Skip to content
Home » Blog » ทะลุมิติมาเป็นภรรยาของตัวร้าย 646

ทะลุมิติมาเป็นภรรยาของตัวร้าย 646

ตอนที่ 646 ทรงความเป็นธรรม

บ่าวรับใช้ตระกูลหวางรีบไปที่ทำการตามหวางทงพั่น ในจวนวุ่นวายกันไปหมด

หวางหมิงเหรินถูกจับกุมมายังโถงที่ทำการศาลเมืองหนิงโจว

หวางทงพั่นมีสีหน้าแทบไม่อยากจะเชื่อ เขาส่งคนไปแจ้งบุตรชายแล้วว่าให้เขาหนีไปไม่ใช่หรือ เหตุใดจึงถูกจับมาได้

หวางหมิงเหรินเห็นบิดาตนเองก็ตะโกนดังขึ้น “ท่านพ่อรีบบอกให้พวกเขาปล่อยข้าเร็ว พวกเขาถึงกับกล้าจับกุมข้า ท่านรีบลงโทษพวกเขาเร็ว”

หวางหมิงเหรินเป็นบุตรชายขุนนางทงพั่น ยังถูกฮูหยินผู้เฒ่าตามใจมาจนโต กอปรกับใต้เท้าหลินกับหวางทงพั่นสนิทกัน หลายครั้งก็ปิดตาข้างหนึ่งกับการกระทำของเขา ทำให้เขาลำพองตน คิดว่าบิดาตนเองร้ายกาจมาก ใช้ฝ่ามือปิดแผ่นฟ้าได้

น่าเสียดายครั้งนี้เขาเจอตอเข้าเสียแล้ว

หวางทงพั่นเห็นบุตรชายส่งเสียงร้องตะโกนดัง ก็รู้สึกปวดใจสงสาร เขารีบส่งสายตาให้บุตรชายบอกให้เขาอย่าได้ร้อนใจ ไม่ว่าอย่างไรใต้เท้าจือฝู่ต้องช่วยพวกเขาได้อย่างแน่นอน

เพียงแต่หวางหมิงเหรินไม่ตอบรับสายตาบิดาเขา เขาตื่นตกใจกับเรื่องครั้งนี้มาก หวาดกลัวไปหมด ดังนั้นจึงไม่อาจสงบจิตใจลงได้

ในห้องโถง เซี่ยอวิ๋นจิ่นมองหวางหมิงเหรินด้วยสายตาเย็นเยียบ ฟาดไม้กรับบนโต๊ะดังปัง ตวาดเสียงดุว่า “คนที่คุกเข่าคือผู้ใด”

หวางหมิงเหรินหันไปมองด้านหลัง พบว่าคนที่นั่งอยู่ไม่ได้มีเพียงแค่หลินจือฝู่ดังปกติ แต่เป็นใต้เท้าถงจือหนุ่มรูปงามที่เพิ่งจะมารับตำแหน่งที่เมืองหนิงโจว

ยามนี้หวางหมิงเหรินรู้แล้วว่าคนที่มาจับตัวเขาก็คือคนของเซี่ยอวิ๋นจิ่นที่นั่งอยู่ตรงกลางโถงผู้นี้

เขาโมโหจ้องมองเซี่ยอวิ๋นจิ่น ตวาดว่า “ท่านให้คนมาจับตัวข้าหรือ”

เซี่ยอวิ๋นจิ่นแววตาเย็นเยียบ มองเขาเอ่ยเบาๆ ว่า “ข้าให้คนไปจับตัวเจ้ามา มีคนฟ้องเจ้า ดังนั้นข้าจึงสั่งให้คนไปจับกุมเจ้ามาไต่สวนที่นี่”

หวางหมิงเหรินได้ยินว่ามีคนฟ้องเขา ก็เสียงดังขึ้นว่า “ผู้ใด ผู้ใดกล้าฟ้องข้า”

เขากล่าวจบก็หันไปมองรอบโถงอย่างดุดัน ไม่นานก็จำเจ้าทุกข์ทั้งสามที่อยู่ข้างๆ ได้ เป็นคนที่เขาเคยทำร้ายจริง

หวางหมิงเหรินเห็นพวกเขา ก็ไม่ได้คิดหวาดกลัว เพียงแต่จ้องมองคนเหล่านี้ด้วยสายตาดุดัน กล่าวว่า “พวกเจ้าฟ้องข้าหรือ ดีที่สุดพวกเจ้าคิดให้กระจ่างค่อยพูด ข้าเป็นบุตรชายใต้เท้าทงพั่น พวกเจ้ากล้าฟ้องข้า ควรคิดผลที่จะตามมาให้ดี”

สามคนในโถงถูกเขาข่มขู่ก็เริ่มลังเล แต่ทั้งสามคนไม่มีผู้ใดคิดจะถอนฟ้อง คนในครอบครัวพวกเขาถูกเดรัจฉานตัวนี้ทำร้าย ตอนนี้กว่าจะได้ใต้เท้าถงจือออกหน้า ไหนเลยพวกเขาจะยอมถอนฟ้องง่ายๆ

