Skip to content

พลิกปฐพี 567

ตอนที่ 567

อย่าเรียกข้าว่าแม่นาง เรียกว่าพี่สาว

มู่ชิงเกอยืนอยู่นอกเสี่ยวเทียนอี้ ในมือนางถือป้ายที่จวงซานให้นางไว้แต่แรก ป้ายได้ถูกปลุกให้ตื่นแล้วซึ่งก็หมายความว่า ตั้งแต่บัดนี้เป็นไปนางมีเวลาอีกครึ่งปีที่จะไปตามหาแดนฮ่วนเยวี่ย

หลังจากนั้น…

‘หาวิธีเป็นหนึ่งในสิบลูกศิษย์ใหญ่ตำหนักหน้าแดนฮ่วนเยวี่ย เมื่อมีฐานะนี้แล้ววันหลังจะได้ทำการได้สะดวก’ มู่ชิงเกอคิดในใจ

เก็บป้ายแล้วมู่ชิงเกอก็หยิบกระเป๋าจัดเก็บที่เฟิ่งซิ่งให้ไว้ออกมา

จะไปแดนฮ่วนเยวี่ย เรื่องแรกจะต้องรู้คือแดนฮ่วนเยวี่ยอยู่ตรงส่วนไหนในแผ่นดินเทพตะวันออก

มู่ชิงเกอใช้ปัญญาเทวะใส่ลงไปก็สามารถเปิดกระเป๋าจัดเก็บได้อย่างง่ายดาย รับรู้ถึงแผนที่แผ่นดินเทพตะวันออก ส่วนหยกเทพกับยาเม็ดนางยังไม่ได้ดู

เนื่องจากนางดูถูกหยกเทพสามชิ้นในถุงนั้นอย่างแท้จริง หยกเทพที่นางได้จากสุสานบรรพเทพมีคุณภาพดีกว่านี้ไม่รู้กี่เท่า ทั้งมีปริมาณมากมาย ส่วนยาเม็ดตัวนางเองก็เป็นอาจารย์ปรุงยาระดับมหาเทพ จะไปสนใจอะไรกับยาเม็ดของแดนฮ่วนเยวี่ย

เมื่อครู่นางดูแล้วยาเม็ดนั้นเป็นแค่ยาเม็ดระดับสมบัติเท่านั้น

มู่ชิงเกอเปิดแผนที่แผ่นดินเทพตะวันออก แค่เปิดก็เห็นจุดที่เป็นแดนฮ่วนเยวี่ยในแผนที่ ไม่ใช่ว่าสายตามู่ชิงเกอดี แต่เพราะในแผนที่นี้สถานที่ที่ลงว่าเป็นแดนฮ่วนเยวี่ยมีวงกลมสีแดงวงเอาไว้จะให้ไม่เห็นก็คงยาก หาแดนฮ่วนเยวี่ยพบแล้ว มู่ชิงเกอก็มองหาตำแหน่งของตัวเอง

เมื่อนางพบตัวอักษร ‘เสี่ยวเทียนอี้’ สามตัวนี้ในแผนที่ ระยะห่างของทั้งสองแห่งก็ทำให้นางอดไม่ได้ที่จะเบิกตากว้างพร้อมสูดลมหายใจเย็นวาบ

สองสถานที่นี้ ห่างกันถึงหลายแสนลี้

‘มิน่า มิน่าแดนฮ่วนเยวี่ยถึงให้เวลาถึงครึ่งปี ไม่ต้องพูดว่าระยะทางหลายแสนลี้นี้จะเกิดเหตุไม่คาดฝันอะไรขึ้น ต่อให้ปลอดภัยตลอดทาง เดินทางไม่หยุดทั้งวันทั้งคืนแต่หากจะไปให้ถึงแดนฮ่วนเยวี่ยก็ต้องใช้เวลานานครึ่งปี การทดสอบนี้ไม่ง่ายเหมือนที่คิดไว้เลย’

