ตอนที่ 204-1
ชิ้นส่วนบันทึก สิ่งของของซือมั่ว
ภายในห้องนี้ ผนังกำแพงทั้งสี่ด้านวาดเป็นภาพวาดฝาผนังสีสันสดใส สีสันเหล่านั้นไม่ได้เก่าตามกาลเวลาที่ผันผ่านไป อีกทั้งไม่ปรากฎจุดด่างดำหรือรอยหลุดลอก
“คุณชาย ภาพเหล่านี้หมายความว่าอย่างไร?” มั่วหยางเอ่ยถาม
เขาเองก็ถูกฉากบนภาพวาดทำเอาตกตะลึง
นี่เป็นฉากของสงครามการสู้รบ ราวกับว่ามีหลายเผ่าพันธุ์กำลังทำสงครามขนาดใหญ่!
พวกเขาบ้างก็ใบหน้าโหดเหี้ยมดุร้าย บ้างก็กลิ้งกลอกเจ้าเล่ห์ บ้างก็สูงส่งบริสุทธิ์ แต่มือกลับเปื้อนเลือด ร่างไร้วิญญาณกองพะเนิน ฟ้าดินถูกสงครามครั้งใหญ่ของ พวกเขาทำลายจนลิ้น…
‘ฟ้าถล่มแผ่นดินทลาย!’
ในขณะที่มู่ชิงเกอกำลังมองภาพวาดที่สุดแสนตื่นตระหนกเหล่านี้ คำศัพท์นี้ก็ผุดเข้ามาในห้วงความคิดของนาง
นางรู้สึกเหมือนว่าตนเองกำลังชมสงครามแห่งยุคที่ให้ความรู้สึกเสมือนจริงมากฉากหนึ่ง
บทสรุปสุดท้ายของสงครามฉากนี้ราวกับว่าสามารถนำไปสู่การทำลายล้างจักรวาล ลูกไฟที่ตกลงมาจาก รูท้องฟ้าจนแตกเป็นเสี่ยงเหล่านั้นดูคล้ายกับสะเก็ดดาว เผ่าพันธุ์แปลกประหลาดเหล่านั้น ราวกับว่ามีเพียงในตำนานสมัยโบราณกาลเท่านั้น
ฉากบนภาพวาดฝาผนังใหญ่โตมโหฬาร แต่ให้ความรู้สึกแก่มู่ชิงเกอเพียงแค่มุมหนึ่งของภูเขานํ้าแข็ง นางรู้สึกว่าสงครามที่แท้จริง น่าสยดสยองและตื่นตระหนกกว่าที่วาดอยู่บนภาพวาดฝาผนังมากโข เมื่อยืนอยู่ตรงหน้าภาพวาดฝาผนัง อย่าพูดถึงองครักษ์เขี้ยวมังกรเลย แม้แต่มู่ชิงเกอเองก็สัมผัสได้ถึงความรู้สึกอันเบาบางนั่น ราวกับว่านางที่ยืนอยู่หน้าภาพวาด กำลังยืนอยู่ตรงหน้าคนในภาพ นางคล้ายกับเป็นเพียงมดปลวกอย่างไรอย่างนั้น
สายตาของคนในภาพเพียงพอที่จะทำให้นางแตกเป็นเสี่ยงๆ กลับไปสู่วัฏจักรแห่งการเวียนวายตายเกิด ไม่มีแม้กระทั่งโอกาสในการต่อต้าน
เพียงไม่นานบนหน้าผากของมู่ชิงเกอ มั่วหยางและองครักษ์เขี้ยวมังกรก็ผุดเหงื่อเย็น ชั่วขณะที่นางกำลังจะถลำลึกลงไป กระดิ่งข้างเอวนางก็ส่งเสียงกังวานเสนาะหูเบาๆ ‘กริ๊ง กริ๊ง’ ดึงสตินางกลับคืนมา
มู่ชิงเกอกะพริบตา หวนคิดถึงความรู้สึกที่สติของตนเองแทบจะถูกดูดเข้าไปในภาพวาดเมื่อครู่นี้แล้ว ก็รู้สึกหนาวสันหลังและหวาดผวาอยู่บ้าง พอนางมองไปมั่วหยางและคนอื่นๆ พบว่าพวกเขายังคงถลำลึกอยู่ ก็ส่งพลังจิตจู่โจมเข้าไปบริเวณหว่างคิ้วของพวกเขา ปลุกพวกเขาให้ตื่นจากภวังค์
“เกิดเรื่องอะไรขึ้น?”
