ตอนที่ 556 บุปผาวสันต์แย้มบานเต็มสวน
ลู่เจียวยิ้มรับคำกล่าวว่า “อีกสักครู่ก็มาแล้ว พวกเจ้าอย่าได้ร้อนใจไป”
แม้ว่านางมีสีหน้าไม่ร้อนใจ แต่ในใจอย่างไรก็เป็นห่วง กลัวว่าฮ่องเต้จะเลือกเซี่ยอวิ๋นจิ่นเป็นทั่นฮวาเพราะหน้าตาของเขาดีเกินไป
แต่หากเขาได้รับเลือกเป็นทั่นฮวาจริง ก็ถือว่าชะตาฟ้ากำหนด ทำอันใดไม่ได้
ลู่เจียวคิดเหลวไหลไปก็ปลอบเจ้าหนูน้อยทั้งสี่ว่าอย่าได้ร้อนใจไป
ขณะลู่เจียวกำลังพูดอยู่นั้น พลันได้ยินเสียงทักดังขึ้นด้านข้าง
“ลู่เหนียงจื่อ เจ้าเองก็มาชมความครึกครื้นหรือ”
ลู่เจียวชะโงกหน้าออกไปทางหน้าต่าง มองไปยังห้องด้านข้าง พบว่ากับคนที่ทักทายนางเป็นคุณหนูใหญ่หลินหรูเยว่จวนเฉิงเต๋อโหว
พอเห็นหญิงผู้นี้ ลู่เจียวก็นึกถึงเรื่องอ๋องฉินเซียวถิงวางเพลิงเผาบ้านตระกูลเซี่ย แววตานางพลันเยียบเย็น แต่สีหน้ายังคงเป็นปกติเอ่ยทักทายกับหลินหรูเยว่ “คุณหนูใหญ่หลินก็มาชมความครึกครื้นหรือ”
หลินหรูเยว่มองลู่เจียว คิดถึงว่าท่านหญิงหลันหยางจวิ้นจู่กับเซียวถิงออกโรงกันก็จัดการหญิงผู้นี้ไม่ได้ ในใจนางเริ่มร้อนรนขึ้นมาอย่างไม่อาจระงับ ระยะนี้บิดามารดานางก็เริ่มเร่งเรื่องงานแต่งงานของนางแล้ว
ปรากฏว่าเพราะนางถอนหมั้น จึงไม่มีชายที่ดีอยากจะแต่งกับนาง แม้ว่านางรักษาโฉมหน้าหาย แต่ก็ไม่มีผู้ใดอยากแต่งกับนาง
คนที่คิดแต่งกับนางส่วนใหญ่ล้วนเป็นพวกที่ฮูหยินตนตายไป มีลูกหลายคน หากนางแต่งก็จะไปเป็นภรรยาเอกต่อจากภรรยาคนแรก เป็นมารดาเลี้ยง ไม่เพียงเท่านั้น ผู้ชายเหล่านั้นยังมีอนุมากมาย
หลินหรูเยว่รู้เรื่องพวกนี้ก็แทบจะอาเจียนตาย คิดถึงความสงบเงียบของครอบครัวเซี่ยอวิ๋นจิ่นก็ยิ่งอยากแต่งกับชายผู้นี้
หลินหรูเยว่ครุ่นคิดมองลู่เจียวตรงหน้าด้วยแววตาลุ่มลึก ครานี้ความอิจฉาผุดขึ้นมาในใจอย่างรุนแรง เดิมนางไม่ใคร่สนใจหญิงผู้นี้ วันนี้ได้มาเจอกันระยะใกล้ก็พบว่าหญิงผู้นี้ถึงกับหน้าตาดีเช่นนี้
แม้หลินหรูเยว่เป็นคุณหนูใหญ่จวนเฉิงเต๋อโหว แต่ก็เป็นหญิงที่จัดอยู่ในประเภทงามอ่อนหวาน
ไม่เหมือนลู่เจียวที่ใบหน้างดงามผิวพรรณขาวผ่อง ริมฝีปากแดง เพียงยิ้มก็ราวกับบุปผาแย้มบานดึงดูดสายตาผู้คนจนไม่อาจระงับใจตนเอง
หลินหรูเยว่มองนางเช่นนี้ ในใจทั้งปวดปลาบและริษยา เห็นอยู่ว่าหญิงผู้นี้เป็นแค่หญิงบ้านนอก ไยจึงหน้าตางดงามเช่นนี้ได้ ไม่เพียงแต่หน้าตางดงาม แต่ยังไม่มีกลิ่นอายหญิงบ้านนาขลาดกลัวแม้แต่น้อย
ลู่เจียวทักทายกับหลินหรูเยว่แล้วก็ไม่คิดสนใจหญิงผู้นี้อีก นางหันกลับไปคุยกับเจ้าหนูน้อยทั้งสี่
เจ้าหนูน้อยทั้งสี่ถามนาง “ท่านแม่ ผู้ใดหรือ”
ลู่เจียวยิ้มกล่าวว่า “คนรู้จัก”
