ตอนที่ 601 สตรีผู้ไม่ยอมเป็นรองบุรุษ
ลู่กุ้ยถามลู่เจียวอย่างตื่นเต้นว่า “พี่เจียว พี่เขยได้เป็นถงจือนี่ ใหญ่กว่านายอำเภอหูไหม”
ลู่เจียวยิ้มกล่าวว่า “ใหญ่กว่านายอำเภอหูสองชั้น เขาระดับเจ็ด พี่เขยเจ้าระดับหก”
ลู่กุ้ยตื่นเต้นส่งเสียงครางฮือ จากนั้นก็หันหน้าไปจ้องมองลู่เจียวกล่าวว่า “พี่เจียว ข้ายังไปเป็นพ่อบ้านที่บ้านพี่ได้ไหม”
เขารู้สึกว่าเป็นพ่อบ้านจวนขุนนางดีกว่าเป็นเจ้าของร้านอาหาร ดูมากบารมีขนาดไหนกัน
ลู่เจียวส่งสายตาจ้องใส่เขาทันที สวีจิ่นซิ่วอดกล่าวไม่ได้ว่า “พี่เจียว นายอำเภอหูระดับเจ็ด พี่เขยระดับหก ไม่ใช่ใหญ่กว่าหนึ่งระดับหรือ”
ลู่เจียวยิ้มกล่าวว่า “ในระบบตำแหน่งขุนนาง เหนือระดับเจ็ดขึ้นไปก็คือระดับหกชั้นโท ระดับหกชั้นโทขึ้นไปจึงจะระดับหกชั้นเอก ดังนั้นพี่เขยเจ้าระดับหกชั้นเอกจึงสูงกว่านายอำเภอหูสองชั้น”
สวีจิ่นซิ่วพยักหน้าเข้าใจ “ที่แท้เป็นเช่นนี้”
บ้านตระกูลลู่ทั้งครอบครัวดีใจอย่างมาก ลูกเขยได้เป็นขุนนาง ยังสูงกว่านายอำเภอหูสองชั้น นี่เป็นเรื่องมงคลใหญ่ยิ่ง
ตอนเที่ยง ทั้งในและนอกตระกูลเซี่ยล้วนเต็มไปด้วยผู้คนมากมาย ด้านนอกมีงานเลี้ยงคนในหมู่บ้าน โต๊ะอาหารจัดเรียงตั้งแต่ลานด้านในไปถึงนอกลาน
เกือบหนึ่งร้อยโต๊ะ โต๊ะเก้าอี้ชามตะเกียบอันใดล้วนเป็นแต่ละครอบครัวในหมู่บ้านนำมา ทุกคนต่างนำเอาของของตนเองมาร่วมงานกันเอง
ในห้องจัดสองสามโต๊ะ แต่อาหารล้วนไม่ได้จัดพิเศษ เป็นอาหารชุดเดียวกับชาวบ้านด้านนอก
พวกนายอำเภอหูเองก็มิได้รังเกียจ ทุกคนกินกันอย่างเบิกบานใจ นายอำเภอหูคารวะสุราเซี่ยอวิ๋นจิ่น กล่าวกับเขาว่า “คลื่นรุ่นหลังไม่ธรรมดาๆ วันหน้าอวิ๋นจิ่นต้องช่วยส่งเสริมพวกเรามากๆ นะ”
เซี่ยอวิ๋นจิ่นก็มิได้ปฏิเสธ “มีโอกาสย่อมต้องช่วยเหลืออย่างแน่นอน”
แม้ว่านายอำเภอหูไม่ค่อยฉลาด แต่ดีที่เชื่อฟังและจิตใจไม่เลวร้าย ความจริงก็นับว่าไม่เลวแล้ว
หากมีโอกาส เซี่ยอวิ๋นจิ่นก็ยินดีช่วยเขา
นายอำเภอหูได้ฟังก็ดีใจอย่างที่สุด ยิ่งดื่มสุราหนักขึ้น
สวี่เซี่ยนเว่ยยกจอกสุรามาชนกับลู่เจียวอย่างสุภาพเกรงใจ เพราะตอนนี้ภรรยาและอนุในบ้านเขาหลายคนตั้งครรภ์แล้ว แม้แต่จางซื่อภรรยาเขาเองก็ตั้งครรภ์แล้ว เพียงแต่ตอนนี้ยังไม่ได้เดือน จึงยังมองไม่ออก
