ตอนที่ 543 บ้าคลั่งแล้ว
ลู่เจียวกำลังขมวดคิ้วคิดเรื่องนี้ นางไม่รู้จักเซียวถิง เหตุใดเซียวถิงจึงได้คิดมาหานาง เห็นชัดว่าเรื่องนี้มีคนวางอุบายนาง คนผู้นี้คือผู้ใด
ลู่เจียวคิดถึงว่าคนที่ปรากฏตัวในวันนี้ ในจำนวนนี้มีท่านหญิงหลันหยางจวิ้นจู่ที่มีความแค้นกับนางแล้วก็ยังมีคุณหนูใหญ่หลินหรูเยว่จวนเฉิงเต๋อโหว
แท้จริงเป็นท่านหญิงหลันหยางจวิ้นจู่ทำเรื่องนี้ หรือว่าคุณหนูใหญ่หลินหรูเยว่จวนเฉิงเต๋อโหวทำเรื่องนี้กัน
ลู่เจียวกำลังครุ่นคิดก็ได้ยินเฝิงจือถาม จึงตอบอย่างทำอันใดไม่ได้ว่า “เรื่องมาหาข้าถึงที่ ข้าจะทำเช่นไรได้ เห็นชัดว่าซื่อจื่อจวนอ๋องฉินมาหาเรื่องข้า หากข้าไม่ลงมือก่อน วันหน้าก็จะไม่เลิกรา ข้าไม่มีความอดทนพอจะไปรับมือเขา”
ลู่เจียวกล่าวจบ หร่วนจู๋ก็ชูกำปั้นโบกไปมา กล่าวไม่เกรงใจว่า “หากเขากล้ามาอีก ข้าจะจัดการเขาให้ปางตาย”
ทุกคนไม่ออกไปเดินเล่นด้านนอกอีก รีบกลับไปโถงใหญ่จวนองค์หญิงใหญ่ ยามนี้ฮูหยินท่านอื่นก็ทยอยกันกลับมาแล้ว
ในนี้มีท่านหญิงหลันหยางจวิ้นจู่ที่เห็นลู่เจียวกลับมาก็มีสีหน้าประหลาดใจมาก
พอลู่เจียวเห็นท่าทางท่านหญิงหลันหยางจวิ้นจู่ก็รู้ทันทีว่าเรื่องซื่อจื่อจวนอ๋องฉินวันนี้เป็นฝีมือท่านหญิงหลันหยางจวิ้นจู่
สีหน้านางไม่ดีอย่างมาก นิ้วมือค่อยๆ กำแน่นขึ้นมา
ท่านหญิงหลันหยางจวิ้นจู่วางอุบายนาง หากนางไม่เอาคืน นางทำใจยอมรับไม่ได้จริงๆ
ลู่เจียวนึกโมโหในใจ ค่อยๆ หยิบยาส่งใส่มือหร่วนจู๋ สั่งการให้นางดีดลงไปในเสื้อผ้าท่านหญิงหลัน หยางจวิ้นจู่อย่างไม่ทันให้นางได้รู้ตัว
ยามนี้ลู่เจียวโชคดีอย่างมากที่ตนก่อนเข้าเมืองหลวงเตรียมตัวมาดี ปรุงยามาหลายขนาน นางรู้สึกว่าเข้าเมืองหลวงครั้งนี้ไม่น่าจะราบรื่น ดังนั้นจึงปรุงยาติดตัวมาไม่น้อย เอาไว้รับมือในสถานการณ์ต่างๆ คิดไม่ถึงว่านางจะได้ใช้ประโยชน์ยาเหล่านี้จริงๆ
หร่วนจู๋รับยามาด้วยสีหน้านิ่ง จ้องมองท่านหญิงหลันหยางจวิ้นจู่
ตอนนี้ในใจท่านหญิงหลันหยางจวิ้นจู่ลุกเป็นไฟ คิดไม่ถึงว่าตนเองล่อผีเสเพลอย่างซื่อจื่อจวนอ๋องฉินผู้นั้นไปหาลู่เจียวแล้ว หญิงผู้นี้ยังรอดมาได้ นางโชคดีเกินไปแล้วจริงๆ
ไม่ทันสังเกตเห็นหลินหรูเยว่ที่อยู่ไม่ไกลนัก นางคิดไม่ถึงว่าลู่เจียวถึงกับไม่เป็นอันใดแม้แต่น้อย ในใจก็นึกโมโหก่นด่าท่านหญิงหลันหยางจวิ้นจู่ นังโง่ แค่หญิงบ้านนอกคนหนึ่ง ถึงกับจัดการไม่ได้
