ตอนที่ 620 ถูกฟ้องร้องแล้ว
ใต้เท้าจือฝู่มีสีหน้าโมโหมาก คว้าม่านเลิกขึ้น ถลึงตาใส่เฉาชิงเหลียนอย่างโมโห
ในฐานะจือฝู่ เขาถือว่าอดทนกับเฉาชิงเหลียนมากพอแล้ว หญิงผู้นี้กลับไม่รู้ความ ดังนั้นสีหน้าหลินจือฝู่จึงไม่ดีอย่างมาก “เจ้าเล่นลูกไม้อันใดกัน ข้าแบกหน้าไปเชิญฮูหยินเซี่ยมารักษาเจ้า เจ้าถึงกับไม่รักษา”
หลินจือฝู่กล่าวจบก็ไม่สนใจเฉาชิงเหลียนอีก มองไปยังลู่เจียวกล่าวว่า “ฮูหยินเซี่ย รบกวนเจ้าแล้ว”
หลินจือฝู่กล่าวจบก็ถอยหลังรักษาระยะห่างจากลู่เจียว
ลู่เจียวเป็นฮูหยินถงจือ หลินจือฝู่ย่อมต้องเกรงใจนาง
บนเตียง เฉาชิงเหลียนเห็นภาพนี้ ในใจก็ราวกับมีโลหิตกระอักขึ้นมา ก่อนหน้านี้หลินจือฝู่ยังเรียกนางว่าสุดที่รัก พริบตาต่อมาก็ทนรำคาญไม่ไหว กลับกัน ถึงกับเกรงใจลู่เจียวผู้นี้อย่างมาก ดังนั้นสถานะยังคงเป็นเรื่องสำคัญ เดิมสถานะฮูหยินถงจือนี้ควรเป็นของนาง เป็นของนาง
แม้ว่าในใจเฉาชิงเหลียนคิดเช่นนี้ แต่กลับไม่กล้าเอาเรื่อง จำใจยอมให้ลู่เจียวตรวจชีพจรให้นาง
ลู่เจียวตรวจเสร็จก็หันหน้าไปกล่าวกับหลินจือฝู่ “ใต้เท้าจือฝู่ ใบหน้าแม่นางหว่านเยว่มีอาการแพ้ ใบหน้านางรักษาได้ แต่นางจะเสียโฉม วันหน้าหลุมบ่อบนใบหน้าพวกนี้ก็จะเป็นดังผื่นผดบนใบหน้า เป็นใบหน้าที่เต็มไปด้วยผื่นผดจำนวนมาก”
เฉาชิงเหลียนได้ฟังคำพูดลู่เจียว รีบส่งเสียงร้องตกใจ “เป็นไปไม่ได้ๆ”
นางกล่าวจบหันไปมองหลินจือฝู่ ขอร้องว่า “ใต้เท้า ข้าไม่อยากให้นางรักษา นางขี้อิจฉา นางรู้ว่าก่อนหน้านี้ใต้เท้าคิดมอบข้าให้ใต้เท้าเซี่ย ดังนั้นจะฉวยโอกาสเอาคืนข้า ใต้เท้าเชิญหมอท่านอื่นมารักษาให้ข้าด้วย”
ใต้เท้าหลินมองเฉาชิงเหลียน สีหน้าเต็มไปด้วยความรังเกียจ คิดถึงว่าวันหน้าหญิงผู้นี้จะมีใบหน้าที่เต็มไปด้วยผดผื่นและหลุมบ่อ หลินจือฝู่ก็พลันนึกรังเกียจ แต่พอคิดถึงใบหน้างดงามเย้ายวนใจของเฉาชิงเหลียนก่อนหน้านี้ ใต้เท้าจือฝู่ก็ยังคิดหาทางช่วย ดังนั้นจึงเห็นด้วย
เขาหันไปมองลู่เจียวกล่าวว่า “ฮูหยินเซี่ย อนุข้าไม่ยินยอม เช่นนี้ก็ไม่รบกวนฮูหยินถงจือแล้ว”
ลู่เจียวรับคำเบาๆ “ในเมื่อใต้เท้าจือฝู่กล่าวเช่นนี้ก็เชิญตามสบาย”
หลินจือฝู่เห็นนางไม่ได้โมโหอันใดและไม่ได้คิดเอาเรื่องอันใดก็โล่งอก สั่งการสาวใช้ข้างๆ “เสี่ยวหง ไปส่งฮูหยินถงจือ”
“เจ้าค่ะ ใต้เท้า”
