ตอนที่ 203-4
เก็บสมบัติจนแขนชา!
“ประตูเป็นตายสลับกัน นี่คือให้พวกเราเลือกอย่างนั้นหรือ?” จ้าวหนานซิงก้าวออกมาข้างกายของมู่ชิงเกอ เอ่ยเสียงเบา
หวงฝู่ฮ่วนก็ก้าวออกมาในเวลาเดียวกัน มองไปทางประตูทั้งแปด ขมวดคิ้วเอ่ยว่า “ข้าเคยได้ยินเหล่าบรรพ ชนบอกเล่าเอาไว้ว่า ประตูทั้งแปดนี้แสดงถึงโชคชะตา และอันตรายที่แตกต่างกัน ส่วนจะเลือกอย่างไรนั้น ล้วนแต่อาศัยโชควาสนา ทุกอย่างที่อยู่ข้างใน ดูเหมือนว่าจะเป็นไปตามโชคชะตา ไม่ได้ถูกกำหนดไว้อย่างแน่นอน”
“เหล่าบรรพชนของตระกูลเฉินของข้าก็เคยพูดว่า จะเลือกประตูเป็นหรือประตูตายก็ไม่ได้แตกต่างกันมาก” เฉินปี้เฉิงพูดจบก็พาคนของตระกูลเฉินเข้าไปในประตู ‘ตาย’ บานหนึ่ง
เขาเพิ่งจะเข้าไป อักษรบนประตูตายบานนั้นก็เปล่งแสงสว่างออกมา
จิ่งเทียนเอ่ยว่า “ประตูแปดบานก็หมายถึงสิทธิ์แปดสิทธิ์ ดูท่าเจ้าบ้าเฉินก็ได้เลือกแทนพวกเราแล้ว” เขามองไปทางฮวาฉินฉินของตระกูลฮวา สองคนล้วนแต่หมดทางเลือก เดินตามเฉินปี้เฉิงเข้าไปยังประตูบานนั้น
ในตอนที่พวกเขาเข้าไปกันหมดแล้ว ประตูตายบานนั้นก็ปิดลง กันไม่ให้คนอื่นเข้าไป
“ในเมื่อเป็นเช่นนี้ พวกเราก็เลือกประตูตายเถอะ” มู่ชิงเกอจัดแจงเสื้อผ้า เดินไปทางประตูตายอีกบาน มั่วหยางและคนอื่นๆ ก็รีบตามไปด้านหลัง
มู่ชิงเกอไปแล้ว เจียงหลีก็นำคนของนาง เข้าไปยังประตู ‘ตาย’ อีกบาน
ที่เหลืออยู่ก็มีเพียงประตู ‘ตาย’ หนึ่งบาน ประตู ‘เป็น’ สี่บาน คนของโรงโอสถแปดคน มู่ชิงเกอไม่รู้จัก ดังนั้นจึงไม่ได้ไปสนใจมาก ตอนนี้พวกเขายิ้มๆ คนที่นำมาเอ่ยกับคนที่เหลือว่า “พวกเราโรงโอสถหลอมยาก็เพื่อช่วยชีวิต พวกเราเลือกประตู ‘เป็น’ เถอะ” พูดแล้ว เขาก็นำคนเข้าไป ที่ประตู ‘เป็น’ บานหนึ่ง
เหลือประตู ‘เป็น’ สามบาน ประตู ‘ตาย’ หนึ่งบาน
หวงฝู่ฮ่วนที่เป็นตัวแทนราชวงศ์ของอาณาจักรเซิ่งหยวน ยังไม่ได้เข้าไป แคว้นตี๋ก็ยังไม่ได้เข้าไป จ้าวหนานซิงและฟ่งอวี๋เฟยก็ยังไม่ได้เข้าไป แคว้นอวี่กับแคว้นหรงก็ยังไม่ได้เข้าไป จ้าวหนานซิงมองฟ่งอวี๋เฟย ทั้งสองคนแลกเปลี่ยนสายตากับไปมาครู่หนึ่ง ก่อนที่จ้าวหนานซิงจะเอ่ยว่า “พวกเราที่เป็นแคว้นเล็กๆ อย่างแคว้นระดับสาม สามารถเลือก ‘เป็น’ ได้ก็ดี” พูดจบแล้ว เขาก็เดินไปทางประตู ‘เป็น’ บานหนึ่ง
ที่เหลือ แคว้นตี๋เลือกประตู ‘ตาย’ กลุ่มของหวงฝู่ฮ่วนกับแคว้นอวี่ แคว้นหรง เลือกประตู ‘เป็น’ คนละบาน
ด้านหลังประตู เป็นทางแคบมืดสลัว
มั่วหยางนำสามคนเดินอยู่ข้างหน้า ที่เหลืออีกสี่คนคอยกันอยู่ด้านหลัง คุ้มครองมู่ชิงเกอไว้ตรงกลาง
เส้นทางลึกมาก ไม่รู้ว่าจะไปถึงที่ไหน
เดินมานานแล้ว ก็ยังได้ยินเพียงเสียงเท้าของคนอื่นๆ
ทันใดนั้น มู่ชิงเกอก็หยุดลง ขมวดคิ้วขึ้น
“มีเสียงโซ่” นางเอ่ย
เสียงโซ่?
