Skip to content

ทะลุมิติมาเป็นภรรยาของตัวร้าย 973

ตอนที่ 973 กล่อม

รัชทายาทถูกเชิญเข้ามาอย่างรวดเร็ว พอเข้ามาเห็นเสด็จพ่อทอดพระเนตรตนด้วยสีพระพักตร์ดำทะมึน เขาไม่เคยเห็นแววพระเนตรดุดันเช่นนี้มาก่อน รัชทายาทนิ่งอึ้งไปทันที เสด็จพ่อไม่เคยทอดพระเนตรเขาด้วยแววพระเนตรดุดันเช่นนี้ คล้ายว่าเขาไม่ใช่บุตรชาย แต่เป็นศัตรู

รัชทายาทกลัวจนไม่กล้าก้าวเข้าไป ฮ่องเต้หลังโต๊ะทรงอักษรค่อยๆ ตรัสว่า “เมื่อคืนเจ้าไปตระกูลเซี่ยขอให้ท่านปู่ท่านย่าเจ้าเข้าวังมากล่อมเราให้คืนดีกับเสด็จแม่เจ้าหรือ”

รัชทายาทอึ้งไปครู่หนึ่ง ก่อนจะอ้ำอึ้งเอ่ยขึ้นว่า “หม่อมฉันไม่อยากให้เสด็จพ่อมีเรื่องขัดแย้งกับเสด็จแม่ ดังนั้นจึงได้ไปขอให้ท่านปู่กับท่านย่ามาเกลี้ยกล่อมเสด็จพ่อกับเสด็จแม่”

เซียวเหวินอวี๋มองรัชทายาทพลางเอ่ยเยาะว่า “เจ้าช่างเป็นบุตรชายของเสด็จแม่เจ้าจริงๆ ทุ่มเทเพื่อนางคนเดียว”

รัชทายาทพอได้ฟังก็รู้สึกว่าวาจานี้ไม่ค่อยดีนัก รีบกล่าวว่า “หม่อมฉันอยากให้เสด็จพ่อดีพระทัยเช่นกัน อยากให้เสด็จพ่อกับเสด็จแม่ล้วนดีพระทัย”

เซียวเหวินอวี๋มองรัชทายาท คิดถึงคำพูดที่เซี่ยเหวินเหยาพูดกับตนก่อนหน้านี้ เหตุที่ท่านพ่อท่านแม่ไปซีเหลียง บางทีพวกท่านอาจจะกำลังหาเส้นทางเผื่อไว้ในอนาคต หากวันใดรัชทายาทแคว้นต้าโจวเกิดเพ็งเล็งพวกเขาขึ้นมา ย่อมไม่เป็นผลดีต่อตระกูลเซี่ย พวกเขาก็จะได้อพยพไปซีเหลียง นับได้ว่าเป็นการวางแผนเผื่อไว้สำหรับวันหน้า

เซียวเหวินอวี๋คิดถึงความเป็นไปได้นี้ก็อดหัวเราะขึ้นไม่ได้ แต่ยิ่งหัวเราะก็ยิ่งปวดร้าว

ท่านพ่อกับท่านแม่เลี้ยงดูเขามาจนเติบใหญ่ เขาไม่ได้ตอบแทนพระคุณพวกเขา สุดท้ายถึงกับทำให้พวกเขาตกอยู่ในสภาวะกลืนไม่เข้าคายไม่ออก

ในห้องทรงอักษร รัชทายาทมองออกว่าเสด็จพ่อตนปวดร้าวพระทัยอย่างมาก แต่เขาไม่เข้าใจว่าเหตุใดเสด็จพ่อจึงปวดร้าวพระทัยเช่นนี้

“เสด็จพ่อ หม่อมฉันทำไม่ถูกเอง วันหน้าหม่อมฉันจะไม่ไปหาท่านปู่ท่านย่าอีกแล้ว”