บรรดาองครักษ์เขี้ยวมังกรร่างกายเขม็งเกร็ง เมื่อคืนสติมาเต็มตัว ใบหน้าก็ฉายแววงงงวย
พวกเขามองไปยังมู่ชิงเกอพร้อมกัน สายตาเด็ดเดี่ยวเผยความหวาดกลัวออกมาให้เห็นเป็นครั้งแรก
“ภาพวาดฝาผนังพวกนี้แปลกประหลาด อย่าไปจับจ้องมันมากนัก” มู่ชิงเกอทำได้เพียงเอ่ยเตือน ความจริงนางเองก็เหม่อลอยอยู่บ้าง ไม่รู้ว่าเพราะเหตุใดจึงถลำเข้าไปในภาพวาดได้ ดังนั้นจึงทำได้เพียงแค่เอ่ยเตือน ไม่สามารถอธิบายออกมาได้
มั่วหยางและองครักษ์เขี้ยวมังกรทั้งหกนายพยักหน้าพร้อมกัน
เขาเอ่ยว่า “เมื่อครู่ข้าเพียงแค่มองภาพวาดฝาผนัง จู่ๆ ก็ รู้สึกราวกับว่าได้เข้าไปอยู่ในเหตุการณ์นั้น คล้ายกับว่า ถูกดึงเข้าไปในสงครามบนภาพวาดนั้นจริงๆ”
“ข้าก็ด้วย”
“ข้าก็ด้วย”
“ข้าก็ด้วย”
คนอื่นๆ ต่างก็พากันแสดงท่าทีต่อกันเป็นทอดๆ
แสดงให้เห็นว่าเมื่อครู่นี้พวกเขารู้สึกเป็นเหมือนกัน
มู่ชิงเกอเม้มริมฝีปากน้อยๆ หลุบตาลงครุ่นคิด ปลายนิ้วของนางลากผ่านกระดิ่งข้างเอว แต่จนแล้วจนรอดก็คิดหาคำตอบไม่ออก
บางทีเรื่องราวบนภาพวาดฝาผนังนี้ก็อาจจะเป็นเรื่องจริง ผู้วาดทิ้งจิตสำนึกอันยิ่งใหญ่อะไรไว้ดังนั้นจึงได้ดึงดูดผู้คนที่ชมดู หรือไม่ภาพนี้ก็อาจลงอาคมมายาไว้ดังนั้นจึงทำให้พวกเขาหลงกลโดยไม่รู้เนื้อรู้ตัว
แต่ไม่ว่าจะด้วยเหตุผลใด ภาพวาดนี้ก็ไม่ใช่สิ่งของที่ไร้อันตราย อยู่ห่างไกลหน่อยจะดีกว่า
“สำรวจดูรอบๆ อย่ามัวเสียเวลา แล้วก็อย่าได้แตะต้อง สิ่งของใดๆ ในห้องนี้สุ่มสี่สุ่มห้า หากไม่พบเจอสิ่งใด พวกเราก็ไปห้องถัดไป” มู่ชิงเกอตัดสินใจ
พูดจบแต่ละคนก็แยกย้ายกันไปสำรวจห้องโดยละเอียด ส่วนภาพวาดพวกเขาก็ไม่กล้าดูมาก
มู่ชิงเกอเดินไปหยุดลงตรงหน้าเสาหินสามต้น เสาหินสามต้นเรียงตามลักษณะสามเหลี่ยม มู่ชิงเกอยืนตรงกลาง ระยะห่างระหว่างเสาหินแต่ละต้นเท่ากันพอดี เสาหินดูโบราณแปลกตาเป็นอันหนึ่งอันเดียวกับรูปแบบสถาปัตยกรรมของที่นี่ ตรงกลางของเสาหินต่างก็มี ‘หน้าต่าง’ ขนาดเท่าฝ่ามือ ถูกวัสดุกึ่งโปร่งแสงบังไว้ เผย ให้เห็นสิ่งของด้านในลางๆ
ห้องที่เดินผ่านมาก่อนหน้านี้ สิ่งของเหล่านั้นต่างก็ถูกวางไว้บนพื้นบ้าง บนชั้นวางบ้าง