มั่วหยางและองครักษ์เขียงมังกรอีกเจ็ดคนเกิดความเยียบเย็นขึ้นในใจ ลอบคิดกันว่า ‘หรือว่าภายในเศษซาก โบราณนี้จะมีสิ่งมีชีวิต? หากว่ามีจริงๆ สิ่งมีชีวิตพวกนี้ อาศัยอยู่มากี่ปีแล้ว?’
มู่ชิงเกอขบริมฝีปากครุ่นคิด เริ่มก้าวเดินอีกครั้ง “ในเมื่อมีเสียงโซ่ เช่นนั้นก็แสดงว่าอีกฝ่ายถูกล่ามไว้ ผ่านไปค่อยตรวจดู ทุกคนระมัดระวังตัว”
มั่วหยางและคนอื่นๆ พยักหน้าเงียบๆ เพิ่มความระมัดระวัง เดินไปด้านในต่อ
ยิ่งเดินไป เสียงโซ่ก็ยิ่งชัดเจนขึ้น ที่ตามมาก็คือกลิ่นเหม็นสาบ
‘กลิ่นเหม็นเน่านี่ก็ยากจะทนได้นัก หรือว่ามีสิ่งมีชีวิตจริงๆ?’ มู่ชิงเกอหรี่ดวงตาเล็กลง เดินไปอีกครู่หนึ่ง เสียงโซ่ก็ดูเหมือนจะดังขึ้นข้างๆ หู สายตาของพวกเขาหันไปพร้อมกัน และก็เปลี่ยนเป็นชัดเจนขึ้นมา
เพียงแต่ว่า ชัดเจนก็ชัดเจน แต่เมื่อมองเห็นสิ่งที่เห็น กลับทำให้ดวงตาของพวกเขาทั้งแปดคนหดตัวเล็กลง
“โฮก—–!”
สัตว์ดุร้ายคำรามออกมา
สัตว์ประหลาดสามหัวถูกโซ่ล่ามไว้ นอนอยู่บนพื้น นํ้าลายไหลที่ยืดอยู่ตรงปากของมันก็ไหลหยดลงไปบนพื้นไม่หยุด กลิ่นเหม็นที่พวกมู่ชิงเกอได้กลิ่นก็มาจากที่นี่
สัตว์ประหลาดมีร่างเป็นสิงโต แต่ว่ามีสามหัว แบ่งเป็นหัวเสือ หัวหมาป่า หัวเสือดาว
โซ่แบ่งล่ามไว้กับหัวทั้งสามของมัน
ดูเหมือนมันจะได้กลิ่นสาบของมนุษย์หัวทั้งสามค่อยๆ ยกขึ้นมา ดวงตาสีแดงกลมโตเท่ากำปั้นของคน มีแววกระหายมองมาทางมู่ชิงเกอและคนอื่นๆ
ดวงตาของมู่ชิงเกอวาววาบขึ้น ออกคำสั่ง “ฆ่ามัน!”
มั่วหยางและองครักษ์เขี้ยวมังกรคนอื่นๆ ทำตามคำสั่งของมู่ชิงเกอ แววตาแข็งกร้าว พุ่งเข้าไปหาสัตว์ประหลาด
สัตว์ประหลาดสามหัวถูกโซ่ล่ามไว้ นี่ทำให้เหล่าองครักษ์เขี้ยวมังกรสามารถเข้าโจมตีระยะประชิดได้
มู่ชิงเกอไม่ได้ขยับ เพียงแต่ยืนอยู่ที่เดิม ดูการต่อสู้ระหว่างสัตว์ประหลาดและองครักษ์เขี้ยวมังกร
อาหารที่อยู่ในสายตากลับกล้าโจมตีตัวเอง สัตว์ประหลาดสามหัวโมโหมาก มันลุกขึ้นยืนเข้าต่อสู้กับองครักษ์เขี้ยวมังกร
ในตอนที่มันยืนขึ้นแล้ว มู่ชิงเกอถึงได้พบเห็นว่าใต้ร่างของมันมีโครงกระดูกของมนุษย์
โครงกระดูกที่กองรวมกันนี้ไม่ได้มีแค่ของคนคนเดียว ดูจากสภาพแล้ว เมื่อก่อนคงมีคนบุกไปถึงข้างหน้ามัน แล้วถูกสัตว์ประหลาดตัวนี้กินเข้าไปไม่น้อย!
“โฮก—–! โฮก โฮก—–!”