ตระกูลสวี่ไม่ไร้ทายาทแล้ว แม้เขาไปสู่ปรภพก็มีหน้าไปพบบรรพชนแล้ว สวี่เซี่ยนเว่ยยิ่งดีใจก็ยิ่งดื่มมาก
สุดท้าย คนเกือบครึ่งดื่มกันจนเมามาย เซี่ยอวิ๋นจิ่นกับลู่เจียวให้คนส่งพวกเขาขึ้นรถม้าทีละคน
รถม้าตระกูลหู ลู่เจียวดึงมือหลี่อวี้เหยามากล่าวเบาๆ ว่า “พี่อวี้เหยา ที่พี่ตกใจตื่นกลางดึกหลับไม่สนิท เพราะโดนพิษ ไว้พี่กลับไปก็ตรวจสอบให้ดี หาคนชั่วที่วางยาพิษ แต่พี่อย่าได้เป็นห่วง พิษนี้อ่อนมาก ยาที่ข้าให้พี่ไปก่อนหน้านี้แก้พิษได้ พี่กินแปดถึงสิบวัน ก็จะถอนพิษในกายได้หมด”
หลี่อวี้เหยาตกใจจนหน้าถอดสี ถึงกับมีคนวางยาพิษนาง แต่ไรมานางไม่เคยคิดเรื่องนี้มาก่อน
เพราะเมื่อก่อนนางฝันบ้างเป็นบางครั้ง แต่ก็แค่ครั้งสองครั้ง ดังนั้นครั้งนี้นางจึงคิดว่าตนเองไปตกใจกับเรื่องอันใดมา จึงได้ฝันร้ายติดต่อกัน คิดไม่ถึงว่าถึงกับมีคนวางยาพิษทำร้ายนาง
หากไม่ใช่เจียวเจียวพบเข้า
หลี่อวี้เหยาไม่กล้าคิด นางยื่นมือออกไปกุมมือลู่เจียวไว้แน่น หากไม่ใช่เจียวเจียว นางก็คงตายไปสองรอบแล้ว
เจียวเจียวช่างเป็นผู้มีพระคุณช่วยชีวิตนางโดยแท้
หลี่อวี้เหยามองลู่เจียว น้ำตาซึมกล่าวว่า “เจียวเจียว ขอบคุณเจ้าแล้ว ขอบคุณ”
นางกล่าวจบก็หันหลังขึ้นรถม้า ลู่เจียวมองตามรถม้าตระกูลหูจากไป จากนั้นก็หันหลังกลับเข้าไปส่งบ้านตระกูลลู่
วันนี้บ้านตระกูลลู่ทั้งครอบครัวมากันหมด เป็ดไก่ห่านที่บ้านไม่มีคนเลี้ยง ดังนั้นจึงต้องกลับบ้าน
เซี่ยอวิ๋นจิ่นกับลู่เจียวรั้งลู่ต้าเหนียนกับเถียนซื่อให้อยู่ต่อ แต่ทั้งสองคนกลับไม่คิดสร้างความยุ่งยากให้ เซี่ยอวิ๋นจิ่นกับลู่เจียว การจัดงานเลี้ยงในหมู่บ้านสามวันเป็นเรื่องยุ่งมาก ดังนั้นพวกเขาไม่อยู่ต่อเพิ่มความยุ่งยากจะดีกว่า
“อีกสองสามวันพวกเจ้าก็จะไปเมืองหนิงโจวแล้ว ตอนนี้ที่บ้านกำลังยุ่งมาก พวกเราไม่อยู่ต่อดีกว่า รอพวกเจ้าไปเมืองหนิงโจวพักเรียบร้อย พวกเราก็จะไปเยี่ยม”
ลู่กุ้ยข้างๆ กล่าวว่า “พี่เขย ถึงตอนนั้นพวกเราจะไปบ้านพี่ด้วย”
เซี่ยอวิ๋นจิ่นสีหน้าอ่อนโยน กล่าวว่า “ตกลง”
ลู่เจียวเห็นพวกเขาเป็นดังญาติสนิทแท้จริง เซี่ยอวิ๋นจิ่นและลู่กุ้ยเป็นดังญาติกัน