แต่ที่นี่กลับถูกเก็บรักษาไว้อย่างเหมาะสมเช่นนี้
มู่ชิงเกอคิดๆ ดูแล้ว เอ่ยกับตนเองในใจว่า ‘ดูท่าของที่อยู่ในเสาหินสามต้นนี้จะไม่ธรรมดา’
แต่ว่าวัสดุกึ่งโปร่งแสงเหล่านั้นบังอยู่ ทำให้นางเห็นไม่ชัดว่าของด้านในคืออะไรกันแน่
‘เปิดยังไง?’ มู่ชิงเกอขมวดคิ้วครุ่นคิด
เวลานี้เองมั่วหยางเดินมาอยู่ข้างหลังนาง กวาดสายตามองไปที่เสาหินสามต้นเช่นเดียวกัน จากนั้นมองไปที่มู่ชิงเกอ เอ่ยถามว่า “คุณชาย จะทุบเสาหินพวกนี้หรือไม่?”
มู่ชิงเกอปรายหางตามองเขาเพียงชั่วครู่ คล้ายกับบอกว่า ‘ไม่เจอกันไม่กี่วันใจกล้าขึ้นมาก!’
สถานที่แห่งนี้แปลกประหลาดเพียงนั้น ไม่แน่ว่าอาจจะซ่อนค่ายกลกับดักไว้นับไม่ถ้วน คิดไม่ถึงว่าเจ้านี่จะเสนอให้ ทุบเสาหินดื้อๆ? แม้แต่มู่ชิงเกอเองยังประเมินว่าเขา ‘ช่างกล้า!’
แต่เดี๋ยวก่อน!
ทันใดนั้นแววตาของมู่ชิงเกอก็เป็นประกาย จับความคิดที่แวบเข้ามาในใจ
นางมองเสาหินอีกครั้ง ครุ่นคิดขึ้นมา
ถ้าหากบอกว่าสิ่งของที่ฝังอยู่ในเสาหินเหล่านี้ไม่ต้องการให้ผู้ใดรู้เห็น ไม่เผยให้ถูกผู้ใดครอบครอง เหตุใดจึงต้องทิ้งหน้าต่างกึ่งโปร่งแสงไว้ดึงดูดให้ผู้คนสนใจกันเล่า?
ปิดตายไปเลย หรือไม่ก็ซ่อนในสถานที่ซึ่งไม่สะดุดตา ไม่ดีกว่าหรือ?
เช่นนั้นในเมื่อตอนนี้ถูกผู้คนพบเจอแล้ว ตามนิสัยการเลือกของมนุษย์ย่อมต้องคิดหาวิธีนำสิ่งของที่อยู่ด้านในออกมา หากว่านี่คือการบอกใบ้ให้มนุษย์นั่นก็แสดงว่า จะต้องมีวิธีเปิดเสาหินนี้อย่างแน่นอน!
มู่ชิงเกอเดินรอบเสาหินอยู่หลายรอบ พิจารณาอย่างละเอียด
เมื่อนางเดินเป็นรอบที่ห้า องครักษ์เขี้ยวมังกรที่เหลือก็ล้อมวงเข้ามา
จวบจนเดินวนสิบห้ารอบ มู่ชิงเกอจึงได้หยุดเท้า พ่นลมหายใจออกมาเฮือกใหญ่ มองไปทางองครักษ์เขี้ยวมังกร เอ่ยสั่งความว่า “ทุบพวกมันให้แตก”
“ขอรับ คุณชาย”
สำหรับการตัดสินใจของมู่ชิงเกอ องครักษ์เขี้ยวมังกรเชื่อฟังและปฏิบัติตามเต็มร้อย ถึงแม้ว่าตอนนี้มู่ชิงเกอให้พวกเขาฆ่าตัวตาย พวกเขาก็ไม่มีความลังเลแม้แต่น้อย ยิ่งไปกว่านั้นตอนนี้ก็แค่ให้ทุบเสาหินไม่กี่ต้น?