“อ้อ”
เจ้าหนูน้อยทั้งสี่ไม่ได้สนใจ เรื่องที่พวกเขาสนใจก็คือเมื่อไรท่านพ่อจะมา
แม่ลูกกำลังคุยกันอยู่ ท้องถนนก็มีเสียงฮือฮาดังมา “จ้วงหยวน ปั้งเหยี่ยน ทั่นฮวา มาแล้ว”
เจ้าหนูน้อยทั้งสี่ได้ยินเสียงด้านนอก ก็พากันไปชะโงกหน้าต่างมอง ตอนนี้พวกเขาหกขวบแล้ว ตัวสูงไม่น้อย ยืนริมหน้าต่างก็มองเห็นท้องถนนได้พอดี
แต่แม้เป็นเช่นนี้ ลู่เจียวก็ยังกำชับพวกเขา “ระวังหน่อย ระวังตกลงไป”
นางกล่าวเช่นนี้ แต่ตนเองก็อดเดินไปมองนอกหน้าต่างไม่ได้
ไกลออกไป มีขบวนหนึ่งเดินมา ด้านหน้ามีขุนนางตีฆ้องนำมา ด้านหลังก็คือสามอันดับแรกของการสอบเตี้ยนซื่อ จ้วงหยวน ปั้งเหยี่ยน ทั่นฮวา
สามคนอยู่ในชุดยาว นั่งบนหลังม้าสูง ขี่ม้าเดินมาตามท้องถนน
ลู่เจียวมองไปก็เห็นเซี่ยอวิ๋นจิ่นบนหลังม้า เซี่ยอวิ๋นจิ่นสวมชุดจ้วงหยวนตัวยาวสีแดงสด สีแดงขับกับใบหน้างามประณีตของเขาให้ยิ่งเด่นชัด โครงหน้าเย็นเยียบดังปกติ ไม่ได้มีสีหน้าคิดใช้ความหล่อล่อหลอกผู้คนแม้แต่น้อย
ลู่เจียวเห็นเขาเช่นนี้ก็อดคันยิกในใจไม่ได้ คิดไม่ถึงว่าเซี่ยอวิ๋นจิ่นสวมชุดจ้วงหยวนแล้วจะหล่อเหลาเพียงนี้ รูปงามเกินไปแล้ว!
ลู่เจียวเพิ่งคิดจบก็ได้ยินเสียงคุยกันดังขึ้นด้านนอก
“จ้วงหยวนปีนี้หน้าตาดีมากจริงๆ”
“ดีมาก ไม่รู้ว่าเขาแต่งภรรยาแล้วหรือยัง”
“ได้ยินเหมือนว่าแต่งแล้ว และยังมีลูกแล้วด้วย”
“พวกเจ้ารีบมาดูเร็ว ทั่นฮวาด้านหลังก็หน้าตาดี”
“ทั่นฮวาอายุน้อยมาก อายุน้อยเช่นนี้ก็ได้เป็นทั่นฮวาแล้ว ร้ายกาจมาก”
“เจ้าไม่รู้สินะ ทั่นฮวาเป็นถึงบุตรชายหลิวโส่วฝู่ มีความรู้ลึกซึ้งมาก”
ทุกคนต่างวิพากษ์วิจารณ์กันไปต่างๆ นานา
ยามนี้สามคนขี่ม้ามาตามท้องถนนผ่านมาทางนี้แล้ว เจ้าหนูน้อยทั้งสี่ตะกายหน้าต่างดูอย่างตื่นเต้น ส่งเสียงตะโกนเรียก “ท่านพ่อ พวกเราอยู่นี่ พวกเราอยู่นี่”
เซี่ยอวิ๋นจิ่นได้ยินเสียงตะโกนเรียกของบุตรชายก็เงยหน้ามอง เขารู้ว่าสามวันก่อนลู่เจียวมาจองห้องรับรองที่นี่ ยามนี้พอได้ยินเสียงตะโกนเรียกของบุตรชายก็รีบเงยหน้าขึ้นมอง
พอเห็นลู่เจียวกับเจ้าหนูน้อยทั้งสี่ เซี่ยอวิ๋นจิ่นก็อดส่งยิ้มให้ไม่ได้ รอยยิ้มราวกับบุปผาวสันต์บานเต็มสวน สีหน้าแววตาเต็มไปด้วยความสดใสส่องประกายงดงาม
ผู้คนตามร้านอาหารร้านน้ำชาริมสองข้างทางได้เห็น ก็พากันอุทานชื่นชมเสียงดัง
“ท่านจ้วงหยวนรูปงามจริง”
“น่าเสียดายแต่งภรรยาแล้ว ไม่เช่นนั้นบรรดาขุนนางในราชสำนักย่อมต้องแย่งชิงตัวไปเป็นบุตรเขยเป็นแน่”
“ไม่รู้ว่าภรรยาเขาเป็นเช่นไร”
มีคนมองตามสายตาเซี่ยอวิ๋นจิ่นไปบนห้องรับรอง ก็เห็นลู่เจียวกับเจ้าหนูน้อยทั้งสี่ จากนั้นก็อุทานตกใจ
