Skip to content
Home » Blog » ทะลุมิติมาเป็นภรรยาของตัวร้าย 554

ทะลุมิติมาเป็นภรรยาของตัวร้าย 554

ตอนที่ 554 ข้อสอบเตี่ยนซื่อ

เซี่ยอวิ๋นจิ่นเลิกคิ้วยิ้มบางกล่าวว่า “อ๋องฉิน ‘เซียวถิง’ ถูกฝ่าบาทสั่งกักบริเวณครึ่งปีถึงจะออกมาได้ ท่านหญิงหลันหยางจวิ้นจู่ล้มป่วย วันหน้าไม่มีคนมาหาเรื่องบ้านเราแล้ว”

ลู่เจียวเลิกคิ้วด้วยสัญชาตญาณทันที นางไม่ลืมว่ายังมีคุณหนูใหญ่หลินหรูเยว่จวนเฉิงเต๋อโหวอีกคน

เรื่องที่เกิดขึ้นกับซื่อจื่อจวนอ๋องฉิน เห็นชัดว่าเป็นท่านหญิงหลันหยางจวิ้นจู่วางแผน แต่ลู่เจียวกลับรู้สึกว่าคนบงการเบื้องหลังแท้จริงน่าจะเป็นหลินหรูเยว่

คุณหนูใหญ่หลินหรูเยว่จวนเฉิงเต๋อโหวเป็นสตรีสูงศักดิ์ในเมืองหลวง และยังย้อนเวลากลับมาสมองก็ย่อมดีกว่าท่านหญิงหลันหยางจวิ้นจู่มาก นางคิดเรื่องชั่วร้ายเช่นนี้ได้ก็ไม่แปลก

แต่เห็นได้ชัดว่าเซี่ยอวิ๋นจิ่นไม่ได้คิดถึงขั้นนี้ ลู่เจียวเองก็ไม่กล่าวมากความ อีกสามวันก็จะสอบเตี้ยนซื่อแล้ว อย่าได้พูดเรื่องที่ยังไม่แน่ใจรบกวนเขาดีกว่า

ลู่เจียวรีบเปลี่ยนหัวข้อสนทนาทันที “อีกสามวันก็จะสอบเตี้ยนซื่อแล้ว เจ้าอย่าได้สนใจเรื่องราวในบ้าน ไปเตรียมตัวสอบเตี้ยนซื่อให้ดีๆ”

เซี่ยอวิ๋นจิ่นกล่าวอย่างไม่เห็นด้วยว่า “ข้าสอบได้หุ้ยหยวน การสอบเตี้ยนซื่อไม่ดีอย่างไรก็สามอันดับแรก ดังนั้นเตรียมตัวหรือไม่ก็เหมือนกัน นับประสาอันใดกับการสอบเตี้ยนซื่อนี้ ฝ่าบาทเป็นคนออกข้อสอบด้วยตนเอง ไม่มีผู้ใดรู้ว่าฝ่าบาทจะออกข้อสอบอะไร แม้เตรียมตัวไปก็ไร้ประโยชน์ ไม่สู้พักผ่อนให้ดี ถึงตอนนั้นค่อยแสดงความสามารถในสนามสอบก็พอ”

ลู่เจียวคิดแล้วก็คล้อยตามเหตุผลนี้ การสอบเตี้ยนซื่อนี้ฮ่องเต้จะออกข้อสอบด้วยตนเอง ผู้ใดจะรู้ว่าฮ่องเต้จะออกหัวข้ออะไร ตอนนี้จะเตรียมตัวก็เตรียมตัวไม่ได้

ลู่เจียวครุ่นคิดแล้วก็กล่าวว่า “เช่นนั้นสามวันนี้เจ้าก็พักผ่อนให้ดี รักษาใจให้พร้อมเพื่อเข้าร่วมการสอบเตี้ยนซื่อในอีกสามวันข้างหน้า”

“ตกลง”

เซี่ยอวิ๋นจิ่นจ้องมองลู่เจียวด้วยแววตาร้อนแรง แววตาดำขวับราวกับแม่เหล็กดึงดูดลู่เจียวเอาไว้แน่น