เถียนซื่อเห็นลูกเขยเช่นนี้ยิ่งมองก็ยิ่งรู้สึกพอใจ ไม่เพียงแต่มีความสามารถยังรักภรรยาและบุตร ผู้ชายดีเช่นนี้หาได้ที่ไหนกัน โดยเฉพาะนางได้ยินบุตรสาวบอกว่าบุตรเขยว่าชีวิตนี้จะไม่รับอนุ ไม่รู้ว่าเขาจะทำได้หรือไม่ แต่การที่เขากล่าวเช่นนี้ก็ไม่ใช่เรื่องง่ายแล้ว
“พวกเราไปละ”
ลู่เจียวมอบของให้ลู่ต้าเหนียนกับเถียนซื่อนำกลับไป เดิมคิดจะมอบเงินให้เถียนซื่อ แต่มาคิดถึงนิสัยเถียนซื่อก็เดาว่าไม่รับ จึงได้แต่แล้วไป
พอส่งพวกนายอำเภอหู สวี่เซี่ยนเว่ย คนตระกูลเถียนและพ่อค้าอำเภอชิงเหอกลับไป สุดท้ายตระกูลเซี่ยเหลือแค่จ้าวหลิงเฟิงกับหันถง
จ้าวหลิงเฟิงจะทำเยี่ยงไรได้ บุตรสาวตนไม่ยอมกลับ เขาจะทำเยี่ยงไรได้
หันถงกลับดีใจจนไม่คิดกลับ อวิ๋นจิ่นถึงกับได้เป็นถงจือเมืองหนิงโจว ร้านขนส่งสินค้าเหนือใต้พวกเขาก็จะได้ไปเปิดในตัวเมืองแล้วใช่หรือไม่
หันถงวางแผนในสมองอย่างตื่นเต้นดีใจ ดังนั้นจึงยังไม่คิดกลับ พอไม่มีคนแล้ว จึงได้เอ่ยกับเซี่ยอวิ๋นจิ่นและลู่เจียวว่า “อวิ๋นจิ่น พี่สะใภ้ ตอนนี้พวกท่านจะไปเมืองหนิงโจวกันแล้ว ข้าไปเปิดร้านขนส่งสินค้าเหนือใต้ที่เมือง หนิงโจวดีหรือไม่”
เซี่ยอวิ๋นจิ่นกับลู่เจียวคิดแล้วก็รู้สึกว่าได้ รีบพยักหน้าเห็นด้วย “ได้ เจ้ากลับไปวางแผนงานดูก่อน ไว้มาคุยรายละเอียดเรื่องนี้กัน”
หันถงพาลูกสองคนกลับ หันตงเซิ่งกับหันหนานเฟิงโมโหหน้าคว่ำเพราะยังไม่คิดจะกลับ น่าเสียดายบิดาพวกเขาราวกับมารแทรกจิต ไม่สนใจอันใดเอาแต่ลากบุตรชายสองคนกลับ
สุดท้ายตระกูลเซี่ยเหลือแค่จ้าวหลิงเฟิง จ้าวหลิงเฟิงยิ้มบางมองเซี่ยอวิ๋นจิ่น กล่าวแสดงความยินดี “ยินดีด้วย”
พวกเขาต่างรู้ดีว่าตอนนี้พวกเขานับว่าลงเรือลำเดียวกันแล้ว ล้วนเป็นคนของอ๋องเยียน
เซี่ยอวิ๋นจิ่นค่อยๆ แย้มยิ้มมุมปาก สีหน้าเบิกบานใจ “ขอให้ร่วมมือกันอย่างมีความสุข”
จ้าวหลิงเฟิงมองเซี่ยอวิ๋นจิ่น พบว่าตอนนี้เขาไม่เหมือนกับเมื่อก่อน เมื่อก่อนเขาเย็นชายโส ผลักผู้อื่นให้ออกไปห่างเขาพันลี้ ตอนนี้เขากลับตาลปัตรไปแล้ว ทั้งรอยยิ้มละไม กอปรกับหน้าตาดี รอยยิ้มละไมทำให้ไม่เพียงแต่ทำให้คนรู้สึกสนิทสนม ยังรู้สึกชื่นชม