มู่ชิงเกอนึกสะท้อนใจ เก็บแผนที่เงียบๆ

ความสามารถในการจดจำได้ไม่ลืมของนางทำให้นางได้จดจำรายละเอียดในแผนที่ทั้งหมดไว้ในใจแล้ว

“ในเมื่อเวลากระชั้นชิดก็ต้องรีบเดินทาง” มู่ชิงเกอพึมพำเคลื่อนที่ไปข้างหน้าอย่างรวดเร็ว

ตามเครื่องหมายบนแผนที่ สถานที่นางต้องไปเวลานี้เป็นเมืองมนุษย์ธรรมดาชื่อว่าเทียนหยาจวี ที่เรียกว่ามนุษย์ธรรมดาก็เป็นเช่นที่จวงซานว่าไว้ คือเกิดมาไม่มีสิทธิ์แห่งเทพ พวกเขาเองก็เกิดในแผ่นดินเทพเช่นเดียวกัน ถึงแม้ไม่มีสิทธิ์แห่งเทพไม่สามารถฝึกฝนบำเพ็ญแต่อายุก็ยืนกว่าชาวโลกเบื้องล่าง แค่คนทั่วไปก็มีอายุยืนถึงพันปีแล้ว ในกลุ่มมนุษย์ธรรมดานี้พวกเขาเองก็ไม่ได้สิ้นหวังกับตนเอง แต่คิดหาวิธีฝึกฝนที่เรียกว่า ‘วิชากาย’ ขึ้น

‘วิชากาย’ นั้นก็เป็นไปตามชื่อก็คือการฝึกฝนร่างกายตัวเอง ทำให้มีพละกำลังแข็งแกร่งกว่ามนุษย์ธรรมดาทั่วไป แต่เมื่อเทียบกับมนุษย์เทพนั้นก็ยังห่างไกลกันมากอยู่ดี

ฟังดูแล้วก็มีส่วนคล้ายกับวิชาหล่อหลอมร่างกายของเผ่ามาร แต่รายละเอียดปลีกย่อยแตกต่างกันเท่านั้น

วิชาหล่อหลอมร่างกายของเผ่ามารนั้น เป็นการหล่อหลอมเลือดเนื้อเอ็นกระดูก ทำให้ร่างกายตัวเองกลายเป็นอาวุธที่แข็งแกร่ง ส่วนมนุษย์ธรรมดาของแผ่นดินเทพนั้น ที่ฝึกฝนนั้นเป็นเรื่องปฏิกิริยาตอบสนอง ความเร็วและพลัง

ตามความเข้าใจของมู่ชิงเกอ วิธีฝึกฝนนี้คล้ายกับวิชากำลังภายในที่นางจำได้เมื่อชาติก่อนนั้นมาก

ไปเทียนหยาจวี เนื่องจากที่นั้นมีเสบียง อุปกรณ์สนับสนุนการเดินทางได้ และเป็นจุดแรกที่เข้าถึงแผ่นดินเทพตะวันออก เป็นจุดที่หลังจากบินเข้าสู่แผ่นดินเทพตะวันออกแล้วจะต้องไป ในเทียนหยาจวี มีอยู่ที่หนึ่งที่เรียกว่าหอสุดหล้าฟ้าเขียว มู่ชิงเกอจะต้องไปลงชื่อที่นั้นเพื่อรับรองว่าตัวเองได้เข้าสู่แผ่นดินเทพตะวันออกแล้ว นับเป็นคนของแผ่นดินเทพตะวันออกแล้ว

ระยะห่างของเสี่ยวเทียนอี้กับเทียนหยาจวี ห่างประมาณหนึ่งพันลี้

หากใช้เสี่ยวไฉ่แทนเดินเท้าก็จะถึงในพริบตาเดียว แต่เพิ่งจะมาถึงมู่ชิงเกอไม่อยากเป็นจุดเด่นเกินไป จึงไปด้วยตัวเอง

