ตอนที่ 569
สถานที่มอมเมาผู้คน
ต่อมามู่ชิงเกอก็ถูกฝูงผีเสื้อล้อมรอบพาเข้าไปในหอเซียนสวรรค์
พอเข้าไปในหอแล้ว นางก็รู้ถึงความหมายของคำว่าสระสุราสวนมังสา* [1] หลงทองเมาธนบัตร**[2] ได้ในทันที
ชั้นหนึ่งในหอนั้น ส่วนลานโล่งเปิดถึงท้องฟ้ามีสระสุรามหึมา ริมสระสุรานั้น มีเนื้อ ย่างและผลไม้แขวนอยู่เต็มไปหมด สามารถยื่นมือหยิบถึงได้
ด้านหน้า มีเวทีการแสดง บนนั้นมีนักดนตรีและนางรำ เพลงที่บรรเลงนั้นล้วนเป็นเสียงเนิบนาบลึกซึ้ง เพลงที่ขับขานคร่ำครวญราวกับคู่รักกำลังกระซิบข้างหูทำให้คนหน้าแดงใจระทึก ส่วนนางรำเหล่านั้นก็ล้วนมีรูปร่างเย้ายวน นุ่งห่มน้อยนิด ทุกท่วงท่าล้วนยั่วยวนอารมณ์ จุดสงวนของร่างกายสามารถมองเห็นได้วับๆ แวมๆ เพิ่มพูนไฟราคะ
แหงนหน้าขึ้นมอง รอบๆ ลานโล่งเป็นทางเดินยาวเหยียดต่อสูงขึ้นไปเป็นชั้นๆ ด้านในเป็นห้องเรียงเป็นแถวยาว จากทักษะการได้ยินของมู่ชิงเกอทำให้ได้ยินเสียงที่ทำให้เลือดฉีดขึ้นหน้าเป็นระยะๆ
ขณะนี้เป็นเวลากลางวันไม่ใช่เวลาที่คนเยอะที่สุดยังเป็นถึงขนาดนี้ มู่ชิงเกอ ยากจะคาดเดาว่าพอตกกลางคืน ในหอเซียนสวรรค์แห่งนี้จะมีสภาพอย่างไรกัน
“น้องชาย ตามข้ามา” ‘นกยูง’ เดินนำหน้าพามู่ชิงเกอขึ้นข้างบน นางเดินตามทางเดินขึ้นไปทีละชั้น แล้วหยุดลงที่ชั้นห้า
นางยื่นมือผลักประตูที่ปิดแน่นออก กลิ่นหอมจากในห้องโชยออกมา
กลิ่นหอมนี้ไม่ใช่กลิ่นเครื่องประทินโฉมแต่เป็นกลิ่นดอกไม้จากช่อดอกไม้ในห้องที่โชยออกมา นอกจากกลิ่นหอมจางๆ นี้แล้ว กลับไม่มีกลิ่นอื่นอีก ดังนั้นมู่ชิงเกอจึงไม่นึกรังเกียจอะไร
หลังเดินตาม ‘นกยูง’ เข้าไปในห้องแล้ว เหล่า ‘ผีเสื้อ’ ที่ติดตามมาด้วยต่างก็เบียดกันเข้ามาในห้อง ทำให้ในห้องมีกลิ่นเครื่องประทินโฉมเพื่มขึ้นมาจนมู่ชิงเกอที่ไม่เคยชินต้องขมวดคิ้ว
‘นกยูง’ ชำนาญเรื่องการสังเกตท่าที พอเห็นมู่ชิงเกอขมวดคิ้วนางก็รีบใช้สายตาส่งสัญญาณให้ผู้หญิงเหล่านั้นออกไป ผู้หญิงเหล่านั้นเดินพลางหันมามอง แล้วออกจากห้องไปด้วยความอาลัยอาวรณ์ นางจึงเดินไปที่ริมหน้าต่างเปิดหน้าต่างออกเพื่อระบายกลิ่นในห้อง เสร็จแล้วจึงเดินกลับมาข้างกายมู่ชิงเกอ
