ตอนที่ 568
คุณชายเที่ยวซ่องแผ่นดินเทพ
“เรียกพี่สาว” เห็นมู่ชิงเกอนิ่งเฉย ‘นกยูง’ จึงร้องเร่งอีกครั้ง
มู่ชิงเกอหัวเราะเหอะๆ กลบเกลื่อน
นึกว่าจะผ่านด่านไปได้ แต่ ‘นกยูง’ กลับไม่ยอมยังคงตามตื๊อไม่เลิก “หนุ่มน้อย เรียกพี่สาวสิ เรียกพี่สาวแล้วจะได้ของดีนะ”
พูดจบนางก็ทำตาหวานแล้ว มองไปทางหอสุดหล้าฟ้าเขียวคล้ายไม่ตั้งใจ ราวกับจะส่งสัญญาณอะไรบางอย่าง
มู่ชิงเกอเกิดสะกิดใจ รู้สึกว่าสตรีเบื้องหน้านี้น่าจะไม่ธรรมดา
ก็แค่คำเรียกเท่านั้น
มู่ชิงเกอเลิกคิ้ว ทำตามที่อีกฝ่ายต้องการเอ่ยเรียก “พี่สาว”
“เด็กดี” การ ‘ยอมอ่อนข้อ’ ของมู่ชิงเกอ ทำให้ ‘นกยูง’ ยิ้มอย่างหน้าชื่นตาบาน
มู่ชิงเกอแอบยิ้มที่มุมปากไม่ได้เออออไปกับนาง
ส่วน ‘นกยูง’ เมื่อได้สมใจแล้วก็เก็บอาการลง นางส่งสัญญาณให้มู่ชิงเกอถอยไปสองสามก้าวเว้นระยะห่างจากคนข้างหน้า มู่ชิงเกอคิดดูแล้วก็ทำตามที่นางว่า
“พี่สาวจะบอกอะไรข้าหรือ” หลังจากเรียกครั้งแรกไปแล้วจะเรียกอีกก็ไม่เคอะเขิน
ความจริงคำเรียก ‘พี่สาว’ ในความคิดมู่ชิงเกอนั้นก็ไม่ต่างอะไรกับการเรียกหมาแมวทั่วไป เป็นแค่คำเรียกเท่านั้นไม่ได้มีความหมายพิเศษอะไร
“น้องรัก พี่สาวถามเจ้าหน่อย รู้ไหมว่าทำไมนอกหอสุดหล้าฟ้าเขียวจึงต้องเข้าแถว” แววตาของ ‘นกยูง’ ที่ซ่อนอยู่ภายใต้เครื่องสำอางที่พอกจนหนากลอกกลิ้งไปมาทำให้บรรยากาศดูลึกลับมากขึ้น
มู่ชิงเกอเลิกคิ้วถามว่า “ทำไมหรือ”
‘นกยูง’ เบะปากส่งสายตาแสนจะดูแคลนมาให้พลางบอกมู่ชิงเกอว่า “เพราะเจ้าคนดูแลหอสุดหล้าฟ้าเขียวน่ะเป็นคนขี้เกียจ ขี้เมาน่ะสิ”
“…” มู่ชิงเกอพูดไม่ออก
นางนึกไม่ถึงว่าสาเหตุที่ต้องมาเข้าแถวยาวนอกหอสุดหล้าฟ้าเขียวจะเป็นเช่นนี้
ทันใดนั้นนางรู้สึกงุนงง สิ่งที่พบเห็นในแผ่นดินเทพนี้ช่างต่างกับสิ่งที่นางคาดคิดเอาไว้มากนัก
“น้องชาย บอกพี่สาวมา เป็นเรื่องเร่งด่วนมากหรือไม่” ‘นกยูง’ ถามด้วยท่าทางลับๆ ล่อๆ