เสี่ยวหงนำลู่เจียวออกไปส่งด้วยท่าทางนอบน้อม เฉาชิงเหลียนมองตามไปเห็นภาพนี้แล้วก็ยิ่งรู้สึกบาดตา ก่อนหน้านี้สาวใช้ผู้นี้ไม่ได้ให้ความเคารพนางเช่นนี้
ลู่เจียวไม่คิดสนใจหญิงผู้นี้อีก พอเดินออกไปก็สบตายิ้มกับเซี่ยอวิ๋นจิ่น ทั้งสองคนเตรียมกลับ
ไม่คิดว่าลานด้านนอกจะมีคนรีบเดินเข้ามา คนที่เข้ามาก็คือลูกน้องใต้เท้าจือฝู่ คนผู้นี้ตอนเดินผ่านเซี่ยอวิ๋นจิ่นกับลู่เจียว ก็มองพวกเขาทั้งสองคนด้วยท่าทีแปลกประหลาด จากนั้นก็รีบมุ่งไปรายงานที่ห้องเฉาชิงเหลียน
ลานด้านนอก เซี่ยอวิ๋นจิ่นกับลู่เจียวย่อมมองสีหน้าคนผู้นี้ออก ทั้งสองคนสบตากันแล้วก็หยุดเดิน
ในห้อง คนของจือฝู่รายงานว่า “ใต้เท้า ท่านนิ่งป๋อมาที่ที่ทำการฟ้องร้องเซี่ยถงจือ”
หลินจือฝู่นิ่งค้างไปทันที อยู่ดีๆ มาฟ้องเซี่ยถงจือทำไมกัน
แต่ในใจก็รู้สึกสะใจตามมาทันที เซี่ยอวิ๋นจิ่นมีเรื่องกับตระกูลนิ่งหรือ เป็นเรื่องดีจริง
หากตระกูลนิ่งออกหน้าจัดการเขา ใช่ว่าไม่เปลืองแรงพวกเขาหรือ
คนผู้นี้ไม่รับสินน้ำใจ เป็นคนยุ่งยาก หากมีคนลงมือจัดการเขาได้ เขาก็จะช่วยพวกเขาขจัดความยุ่งยากใหญ่นี้ทิ้ง
หลินจือฝู่ครุ่นคิดแล้วก็ใจร้อนรีบสั่งการลูกน้องว่า “เร็ว รีบไปรั้งเซี่ยถงจือไว้”
ลูกน้องรีบออกไปรั้งเซี่ยอวิ๋นจิ่นกับลู่เจียว สองคนยังไม่ได้จากไป ทั้งสองคนล้วนได้ยินเรื่องที่ลูกน้องรายงานหลินจือฝู่
ท่านนิ่งป๋อฟ้องเซี่ยอวิ๋นจิ่น?
เซี่ยอวิ๋นจิ่นกับลู่เจียวสบตากันเล็กน้อย หลินจือฝู่พาลูกน้องเดินออกมาอย่างร้อนใจ
หลินจือฝู่เห็นเซี่ยอวิ๋นจิ่นยังไม่ไป ก็เอ่ยว่า “เซี่ยถงจือ ท่านนิ่งป๋อมาที่ที่ทำการ ฟ้องเจ้า ดังนั้นเจ้าต้องตามข้าไปที่ทำการสักหน่อย”
เซี่ยอวิ๋นจิ่นรับคำด้วยสีหน้านิ่งเฉย “ขอรับ ใต้เท้า เชิญ”
“เชิญ”
หลินจือฝู่มองเซี่ยอวิ๋นจิ่นอย่างแปลกใจ คนผู้นี้หนักแน่นอยู่ไม่น้อย ท่านนิ่งป๋อมาฟ้องเขาแล้ว เขาก็ยังไม่ร้อนใจ ไม่รู้ว่าแสร้งทำหรือเป็นนิสัยหนักแน่นแท้จริง
ทุกคนพากันไปยังที่ทำการ
ณ โถงที่ว่าการเมืองหนิงโจว ท่านนิ่งป๋อกำลังโมโหด่าทอ “ถงจือเล็กๆ ถึงกับเหิมเกริมเพียงนี้ ไม่เพียงแต่รุมทำร้ายบุตรชายข้า ยังแอบลอบทำร้ายบุตรชายข้า น่าแค้นใจนัก ข้าจะไม่มีทางยอมจบเรื่องง่ายๆ เป็นแน่”
“ข้าจะต้องขอดูหน้าหน่อยว่าคนผู้นี้มีความกล้าเพียงใด ถึงกับวางอุบายบุตรชายข้า วันนี้ข้าต้องให้เขาชดใช้ด้วยชีวิต”
ท่านนิ่งป๋อเพิ่งจะด่าจบ นอกประตู ที่ว่าการก็มีเสียงตอบรับดังขึ้น