มั่วหยางมิได้ขยับตัว ผู้ที่ลงมือเป็นคนที่เหลืออีกหกคน องครักษ์เขี้ยวมังกรสองนายล้อมเสาหินต้นหนึ่ง ใช้อาวุธตนเองเคาะๆ ตีๆ การกระทำของพวกเขามิได้มุทะลุ เริ่มจากการหาจุดที่เปราะบางที่สุดของเสาหินจากนั้นออกแรงทุบ ทุบลงไปหลายที เสาหินก็ปรากฏรอยร้าว แต่ในห้องก็ไม่มีอะไรต่างไปจากเดิม
หลังจากมั่นใจว่าการทุบเสาหินไม่ได้นำมาซึ่งปฏิกิริยาต่อเนื่องใดๆ พวกเขาจึงได้ออกแรงเต็มกำลัง ทุบเสาหินสามต้นนั้น
เสาหินถูกทุบให้เปิดออก ในที่สุดสิ่งของที่ถูกซ่อนอยู่ด้านในก็เผยโฉมหน้าที่แท้จริงออกมา
นี่เป็นอาวุธสามชนิดที่แตกต่างกัน แบ่งเป็นสามง่าม ขวานคู่และค้อน
“เหตุใดข้าจึงรู้สึกคุ้นตาอาวุธสามชิ้นนี้?” องครักษ์เขี้ยวมังกรนายหนึ่งมองดูอาวุธสามชิ้นนี้ ก็ส่งเสียงออกมาด้วยความประหลาดใจ
ที่จริงแล้วไม่ใช่แค่เพียงตัวเขา คนอื่นๆ รวมถึงมู่ชิงเกอก็รู้สึกคุ้นตาอาวุธสามชิ้นนี้ ทันใดนั้นมั่วหยางก็เบิกตากว้าง ตะโกนขึ้นว่า “ข้ารู้แล้ว ว่าเคยเห็นที่ไหน!” เขาบอก เงยหน้าขึ้นไปมองภาพวาดบนฝาผนัง
มู่ชิงเกอและคนอื่นๆ หันไปมองตามสายตาเขา เป็นไปตามคาดภาพวาดฝาผนังบรรยายถึงสามบุคคลหลัก อาวุธในมือของพวกเขาเป็นอย่างเดียวกับสิ่งของที่อยู่ ตรงหน้า
“หรือว่านี่เป็นอาวุธที่หลงเหลือจากสงครามใหญ่ที่วาดอยู่บนภาพ!” มีคนคาดเดา
หากเป็นเช่นนั้นจริงๆ ที่มาและยุคสมัยของอาวุธสามชิ้นนี้เมื่อนับย้อนกลับไปในบันทึกก็ไม่มีระบุยุคสมัยที่มีอยู่! แต่ว่ามู่ชิงเกอกลับเอ่ยปากบอกปัด “เป็นไปไม่ได้อย่างมากก็เป็นเพียงสิ่งของลอกเลียนแบบอาวุธที่บุคคลในภาพถืออยู่”
จงใจวาดภาพเช่นนี้ทั้งยังทิ้งอาวุธไว้ที่นี่ ถ้าหากเป็นเพียงอะไรที่ไร้ชื่อเสียงเรียงนาม ใครเล่าจะทุ่มเทเพียงนี้? หากไม่ใช่ อาวุธของพวกเขาไหนเลยจะถูกพบเจอง่ายดายเพียงนี้?
ขจัดความเป็นไปได้ต่างๆ ออกแล้วก็เหลือเพียงข้อเดียว
อาวุธสามชิ้นเบื้องหน้านี้เป็นของลอกเลียนแบบ!