ลู่เจียวถูกสายตาร้อนแรงของเขาจ้องมองจนรู้สึกเขินอาย ได้แต่ก้มหน้าลงหลบสายตา

เซี่ยอวิ๋นจิ่นยื่นมือไปกุมมือลู่เจียว กล่าวน้ำเสียงอ่อนโยนว่า “เจียวเจียว หลังการสอบเตี้ยนซื่อครั้งนี้เสร็จสิ้นลง พวกเราก็ร่วมหอกันดีหรือไม่”

แม้ว่าเขากับหญิงผู้นั้นมีลูกกันแล้ว แต่เขาไม่ได้มีความทรงจำในเรื่องนี้แต่อย่างใด ครั้งนี้จะได้ดำเนินเรื่องเช่นนี้กับคนที่ตนเองชอบ เซี่ยอวิ๋นจิ่นรู้สึกรอคอยอย่างที่สุด

ลู่เจียวได้ฟังเขาก็สะดุ้งในใจ แต่นางไม่ได้รู้สึกปฏิเสธเขา ค่อยๆ พยักหน้าแสดงท่าทีเห็นด้วย

เซี่ยอวิ๋นจิ่นดีใจขึ้นมาทันใด ยื่นมือไปโอบกอดนางมากล่าวอย่างตื่นเต้นว่า “ดีจริง ถึงตอนนั้นพวกเราก็ให้กำเนิดบุตรสาวสักคน”

ลู่เจียวถูกเขาหยอกจนรู้สึกขำ ไหนเลยบอกว่าจะให้กำเนิดบุตรสาวก็จะมีบุตรสาวได้

เพียงแต่นางยังไม่ทันได้พูดอะไร นอกประตู พ่อบ้านเซียวก็รีบเข้ามาอย่างเร่งร้อนใจ พอเข้ามาเห็นเซี่ยอวิ๋นจิ่นกอดกับลู่เจียว พ่อบ้านเซียวก็เขินหน้าแดง แอบคิดในใจ หนุ่มสาวสมัยนี้นี่นะ ไม่รู้จักแยกแยะสถานการณ์จริงๆ

เซี่ยอวิ๋นจิ่นกับลู่เจียวได้ยินเสียงเคลื่อนไหวก็ผละออกจากกัน เซี่ยอวิ๋นจิ่นสีหน้าเป็นปกติ กลับเป็นลู่เจียวที่มีสีหน้าเขินอายอยู่บ้าง

พ่อบ้านเซียวรีบรายงานว่า “คุณชาย มีคนนำจดหมายมาส่ง”

เซี่ยอวิ๋นจิ่นกับลู่เจียวพอได้ฟังพ่อบ้านเซียว ก็รีบมองไปยังจดหมายในมือเขา

ทั้งสองคนนึกถึงครั้งก่อนที่อ๋องเยียนส่งคนนำข้อมูลหัวหน้าคุมสอบมา ดังนั้นจดหมายนี้ก็น่าจะเป็นอ๋องเยียนส่งมา

เซี่ยอวิ๋นจิ่นยื่นมือไปรับมาเปิดอ่านทันที

ลู่เจียวเขยิบเข้าไปใกล้อ่านพร้อมกับเขา

พ่อบ้านเซียวค่อยๆ ออกไปอย่างเงียบๆ

พอสองสามีภรรยาอ่าน ก็เห็นว่าเป็นจดหมายจากอ๋องเยียนจริง มีแค่สองคำ ยกเลิกฟานอ๋อง

เซี่ยอวิ๋นจิ่นกับลู่เจียวล้วนเป็นคนฉลาด พอทั้งสองคนเห็นก็เข้าใจ นี่เป็นไปได้มากว่าจะเป็นหัวข้อในการสอบเตี้ยนซื่อที่ฮ่องเต้จะออก เกี่ยวกับเรื่องยกเลิกฟานอ๋อง