ชายชราหนึ่งในเจ้าทุกข์สามคน อ้าปากถ่มน้ำลายใส่หวางหมิงเหรินทันที “เดรัจฉาน วันนี้ก็คือวันตายของเจ้า เจ้าต้องการยึดที่นาข้า ถึงกับตีภรรยาและบุตรชายข้าจนตาย แม้ข้าต้องแลกด้วยชีวิต ก็จะต้องฟ้องเจ้าฆ่าคนตาย”

ชายชรากล่าวจบ หญิงชราก็เอ่ยขึ้นว่า “เจ้าฉุดคร่าบุตรสาวข้ากลางท้องถนน ปรากฏทำให้นางต้องตาย บุตรสาวกับตาแก่ข้าตายไปหมดแล้ว ข้าไม่มีทางยอมถอนฟ้องแน่”

ชายหน้าซื่อร้องไห้กล่าวว่า “เจ้าขี่ม้าเหยียบบุตรชายข้าตาย ทำให้ภรรยาข้าตอนนี้สติเลื่อนลอย ข้าจะรอดูผลกรรมตามสนองเจ้า”

หวางหมิงเหรินได้ยินเสียงร้องไห้ฟ้องร้องของเจ้าทุกข์สามคนก็ไม่ได้มีความรู้สึกเสียใจแม้แต่น้อย กลับกัน ยังมองเจ้าทุกข์สามคนด้วยสายตารังเกียจ สุดท้ายเขาหันไปมองเซี่ยอวิ๋นจิ่น กล่าวว่า “เซี่ยถงจือ สามคนนี้เป็นชาวบ้านชั่วร้าย ข้าไม่ได้ทำร้ายคนในครอบครัวพวกเขา พวกเขาให้ร้ายข้า ใช่ พวกเขาต้องการให้ร้ายข้า ขอใต้เท้าถงจือให้ความเป็นธรรมด้วย”

หวางหมิงเหรินผ่านความตื่นตระหนกในตอนแรกมาแล้ว ตอนนี้จิตใจสงบลงได้เล็กน้อย ดังนั้นจึงแว้งกัดไปทั่ว

ทั้งสามคนที่คุกเข่าร้องไห้เสียงดังกันขึ้นอีก หันไปฟ้องเซี่ยอวิ๋นจิ่น สองฝ่ายส่งเสียงเอะอะกันดังเซ็งแซ่ไปหมด

เซี่ยอวิ๋นจิ่นยกไม้กรับในมือขึ้นฟาดโต๊ะ ก่อนจะถามเจ้าทุกข์ทั้งสาม “พวกเจ้ามีพยานหลักฐานหรือไม่ แสดงให้เห็นว่าบุตรชายใต้เท้าทงพั่นทำร้ายคนในครอบครัวพวกเจ้า”

ทั้งสามคนรีบกล่าวว่า “พวกเรามี ขอใต้เท้าส่งคนตามพวกเราไปสืบเรื่องนี้ ตอนนั้นที่คุณชายตระกูลหวางกระทำเรื่องพวกนี้ มีคนเห็นกันไม่น้อย”

หวางหมิงเหรินกับหวางทงพั่นสีหน้าย่ำแย่ขึ้นมาทันที ก่อนหน้านี้หวางหมิงเหรินคิดว่าคนในเมืองหนิงโจวไม่มีใครกล้าล่วงเกินเขา ดังนั้นตอนเขาทำเรื่องพวกนี้ก็ไม่ได้ทำแบบหลบซ่อนมากนัก ทำให้มีคนเห็นเขากระทำเรื่องเหล่านี้กันหลายคน

เซี่ยอวิ๋นจิ่นรีบส่งคนไปคุมตัวหวางหมิงเหรินเข้าคุก พร้อมกับออกคำสั่งให้โจวเส้ากงกับหร่วนไครับหน้าที่คุมคุก ไม่อนุญาตให้ผู้ใดเข้าใกล้คุกคุมขัง

ในโถงว่าการ เดิมหลินจือฝู่กำลังคิดว่าจะลอบปล่อยหวางหมิงเหรินไปตอนเที่ยงคืน ยามนี้ได้แต่เงียบราวกับไก่ไม้งงงัน

หวางทงพั่นสิ้นหวัง เขาเงยหน้ามองบุรุษเย็นชาเบื้องหน้า เห็นอยู่ว่าเป็นใบหน้าอ่อนโยน แต่หวางทงพั่นกลับรู้สึกว่าคนผู้นี้คือผีร้าย

ในใจเขารู้สึกสิ้นหวัง เขาเริ่มหวาดกลัวขึ้นมาแล้ว

เซี่ยอวิ๋นจิ่นสั่งให้คนคุมตัวหวางหมิงเหรินออกไป จากนั้นหันไปมองหวางทงพั่นกล่าวว่า “ใต้เท้าหวางขออภัย ลำบากท่านชั่วคราวแล้ว”