เซียวเหวินอวี๋มองเขาอย่างไม่พอใจ กล่าวว่า “ตอนเจ้ากระทำเรื่องนี้ เคยคิดไหมว่าจะทำให้ท่านปู่ท่านย่าเจ้าลำบากใจ พวกเขาควรมาเกลี้ยกล่อมเราให้คืนดีกับเสด็จแม่เจ้า หรือว่าไม่มาเกลี้ยกล่อมดี เจ้าในฐานะรัชทายาทแคว้นต้าโจว เราจัดหาอาจารย์มีชื่อมากมายมาอบรมสั่งสอนเจ้า สุดท้ายอบรมสั่งสอนออกมาได้เช่นนี้หรือ”

เซียวเหวินอวี๋ผิดหวังอย่างที่สุด ในเวลานี้เขารับรู้ได้ถึงข้อเสียของรัชทายาทแล้ว เขาไม่สุขุมพอ และทำการด้วยอารมณ์เหนือเหตุผล รัชทายาทเช่นนี้วันหน้าได้ขึ้นครองราชย์ ก็จะถูกคนชักนำได้ง่าย วันนี้เพราะเสด็จแม่เขาดีต่อเขา เขาก็รักเสด็จแม่ หากวันหน้าหากรักพระสนมใดสักคน จะไม่ถูกนางสนมครอบงำหรือ

ดังนั้นรัชทายาทไม่ได้สมบูรณ์แบบดังที่เขาคิดไว้ และมีจุดอ่อนร้ายแรงดังจุดตายเช่นนี้

เซียวเหวินอวี๋ครุ่นคิดแล้วก็เริ่มปวดหัว ตอนนั้นเขาโปรดปรานเพียงฮองเฮาผู้เดียว ถือเป็นเรื่องที่ผิดพลาดมาก หากรัชทายาทไม่คู่ควรเป็นรัชทายาท ก็เหลือเพียงองค์ชายรอง

องค์ชายรองเองก็เป็นบุตรชายที่หวังเมิ่งเหยาอบรมสั่งสอนมาด้วยตนเอง ตอนนี้สองขวบยังทานอาหารเองไม่เป็น พูดจาก็ไม่ครบความ คนเช่นนี้คู่ควรเป็นรัชทายาทแคว้นต้าโจวหรือ

ในเวลานี้เซียวเหวินอวี๋พลันเข้าใจแล้วว่าเหตุใดฮ่องเต้ในอดีตจึงชอบให้วังหลังให้กำเนิดองค์ชายให้มาก เป้าหมายก็เพื่อเรื่องนี้ อย่างไรไม่ดีก็เปลี่ยนคนได้ ตอนนี้มาถึงเขากลับไม่มีคนให้เปลี่ยน

เซียวเหวินอวี๋คิดถึงสุดท้ายก็มองไปยังรัชทายาท รัชทายาทนอกจากใช้อารมณ์เหนือเหตุผลแล้ว เรื่องอื่นๆ ก็นับว่าไม่เลว

เขาครุ่นคิดแล้วก็จะลองพยายามอีกสักครั้ง หากสุดท้ายยังไม่ได้ เขาก็ได้แต่คิดหาหนทางอื่นแล้ว

เซียวเหวินอวี๋ครุ่นคิดแล้วก็มองไปยังรัชทายาท ค่อยๆ เอ่ยอย่างอ่อนโยนว่า “รัชทายาท ในฐานะรัชทายาทแคว้นต้าโจว เจ้าไม่ควรใช้อารมณ์เหนือเหตุผล ไม่อาจเพราะนางเป็นเสด็จแม่เจ้า เจ้าก็เอนเอียงเข้าข้างนาง เจ้าต้องพิจารณาเรื่องราว ดูว่าเรื่องนี้เป็นอย่างไร ในฐานะรัชทายาท ควรดำรงความเป็นธรรมจัดการเรื่องพวกนี้ให้ได้ ไม่ใช่เพราะเสด็จแม่เจ้าร้องไห้ เจ้าก็เอนไปทางนาง หากนางรู้จุดอ่อนนี้ของเจ้า วันหน้าอาจใช้เรื่องนี้มาข่มขู่เจ้า หรือว่าเจ้าต้องการตกอยู่ภายใต้การครอบงำของสตรีนางหนึ่ง”

