ตอนที่ 526 หน้าตาดีเช่นนี้ วิชาการแพทย์ยังร้ายกาจ
ต้าเป่า เอ้อร์เป่ากับซานเป่าพยักหน้าพร้อมกัน “ใช่ รูปหน้าเจ้าเหมือนท่านพ่อ คล้ายกับต้าเป่า”
ซื่อเป่าเบิกบานใจขึ้นมาทันที ที่แท้เขาเหมือนท่านพ่อ
ลู่เจียวลูบศีรษะเขากล่าวว่า “บนโลกนี้ใช่ว่าทุกคนจะหน้าตาเหมือนบิดามารดา มีบางคนเลือกส่วนดีของบิดามารดาไป มีบางคนเลือกส่วนด้อยของบิดามารดาไป มีบางคนเลือกแต่ส่วนดีด้วยตนเอง แต่อย่างไรก็พอมีเค้าโครงบิดามารดาอยู่บ้าง ก็เหมือนซื่อเป่าที่รูปหน้าเหมือนท่านพ่อ แต่เจ้ากลับดูรูปงามกว่าท่านพ่อมาก เลือกแต่ส่วนดี นี่เป็นเรื่องน่ายินดี”
ซื่อเป่าฟังลู่เจียวพูดจนดีใจมาก ยื่นมือไปโอบกอดลู่เจียวกล่าวว่า “เช่นนั้น ท่านแม่ชอบข้าหน้าตาเช่นนี้หรือไม่”
“ใช่ แม่ชอบ งามมาก”
ลู่เจียวกล่าวจบก็ยื่นมือไปลูบศีรษะต้าเป่าเอ้อร์เป่า ซานเป่ากล่าวว่า “พวกเจ้าเองก็งามมาก แม่ก็ชอบ”
เจ้าหนูน้อยทั้งสี่ฟังลู่เจียวหยอกจนเบิกบานใจ จูงมือกันเดินเล่นตลาดกลางคืน
ลู่เจียวยิ้มลุกขึ้น หันไปมองเซี่ยอวิ๋นจิ่นกล่าวว่า “เจ้าดู ซื่อเป่าช่างคิดเหลวไหลเสียจริง”
นางกล่าวจบพบว่าสีหน้าเซี่ยอวิ๋นจิ่นดูไม่ค่อยดีนัก ลู่เจียวอดนึกเป็นห่วงไม่ได้ ถามเขาว่า “เจ้าเป็นอะไรหรือ”
เซี่ยอวิ๋นจิ่นหันไปมองลู่เจียวด้วยสัญชาตญาณทันที อยากจะบอกชาติกำเนิดชื่อเป่ากับนาง ผู้ใดจะรู้ว่าเขาแค่คิดอ้าปาก ด้านหน้าพลันมีเสียงนายผู้เฒ่าฉีดังมา “พวกเจ้าวิ่งช้าหน่อย อย่าวิ่งแยกกัน ระวังโจรลักพาตัวพวกเจ้าไป”
ลู่เจียวหันไปสนใจทันที พอหันไปมองก็เห็นเจ้าหนูน้อยทั้งสี่วิ่งลิงโลดดีใจกระจายกันไปรอบทิศ ลู่เจียวหน้าบึ้งส่งเสียงเรียกขึ้นว่า “ต้าเป่า เอ้อร์เป่า ซานเป่า ซื่อเป่า อย่าวิ่งไปทั่ว หากวิ่งไปทั่วเช่นนี้ วันหน้าจะไม่พาพวกเจ้าออกมาแล้ว”
เจ้าหนูน้อยทั้งสี่ได้ยินนางส่งเสียงเรียกก็พากันสงบเสงี่ยมขึ้นมากทันที ไม่วิ่งไปมาเพื่อหาซื้อของอีก
ลู่เจียวตะโกนให้เจ้าหนูน้อยทั้งสี่หยุดแล้วก็หันไปมองเซี่ยอวิ๋นจิ่น “เมื่อครู่นี้เจ้าจะกล่าวอันใดหรือ”
เซี่ยอวิ๋นจิ่นเห็นตลาดกลางคืนคนมาก มาพูดยามนี้ไม่ค่อยเหมาะ ดังนั้นจึงส่ายหน้ากล่าวว่า “ไม่มีอันใด แค่พอได้ฟังซื่อเป่าพูด ก็รู้สึกเป็นห่วง เป็นห่วงเขาจะคิดมาก”
ลู่เจียวยิ้มเอ่ยว่า “เด็กน้อยจะคิดมากอันใดกัน แค่คิดไปชั่วขณะเท่านั้น เจ้าดู ถูกข้ากล่อมเรียบร้อยแล้วไหม”
นางกล่าวจบก็กล่าวว่า “ความจริงซื่อเป่าก็มีส่วนคล้ายกับเจ้านะ แค่ดวงตากับจมูกไม่เหมือนกัน เด็กคลอดออกมาก็ใช่ว่าต้องเหมือนบิดามารดาไปทั้งหมด”