ด่วน ด่วนแน่นอน
นางจะต้องเดินทางไปให้ถึงแดนฮ่วนเยวี่ย หลังจากออกจากเสี่ยวเทียนอี้แล้วภายในครึ่งปี ฐานะหนึ่งในสิบลูกศิษย์ใหญ่ตำหนักหน้าแดนฮ่วนเยวี่ย นางจะต้องได้มา
มู่ชิงเกอผงกศีรษะ
‘นกยูง’ หัวเราะออกมาทันที รอยยิ้มนั้นสามารถใช้คำว่า ‘กิ่งไม้สั่นไหว’ มาบรรยายได้เลยทีเดียวเพราะแป้งที่พอกหนาบนใบหน้านางร่วงกราวลงบนพื้นตามเสียงหัวเราะของนาง
มู่ชิงเกอถอยได้ทันท่วงทีจุดที่ยืนอยู่เมื่อสักครู่นี้ได้ถูกเคลือบไปด้วยฝุ่นแป้งสีขาว
แต่ ‘นกยูง’ ราวกับไม่รู้สึกอะไรก็ไม่ปาน ไม่ได้ดูเคอะเขินเลยแม้แต่น้อย
“ในเมื่อเร่งรีบนักก็ตามพี่สาวมาเถอะ พี่สาวขอบอกเจ้านะว่า หากเจ้าเข้าแถวอยู่ที่นี่ แม้รอไปอีกหลายวันหลายคืนก็ไม่ถึงคราวเจ้าหรอก เจ้าตามข้าไปข้า รับรองว่าภายในสามวันจะช่วยให้เจ้าจัดการเรื่องนี้ได้สำเร็จ” ‘นกยูง’ เอามือหนึ่งเท้าเอว อีกมือหนึ่งหนีบผ้า เช็ดหน้ายกมือขึ้นชูสามนิ้วตรงหน้าของมู่ชิงเกอ
“สามวันหรือ” มู่ชิงเกอหรี่ตาบอกว่า “พี่สาวมีลู่ทางจริงๆ นะ เวลาของข้ามีค่ามากชักช้าไม่ได้”
“พี่สาวเข้าใจ พวกเจ้ามนุษย์เทพที่บินจากข้างล่างขึ้นมา พอออกจากเสี่ยวเทียนอี้ก็ต้องไปหาแดนเทพแต่ละแห่งภายในครึ่งปี พี่สาวรู้ ข้าเป็นมนุษย์ธรรมดา ไม่กล้าไปกลั่นแกล้งพวกเจ้ามนุษย์เทพหรอก” ‘นกยูง’ ส่ายเอวทำเอามู่ชิงเกอตาลายไปหมด
มู่ชิงเกอหัวเราะ “ในเมื่อพี่สาวรู้ถึงความสำคัญ ข้าก็เชื่อใจพี่สาว จะขอตามพี่สาวไปแล้วกัน”
“ฉลาดหลักแหลม” ‘นกยูง’ หัวเราะพลางยกนิ้วหัวแม่โป้งให้มู่ชิงเกอและกล่าวยกย่อง
พูดแล้วยังหันไปแค่นเสียงฮึใส่พวกเข้าแถวอย่างหยิ่งยโสแล้วนำทางมู่ชิงเกอ “น้องชาย เชิญทางนี้”
มู่ชิงเกอผงกศีรษะให้นาง ตามนางออกจากแถว
ทั้งคู่ยิ่งเดินยิ่งไกล รอจนทั้งคู่เดินไปจนเกือบลับตาแล้วกลุ่มคนที่เข้าแถวข้างหน้ามู่ชิงเกอก็เริ่มซุบซิบกัน
“โถ น่าเสียดาย โดนต้มอีกคนแล้ว”