รัชทายาทได้ฟังเซียวเหวินอวี๋ก็นิ่งอึ้ง โต้กลับด้วยสัญชาตญาณทันที “เสด็จแม่ไม่…”

แต่พอเห็นสีหน้าเซียวเหวินอวี๋ไม่ดีนัก รัชทายาทก็รีบหยุดปาก มองเซียวเหวินอวี๋กล่าวว่า “หม่อมฉันทราบแล้ว วันหน้าหม่อมฉันพบเจอเรื่องราวอันใดก็จะคิดให้มาก ไม่กระทำการวู่วามอีก เมื่อวานหม่อมฉันไปตระกูลเซี่ยขอให้ท่านปู่ท่านย่ามาช่วย เป็นการทำให้พวกท่านลำบากใจจริงๆ วันนี้เลิกเรียนหม่อมฉันจะไปตระกูลเซี่ยขอขมาต่อท่านปู่ท่านย่า”

เอ่ยถึงเรื่องนี้เซียวเหวินอวี๋ก็สีหน้าย่ำแย่ขึ้นมาอีกครั้ง เขามองรัชทายาทกล่าวอย่างไม่สบอารมณ์ว่า “ท่านปู่ท่านย่าเจ้าออกจากเมืองหลวงไปแล้ว”

แน่นอนว่าเขาไม่ได้เอ่ยว่าเซี่ยอวิ๋นจิ่นกับลู่เจียวไปซีเหลียง

รัชทายาทตกใจ “ท่านปู่ท่านย่าอยู่ดีๆ เหตุใดออกจากเมืองหลวงไปกัน”

เซียวเหวินอวี๋มองรัชทายาทด้วยสีหน้านิ่งเฉย “พวกเขากลัวเจ้าจะไปขอให้พวกเขามาพูดกับเรา แล้วพวกเขาควรจะพูดหรือไม่พูดดี ท่านปู่เจ้าต้องบาดเจ็บสาหัสเกือบตายเพราะช่วยเจ้า ตอนนี้ต้องออกจากเมืองหลวงไปอีกก็เพราะเจ้า เจ้ารู้สึกว่าเจ้าทำถูกต้องหรือ”

รัชทายาทพลันเงียบงัน ในใจนึกตำหนิตนเองอย่างมาก เป็นนานจึงได้พึมพำขึ้นว่า “หม่อมฉันรู้ผิดแล้ว”

“เอาละ กลับไปเรียนหนังสือได้แล้ว”

รัชทายาทหันหลังเดินออกไป เซียวเหวินอวี๋เรียกรัชทายาทไว้ “วันหน้าไม่มีอันใดก็อย่าไปตำหนักเสด็จแม่เจ้าอีก เจ้าสิบขวบแล้ว หลายเรื่องควรต้องคิดให้มาก หากตัดสินใจไม่ได้ ก็ให้มาหาเสด็จพ่อ เสด็จพ่อจะช่วยเจ้าตัดสินใจ อย่าเอาแต่ไปหาเสด็จแม่เจ้า นางเป็นเพียงแค่สตรี จะให้ความเห็นที่ดีอันใดได้”

รัชทายาทไม่กล้าที่ทำให้เซียวเหวินอวี๋ไม่พอใจอีก รีบรับคำ “หม่อมฉันทราบแล้ว”

รัชทายาทออกไปแล้ว เซียวเหวินอวี๋ก็ยกมือนวดหว่างคิ้ว เป็นนานจึงได้เรียกโจวโย่วจิ่นเข้ามา “เตรียมคนชุดหนึ่งส่งไปอารักขาใต้เท้าเซี่ยกับฮูหยินโจวกั๋ว ให้ปฏิบัติตามคำสั่งพวกเขา”

“พ่ะย่ะค่ะ”