ชั้นจิตวิญญาณชั้นที่ห้าขึ้นไปสามารถเหาะเหินกลางอากาศได้

ขณะนี้มู่ชิงเกอสองเท้าลอยเหยียบอากาศ เคลื่อนที่ในอากาศไม่หยุด ปรากฎตัวทุกครั้งล้วนห่างไปมากกว่าหนึ่งลี้ จะไปถึงเทียนหยาจวีก็ใช้เพียงพันก้าวเท่านั้น

สามชั่วยามสุดท้าย มู่ชิงเกอลงไปอยู่นอกเทียนหยาจวี

“ที่นี่คือเทียนหยาจวีหรือ” มู่ชิงเกอแหงนหน้าอ่านป้ายใหญ่โตด้วยท่าทีตกตะลึง นี่มันต่างจากบ้านเมืองคนธรรมดาที่นางคิดเอาไว้มากทีเดียว

ในความคิดของนางแต่แรก ในเมื่อเทียนหยาจวีเป็นเมืองมนุษย์ธรรมดาก็ควรใกล้เคียงกับเมืองเช่นหลินชวน เมืองในโลกแห่งยุคกลาง เช่นลั่วตู…เช่นลั่วซิงเฉิง…

มีกำแพงเมืองที่ใหญ่โตล้อมรอบ ประตูเมืองกว้างขวาง มีทหารคอยเฝ้า มีผู้คนสัญจรไม่ขาดสาย

แต่ว่า สิ่งที่ปรากฎอยู่เบื้องหน้านาง นอกจากจะมีป้ายใหญ่โตมโหฬารที่ติดไว้ตามอำเภอใจแล้ว ก็มีเพียงปากถํ้าแห่งเดียว ปากถํ้าไม่ใหญ่นักสามารถเข้าออกได้เพียงคนเดียว

มู่ชิงเกอดูแล้วดูอีกอย่างไม่เชื่อสายตา เพื่อให้แน่ใจว่าไม่ได้มาผิดทาง

ที่นี่ เป็นเทียนหยาจวีจริงๆ

นางไม่รู้ว่าทำไม หลังจากออกมาจากบ่อบินแล้วก็ราวกับว่านางสามารถอ่านอักษรเผ่าเทพได้ทำให้นางดีใจนัก ขณะบำเพ็ญที่เสี่ยวเทียนอี้ นางเคยเอาหนังสือเผ่าเทพที่พบในโลกใบเล็กออกมา แต่ก็ยังอ่านไม่เข้าใจ เหมิงเหมิงบอกนางว่าถึงแม้เป็นหนังสือเผ่าเทพ แต่ก็เก่าแก่กว่าตัวหนังสือเผ่าเทพปัจจุบัน การที่จะอ่านไม่ออกนั้นเป็นเรื่องปกติ

มู่ชิงเกอเข้าใจในทันที

คล้ายกับที่ชาติก่อนนางเรียนหนังสือ แต่ก็อ่านหนังสือโบราณไม่ได้ เป็นเหตุผลเดียวกัน

จนแน่ใจว่าเป็นเทียนหยาจวีไม่ผิดแน่ มู่ชิงเกอจึงสูดลมหายใจลึกๆ แล้วมุดเข้าไปในถํ้านั้น เดินอยู่ได้ช่วงหนึ่ง หลังจากออกมาแล้วเบื้องหน้าก็สว่างไสว แสง อาทิตย์เจิดจ้า ได้ยินเสียงอึกทึกของตลาดดังแว่วมา

มู่ชิงเกอยืนอยู่ที่เดิมดูภาพที่ปรากฎเบื้องหน้า พลางกะพริบตาถี่ๆ

นางไม่นึกว่า หลังมุดออกจากถ้ำมาจะเป็นเมืองที่นางคุ้นเคย คนที่นี่สัญจรไปมาดูครึกครื้นมาก พ่อค้าเร่ร้องขายสินค้าตัวเอง พยายามขายให้ได้ ภัตตาคาร โรงนํ้าชา โรงหมอ ร้านเสื้อผ้า ร้านเหล็ก ร้านเครื่องประทินโฉม…ของใช้ประจำวันในบ้านต่างๆ ล้วนมีอย่างครบครัน