บรรดาศักดิ์ ‘ฟานอ๋อง’ ในแคว้นต้าโจวตอนนี้มีเพียงท่านเดียวก็คืออ๋องผิงหลิง แต่อ๋องผิงหลิงกุมอำนาจทหารในกำมือมาก คิดจะยกเลิกระบบฟานอ๋องไม่ใช่เรื่องง่าย ดังนั้นฝ่าบาทจึงตั้งคำถามเช่นนี้ อาจเป็นไปได้มากว่าจะให้คนช่วยเขาหาวิธีว่าจะยกเลิกระบบฟานอ๋องไปปกครองพื้นที่ และยกเลิกการมีกองกำลังในมือให้ราบรื่นได้อย่างไร

ลู่เจียวคิดแล้วก็เข้าใจในหลักการ เงยหน้ามองไปยังเซี่ยอวิ๋นจิ่นกล่าวว่า “เจ้าไปคิดดูว่าควรตอบคำถามนี้เช่นไร”

เซี่ยอวิ๋นจิ่นพยักหน้าเห็นด้วย ”ตกลง”

เขากล่าวจบก็ลุกขึ้นไปวางแผนที่ห้องหนังสือ ลู่เจียวคิดถึงเจิ้งจื้อซิ่งขึ้นมา จึงเอ่ยถามว่า “เจ้าจะบอกข้อสอบนี้กับเจิ้งจื้อซิ่งหรือไม่”

เซี่ยอวิ๋นจิ่นรีบปฏิเสธทันที ประการแรก พฤติกรรมเจิ้งจื้อซิ่งทำให้เขาไม่พึงใจ ประการที่สอง หัวข้อการสอบเตี้ยนซื่อนี้เกี่ยวพันถึงการคาดเดาพระทัยฮ่องเต้ หากเจิ้งจื้อซิ่งเกิดความคิดชั่วร้าย นำข้อสอบนี้เผยแพร่ออกไป ถึงตอนนั้นไม่เพียงแต่เขาเดือดร้อน อ๋องเยียนก็จะพลอยเดือดร้อนไปด้วย

“ไม่ให้ หากเจิ้งจื้อซิ่งเกิดคิดชั่ว ถึงตอนนั้นก็คงเป็นพวกเราที่โชคร้ายแทนแล้ว”

ลู่เจียวคิดอยู่ครู่หนึ่งก็เห็นด้วย พยักหน้ากล่าวว่า “ใช่ เช่นนั้นเจ้าไปคิดว่าจะตอบหัวข้อนี้อย่างไรเถอะ”

หัวข้อยกเลิกฟานอ๋องนี่ยากมาก หากง่าย ฝ่าบาทก็คงไม่ออกข้อสอบเช่นนี้

เซี่ยอวิ๋นจิ่นพยักหน้าเล็กน้อย กำลังจะออกไป ลู่เจียวพลันคิดถึงว่าหลิวจื่อเหยียนขึ้นมา อดเอ่ยถามไม่ได้ว่า “เจ้าว่าหลิวโส่วฝู่เดาพระทัยฝ่าบาทได้หรือไม่”

เซี่ยอวิ๋นจิ่นตอบอย่างแน่ใจว่า “เขาเป็นจิ้งจอกเฒ่าในราชสำนักมานาน ย่อมต้องเดาพระทัยฝ่าบาทได้”

ลู่เจียวยิ้มพยักหน้าเล็กน้อย เซี่ยอวิ๋นจิ่นจะก้าวออกไป ไม่คิดว่าพ่อบ้านเซียวกลับมาอีกครั้ง

“คุณชาย เด็กรับใช้คุณชายจื่อเหยียนมา บอกว่าขอพบคุณชาย”

เซี่ยอวิ๋นจิ่นหันหน้าไปมองลู่เจียวด้วยสัญชาตญาณทันที ทั้งสองคนสบตากัน

หลิวจื่อเหยียนคงไม่ได้ให้เด็กรับใช้นำข้อสอบในการสอบเตี้ยนซื่อครั้งนี้มาบอกเขากระมัง