หากสืบความกระจ่างว่าหวางหมิงเหรินมีความผิด หวางทงพั่นเองก็จะมีความผิดไปด้วย ในฐานะขุนนางทงพั่น ถึงกับปล่อยให้บุตรชายฆ่าคนตายมากมายเพียงนี้ บุตรชายเขามิได้อาศัยบารมีหวางทงพั่นหรือ ดังนั้นหวางทงพั่นแม้ผิดโทษไม่ถึงตาย แต่กลับไม่อาจเป็นขุนนางต่อได้ เขาอาจถูกเนรเทศไปใช้แรงงานที่ชายแดนตะวันตกเฉียงเหนือชั่วชีวิต

หวางทงพั่นคิดถึงเรื่องนี้ก็รู้สึกเพียงแค่สิ้นหวัง เขาเป็นขุนนางราชสำนักต่อสู้ดิ้นรนมาชั่วชีวิต สิ่งที่สั่งสมมาหลายปีนี้ถูกทำลายสิ้นด้วยมือบุตรชายเขาคนเดียว

หวางทงพั่นไม่รู้ว่าควรโกรธแค้นบุตรชายหรือเซี่ยอวิ๋นจิ่น แต่ในใจเขายังมีความหวังหนึ่ง เขาหันไปมองหลินจือฝู่ทันที ตอนนี้ความหวังเขากับเขาบุตรชายอยู่ที่หลินจือฝู่แล้ว

หลินจือฝู่รีบส่งสายตาให้เขาอย่าได้ร้อนใจไป หวางทงพั่นจึงสงบใจลงได้เล็กน้อย

เซี่ยอวิ๋นจิ่นสั่งคนเชิญหวางทงพั่นออกไปขังคุกไว้ชั่วคราว

สองพ่อลูกตระกูลหวางถูกจองจำชั่วคราว ชาวบ้านด้านนอกส่งเสียงฮือดังขึ้นพร้อมกัน คนไม่น้อยตะโกนยกย่องเซี่ยอวิ๋นจิ่นว่า “เซี่ยผดุงธรรม”

เจ้าทุกข์สามคนร้องไห้ยิ่งหนักกว่าเดิม พร้อมกับเอ่ยขอบคุณเซี่ยอวิ๋นจิ่น

เซี่ยอวิ๋นจิ่นบอกให้พวกเขาลุกขึ้น เอ่ยขึ้นว่า “อย่าเพิ่งรีบร้อนขอบคุณ ตอนนี้ข้าจะพาคนตามพวกเจ้าไปหาหลักฐาน หากพวกเจ้าไม่มีทางแสดงหลักฐานว่าคนในครอบครัวถูกหวางหมิงเหรินทำร้ายจนตาย ข้าก็ไม่อาจให้ความเป็นธรรมอันใดกับพวกเจ้าได้”

เจ้าทุกข์สามคนรีบรับคำ “เชิญใต้เท้าส่งคนตามพวกเราไปเก็บหลักฐาน”

เซี่ยอวิ๋นจิ่นย่อมต้องพาคนไปเก็บหลักฐานกับเจ้าทุกข์ทั้งสามคนด้วยตนเอง

ทุกคนออกจากที่ทำการ ผู้คนหน้าประตูที่ทำการพากันเปิดทางให้

ชาวบ้านเห็นเซี่ยอวิ๋นจิ่นออกมา ก็พากันรีบกล่าวว่า “เซี่ยถงจือ ท่านจะต้องให้ความเป็นธรรมต่อชาวบ้านอย่างพวกเราด้วย”

“จะต้องลงโทษเจ้าเดรัจฉาน หากไม่ลงโทษคนเช่นเขาให้หนัก วันหน้าย่อมต้องเพิ่มความโหดเหี้ยมทำร้ายพวกเราเป็นแน่”

“ใช่ ขอใต้เท้าเซี่ยผดุงความเป็นธรรมให้พวกเราด้วย”

ทุกคนต่างตะโกนดัง เซี่ยอวิ๋นจิ่นเพียงแค่พยักหน้า พาทุกคนขึ้นรถม้าหน้าประตูที่ทำการ ก่อนขึ้นรถม้ายังเห็นลู่เจียว

ลู่เจียวอมยิ้มมองเขา แววตาเต็มไปด้วยความชื่นชม ในใจเซี่ยอวิ๋นจิ่นรู้สึกอบอุ่นละมุนใจขึ้นมาทันที แต่เพราะคดีความทำให้ไม่ได้เข้าไปทักทายลู่เจียว เพราะไม่คิดเป็นจุดสนใจ ไม่อยากให้ผู้อื่นสังเกตเห็นลู่เจียวมากเกินไป

ใส่ความเห็น

อีเมลของคุณจะไม่แสดงให้คนอื่นเห็น ช่องข้อมูลจำเป็นถูกทำเครื่องหมาย *

error: Content is protected !!
Exit mobile version