หากเป็นเมื่อก่อน เซี่ยอวิ๋นจิ่นไม่เข้าใจว่าทำไมใบหน้าซื่อเป่าเหมือนเขา แต่ตอนนี้เขากลับรู้ว่า เพราะซื่อเป่าเป็นบุตรชายอ๋องเยียน รูปหน้าเขาเหมือนใบหน้าอ๋องเยียน เหมือนเฉินอิง เขากับอ๋องเยียนนับได้ว่าเป็นลูกพี่ลูกน้องกัน ดังนั้นพวกเขาความจริงก็มีส่วนคล้ายกันอยู่บ้าง
เรื่องนี้ทำให้เบาใจไปได้ไม่น้อย ดูท่าตนเองมาจากจวนอ๋องฉินก็มีข้อดีอยู่บ้างเช่นกัน แต่ชีวิตของเขานี้จะไม่มีทางกลับไปจวนอ๋องฉิน
เซี่ยอวิ๋นจิ่นคิดแล้วก็สลัดความคิดเหลวไหลทิ้ง เดินเที่ยวตลาดกลางคืนกับลู่เจียวต่อ ยังได้ซื้อของให้ลู่เจียวไปด้วยสองสามอย่าง แม้ว่าไม่ได้มีราคาอันใด แต่มีความหมายมาก เดิมลู่เจียวก็มิได้ชื่นชอบเครื่องประดับเงินทองพวกนั้น นางชอบของชิ้นเล็กๆ น่ารักฝีมือประณีตมากกว่า
ทั้งครอบครัวซื้อของกันเต็มคันรถ แม้แต่นายผู้เฒ่าฉีเองก็ซื้อของกองโต ของของเจ้าหนูน้อยทั้งสี่ซื้อส่วนใหญ่เป็นเงินของนายผู้เฒ่าฉี ลู่เจียวคิดคืนเงินให้ก็ไม่ได้ นายผู้เฒ่าปฏิเสธลู่เจียวอย่างมีน้ำใจสมเหตุสมผลว่า “ข้าอยู่บ้านพวกเจ้า กินใช้บ้านพวกเจ้า จ่ายเงินสักหน่อยจะเป็นอะไรไป”
ลู่เจียวอดกล่าวกับเขาไม่ได้ “ความจริงท่านลุงฉีควรกลับไปกินข้าวที่บ้านท่านได้แล้ว”
นายผู้เฒ่าฉีแสร้งทำไม่ได้ยิน หันไปเล่นหัวเราะดังกับเจ้าหนูน้อยทั้งสี่ต่อ
ลู่เจียวมองสบตาเซี่ยอวิ๋นจิ่นอย่างไร้วาจาจะกล่าว เซี่ยอวิ๋นจิ่นจะกล่าวอันใดได้ ได้แต่จูงมือลู่เจียวขึ้นรถม้ากลับบ้าน
วันรุ่งขึ้น ตระกูลฉีจัดงานเลี้ยงคารวะอาจารย์ เช้าตรู่มาคนตระกูลเซี่ยเพิ่งจะกินข้าวเช้าเสร็จ นายผู้เฒ่าฉีก็เร่งให้พวกเขาทั้งครอบครัวไปจวนตระกูลฉีกันอย่างไม่เกรงใจ
ลู่เจียวถามนายผู้เฒ่าฉีอย่างให้ความสำคัญกับงานนี้มาก “งานเลี้ยงคารวะอาจารย์ในวันนี้ครอบครัวท่านเชิญผู้ใดบ้าง”
นางไม่อยากจะเป็นที่จับจ้องในเมืองหลวงจริงๆ
นายผู้เฒ่าฉีกล่าวด้วยสีหน้าจริงใจว่า “เจียวเจียว ข้าจะทำร้ายเจ้าลงหรืออย่างไร เจ้าวางใจ วันนี้มีเพียงพวกเราทั้งครอบครัว นอกจากบ้านเรา ก็ยังเชิญฮูหยินขุนพลหวังมาเป็นพยาน ไม่ได้เชิญผู้อื่นอีก”
ลู่เจียวนับว่าวางใจลงได้แล้ว “เช่นนั้นก็ดี”
นายผู้เฒ่าฉีเผยรอยยิ้มกล่าวว่า “คนเขาล้วนอยากมีชื่อเสียง ส่วนเจ้ากลับกลัวคนรู้ว่าวิชาการแพทย์เจ้าร้ายกาจเพียงใด”
“ตอนนี้ยังไม่ถึงเวลา”
เซี่ยอวิ๋นจิ่นค่อยๆ กล่าวว่า “ช้าเร็วสักวันหนึ่ง เจียวเจียวจะต้องเลื่องชื่ออย่างไม่ต้องหวั่นเกรงสิ่งใด ตอนนี้ยังไม่ถึงเวลานั้น”
นายผู้เฒ่าฉีเกิดในเมืองหลวง ไหนเลยจะไม่รู้อันตรายจากชนชั้นสูงศักดิ์เมืองหลวง เขายิ้มพยักหน้า