“นั่นไม่ใช่ครอบครัวเซี่ยจ้วงหยวนหรือ ภรรยากับลูกๆ เขาหน้าตาดีจริง”
“ทั้งครอบครัวหน้าตาดีจริง ดูท่าทางเซี่ยจ้วงหยวน เห็นชัดว่ารักภรรยากับลูกๆ มาก”
ทุกคนต่างพากันวิพากษ์วิจารณ์ เซี่ยอวิ๋นจิ่นทักทายกับลู่เจียวและเจ้าหนูน้อยทั้งสี่แล้ว ก็กลับไปมีสีหน้าเรียบนิ่งดังเดิม
ขบวนแห่ผ่านไปอย่างรวดเร็ว เจ้าหนูน้อยทั้งสี่กล่าวอย่างตื่นเต้นว่า “ท่านพ่อเป็นจ้วงหยวนแล้วๆ”
“ท่านพ่อสวมชุดจ้วงหยวนรูปงามจริง”
“ท่านแม่ ท่านว่าใช่หรือไม่”
ลู่เจียวเลิกคิ้วมองออกไป พอขบวนแห่ผ่านไป นางพลันคิดถึงเรื่องหนึ่งขึ้นมาได้
น้องชายบุญธรรมนาง หลิวจื่อเหยียนก็ได้รับเลือกเป็นทั่นฮวา
ตอนหลิวจื่อเหยียนสอบหุ้ยซื่อ สอบได้ที่หกสิบแปด ตามหลักควรแค่ได้ร่วมสอบในกลุ่มอันดับสอง ได้ตำแหน่งแค่จิ้นซื่อชูเซิน แต่ตอนนี้เขากลับได้รับเลือกเป็นทั่นฮวา เห็นชัดว่าการสอบเตี้ยนซื่อนี้เขาเขียนบทความได้ดีมาก
แต่ปัญหาก็คือ เด็กหนุ่มอายุสิบแปด เขาเขียนตอบเรื่องยกเลิกฟานอ๋องได้ดีเพียงนั้นได้อย่างไร
ฮ่องเต้เป็นคนขี้ระแวง ด้วยความเข้าใจของนางที่มีต่อนิสัยบุคคล เขาต้องคิดระแวงเป็นแน่
เห็นชัดว่าเขาคิดระแวง แต่ก็ยังเลือกหลิวจื่อเหยียนเป็นทั่นฮวาในการสอบเตี้ยนซื่อครั้งนี้ แสดงว่ามีแผนการอื่น
เช่นอาศัยเรื่องหลิวจื่อเหยียนข่มบารมีหลิวโส่วฝู่ไว้ เอาไว้รับมือหลิวโส่วฝู่
หากเป็นเช่นนี้ หลิวจื่อเหยียนย่อมต้องได้รับผลกระทบไปด้วย
ลู่เจียวคิดถึงเรื่องนี้แล้วในใจก็พลันเคร่งเครียด ตะโกนเรียกออกไปด้านนอก “ถงอี้”
วันนี้พวกนางออกมา พาเฝิงจือ หร่วนจู๋และถงอี้มาด้วย
ถงอี้เข้ามาทันที ลู่เจียวรีบกวักมือให้ถงอี้เข้ามาใกล้ นางกระซิบสั่งถงอี้ “รีบไปตระกูลหลิว หาท่านปู่หลิวกับท่านย่าหลิว บอกกับพวกเขาให้รีบหยิบหนังสือที่เกี่ยวกับยกเลิกฟานอ๋องในห้องหนังสือของหลิวจื่อ เหยียนไปเผาทิ้งให้หมด และอย่าลืมเผาคำตอบด้วย หาหนังสือพวกการเกษตร บทวิพากษ์นโยบายและระบบชลประทานอะไรพวกนี้วางไว้ในห้องให้ดูรกๆ หน่อย อีกอย่างวางหนังสือเกี่ยวกับยกเลิกฟานอ๋องแทรกปะปนไว้หน่อยก็ได้”
ลู่เจียวกล่าวจบสั่งการถงอี้ว่า “รีบไป”
หากไม่เหนือความคาดหมาย ฮ่องเต้ย่อมต้องส่งคนแอบไปสืบครอบครัวนางและหลิวจื่อเหยียน หากตรวจพบว่าหนังสือในห้องของสองตระกูลล้วนเป็นหนังสือเกี่ยวกับยกเลิกฟานอ๋องและหนังสือที่เกี่ยวข้อง ก็คงยุ่งยากแล้ว
เหตุใดเซี่ยอวิ๋นจิ่นกับหลิวจื่อเหยียนจึงอ่านหนังสือประวัติศาสตร์ที่เกี่ยวข้องกับยกเลิกฟานอ๋อง หากในห้องหนังสือยังมีกระดาษที่เขียนคำตอบเกี่ยวกับยกเลิกฟานอ๋องไว้ ก็คงยิ่งเป็นเรื่องใหญ่แล้ว