อีกทั้งคนที่นี่ใบหน้ามีแต่รอยยิ้มล้วนแต่จริงใจ ราวกับว่าพวกเขาพอใจมากกับชีวิตความเป็นอยู่ที่นี่

มู่ชิงเกอพบว่าคนส่วนใหญ่ที่เดินอยู่ที่นี่ล้วนเป็นมนุษย์ธรรมดา บนตัวพวกเขาไม่มีพลังเทพแม้แต่นิด ขณะที่พวกเขาเห็นมู่ชิงเกอนั้นก็ไม่ได้มีอาการตื่นตกใจ จนเกินไป…

ผิดแล้ว ควรจะพูดว่าตื่นตะลึงในความงามมากกว่าตื่นตกใจ

พวกเขาตื่นตะลึงในความงามของมู่ชิงเกอ ไม่ใช่ในฐานะเทพของเขา

เห็นชัดว่า พวกเขาคุ้นเคยกับสิ่งแวดล้อม ปะปนกันระหว่างคนกับเทพและรู้ว่าเสี่ยวเทียนอี้มีมนุษย์เทพที่บินขึ้นมา

“เฮ้ย คนมาใหม่” ทันใดนั้น ข้างหูมู่ชิงเกอได้ยินเสียงเรียกอย่างไม่เกรงใจแว่วมา

มู่ชิงเกอมองไปตามเสียงเรียก ก็เห็นว่าที่บ้านเล็กที่อยู่บนต้นไม้ใหญ่ข้างปากถํ้ามีหัวคนโผล่ออกมาหัวหนึ่ง

หัวคนนั้น…

เอ่อ ต้องยอมรับเลยจริงๆ ว่าหัวคนที่โผล่ออกมานั้นน่าขำมาก

หัวเขาล้านเลี่ยน มีเส้นผมน้อยมาก มีปอยหนึ่งตกลงมาแนบติดกับคิ้ว หน้าผากกว้าง คางแหลม ตาโปน จมูกบี้ เขาโผล่หัวออกจากหน้าต่างกลมของบ้านต้นไม้ คล้ายกับสิ่งมีชีวิตประเภทเต่ามากจริงๆ

“พรืด”

มู่ชิงเกอทนไม่ได้ หัวเราะออกมา

คนคนนั้นลูบหัวล้านของตัวเองโดยไม่รู้ตัว พลางถามว่า “เจ้าหัวเราะอะไร”

เขามองมู่ชิงเกอแล้วถามว่า “เจ้าเป็นมนุษย์ธรรมดาหรือมนุษย์เทพ”

คำพูดของเขาทำให้มู่ชิงเกอเลิกขำพลางมองอย่างจริงจัง พบว่าตัวเขาไม่มีคลื่นพลังเทพ เป็นเพียงมนุษย์ธรรมดา

“ข้าเพิ่งมาจากเสี่ยวเทียนอี้” มู่ชิงเกอตอบ

คำตอบของนาง ชัดเจนมากแล้ว

ชายคนนั้นผงกศีรษะอย่างเข้าใจแล้วหดศีรษะเข้าไป มู่ชิงเกอได้ยินเสียงค้นหาของในบ้านต้นไม้ แล้วก็เห็นเขายื่นศีรษะออกมาใหม่ มือถือของสิ่งหนึ่งโยนมาให้มู่ชิงเกอ

มู่ชิงเกอยื่นมือรับมา พบว่าเป็นป้ายอันหนึ่ง เพียงแต่ป้ายนี้เขียนว่า ‘ป้ายผ่านทาง’

“ถือป้ายผ่านทางนี้ไปยังหอสุดหล้าฟ้าเขียว ลงทะเบียนแล้วใช้ป้ายผ่านทางแลกป้ายประจำตัวของเจ้า” ชายคนนั้นบอกมู่ชิงเกอ

มู่ชิงเกอผงกศีรษะกล่าวว่า “ขอบคุณ”

ถือป้ายผ่านที่ไม่รู้ทำจากอะไรไว้ มู่ชิงเกอเดินลึกเข้าไปในเทียนหยาจวี นางพบว่าเมืองมนุษย์ธรรมดานี้ สร้างอยู่ในบริเวณส่วนเว้าที่มีภูเขาล้อมอยู่