“วางใจ ข้ารู้ ตอนนี้จะยังไม่ให้ผู้ใดรู้ว่าเหล่ยเอ๋อร์คารวะเจ้าเป็นอาจารย์ แต่เจ้าเป็นอาจารย์เหล่ยเอ๋อร์ ตระกูลฉีพวกเราจะไม่จัดพิธีคารวะอาจารย์เป็นทางการได้อย่างไร”
ไม่เช่นนั้นจะเรียกว่าไร้ความเคารพ เป็นเรื่องถึงขั้นทำลายจารีตสัมพันธ์ศิษย์อาจารย์อันดีงาม
เซี่ยอวิ๋นจิ่นกับลู่เจียวพาเจ้าหนูน้อยทั้งสี่เดินทางไปตระกูลฉี
จวนตระกูลฉี นายผู้เฒ่าฉีมีบุตรชายหญิงรวมสามคน บุตรชายคนโตก็คือหัวหน้าหมอหลวงในวัง ตำแหน่งขุนนางระดับห้า ยังมีบุตรสาวแต่งเป็นภรรยาเอกใต้เท้าหลิ่วมหาบัณฑิตสำนักมนตรีขุนนางระดับสี่ ยังมีบุตรชายรองที่อายุน้อยสุดก็เป็นขุนนางระดับห้าที่กรมคลัง
สรุป แม้ตระกูลฉีไม่ได้เป็นตระกูลขุนนางยิ่งใหญ่ในเมืองหลวง แต่ก็ไม่ใช่ตระกูลที่ผู้ใดจะมารังแกกันได้ง่ายๆ
กลับกัน เพราะวิชาการแพทย์พวกเขาไม่เลว บรรดาขุนนางชนชั้นสูงในเมืองหลวงต่างก็ให้ความเกรงใจพวกเขาอย่างมาก
หน้าประตูจวนตระกูลฉี ฉีเหล่ยกับท่านพ่อ ท่านแม่เขามายืนรออยู่หน้าประตูพร้อมหน้า พอเห็นเซี่ยอวิ๋นจิ่นกับลู่เจียวทั้งครอบครัวลงจากรถม้า ทั้งครอบครัวก็รีบเข้าไปต้อนรับ
พอเห็นเซี่ยอวิ๋นจิ่นทั้งครอบครัว หมอหลวงฉีกับฮูหยินก็นิ่งอึ้งไปทันที
หน้าตาของทั้งครอบครัวดีมากจริงๆ และเหตุใดอาจารย์เหล่ยเอ๋อร์จึงยังสาวและงดงามเช่นนี้
หมอหลวงฉีไม่อยากจะเชื่อว่าสตรีอ่อนเยาว์และงดงามผู้นี้ถึงกับมีวิชาการแพทย์เหนือสามัญ
แต่เขาไม่เชื่อก็ยาก เพราะบิดาเขายังยอมรับนางแล้ว
ฉีเหล่ยเห็นบิดามารดาตนยืนนิ่ง ก็รีบเข้าไปส่งเสียงเตือนว่า “ท่านพ่อ ท่านแม่ นี่คือครอบครัวอาจารย์ข้า”
หมอหลวงฉีกับฮูหยินรีบเข้าไปต้อนรับกล่าวว่า “เซี่ยจวี่เหรินกับอาจารย์ลู่กระมัง รีบเข้ามาๆ”
หมอหลวงฉีกับฮูหยินเพิ่งกล่าวจบ นายผู้เฒ่าฉีก็ส่งเสียงขึ้น “ทำอันใดกัน เรียกขานเสียห่างเหินเช่นนี้ อวิ๋นจิ่นกับเจียวเจียวดีมาก โดยเฉพาะเจียวเจียว นางเป็นสตรีที่ดีมาก”
ลู่เจียวมองนายผู้เฒ่าฉี ใบหน้าราวกับมีแสงสีดำพาดผ่าน ข้าไม่ได้อยากดีไหม แต่เจ้าเอาแต่เกาะติดไม่ยอมไปไหน
แต่ก็ไม่อาจกล่าววาจาหักหน้าผู้อื่นต่อหน้าครอบครัวบุตรชายเขา
หมอหลวงฉีรู้นิสัยบิดาตนเอง ดังนั้นจึงยิ้มมองไปยังเซี่ยอวิ๋นจิ่นกับลู่เจียวกล่าวว่า “บิดาข้า สองวันนี้รบกวนพวกเจ้าแล้ว”
เซี่ยอวิ๋นจิ่นกับลู่เจียวรู้สึกพอใจ ดูท่าเป็นคนรู้ความกระจ่าง
นายผู้เฒ่าฉีที่ไม่รู้ความกลับตบท้ายทอยบุตรชายทีหนึ่ง “ลูกอกตัญญู มีผู้ใดกล่าวถึงบิดาเช่นนี้กัน รบกวนอันใด เจ้าไม่รู้ว่าเจียวเจียวยินดีต้อนรับข้าเพียงใด”