ตอนที่ 619 น่าเกลียดมาก
เซี่ยอวิ๋นจิ่นก็โล่งอก จากนั้นก็ยิ้มกล่าวว่า “ใช่ ข้ารำคาญอุบายคนเหล่านี้ หากไม่ลงมือก่อน คนเหล่านี้ก็ย่อมต้องลงมือ ข้าไม่มีเวลามีเรื่องกับพวกเขา หากมีเวลาไม่สู้มาเรียนหนังสือดีกว่าไหม”
เซี่ยอวิ๋นจิ่นกล่าวจบ ก็เดินไปตรงหน้าลู่เจียว ยื่นมือขึ้นดึงมือนางเข้ามา “ไป กลับห้องไปเรียนหนังสือกัน”
“ได้”
ทั้งสองคนลืมเรื่องนิ่งฮุยไปหมดสิ้น หันหลังเดินไปเรียนหนังสือในห้องกัน เพียงแต่จดจำอักษรไปๆ มาๆ สุดท้ายก็ขึ้นไปจดจำกันต่อบนเตียง
วันรุ่งขึ้น เซี่ยอวิ๋นจิ่นไปที่ทำการ แม้ไม่อาจแบ่งภาระงานมาทำในตอนนี้ แต่ควรไปรายงานตัวเสียหน่อย หลินจือฝู่จะได้ไม่มาหาเรื่อง แต่วันนี้ใต้เท้าจือฝู่สีหน้าไม่ค่อยดีนัก จิตใจไม่อยู่กับเนื้อกับตัว ไร้สติสัมปชัญญะ
เซี่ยอวิ๋นจิ่นเห็นแล้วก็เข้าใจว่าเหตุใดเขามีท่าทางเช่นนี้ น่าจะเป็นเพราะถูกเฉาชิงเหลียนอนุคนใหม่ทำให้ตกใจ เมื่อคืนวานนี้เขาส่งโจวเส้ากงหาทางเข้าจวนหลินไปวางยาเฉาชิงเหลียน หลินจือฝู่ย่อมตกใจใบหน้าอนุตนเอง ดังนั้นจิตใจไม่อยู่กับเนื้อกับตัว
ขณะเซี่ยอวิ๋นจิ่นกำลังคิดอยู่ หวางทงพั่นก็ถามหลินจือฝู่อย่างห่วงใย “ใต้เท้าจือฝู่ เมื่อคืนท่านหลับไม่สนิทหรือ”
หวางทงพั่นกล่าวจบก็ยักคิ้วหลิ่วตา แสดงท่าทีว่าคงไม่ได้ตรากตรำตลอดทั้งคืนกระมัง
หลินจือฝู่มองหวางทงพั่นอย่างรำคาญใจ จากนั้นก็หันหน้าไปมองเซี่ยอวิ๋นจิ่นกล่าวว่า “ได้ยินว่า วิชาการแพทย์ฮูหยินเจ้าร้ายกาจมาก เชิญนางไปจวนข้าสักครั้งได้หรือไม่”
เซี่ยอวิ๋นจิ่นแสร้งไม่เข้าใจ ถามว่า “ใต้เท้าป่วยหรือ”
หลินจือฝู่ส่ายหน้า เซี่ยอวิ๋นจิ่นถามอีกว่า “เช่นนั้นก็ฮูหยินท่านไม่สบายหรือ”
หลินจือฝู่ท่าทีเก้กัง เขาจะบอกออกไปได้อย่างไรว่าใบหน้าอนุคนใหม่เขามีปัญหา แต่คิดถึงว่าเฉาชิงเหลียนมาขอร้องหลินจือฝู่แต่เช้า ก็ได้แต่หน้าทนกล่าวว่า “เป็นผู้หญิงในเรือนหลังป่วย รบกวนฮูหยินเซี่ยสักครั้งได้หรือไม่”