หากเป็นเช่นนี้จริง เด็กหนุ่มผู้นี้เชื่อใจพวกเขาจริง แม้แต่ข้อสอบที่เป็นการคาดเดาพระทัยฮ่องเต้ก็นำมาบอกเขา แสดงให้เห็นว่าเขาเห็นพวกเขาเป็นญาติสนิทแท้จริง

ในใจเซี่ยอวิ๋นจิ่นกับลู่เจียวรู้สึกซาบซึ้งมาก ทั้งสองคนหันไปมองพ่อบ้านเซียวกล่าวว่า “ให้เขาเข้ามา”

พ่อบ้านเซียวออกไปนำตงเซิงเด็กรับใช้หลิวจื่อเหยียนเข้ามารวดเร็ว

ตงเซิงเข้ามาก็มอบจดหมายให้เซี่ยอวิ๋นจิ่นกับลู่เจียว กล่าวว่า “นี่คือจดหมายที่คุณชายให้ข้านำมามอบให้คุณชายเซี่ย”

เซี่ยอวิ๋นจิ่นกับลู่เจียวไม่เปิดออกก็รู้ว่าในจดหมายเขียนอันใดไว้ ทั้งสองคนยิ้มมองตงเซิงถามว่า “คุณชายเจ้าสุขภาพเป็นอย่างไรบ้าง ยังสบายดีหรือไม่”

“บอกให้เขาอย่าได้หักโหมเหน็ดเหนื่อยมากจนเกินไป สามวันนี้ให้พักผ่อนให้ดี ถึงวันสอบเตี้ยนซื่อก็จะได้มีจิตใจกระปรี้กระเปร่า”

ตงเซิงมองเซี่ยอวิ๋นจิ่นกับลู่เจียว มักรู้สึกว่าวันนี้คุณชายเซี่ยกับลู่เหนียงจื่อให้ความสนิทสนมเป็นพิเศษ และยังใส่ใจห่วงใยคุณชายตนมากกว่าปกติ

ตงเซิงดีใจมาก แม้คุณชายเขาเป็นคุณชายจวนตระกูลหลิว แต่เขาไม่เคยใกล้ชิดบิดาและพี่น้องตนเอง กลับกัน เขาชอบคุณชายเซี่ยกับลู่เหนียงจื่อมาก ตอนนี้เห็นคุณชายเซี่ยกับลู่เหนียงจื่อเหมือนใส่ใจห่วงใยคุณชายพวกเขาเช่นกัน ตงเซิงจึงดีใจรีบกล่าวว่า “ขอบคุณคุณชายกับเหนียงจื่อที่ห่วงใย คุณชายเราสบายดีมากขอรับ”

ลู่เจียวกล่าวน้ำเสียงนุ่มนวลว่า “ให้เขาอย่าคิดมากเรื่องท่านหญิงหลันหยางจวิ้นจู่ พวกเราไม่ตำหนิเขา การสอบครั้งนี้เขาสอบจิ้นซื่อได้ พวกเราในฐานะพี่สาวและพี่เขยก็ควรไปเป็นแขกที่จวนตระกูลหลิวแล้ว”

“ดี ดี คุณชายเรารู้เรื่องนี้ต้องดีใจอย่างมากเป็นแน่”

ตงเซิงกลับไปอย่างดีอกดีใจ กลับไปถึงก็เล่าเรื่องนี้ให้หลิวจื่อเหยียนฟัง หลิวจื่อเหยียนดีใจขึ้นมาทันที แต่ก็ยังไม่ค่อยอยากจะเชื่อ คิดว่าตงเซิงพูดปลอบใจให้เขาดีใจ ตงเซิงสาบานหลายรอบ เขาจึงได้เชื่อ อารมณ์ดีขึ้นไม่น้อย

ท่านปู่หลิวกับท่านย่าหลิวรู้เรื่องนี้ก็ดีใจมากเช่นกัน

ใส่ความเห็น

อีเมลของคุณจะไม่แสดงให้คนอื่นเห็น ช่องข้อมูลจำเป็นถูกทำเครื่องหมาย *

error: Content is protected !!
Exit mobile version