ปากถํ้านั้น เป็นทางเข้าออกจุดเดียวเท่านั้น

เพียงแต่…

นิสัยที่ติดมาจากอาชีพของมู่ชิงเกอทำให้นางอดคิดไม่ได้ว่า ‘มีทางเข้าออกเพียงทางเดียว เหมาะกับการป้องกัน แต่ถ้าหากเกิดจลาจลภายใน ทางเข้าออกทางเดียวแม้เป็นทางช่วยชีวิต แต่ก็ใช้เป็นส่วนเสริมในการฆ่าคนได้’

มู่ชิงเกอยิ้มแล้วสั่นศีรษะ รู้สึกว่าหลังจากทำสงครามกับตำหนักเทพแล้ว ไฟต่อสู้ในร่างกายที่หลับสนิทราวกับจะฟื้นตื่นขึ้นมา

ยังมีอีก นางรบกับตำหนักเทพครึ่งปี ไม่รู้ว่าแผ่นดินเทพจะรู้หรือไม่

มู่ชิงเกอหรี่ตาทั้งสองข้างลง ปฏิเสธความคิดนี้ทันที หากนางถูกขุมกำลังใดในแผ่นดินเทพจับจ้อง ซือมั่วจะต้องบอกนางแล้ว

‘หรือว่าสองคนนั้น ยังไม่ทันรายงานแผ่นดินเทพถึงเรื่องทั้งหมด’ มู่ชิงเกอคาดเดาในใจ

นางไม่รู้ว่าสิ่งที่นางคาดเดานั้นใกล้เคียงกับความจริงมาก

ในครั้งนั้น ขณะที่จื่อปัวกับอวี๋กงรู้ว่าเกิดปัญหากับพลังศรัทธาก็รีบไปที่ตำหนักเทพทันที เมื่อถึงตำหนักเทพแล้วจึงรู้เรื่องนางจากปากนักบวชเทวะ

ส่วนหม้อผลาญสวรรค์ก็เป็นหม้อเพียงหนึ่งเดียวที่สามารถใช้หลอมราชันย์โอสถจอมเทพได้ จื่อปัวกับอวี๋กงจึงคิดยึดไว้เป็นของตัวเอง ดังนั้นจึงไม่ได้รายงานข่าวนี้ไป ที่สำคัญที่สุดคือขณะที่ขุมกำลังแผ่นดินเทพตะวันตกพบความผิดปกตินั้นก็ได้รู้ว่าจื่อปัวกับอวี๋กงได้ลงไปแล้ว ดังนั้นจึงไม่ได้ส่งคนลงไปอีก

ขุมกำลังแผ่นดินเทพตะวันตกอาจจะคิดว่าเป็นแค่เรื่องเล็กๆ แต่ไม่นึกว่าการมองข้ามสิ่งเล็กๆ นี้จะเป็นสาเหตุให้ตำหนักเทพล่มสลายลง เส้นทางลงโดนปิดผนึก เรื่องทั้งหมดที่เกี่ยวกับมู่ชิงเกอไม่ได้ถูกส่งขึ้นไป

แน่นอนว่าไม่ตัดเรื่องที่ว่าคนอื่นในโลกแห่งยุคกลางที่บินขึ้นไปจะพูดเรื่องนี้ เพียงแต่เรื่องเหล่านี้ ยังไม่ใช่สิ่งที่มู่ชิงเกอจะคำนึงถึงในเวลานี้

ขณะนี้ นางยืนอยู่หน้าหอสุดหล้าฟ้าเขียว เพื่อ…เอ่อ…เข้าแถว…

ใช่ ไม่ผิด เข้าแถว

มู่ชิงเกอมองแถวยาวโค้งไปมาก่อนหน้าตัวเองพลางคะเนดู มีถึงยี่สิบกว่าคนทำให้นางปากกระตุก

นางบ่นในใจ ‘ทำไมพักนี้จึงมีคนบินขึ้นมามากมายนักนะ’