ดวงตาของมู่ชิงเกอเป็นประกาย เดินเข้าไปที่อาวุธสามชิ้น ยกมือขึ้นสัมผัสเบาๆ หลับตาสองข้างช้าๆ เพียงไม่นาน นางก็ลืมตาโพล่ง ดวงตาสุกสกาวเปล่ง ประกาย “ยุทธภัณฑ์ชั้นสมบัติระดับสูงสุด!”
ยุทธภัณฑ์ชั้นสมบัติระดับสูงสุด!
คำๆ นี้ทำเอาแววตาของมั่วหยางและคนอื่นๆ เป็นประกาย
เท่าที่รู้ยุทธภัณฑ์ขั้นสมบัติระดับสูงสุดแม้ว่าจะมีอยู่ในหลินชวน แต่จำนวนกลับไม่มาก
มุมปากของมู่ชิงเกอยกโค้งขึ้นเล็กน้อย สะบัดฝ่ามืออาวุธทั้งสามชิ้นก็อันตรธานหายไปต่อหน้าต่อตาทุกคน “ไปกันเถอะ หวังว่าห้องต่อไปจะมียุทธภัณฑ์ชั้นเทวะ” มู่ชิงเกอเดินนำไปข้างหน้าอย่างอารมณ์ดี
หลังจากที่พวกเขาเข้าสู่ห้องที่แปด มั่วหยางและคนอื่นๆ ก็อดไม่ได้ที่จะถอนหายใจ โอดครวญกับการคาดการณ์ ของมู่ชิงเกอ
ห้องที่แปด มีเพียงฐานที่นั่งบนฐานที่นั่งแกะสลักไว้เพียงสองพยางค์คือ ‘ยุทธภัณฑ์ชั้นเทวะ’
แต่ว่าบนฐานที่นั่งนั่นกลับว่างเปล่า
ยุทธภัณฑ์ชั้นเทวะล่ะ?!
มู่ชิงเกอตาเขม็ง สาวเท้าก้าวเดินไปข้างหน้า เงยหน้าขึ้นไปมองด้านบน
บนนั้นไม่มีสิ่งของใดๆ อยู่เลย ไม่ต้องไปพูดถึงยุทธภัณฑ์ชั้นเทวะ แม้แต่กลิ่นไอของยุทธภัณฑ์ชั้นเทวะก็ไม่มีหลงเหลืออยู่!
“ถูกคนที่เข้ามาถึงก่อนเอาไปแล้วหรือเปล่า?” มู่ชิงเกอโมโหจนกำหมัดทุบฝ่ามือตนเอง
ต่อมานางก็หวนนึกถึงคำพูดของเฉินปี้เฉิงก่อนก้าวเข้าสู่ประตูแห่งความตายขึ้นมาได้ เขาบอกว่า ทุกสถานที่ซึ่งประตูเชื่อมต่อกันล้วนแต่เป็นการสุ่ม ไม่มีระบบที่ชัดเจนให้อ้างอิง
ไม่แน่ว่า ห้องๆ นี้อาจเคยมีคนผ่านเข้ามา และนำยุทธภัณฑ์ชั้นเทวะที่อยู่ในห้องนี้ออกไปแล้วก็เป็นได้
บทสรุปนี้ทำเอามู่ชิงเกอโมโหจนแทบกระอักเลือด!
แต่ว่า โกรธไปแล้วจะได้อะไร? นางก็ไม่สามารถไปหาผู้ที่หายุทธภัณฑ์ชั้นเทวะก่อนหน้านาง ถกหลักการกับเขา
มองฐานที่นั่งว่างเปล่านั้นด้วยความคับแค้นใจ มู่ชิงเกอไม่ปรารถนาจะอยู่ในห้องนี้อีกต่อไป สะบัดชายเสื้อเดิน ไปห้องถัดไป
เมื่อเดินเข้าไปในห้องที่เก้า มู่ชิงเกอก็ชะงัก คิดไม่ถึงว่าสิ่งที่ปรากฏให้เห็นอยู่เบื้องหน้านางจะเป็น เขาวงกต!