เขาเช่นนี้ทำให้คนเข้าใกล้ได้ง่าย ในความเป็นจริงจ้าวหลิงเฟิงรู้ว่าคนเช่นนี้จึงจะอันตรายที่สุด
ดีที่พวกเขาตอนนี้เป็นสหายร่วมศึกเดียวกัน
“วันหน้ามีอันใดต้องการให้ข้าช่วย ก็ส่งคนมาบอกข้าสักคำก็พอ”
จ้าวหลิงเฟิงกล่าวจบก็ไม่คิดสนใจเซี่ยอวิ๋นจิ่นอีก หันไปมองลู่เจียว
“ลู่เจียว ข้าหาบ่อเกลือแร่เจี่ยเหยียนเจอแล้ว”
ลู่เจียวดีใจจ้องมองเขา “จริงหรือ หาเจอที่ใด”
“ความจริงไม่นับว่าห่างไกลจากพวกเรา ก็แค่หลิวหยาง เพราะค่อนข้างรกร้างห่างไกลผู้คน และยังเป็นบ่อเกลือร้าง ดังนั้นจึงไม่มีคนสนใจ จึงไม่สังเกตเห็น ต่อมาพวกเราตามหาจนพบ”
เซี่ยอวิ๋นจิ่นกล่าวว่า “หลิวหยางเป็นพื้นที่บรรดาศักดิ์อ๋องเยียนกระมัง”
จ้าวหลิงเฟิงพยักหน้า “ใช่ การจะได้บ่อเกลือร้างนี้มาไม่ใช่ปัญหา ปัญหาตอนนี้ก็คือพวกเราจะส่งเสริมประสิทธิภาพยาให้เกิดประโยชน์สูงสุดได้อย่างไร”
พอจ้าวหลิงเฟิงเอ่ย เซี่ยอวิ๋นจิ่นก็ขมวดคิ้วทันที เขาหันไปมองลู่เจียว “เจียวเจียว เมื่อก่อนเจ้าเคยบอกว่า บ่อเกลือแร่เจี่ยเหยียนผลิตยาที่เรียกว่าเจี่ยเพี่ยนที่แก้อาการอักเสบได้ ใช้กับการผ่าตัดได้?”
ลู่เจียวพยักหน้า “ใช่แล้ว”
เซี่ยอวิ๋นจิ่นมองนางกล่าวว่า “ตัวยานี้มอบให้อ๋องเยียนได้หรือไม่ ให้อ๋องเยียนนำไปใช้ประโยชน์สูงสุด เจ้าคิดว่าได้หรือไม่ แน่นอนว่าหากเจียวเจียวไม่เห็นด้วย พวกเราก็ไม่ทำ อย่างไรตัวยานี้ก็เป็นของเจ้า”
ลู่เจียวรู้ว่าที่เซี่ยอวิ๋นจิ่นทำเช่นนี้เพื่อให้อ๋องเยียนนำไปครองใจคนในกองทัพ การผลิตเพนิซิลลิน วี ส่งผลดีต่อคนทั้งแคว้นต้าโจว แต่ที่สำคัญที่สุดก็ยังคงเป็นทหารหาญในกองทัพ หากยานี้อยู่ในมืออ๋องเยียน อ๋องเยียนย่อมครองใจผู้คนในกองทัพได้ไม่น้อย
“ได้ แต่ข้ามีเงื่อนไข ตัวยานี้มอบให้ท่านอ๋องได้ แต่ตอนผลิตต้องมอบให้สามโรงผลิตเราผลิต”
ความจริงนางไม่ได้สนใจชื่อเสียง แต่ด้วยสถานะตอนนี้ของพวกเขา ยังคงไม่เสี่ยงดีกว่า
แต่จะไม่หาเงินก็ไม่ได้
ในห้องโถง จ้าวหลิงเฟิงรีบยกนิ้วโป้งให้ลู่เจียว “สตรีผู้ไม่ยอมเป็นรองบุรุษ”
ควรรู้ว่านี่คือสูตรลับของลู่เจียวเอง ส่งมอบให้ท่านอ๋องย่อมเป็นผลงานชิ้นโต
“หากท่านอ๋องขึ้นสู่ตำแหน่งได้ ต้องไม่ลืมสิ่งที่เจ้าทุ่มเทอย่างแน่นอน”