เพราะหลินจือฝู่พูดไม่ชัดเจน เซี่ยอวิ๋นจิ่นจึงไม่อาจปฏิเสธ อย่างไรก็คงไม่อาจบอกว่าฮูหยินข้าไม่รักษาอนุจวนเจ้ากระมัง การกล่าวเช่นนี้ไม่ใช่แสดงให้เห็นว่าเรื่องใบหน้าอนุเขาเกี่ยวข้องกับพวกเขาหรือ
เซี่ยอวิ๋นจิ่นครุ่นคิดแล้วก็ยิ้มอ่อนโยนกล่าวว่า “ได้ วันนี้ฮูหยินข้าจะไปซีเฟิงย่วนรักษาให้ฮูหยินผู้เฒ่าหลิวก่อน เดาว่ากลับมาตอนค่ำ รอนางกลับมา ข้าจะบอกกับนาง”
หลินจือฝู่ไม่มีลูก จึงไม่ได้คิดเรื่องคารวะมหาบัณฑิตหลิวเป็นอาจารย์ ดังนั้นเขาไม่เข้าใจเรื่องที่เกิดที่ซีเฟิงย่วนเมื่อวาน ได้ยินเซี่ยอวิ๋นจิ่นเอ่ยถึงก็ถามอย่างอยากรู้ “ฮูหยินเจ้าไปรักษาให้ฮูหยินหลิวหรือ อาการป่วยนางรักษาได้หรือ เช่นนั้นก็ย่อมรักษาให้หญิงในเรือนหลังข้าได้น่ะสิ”
หลินจือฝู่ยังใส่ใจใบหน้าเฉาชิงเหลียนอย่างมาก อย่างไรก็เพิ่งได้มาไม่กี่วัน ตอนนี้กำลังขึ้นหม้อข้าวใหม่ปลามัน
แววตาเซี่ยอวิ๋นจิ่นหรี่ลง ไม่ได้กล่าวอันใด
ตกค่ำลู่เจียวเพิ่งจะกลับมา พ่อบ้านตระกูลหลินก็มา
“ก่อนหน้านี้ใต้เท้าข้าได้บอกกับใต้เท้าเซี่ยแล้วว่าจะเชิญฮูหยินเซี่ยไปจวนตระกูลหลินรักษาให้หญิงในเรือนหลังเรา ใต้เท้าเรากลัวใต้เท้าเซี่ยลืมบอกเรื่องนี้กับฮูหยิน ดังนั้นจึงสั่งให้ข้าน้อยมาเชิญฮูหยินเซี่ยไปตระกูลหลินสักครั้ง”
เซี่ยอวิ๋นจิ่นยื่นมือไปบีบมือลู่เจียว ลู่เจียวพอได้ฟังบ่าวรับใช้ตระกูลหลินก็รู้ว่าก่อนหน้านี้หลินจือฝู่ไม่ได้บอกกระจ่างว่าเฉาชิงเหลียนป่วย พวกเขาย่อมไม่อาจปฏิเสธ ลู่เจียวครุ่นคิดพยักหน้าเล็กน้อย อมยิ้มกล่าวว่า “ได้ ฮูหยินท่านป่วยหรือ เช่นนั้นข้าตามเจ้าไปตระกูลหลินก็แล้วกัน”
เซี่ยอวิ๋นจิ่นรีบเอ่ยขึ้นว่า “ข้าไปจวนตระกูลหลินเป็นเพื่อนเจ้า”
“ได้”
สองสามีภรรยาขึ้นรถม้าเดินทางไปจวนตระกูล หลินจือฝู่กำลังยืนรออยู่ที่เรือนด้านหน้า พอเห็นพวกเขา ก็พาพวกเขาตรงไปเรือนด้านหลังอย่างร้อนใจ
ลู่เจียวแสร้งทำไม่รู้ว่าเขาพาตนเองไปรักษาใบหน้าให้เฉาชิงเหลียน จงใจกล่าวว่า “ใต้เท้าจือฝู่ดีกับฮูหยินจริง”
สีหน้าหลินจือฝู่เก้กังอย่างที่สุด ใบหน้าอ้วนกลมมีรอยยิ้มแข็งค้าง เป็นนานก่อนจะเอ่ยขึ้นว่า “ไม่ได้รักษาให้ฮูหยินข้า แต่เป็นอนุข้า”