“ความงามชักนำให้คนหลงผิด กล่าวกันเช่นนี้ แต่แค่อาศัยความสวยของสตรีนางนั้นทำไมจึงชักนำหนุ่มรูปงามคนนั้นไปได้เล่า”
“ดูเขาอายุยังน้อยนัก ไม่แน่ว่าเวลาที่อยู่โลกข้างล่างอาจจะมัวแต่ฝึกฝนบำเพ็ญไม่มีโอกาสเข้าใกล้อิสตรี พอมาถึงแผ่นดินเทพจึงควบคุมใจตัวเองไม่อยู่”
“ยังคงเป็นพวกเราที่บังคับจิตใจได้ ฝึกจิต สมถะ อดทนรอคอย จะต้องมีคราวที่ถึงตาพวกเราบ้าง”
“มีน่ะมีแน่ เพียงแค่ต้องรออีกหลายวันหน่อยถือว่าเป็นการบำเพ็ญเพียรแล้วกัน”
“อืม สถานที่เหล่านั้นเป็นสถานที่อโคจร ไปไม่ได้ ไปไม่ได้”
ห่างจากตลาดที่ผู้คนพลุกพล่าน มู่ชิงเกอถูก ‘นกยูง’ พาเข้าไปในซอยเปลี่ยวแห่งหนึ่ง “พี่สาวจะพาข้าไปไหน”
“ตามข้ามาก็แล้วกัน สบายใจเถอะ พี่สาวไม่จับเจ้าไปขายหรอก” ‘นกยูง’ พูดอย่างลึกลับ
มู่ชิงเกอยิ้มไม่ได้พูดอีก
แต่พอนางไม่พูด ‘นกยูง’ กลับพูดไม่หยุดแทน นางพูดอยู่คนเดียวว่า “ท่านนั้นที่ดูแลหอสุดหล้าฟ้าเขียวเฝ้าอยู่ที่นี่มา 1,800 ปีแล้ว เอาเป็นว่า ตั้งแต่พี่สาวยังไม่เกิดเขาก็เฝ้าอยู่ที่นี่แล้ว ข้าได้ยินผู้อาวุโสในเมืองพูดว่า เขาทำผิดในแดนเทพ เพราะหมดอาลัยตายอยากจึงขออาสามารับโทษอยู่ที่นี่ ชาตินี้จะออกจากเทียนหยาจวีไม่ได้”
มู่ชิงเกอไม่ได้รับคำ เพียงแค่รับฟังอย่างสงบนิ่ง
‘นกยูง’ เองก็ไม่ได้รอให้มู่ชิงเกอตอบคำ นางพูดต่อว่า “เมื่อเขามาอยู่ที่นี่แล้วก็มีนิสัยชอบดื่มสุรา พอเมาแล้วก็หลับยาวไม่รู้เรื่อง ใช้ชีวิตเมามายไปวันๆ เมื่อถึงช่วงที่เขาตื่นขึ้นมาหาสุราก็จะช่วยพวกมนุษย์เทพที่เข้าแถวลงทะเบียน มนุษย์เทพบางคนโชคดีเพียงวันสองวันก็ลงทะเบียนแล้วเสร็จ มนุษย์เทพบางคนโชคไม่ดีต้องรอเดือนสองเดือน ก็เป็นเรื่องที่เกิดขึ้นบ่อยๆ”
“เดือนสองเดือนนี่ไม่เกินไปหรอกหรือ” มู่ชิงเกอพูดอย่างเหลือเชื่อ
“ไม่เกินไปหรอก ท่านคนนั้นน่ะเคยเมานานที่สุดถึงครึ่งปีเชียว” ‘นกยูง’ พูดด้วยสีหน้าเกินจะบรรยาย
ครึ่งปี!
