน เจ้าหนูน้อยทั้งสี่ก็ยื่นมือไปคว้ามือเขาแกว่งไปมา “ท่านแม่ ให้ท่านปู่ไปด้วยนะ ให้เขาไปด้วยนะ”
ตอนนี้นายผู้เฒ่าฉีได้ใจเจ้าหนูน้อยทั้งสี่ไปเรียบร้อยแล้ว เจ้าหนูน้อยทั้งสี่ชอบเขาอย่างมาก
ลู่เจียวมองเจ้าหนูน้อยทั้งสี่แล้วก็มองนายผู้เฒ่าฉี ได้แต่รับปากว่า “ได้ เช่นนั้นก็ไปด้วยกัน”
นายผู้เฒ่าฉีดีใจราวเด็กน้อย กล่าวกับเจ้าหนูน้อยทั้งสี่อย่างเบิกบานใจว่า “พวกเจ้ารู้ไหมว่าตลาดกลางคืนของเมืองหลวงครึกครื้นเพียงใด ของกินของเล่นมากมาย แต่ถ้าไปถึงแล้วพวกเจ้าห้ามวิ่งไปทั่ว ต้องตามพวกเราไว้ เมืองหลวงมีพวกลักพาตัวเด็กมากมาย”
ทุกคนคุยกันไปพลางเดินออกไปพร้อมกัน ลู่เจียวให้เฝิงจือไปตามหลี่หนานเทียนกับโจวเส้ากงมาอีกสองคน
ปรากฏทุกคนเพิ่งเดินออกจากโถงกลาง เซี่ยอวิ๋นจิ่นก็เดินออกมาจากห้องหนังสือด้านข้าง
“ข้าไปกับพวกเจ้าด้วย”
ลู่เจียวถามเขาอย่างห่วงใยว่า “พวกเรารบกวนเจ้าหรือไม่”
สถานที่เล็กก็ไม่ดีเช่นนี้ หากใหญ่หน่อยก็จะไม่รบกวนเขา
ลู่เจียวนึกเสียใจที่ซื้อบ้านเล็กเช่นนี้แล้ว ควรซื้อให้ใหญ่อีกหน่อย
เซี่ยอวิ๋นจิ่นยิ้มพลางส่ายหน้ากล่าวว่า “ข้านั่งมาทั้งวัน ควรออกไปยืดเส้นยืดสายบ้าง”
ลู่เจียวคิดตามหลักการแล้วก็เห็นด้วย ยอมให้เขาตามไปด้วยกัน
“เช่นนั้นก็ได้ พวกเราไปเดินตลาดกลางคืนด้วยกัน ไปดูตลาดกลางคืนในเมืองหลวงว่ามีอะไรบ้าง”
“เยี่ยม”
ทั้งสองคนคุยไปยิ้มไปจนเดินออกมาข้างนอก แล้วพากันนั่งรถม้าสามคันตรงไปตลาดกลางคืน
แน่นอนว่าในนั้นมีรถม้าตระกูลฉีหนึ่งคัน นายผู้เฒ่าฉีพาเจ้าหนูน้อยทั้งสี่ไปนั่งด้วย
ตลาดกลางคืนไม่ไกลจากบ้านตระกูลเซี่ยมากนัก ห่างกันแค่สองสามช่วงถนน ของที่ขายส่วนใหญ่ก็เป็นของจากครอบครัวยากจน เป็นของของเล่นงานฝีมือเล็กๆ แต่ของช่างฝีมือพื้นบ้านทำออกมาก็ไม่เลวอย่างมาก
นอกจากของเล่น ยังมีของกินไม่น้อย สรุปก็คือครึกครื้นอย่างมาก แต่เซี่ยอวิ๋นจิ่นกับลู่เจียวมองไปก็เห็นว่าคนที่มาเดินตลาดกลางคืนส่วนใหญ่เป็นราษฎรทั่วไป มีขุนนางคนร่ำรวยน้อยมาก
แต่คนมากจริงๆ ลู่เจียวกลัวเจ้าหนูน้อยทั้งสี่ถูกคนอุ้มไป เด็กแต่ละคนล้วนมีคนติดตามประกบหนึ่งคน รับหน้าที่ปกป้องพวกเขา เช่นนี้นางจึงวางใจ
เจ้าหนูน้อยทั้งสี่เห็นของเล่นงานฝีมือชิ้นเล็กชิ้นน้อยในตลาดกลางคืน ก็ตื่นเต้นจนตาลายไปหมด เอาแต่ร้องเรียกเสียงดัง นายผู้เฒ่าฉีก็เลือกของเล่นกับเด็กๆ อย่างตื่นเต้นเช่นกัน ยังพากันวิพากษ์วิจารณ์ว่าของเล่นนี้เล่นอย่างไร ส่วนใหญ่เป็นนายผู้เฒ่าฉีเป็นคนสอนเจ้าหนูน้อยทั้งสี่
“พวกเจ้าดู นี่เรียกว่าห่วงเก้าห่วง คล้องกันแล้วแก้ออกยากมาก นี่คือตัวต่อไม้สามมิติ”