หญิงสองคนแต่ละคนต่างโมโหในใจ แต่บรรดาฮูหยินท่านอื่นในที่นั้นกลับไม่ได้สังเกตพวกนาง
หร่วนจู๋ถือโอกาสที่ท่านหญิงหลันหยางจวิ้นจู่ไม่ทันระวังตัว บรรจงดีดยาใส่เสื้อผ้าท่านหญิงหลันหยางจวิ้นจู่
ยามนี้หมัวมัว[1]ผู้ดูแลในจวนองค์หญิงใหญ่ก็ออกมาเชิญทุกคนเข้าสู่งานเลี้ยง งานเลี้ยงเริ่มแล้ว
งานเลี้ยงชมบุปผาวันนี้มีคนไม่มากจึงเตรียมไว้เพียงสามโต๊ะ จัดอยู่ในเรือนข้าง
ทุกคนตามหมัวมัวไปเรือนข้าง มีคนสอบถามถึงองค์หญิงใหญ่อย่างห่วงใยว่าพักผ่อนดีแล้วหรือยัง
หมัวมัวยิ้มกล่าวว่า “องค์หญิงพักผ่อนเรียบร้อยแล้ว อีกสักครู่ก็จะมาต้อนรับทุกคน”
ฮูหยินต่างยิ้มรับคำว่า “องค์หญิงใหญ่ช่างให้เกียรติแล้ว ทรงมีพระชนมายุมากแล้ว ให้พักผ่อนเถอะ อย่าได้ต้องออกมาต้อนรับพวกเรา”
“ใช่ วันนี้พวกเราโชคดีได้รับเชิญมางานในจวนองค์หญิงใหญ่ ถือเป็นวาสนาพวกเราแล้ว”
“หมัวมัวทูลองค์หญิงไม่ต้องเสด็จออกมาแล้ว ให้ทรงพักผ่อนให้สบาย”
ทุกคนกำลังคุยกันครึกครื้นก็มีเสียงเย็นเยียบหนึ่งดังขึ้น “นังปีศาจขี้ประจบ รู้จักแต่สอพลอองค์หญิงใหญ่ แม้พวกเจ้าสอพลอตีนเหม็นเน่าองค์หญิงใหญ่ นางก็ไม่รับน้ำใจพวกเจ้าหรอก”
วาจากล่าวจบ ทุกคนโดยรอบพลันเงียบกริบ สีหน้าย่ำแย่กันอย่างยิ่ง ทุกคนหันไปมองทิศทางที่เสียงดังมา เห็นเพียงท่านหญิงหลันหยางจวิ้นจู่สีหน้าเต็มไปด้วยความดูแคลนพวกนาง เห็นชัดว่าวาจาก่อนหน้านี้นางเป็นคนพูดออกมา
แม้ท่านหญิงหลันหยางจวิ้นจู่เป็นบุตรีพระชายาเอกอ๋องผิงหลิง และเติบโตมาข้างพระวรกายไทเฮา แต่ประการแรก ไทเฮาสิ้นพระชนม์ไปแล้ว ประการที่สอง ฮูหยินแต่ละท่านก็พอรู้มาบ้างแล้วว่า ตอนนี้ฝ่าบาทระแวงอ๋องผิงหลิงและคลางแคลงหลิวโส่วฝู่ ดังนั้นตอนนี้ทุกคนไม่ค่อยให้เกียรติท่านหญิงหลันหยางจวิ้นจู่สักเท่าไร
ยามนี้ได้ยินวาจาท่านหญิงหลันหยางจวิ้นจู่ ทุกคนก็โมโหขึ้นมาทันที “ท่านหญิงหลันหยางจวิ้นจู่ วาจาเจ้านี้หมายความเยี่ยงไร อะไรที่ว่าพวกเราสอพลอตีนเหม็นเน่าองค์หญิงใหญ่ องค์หญิงใหญ่พระชนมายุมากแล้ว พวกเราห่วงใยนางเป็นอะไรไปหรือ”
“องค์หญิงใหญ่เป็นองค์หญิงที่อดีตฮ่องเต้โปรดปราน พระภคินีในฮ่องเต้องค์ปัจจุบัน พวกเราให้เกียรติยกย่องนางแล้วอย่างไร เจ้าไม่ยินยอม?”