เขากล่าวจบยังหันไปมองเซี่ยอวิ๋นจิ่น กล่าวตรงๆ ว่า “ก็คือหว่านเยว่ที่ข้ามอบให้เจ้าก่อนหน้านี้แล้วเจ้าไม่รับ ใบหน้านางอยู่ๆ ก็มีเป็นแผลน่าประหลาด ข้าได้ยินว่าวิชาการแพทย์ฮูหยินเซี่ยดีมาก ดังนั้นจึงขอเชิญนางมารักษาให้หว่านเยว่สักหน่อย”
สีหน้าเซี่ยอวิ๋นจิ่นพลันย่ำแย่ขึ้นทันที มองจือฝู่ด้วยสายตาเยียบเย็น “ใต้เท้า ท่านทำเช่นนี้ไม่ค่อยเหมาะกระมัง ฮูหยินข้าอย่างไรก็เป็นถึงฮูหยินถงจือระดับหก ท่านถึงกับให้นางมารักษาใบหน้าอนุของท่านหรือ”
“เมืองหนิงโจวใหญ่โตเพียงนี้ หรือจะหาหมอสักคนก็ไม่ได้ ต้องมาเชิญฮูหยินข้ามารักษา ใต้เท้าหมิ่นเกียรติข้า และยังหมิ่นเกียรติฮูหยินข้าด้วย”
ยามนี้หลินจือฝู่เองก็รู้สึกว่าเรื่องนี้ไม่ค่อยเหมาะสม ในใจก็เริ่มนึกเสียใจภายหลัง แต่คนก็เชิญมาแล้ว ปล่อยพวกเขากลับไปเช่นนี้ เหมือนว่าตนเองจะเสียหน้ามาก
เขาได้แต่มองเซี่ยอวิ๋นจิ่นกับลู่เจียว กล่าวว่า “มาก็มาแล้ว ก็ช่วยดูอาการให้หว่านเยว่สักหน่อยเถอะ”
หลินจือฝู่กล่าวถึงตรงนี้ เซี่ยอวิ๋นจิ่นก็ไม่ทำหน้าบึ้งตึงอีก หันไปมองลู่เจียวด้วยสีหน้าเคร่งขรึม ลู่เจียวเอ่ยขึ้นว่า “ในเมื่อใต้เท้าจือฝู่เอ่ยขอ ข้าไปดูสักหน่อยก็แล้วกัน”
หลินจือฝู่พอใจมาก ฮูหยินเซี่ยผู้นี้รู้ความ แต่กลับขี้อิจฉา ก่อนหน้านี้เขาได้ยินฮูหยินตนบอกว่าฮูหยินถงจือท่านนี้ไม่ให้สามีตนรับอนุ ยังว่าสามีตนบอกเองว่าจะมีแค่นางคนเดียว
ผู้หญิงจะขี้อิจฉาเช่นนี้ไม่ได้ หลินจือฝู่คิดจะกล่าวกับลู่เจียวสักคำ แต่พอคิดถึงว่าหญิงผู้นี้จะรักษาอาการให้อนุตน ก็สะกดวาจาไม่ได้กล่าวออกไป
หว่านเยว่หรือเฉาชิงเหลียนพักอาศัยในสถานที่ไม่เลว คนปรนนิบัติก็มีถึงสองสามคน จากมุมมองนี้แสดงให้เห็นว่าหลินจือฝู่หลงนางอย่างมาก
แต่วันหน้าจะหลงเช่นนี้หรือไม่ก็ไม่อาจรู้ได้
ลู่เจียวแค่นยิ้มเดินเข้าห้องไป
ในห้องเฉาชิงเหลียนกำลังนั่งอยู่บนเตียงทิ้งม่านลงปิดไว้
ลู่เจียวเดินตามสาวใช้ไปข้างเตียงนาง ยืนนิ่งเอ่ยว่า “แม่นางหว่านเยว่ ข้ามารักษาอาการป่วยของเจ้าแล้ว”