ต้าเป่าตื่นเต้นที่สุด แต่ไรมาเขาสนใจของพวกนี้ ดังนั้นจึงตื่นเต้นอดเรียนรู้จากนายผู้เฒ่าฉีไม่ได้
เอ้อร์เป่าสนใจอาวุธมากที่สุด ซื้อมาหลายอย่าง ยังซื้อให้หันหนานเฟิงบุตรชายรองหันถงสองอย่าง
ซานเป่าสนใจเครื่องประดับงานฝีมือประณีต เขาซื้อไปหลายอย่าง เตรียมนำกลับไปแต่งห้อง
ซื่อเป่าสนใจเรื่องราคาของมากที่สุด เขาถามทุกร้านว่าราคาเท่าไร กำไรเท่าไร
ท่าทางเหมือนพ่อค้าของเขาทำเอาลู่เจียวมองแล้วนึกขำ พึมพำกับเซี่ยอวิ๋นจิ่นข้างๆ ว่า “เจ้าดูซื่อเป่าเรา เหมือนพ่อค้าตัวน้อยหรือไม่ ตอนนี้เจ้าหมอนี่เริ่มคิดหาเงินแล้ว วันหน้าไม่แน่อาจได้เป็นคหบดีอันดับหนึ่งในแคว้นต้าโจว”
เซี่ยอวิ๋นจิ่นมองไปยังซื่อเป่า ในใจได้แต่ทอดถอนใจอย่างยิ่งยวด หากซื่อเป่ารู้ว่าตนเองเป็นบุตรชายอ๋องเยียน เงินได้มาอย่างง่ายดายยิ่ง ไม่แน่สุดท้ายเขาอาจกลับไปอยู่ข้างกายอ๋องเยียน
ทุกคนเดินกันจนเหนื่อยแล้ว จึงพากันไปกินเต้าฮวย
เต้าฮวยก็คือเต้าหู้นิ่มที่แปลงมาจากเต้าหู้แข็ง รสชาติไม่เลว
ทั้งครอบครัวกินไปคุยไป เจ้าหนูน้อยทั้งสี่เล่าของที่จะมอบให้เพื่อนๆ ให้เซี่ยอวิ๋นจิ่นกับลู่เจียวฟังอย่างตื่นเต้นว่า “ท่านพ่อ ท่านแม่ ตอนท่านอาหันจะกลับไป พวกท่านจะต้องบอกพวกเรา พวกเราจะให้เขานำของที่พวกเราซื้อไปมอบให้จ้าวอวี้หลัวกับหูหลิงเสวี่ย”
เซี่ยอวิ๋นจิ่นรับปากทันที “ตกลง”
เซี่ยอวิ๋นจิ่นเพิ่งกล่าวจบ ด้านหลังก็มีเสียงตกใจดังขึ้น “นี่คือเซี่ยจวี่เหริน? จวี่เหรินเหนียงจื่อ[1]?”
เซี่ยอวิ๋นจิ่นกับลู่เจียวสองคนหันหน้าไปมองด้วยสัญชาตญาณทันที ถนนด้านหลังมีสตรียืนกันอยู่สามคนในชุดกระโปรงยาวสีอ่อน ร่างอรชรบอบบาง แต่ใบหน้ากลับปิดคลุมด้วยผ้าแพรขาวผืนหนึ่ง เห็นเพียงดวงตาคู่หนึ่งของนางเลือนราง
แม้ว่านางปิดบังใบหน้า แต่เซี่ยอวิ๋นจิ่นกับลู่เจียวสองคนก็ยังจำได้ว่าคนผู้นี้ก็คือคุณหนูใหญ่หลินหรูเยว่จวนเฉิงเต๋อโหวผู้นั้น
เซี่ยอวิ๋นจิ่นเห็นหลินหรูเยว่ ก็พยักหน้าทักทายเล็กน้อย “ที่แท้เป็นคุณหนูใหญ่ ยินดีที่ได้พบ”
กล่าวจบเขาก็ไม่กล่าวอันใดต่อ ลู่เจียวขมวดคิ้วหรี่ตาคิด ที่เช่นนี้ปกติมีแต่ราษฎรทั่วไปเดินเล่น ตามหลักการแล้ว คุณหนูใหญ่ผู้นี้ย่อมไม่มาที่นี่ ตอนนี้นางถึงกับปรากฏตัวที่นี่ในตอนนี้ มีเพียงความเป็นไปได้เดียวก็คือนางจงใจมา อีกอย่าง เหตุใดนางจึงรู้ว่าคืนนี้พวกเขาออกจากบ้าน หรือว่านางส่งคนจับตาดูครอบครัวพวกนางเอาไว้
ในใจลู่เจียวเริ่มนึกรังเกียจหญิงผู้นี้ นางรู้อยู่ว่าเซี่ยอวิ๋นจิ่นมีภรรยาแล้ว ยังหมายปองเขา นี่เรียกว่าไร้ยางอายแท้!
……………..
[1] คำเรียกขานภรรยาจวี่เหริน