ถูกองครักษ์เขี้ยวมังกรที่มีระดับพลังชั้นสีม่วงเจ็ดคนรุมโจมตี สัตว์ประหลาดสาม หัวโมโหมาก
โดยเฉพาะอย่างยิ่ง การโจมตีของเหล่าองครักษ์เขี้ยวมังกรแทงเข้าตรงจุดที่เป็นจุดบอดที่สัตว์ประหลาดสามหัวถูกโซ่ล่ามไว้
สายตาที่แหลมคมนี้ไม่เพียงแต่เป็นเพราะเกี่ยวข้องกับการฝึกตามปกติของมู่ชิงเกอ แต่เป็นเพราะพวกเขาไม่เคยหยุดการฝึกฝน
ไม่นาน สัตว์ประหลาดสามหัวก็ใกล้จะตาย ลมหายใจรวยริน
มู่ชิงเกอเอ่ยว่า “รีบเผด็จศึก”
แววตาของมั่วหยางฉายแวววาววาบ ดาบในมือตวัดขึ้น ตัดหัวตรงกลาง ส่วนองครักษ์เขี้ยวมังกรอีกสองคนก็ร่วมมือกันตัดหัวซ้ายขวา คนที่เหลืออีกสี่คน ใช้ดาบในมือแทงเข้าไปที่ตำแหน่งหัวใจ คอ ท้องและตำแหน่งที่สำคัญอื่นๆ ต้องการฆ่าให้ตายภายในครั้งเดียว
“โฮก—–!” สัตว์ประหลาดสามหัวพริบตากลายเป็นสัตว์ประหลาดไร้หัว
ตกลงบนพื้นอย่างรุนแรง
“เอาซากของมันออก” มู่ชิงเกอเอ่ย
พวกของมั่วหยางออกแรงเอาซากของสัตว์ประหลาดไปไว้อีกทาง เผยให้เห็นถึงด้านหลังของมันที่มีทางเข้าอยู่
มุมปากของมู่ชิงเกอกระตุกเบาๆ ก้าวยาวๆ เข้าไป มั่วหยางและคนอื่นๆ ก็รีบตามไปด้านหลัง
แค่เข้าไปในห้อง ดวงตาของมู่ชิงเกอก็เปล่งประกาย!
สมบัติลํ้าค่าส่งแสงสีทองวาววาบเหล่านี้ ถึงแม้ว่าจะเต็มไปด้วยฝุ่น แต่ก็ราวกับเป็นคลังเก็บสมบัติของกษัตริย์ เป็นอาหารจานใหญ่!
เมื่อเผชิญหน้ากับกองภูเขายุทธภัณฑ์ ทอง เงิน หยก มุมปากของมูชิงเกอโค้งขึ้น ‘เหมิงเหมิง เตรียมเก็บของ!’
นางสั่งไปคำหนึ่ง สะบัดมือ จากนั้นเหล่ายุทธภัณฑ์ ทอง เงิน หยก ก็ล้วนแต่ถูกเก็บเข้าไปในช่องว่าง
พริบตาเดียว ห้องที่เดิมเคยเต็มไปด้วยยุทธภัณฑ์ ทอง เงินหยก ก็กลายเป็นว่างเปล่า มู่ชิงเกอพึงพอใจเดินไปทางห้องที่สอง สำหรับเรื่องนี้ พวกมั่วหยางเห็นเรื่องแปลกจนชินตาแล้ว
ห้องที่สอง กลับเป็นต้นสมุนไพรแห้ง
ไม่สนแล้ว เก็บไป!
ห้องที่สาม เป็นห้องหนังสือที่ไม่รู้ว่าเขียนว่าอะไร ดูแล้ว เป็นประวัติศาสตร์อันยาวนาน
เก็บ! กลับไปค่อยจัดระเบียบทีหลัง
ห้องที่สี่ มีเกราะอ่อนหลากหลายห้อยอยู่เต็มไปหมด ไม่รู้ว่าทำขึ้นจากวัสดุอะไร เมื่อลูบเข้าไปก็รู้สึกว่าระบายอากาศได้ดี อ่อนนุ่มและอุ่นสบาย
ดวงตาของมู่ชิงเกอเปล่งประกายขึ้นมา
เก็บ! เก็บไปให้หมด!
ห้องที่ห้า…นี่คือสวนผลไม้บนนั้นไม่รู้ว่าเป็นผลไม้สดอะไร แต่กลับมีพลังจิตที่บริสุทธิ์อยู่!
เก็บ! จะไม่เก็บได้อย่างไร?
ห้องที่หก เก็บ!
ห้องที่เจ็ด เก็บ เก็บ!
‘เจ้านาย ท่านเลือกบ้างได้หรือไม่? อย่าอะไรๆ ก็โยนเข้ามาในช่องว่างหมดสิ!’ ในที่สุดเหมิงเหมิงก็อดไม่ได้ที่จะคัดค้านออกมา
“แค่ก แค่ก ข้าจะระวัง” มู่ชิงเกอยิ้มอย่างกระดากใจ
เดินเข้าสู่ห้องที่แปด ที่นี่ใหญ่มาก แต่กลับไม่มีของอะไรมากมาย ภายในความว่างเปล่า มีเสาสามต้นตั้งอยู่ ที่ตรงกลางเสาเหมือนมีของอะไรแขวนเอาไว้
มู่ชิงเกอเดินไปทางเสาพวกนั้น แต่ก้าวเข้าไปได้ไม่กี่ก้าว นางก็ถูกภาพบนผนังดึงดูดเข้า…