“เจ้ามันตัวอะไร คิดว่าตัวเองวิเศษหรือ หรือเห็นพวกเรายกย่ององค์หญิงใหญ่ ไม่ได้ยกย่องเจ้า ดังนั้นจึงอิจฉาตาร้อน”
“ไม่รู้จักดูตัวเอง ตอนนี้อยู่ในสภาพใด ถึงกับกล้ากล่าวเช่นนี้ หลิวโส่วฝู่ช่างโชคร้ายแปดภพชาติที่แต่งกับภรรยาเช่นเจ้า ใช่แล้ว ภรรยาคนก่อนของหลิวโส่วฝู่เหมือนว่าไม่เลวนะ”
“ข้าได้ยินว่าบุตรชายภรรยาคนก่อนเขา อายุสิบหกก็สอบได้จวี่เหริน ดูบุตรชายนางก็รู้ ท่านแม่เขาต้องไม่เลวอย่างมาก บุตรชายล้วนเหมือนมารดา”
หลันหยางจวิ้นจู่เดิมเริ่มบ้าคลั่งขึ้นมาแล้ว ยามนี้มาได้ยินบรรดาฮูหยินเอ่ยชมภรรยาคนก่อนของหลิวโส่วฝู่ ในใจนางก็เดือดปุดๆ คุกรุ่นออกมาทันที
นางขอบตาแดงก่ำกัดฟันมองฮูหยินในที่นั้นทุกคน “หุบปาก พวกเจ้าล้วนหุบปากเดี๋ยวนี้ กล้าพูดจาเหลวไหลอีก ข้าก็จะให้คนตบปากพวกเจ้า”
“ข้าเป็นถึงบุตรีอ๋องผิงหลิง ฝ่าบาทให้ความยำเกรงบิดาข้ามาก พวกเจ้ามันนังชั้นต่ำตัวอะไร ถึงกับกล้าไร้ความเคารพยำเกรงต่อข้า”
ท่านหญิงหลันหยางจวิ้นจู่ด่าทุกคนในที่นั้นเสียงดังลั่น ทุกคนในที่นั้นต่างชี้หน้าด่านางกลับอย่างเดือดจัด
“ดูนางสิราวกับคนบ้าเสียสติ เป็นถึงจวิ้นจู่แต่วาจาด่าคนราวกับนังชั้นต่ำ เสื่อมเสียถึงหน้าตาจวนอ๋องผิงหลิงจริง แม้แต่หน้าตาหลิวโส่วฝู่ก็ถูกนางฉีกจนไม่มีเหลือแล้ว”
“ใช่ ยังคิดตบปากพวกเรา เจ้าก็สั่งคนมาตบปากพวกเราดูสิ ดูว่าพวกเราจะยอมให้เจ้าตบหรือไม่ คิดว่าตนเองมันตัวอะไรกัน”
“ตอนนั้นภรรยาหลิวโส่วฝู่เพิ่งจะจากไป ก็แต่งเข้าจวนหลิวโส่วฝู่ทันที เจ้าหญิงเหลวแหลก ไม่แน่เจ้าอาจล่อลวงจนมีสัมพันธ์สวาทกับหลิวโส่วฝู่ก่อนหน้านั้นแล้ว ไม่แน่ว่าภรรยาหลิวโส่วฝู่อาจถูกเจ้าทำตาย”
ท่านหญิงหลันหยางจวิ้นจู่พลันโมโหเดือดดาล แต่ยังรู้ว่าตนเองไม่อาจกล่าวถึงเรื่องภรรยาคนก่อนของหลิวโส่วฝู่ ยามนี้ได้ยินแต่เสียงผู้คนโดยรอบพากันเอาเรื่องนาง นางคลุ้มคลั่งตะโกนดังว่า “หุบปาก พวกเจ้าหุบปากเดี๋ยวนี้”
นางกล่าวจบก็หันไปหาฮูหยินที่ใกล้นางที่สุด “ข้าจะฉีกปากเจ้าทิ้ง เจ้ากล้าพูดอีกสิๆ”
ฮูหยินที่ถูกนางคว้าตัวไปเป็นฮูหยินของสวี่จั๋วตำแหน่งชื่อฝู่ ที่เป็นรองจากโส่วฝู่ นางคิดไม่ถึงว่าท่านหญิงหลันหยางจวิ้นจู่ถึงกับพุ่งมาตบนาง
ฮูหยินสวี่สีหน้าย่ำแย่อย่างยิ่ง ยกมือตบหน้าท่านหญิงหลันหยางจวิ้นจู่ ท่านหญิงหลันหยางจวิ้นจู่ถูกตบเต็มแรงก็สูญเสียสติสัมปชัญญะ พุ่งเข้าไปราวกับคนบ้าดึงทึ้งผมฮูหยินสวี่
สาวใช้สองคนข้างกายฮูหยินก็รีบเข้ามารั้งไว้ ปรากฏเห็นเจ้านายตนถูกตบ สาวใช้สองตระกูลก็ลงมือตบตีปกป้องฮูหยินตนกันชุลมุน
ทุกคนต่างมองคนสองตระกูลตบตีกันด้วยอาการเบิกตาโตอ้าปากค้าง
……………..
[1] คำเรียกขานบ่าวหญิงสูงวัย