ตอนนี้เซียวเหวินอวี๋กุมอำนาจแคว้นต้าโจวไว้ในมือ และยังมีขุนนางคนสนิทไม่น้อย แต่เขาไม่เหมือนฮ่องเต้ในอดีตที่จะไว้วางใจขุนนางเพียงแค่คนเดียว แต่แบ่งออกเป็นหลายกลุ่ม ตอนนี้คนสนิทข้างกายเขา มีผู้บัญชาการองครักษ์วังหลวงจ้าวเหิงคุมกำลังส่วนหนึ่ง ยังมีกลุ่มองครักษ์ลับหนึ่งกับกลุ่มองครักษ์ลับสอง นอกจากนี้ยังมีผู้บัญชาการซ้ายขวาสำนักจิ่วหลงซือ ในมือโจวโย่วจิ่นยังกุมอำนาจคนอีกส่วนหนึ่ง อู่เฉิงปิงหม่าซือกับกองกำลังรอบนอกเมืองหลวงก็อยู่ในอำนาจสั่งการของเขา

อาจกล่าวได้ว่าตอนนี้เขากุมอำนาจแคว้นต้าโจวแท้จริง

โจวโย่วจิ่นได้ฟังรับสั่งก็รีบรับคำไปออกไปปฏิบัติทันที

เซียวเหวินอวี๋นิ่งเงียบครุ่นคิด ขอให้ท่านพ่อกับท่านแม่อย่าได้เกิดเหตุอันใดที่ซีเหลียง

พอคิดถึงท่านพ่อกับท่านแม่ เขาก็อดคิดขึ้นถึงองค์หญิงแปดซีเหลียงซั่งกวนอวิ๋นเยี่ยนที่งดงามราวบุปผาผู้นั้นไม่ได้ รูปโฉมงามหาใดเทียม ที่สำคัญที่สุดแม้อายุไม่มาก แต่กิริยาท่าทางมั่นใจราวกับไข่มุกส่องประกายวาว น่าเสียดายนางงดงามเยาว์วัยเช่นนั้น ส่วนเขากลับมีฮองเฮาสองคนมาแล้ว และยังมีบุตรอีกหลายคน ตนเองเช่นนี้ไม่คู่ควรกับสาวงามเช่นนั้น

เอาเถอะ คิดมากไปก็จะยิ่งวุ่นวายใจ

เซียวเหวินอวี๋ไม่คิดมากต่ออีก

เซี่ยอวิ๋นจิ่นกับลู่เจียวตามพวกซั่งกวนม่อออกเดินทางมาถึงชายแดน ครั้งนี้พวกเขาวางแผนข้ามด่านหลงไห่ แวะเยี่ยมบุตรชายรอง บุตรชายรองผู้นี้อยู่ประจำกองทัพชายแดน ดังนั้นไม่ค่อยได้อยู่ข้างกายพวกเขา เซี่ยอวิ๋นจิ่นกับลู่เจียวรู้สึกคิดถึงเขา ครั้งนี้จึงได้คิดผ่านแดนทางด่านหลงไห่และแวะเยี่ยมเขาพอดี

ซั่งกวนม่อกับซั่งกวนอวิ๋นเยี่ยนเองก็อยากพบพี่รองผู้นี้ ทุกคนเห็นด้วย ตรงไปยังด่านหลงไห่

ระหว่างทาง องครักษ์ที่เซียวเหวินอวี๋ส่งมาก็ไล่ตามมาถึง น่าจะสี่สิบกว่าคนได้

เซี่ยอวิ๋นจิ่นจัดการแบ่งพวกเขาเป็นสามส่วน อารักขาพวกเขาในมุมลับ หากพวกเขามีงานก็จะสั่งภารกิจพวกเขา

ใส่ความเห็น

อีเมลของคุณจะไม่แสดงให้คนอื่นเห็น ช่องข้อมูลจำเป็นถูกทำเครื่องหมาย *

error: Content is protected !!
Exit mobile version