“ข้าเป็นขุนนางราชสำนัก แม้ว่าทำผิดใหญ่หลวงอันใด ก็ต้องให้ฝ่าบาทมีราชโองการให้กรมอาญาหรือศาลต้าหลี่ไต่สวน หากความผิดใหญ่หลวงจึงจะเอาชีวิตข้าได้ ก็ไม่รู้ว่ากฎแคว้นต้าโจวข้อใดให้ท่านป๋อที่มีเพียงตำแหน่งว่างเปล่ามีอิทธิพลบารมียิ่งใหญ่เพียงนี้ ถึงกับจะสังหารขุนนางราชสำนักตามใจชอบได้”
เซี่ยอวิ๋นจิ่นเดินตามหลังหลินจือฝู่เข้ามา ลู่เจียวก็เดินตามเข้ามาติดๆ
พอหลินจือฝู่เข้ามาก็กล่าวกับท่านนิ่งป๋ออย่างเกรงใจว่า “ท่านนิ่งป๋อ นี่มันเกิดเรื่องอันใดขึ้น อยู่ดีๆ เหตุใดจึงได้โมโหเช่นนี้”
ก่อนหน้านี้ท่านนิ่งป๋อตกใจกับคำพูดเซี่ยอวิ๋นจิ่น ตอนนี้ตั้งสติได้แล้ว เขาโมโหชี้หน้าเซี่ยอวิ๋นจิ่นกล่าวว่า “นี่ก็คือเซี่ยถงจือที่เพิ่งมาหรือ”
หลินจือฝู่พยักหน้า “ใช่แล้ว ท่านนิ่งป๋ออยู่ดีๆ มาฟ้องเซี่ยถงจือทำไมกัน”
ท่านนิ่งป๋อโมโหชี้หน้าเซี่ยอวิ๋นจิ่น กล่าวว่า “เจ้าตัวเหิมเกริมนี่ ไม่เพียงแต่สั่งให้คนรุมทำร้ายบุตรชายข้า ถึงกับบงการให้คนลอบทำร้ายบุตรชายข้า บุตรชายข้าบาดเจ็บสาหัส ตอนนี้เพิ่งจะฟื้น”
นิ่งฮุยฟื้นขึ้นมาก็บอกเขาว่าที่บาดเจ็บเพราะเซี่ยอวิ๋นจิ่นสั่งให้คนทำ ดังนั้นโทสะจึงครอบงำท่านนิ่งป๋อให้แล่นมาฟ้องเซี่ยอวิ๋นจิ่นถึงที่ทำการ
หลินจือฝู่ได้ฟังท่านนิ่งป๋อ ก็มีสีหน้าเคร่งขรึมหันไปมองเซี่ยอวิ๋นจิ่น ถามขึ้นว่า “เซี่ยถงจือ เรื่องนี้จริงหรือ”
เซี่ยอวิ๋นจิ่นแค่นยิ้มเอ่ยขึ้นว่า “เรื่องนี้ยังต้องเล่าเริ่มจากเมื่อวานข้าพาลูกข้าไปซีเฟิงย่วนคารวะท่านอาจารย์หลิว ขอให้เขารับลูกข้าเป็นศิษย์ ท่านอาจารย์หลิวเห็นด้วย ปรากฏคุณชายใหญ่ตระกูลนิ่งไม่รู้ว่าไปได้ข่าวมาจากที่ใด แล่นมาถึงจวนข้าก็ระบายอารมณ์คิดจะพังข้าวของในจวนข้า”
คำพูดเซี่ยอวิ๋นจิ่น ท่านนิ่งป๋อกับหลินจือฝู่ต่างเชื่อ เพราะคุณชายใหญ่ตระกูลนิ่งอาศัยบารมีเจาอี๋เหนียงเหนียง วางอำนาจในเมืองหนิงโจวมาตลอด
เซี่ยอวิ๋นจิ่นหยุดไปครู่หนึ่งก็กล่าวอีกว่า “ข้าเป็นขุนนางราชสำนัก ไหนเลยจะปล่อยให้ราษฎรธรรมดาไร้ตำแหน่งมากดขี่ หากไปถึงพระกรรณฝ่าบาท ฝ่าบาทคงผิดหวัง ดังนั้นข้าจึงได้สั่งให้คนตะเพิดคุณชายใหญ่และลูกน้องออกไป”
“ข้าจำได้ว่า ตอนนั้นพวกเขายังดีๆ มีแต่ใบหน้ากับตามร่างกายบาดเจ็บเล็กน้อยเท่านั้น ก็ไม่รู้ว่าท่านนิ่งป๋ออยู่ๆ มาหาว่าข้าแอบลอบปองร้ายคุณชายใหญ่นิ่ง หมายความว่าอย่างไรกัน”