มู่ชิงเกอใจหายวาบ นางไม่มีเวลาจะรอเขาสร่างเมามากมายเช่นนี้หรอกนะ
นางขมวดคิ้วนิดๆ เม้มปากพูด “พี่สาว บอกว่าจะช่วยข้าจัดการเสร็จในสามวัน จะใช้วิธีอะไรหรือ”
‘นกยูง’ ยิ้มด้วยความมั่นใจ บอกมู่ชิงเกอว่า “เจ้าวางใจได้ เมื่อข้าบอกเช่นนี้ ย่อมจะต้องมีวิธีของข้า เจ้าตามพี่สาวไปอย่างสบายใจเถอะ ไปเป็นเทพสำราญสักสามวัน พอโอกาสมาถึงพี่สาวจะพาเจ้าไป ไม่แน่ว่าเวลาที่พี่สาวมาเรียกเจ้า เจ้าอาจจะไม่อยากไปแล้วด้วยซ้ำ”
นางยิ้มอย่างมีเลศนัย คำพูดเองก็มีเลศนัย ท่าทางยิ่งมีเลศนัย
มู่ชิงเกอพอจะเดาอะไรบางอย่างขึ้นมาได้
ครั้งก่อนขณะที่นางยังอยู่ที่หลินชวนก็เคยทำเรื่องบางเรื่องร่วมกับเจ้าอ้วนแซ่เซ่ามาไม่น้อย
มู่ชิงเกอมุมปากกระตุกน้อยๆ รู้สึกจนใจ
นางอยากให้ตัวเองเข้าใจผิด สถานที่ที่กำลังจะไปไม่ใช่สถานที่อย่างที่นางคิด
แต่…
เมื่อนางถูก ‘นกยูง’ พาเข้าไปยังสถานที่ที่ตกแต่งสวยงาม หรูหรา ประดับประดาด้วยแพรต่วน และเห็นป้ายที่ติดอยู่ใต้ชายคาแล้ว แม้นางจะไม่ยอมรับ ก็ไม่ได้แล้ว
‘หอเซียนสวรรค์’
ตั้งชื่อได้ช่าง…
“เป็นอย่างไร น้องชาย ที่ที่พี่สาวบอกไม่เลวใช่ไหมเล่า” ‘นกยูง’ พูดกับมู่ชิงเกออย่างภาคภูมิใจ
เห็นมู่ชิงเกอยืนนิ่งไม่ขยับเขยื้อนก็นึกว่ากำลังตกตะลึงในความงามของสถานที่ ลูกตาที่กลอกกลิ้งของนางฉายแววภาคภูมิใจออกมา
มู่ชิงเกอแอบยิ้มอย่างขมขื่น เวลานี้นางรู้ฐานะของ ‘พี่สาว’ คนนี้แล้ว
ที่แท้ นางก็คือแม่เล้าในแผ่นดินเทพ
นึกไม่ถึงเลยว่า ในแผ่นดินเทพก็มีสถานที่สำเริงสำราญชนิดนี้อยู่ด้วย ทำให้นางได้เปิดหูเปิดตาเกินความคาดหมายจริงๆ
สิ่งที่เห็นวันนี้ทำให้ความคิดที่นางมีต่อแผ่นดินเทพกลับตาลปัตรไปจนหมด
“แม่นางทั้งหลาย ดูสิพี่สาวว่าพาใครมาให้พวกเจ้า” ขณะที่มู่ชิงเกอกำลังถอนใจ ‘นกยูง’ ก็ร้องตะโกนขึ้น
นางยังพูดไม่จบ มูชิงเกอก็เห็นฝูง ‘ผีเสื้อ’ ‘บิน’ ออกมาจากหอเซียนสวรรค์นั้น เสียงหัวเราะราวกระดิ่งเงินพุ่งมาที่นาง
การรบครั้งนี้ต่อให้เป็นคุณชายมู่ผู้กรำศึกและผ่านประสบการณ์ต่างๆ มามากมายก็ยังทำท่าจะตั้งรับไม่อยู่