โลกแห่งยุคกลางไม่ใช่ทางผ่านเดียวที่จะบินขึ้นมาแผ่นดินเทพมารเสียหน่อย

เทียบกับกิ่งก้านต้นไม้ใหญ่ แผ่นดินเทพมารเป็นกิ่งใหญ่ ที่กิ่งใหญ่ยังมีกิ่งเล็กมากมาย บนกิ่งเล็กก็มีใบไม้อีกมาก

ใบไม้เทียบเท่ากับหลินชวน กิ่งเล็กเทียบเท่ากับโลกแห่งยุคกลาง

หอสุดหล้าฟ้าเขียวหาเจอง่ายมาก เพราะว่าเทียนหยาจวีไม่นับว่ากว้างใหญ่ อีกทั้งมันเองก็โดดเด่นมาก…

มู่ชิงเกอยืนอยู่ท้ายสุด ไม่ได้รบกวนใครพยายามสงบเสงี่ยมเข้าไว้

แต่…

“อุ้ยตาย หนุ่มน้อยหล่อเหลามาจากไหน เห็นแล้วพี่สาวตาพร่าไปหมด หัวใจน้อยๆ ของพี่สาวเต้นดังตุบตับๆ ไม่หยุดเลยเชียว”

คำพูดเปี่ยมจริตจะก้านทำให้มู่ชิงเกอขนลุกไปทั้งตัว

นางมองไปที่คนพูดก็เห็นนกยูงที่แต่งตัวเสียจนหยาดเยิ้มตัวหนึ่งพุ่งมาที่ตัวเอง ที่บอกว่าเป็นนกยูงก็เพราะนางแต่งตัวเหมือนมากจริงๆ นางไม่ได้เกี่ยวข้องอะไรกับเผ่าอสูร เป็นเพียงมนุษย์ธรรมดาที่ไม่มีสิทธิ์แห่งเทพเท่านั้น

“เจ้าเรียกข้าหรือ” มู่ชิงเกอพยายามทนกลิ่นเครื่องสำอางที่ฉุนรุนแรงแล้วชี้ไปที่ตัวเอง

นางพูดกับ ‘นกยง’ ที่ดูอายุไม่ออกคนนี้ ทำให้พวกที่เข้าแถวอยู่ข้างหน้านางเกิดสนใจพากันหันกลับมาดู

ขณะที่เห็นนาง พวกเขาต่างก็ต้องชะงักในความงาม แต่พอเห็น ‘นกยูง’ พวกเขาก็ส่งสายตาดูถูกดูแคลนมาให้แล้วหันกลับไปเข้าแถวต่อ

มู่ชิงเกอสังเกตอาการคนเหล่านี้ ไม่ใช่นางความรู้สึกไว แต่เพราะพวกเขาไม่ได้ปิดบังอาการ ‘นกยูง’ เองก็ย่อมรู้ เพียงแต่นางไม่ได้ใส่ใจ

นางยกนิ้วกรีดกราย โบกผ้าเช็ดหน้าผ่านจมูกมู่ชิงเกอ กลิ่นเครื่องสำอางฉุนรุนแรงแทบจะทำให้มู่ชิงเกอสำลัก

“ตายแล้ว ก็เรียกเจ้านั่นแหละ เจ้าดูสิในที่นี้นอกจากเจ้าแล้วยังมีใครที่ใช้คำว่าหล่อเหลาในสายตาพี่สาวได้อีก”

มู่ชิงเกอขยับมุมปาก ถามว่า “แม่นางเรียกข้าทำไมหรือ”

“อย่าเรียกข้าว่าแม่นาง เรียกข้าว่าพี่สาว” ใครจะไปรู้ว่า ‘นกยูง’ จะเอ่ยแก้อย่างไม่ชอบใจ

ใส่ความเห็น

อีเมลของคุณจะไม่แสดงให้คนอื่นเห็น ช่องข้อมูลจำเป็นถูกทำเครื่องหมาย *

error: Content is protected !!
Exit mobile version