เฉาชิงเหลียนได้ยินเสียงลู่เจียว ก็คิดถึงเรื่องต่างๆ ที่ผ่านมา พลันนึกเสียใจภายหลัง นึกเสียใจภายหลังที่ตนไม่ควรเอาแต่ขอร้องให้หลินจือฝู่ไปเชิญลู่เจียวมารักษานาง เดิมนางคิดอาศัยจังหวะนี้จัดการลู่เจียว ดูตอนนี้สิ ข้าให้เจ้ามา เจ้าก็ต้องมารักษาข้า
แต่พอลู่เจียวมายืนตรงข้างเตียงนางจริงๆ นางพลันไม่อยากให้หญิงผู้นี้ดูใบหน้านาง หากให้หญิงผู้นี้เห็น ย่อมต้องหัวเราะเยาะนางเป็นแน่
ลู่เจียวเห็นบนเตียงไร้การเคลื่อนไหว ก็อดส่งเสียงดังไม่ได้ เรียกอีกครั้งว่า “แม่นางหว่านเยว่ ข้ามารักษาอาการป่วยให้เจ้าแล้ว เจ้าก็ควรให้สาวใช้เลิกม่านขึ้นหน่อย ไม่เช่นนั้นข้าจะตรวจให้เจ้าได้อย่างไร เจ้าเป็นอันใดไปหรือ ทำไมข้าได้กลิ่นเหม็นเช่นนี้”
เฉาชิงเหลียนถูกวาจานางกระทบใจนางก็ไม่อยากให้นางเห็นใบหน้าตนเอง นางกัดฟันกล่าวว่า “เจ้าไปเถอะ ข้าไม่ต้องการให้เจ้าตรวจอาการ”
ลู่เจียวเม้มปากคล้ายยิ้มคล้ายไม่ยิ้ม กล่าวว่า “หลินจือฝู่เชิญข้ามาเพื่อรักษาแม่นางหว่านเยว่โดยเฉพาะ เจ้าดูเจ้าสิ จะมาบอกว่าไม่ให้ตรวจได้อย่างไร นี่ไม่ใช่ล้อหลินจือฝู่เล่นหรือ แม่นางหว่านเยว่แม้เอาแต่ใจเพียงใด ก็ไม่ควรทำให้ใต้เท้าจือฝู่ลำบากใจ อย่างไรเขาก็เป็นถึงใต้เท้าจือฝู่”
นอกประตู หลินจือฝู่กำลังเดินเข้ามาพอดี ได้ยินวาจาลู่เจียว สีหน้าก็พลันแปรเปลี่ยน ไม่ได้การแล้ว เขารีบเดินไปข้างเตียง ถามว่า “เกิดอันใดขึ้น”
ครั้งนี้ไม่ต้องให้ลู่เจียวตอบ สาวใช้ข้างเตียงก็ตอบเองว่า “อี๋เหนียงไม่ยอมให้ฮูหยินเซี่ยตรวจ”
หลินจือฝู่โมโหมาก ยื่นมือไปเลิกม่านขึ้น ใบหน้าเฉาชิงเหลียนบนเตียงเผยออกมา ใบหน้างามหวานหยดย้อยยามนี้เต็มไปด้วยตุ่มน้ำพองกระดำกระด่าง ดูแล้วน่ากลัวอย่างมาก และตุ่มน้ำพองนี้ยังส่งกลิ่นเหม็น ยากทนรับได้
ลู่เจียวมีสีหน้าตกใจผงะถอยหลัง ยังส่งเสียงร้องตกใจว่า “อา น่าเกลียดจริง”
แต่เล็กจนโตเฉาชิงเหลียนล้วนมีแต่คนชมว่าเป็นสาวงาม เคยได้รับการปฏิบัติเช่นนี้เมื่อใดกัน ยามนี้ทนต่อไปไม่ไหวแล้ว ส่งเสียงตะโกนดังขึ้น “ปิด ปิด”
นางปัดมือใต้เท้าจือฝู่ทิ้ง กระชากม่านลง