ขณะที่นางเตรียมหลบฉากออกไป ‘นกยูง’ ก็ออกมาขวางอยู่เบื้องหน้านาง พลางกางสองแขนออก ห้ามไม่ให้ฝูง ‘ผีเสื้อ’ เข้าใกล้
“โห หล่อเหลาจริงๆ”
“คุณชายผู้หล่อเหลา”
“ข้าไม่เคยเห็นใครหล่อเหลาเท่านี้มาก่อนเลย”
“ครั้งนี้พี่หมิงพาเซียนสวรรค์ตัวจริงมาให้ ชื่อหอเซียนสวรรค์สมชื่อแล้วคราวนี้”
“พวกเจ้าอย่ามาแย่งข้านะ คุณชายคนนี้ ข้าจะปรนนิบัติ”
“อะไรคือเจ้าจะปรนนิบัติ ข้าหมายตาก่อนนะ”
“ข้ามาถึงก่อน เป็นตาเจ้าที่ไหนกัน”
“เป็นของข้า”
“ของข้า”
ของข้า”
“เอาละ ทุกคนเงียบ พวกเจ้าสงบเสงี่ยมสักนิดได้หรือไม่ อย่าทำให้น้องรักข้าตกใจ” ‘นกยูง’ เอ่ยห้ามการถกเถียงของเหล่า ‘ผีเสื้อ’
นางดูมีบารมีมากในฝูง ‘ผีเสื้อ’ พอนางออกปากทุกคนก็เงียบสงบลง
“พี่หมิง หรือพี่เองคิดจะ…” มีสาวน้อยคนหนึ่งรวบรวมความกล้าลองสอบถามดู
เพียงแต่นางยังไม่ทันพูดจบ ก็ถูก ‘นกยูง’ ตัดบท “เพ้อเจ้อ พวกเจ้าฟังให้ดีสามวันที่เขาอยู่ที่นี่ พวกเจ้าจะต้องดูแลเขาดีๆ อย่าได้ทำให้ชื่อเสียงหอเซียนสวรรค์เสียหาย”
“ได้เลย พี่หมิง”
ฝูง ‘ผีเสื้อ’ ยืนอยู่อย่างสงบต่อหน้านาง พลางเอ่ยด้วยความเคารพ
เพียงแต่สายตาที่แอบชำเลืองมู่ชิงเกอ ยังคงแฝงไปด้วยความร้อนแรงและความใจกล้า กระทั่งยังเจือไปด้วยการส่งสัญญาณคลุมเครือบางอย่าง
นั่นทำให้มู่ชิงเกอยืนนิ่งอยู่กับที่ ทั้งขำทั้งสุดจะทน
นางรู้สึกว่าตัวเองจำเป็นที่จะต้องอธิบาย พูดให้ชัดเจนเสียหน่อย เพื่อไม่ให้สามวันที่ผ่านไปนั้นยากลำบากจนเกินไป
แต่นางไม่ทันเปิดปาก ‘นกยูง’ ก็หันมายิ้ม บอกนางว่า “น้องชายอย่าได้กังวล พวกนางเพียงแค่กระตือรือร้นไปหน่อยแต่ไม่ได้มุ่งร้าย พวกเราเข้าไปก่อน มีเรื่องอะไรก็ไปคุยกันข้างใน เข้าไปแล้วก็หาห้องที่ชอบนั่งก่อน ค่อยๆ พูดค่อยๆ จา ค่อยๆ บ่มเพาะความ สัมพันธ์”
มู่ชิงเกอคิดดูแล้วก็คิดในใจว่า ‘ถึงแม้ไม่รู้ว่า สตรีเบื้องหน้าจะมีวิธีใดที่ทำให้นางลงทะเบียนเสร็จได้ภายในสามวัน แต่ตอนนี้ก็มีเพียงวิธีนี้เท่านั้นแล้ว ไม่เช่นนั้นให้ไปเข้าแถวที่หอสุดหล้าฟ้าเขียวก็ไม่รู้จะต้องรอไปถึงเมื่อไร เข้าไปก่อนแล้วกัน’
คิดเช่นนี้แล้ว นางจึงผงกศีรษะ