“น้องชายไม่ถูกใจสาวๆ ของที่นี่หรือ” นํ้าเสียงของ ‘นกยูง’ มีความมึนตึงอยู่ส่วนหนึ่ง ราวกับว่า ไม่พอใจอาการที่มู่ชิงเกอแสดงออก
ในความคิดนางนั้น ไม่มีผู้ชายคนใดที่ไม่มากกามราคะ ประเภทที่นั่งนิ่งไม่ขยับนั้น ก็เพียงเพราะยังไม่เจอหญิงที่ตัวเองถูกใจก็เท่านั้น
“ที่นี่ของพี่สาวมีสาวงามทุกประเภท ไม่ว่าน้องชายอยากได้ประเภทเย้ายวนหยาดเยิ้ม บริสุทธิ์น่ารัก นิ่งเฉยงามสง่า หรือเอาอกเอาใจ ขอเพียงให้เจ้าบอกมาพี่สาวสามารถหามาได้ทั้งนั้น” ‘นกยูง’ บอกมู่ชิงเกอ
มู่ชิงเกอกลับยิ้มสั่นศีรษะ “พี่สาวผิดแล้ว ข้าไม่ต้องการให้หญิงใดมาเป็นเพื่อน”
“ที่แท้น้องชายดูถูกพวกเรา” ‘นกยูง’ แค่นยิ้ม
“พี่สาวอย่าเพิ่งเข้าใจผิด” มู่ชิงเกออธิบาย ถึงอย่างไรนางก็ยังต้องอาศัยให้อีกฝ่ายจัดการเรื่องลงทะเบียนโดยเร็ว “เกี่ยวกับเรื่องสตรี แต่ไรมาข้าก็ไม่ชื่นชอบ ไม่ใช่แกล้งทำเป็นสูงส่ง เพียงแต่ที่บ้านมีคู่ครองอยู่ ข้าไม่อยากทำเรื่องที่ผิดต่อนาง อีกทั้งข้าเพิ่งเข้ามาแผ่น ดินเทพ ยังไม่รู้อนาคตตัวเองจึงไม่มีใจหาความสนุกในเวลานี้”
‘นกยูง’ จ้องมู่ชิงเกอราวกับกำลังตรวจสอบคำพูดของเขาว่ามีความจริงใจแค่ไหน ผ่านไปครู่หนึ่ง ท่าทีของมู่ชิงเกอก็ยังคงเป็นเช่นเดิม ไม่มีลักษณะเสแสร้งแม้แต่นิด นางจึงพูดว่า “ดูไม่ออกว่าน้องชายเป็นพวกรักเดียวใจเดียว เพียงแต่เวลานี้เจ้ามาถึงแผ่นดินเทพ ภรรยาเจ้าที่บ้านมาด้วยกันหรือยังอยู่โลกข้างล่าง หากเป็นอย่างแรกยังดี ถ้าเป็นอย่างหลังน่ากลัวชาตินี้จะไม่มีโอกาสได้พบกันอีกแล้วเจ้าจะไปห่วงใย หวงตนเพื่อนาง ทำไมเล่า”
มู่ชิงเกอยิ้มบอกว่า “นางก็อยู่ในแผ่นดินเทพมาร แต่มาก่อนข้า”
คำพูดนี้กล่าวได้ไม่ผิดเลยสักนิด นางไม่ได้โกหกนะ
“ที่แท้เป็นเช่นนี้เอง” ‘นกยูง’ เอ่ยอย่างเข้าใจ
แต่นางก็ยังไม่ยอมแพ้ “น้องชาย ที่นี่เพียงแค่สนุกชั่วครู่ ชั่วยาม ต่างคนต่างได้ในสิ่งที่ต้องการ พอออกจากที่นี่แล้ว ต่างฝ่ายต่างก็ไม่ยุ่งเกี่ยวกัน พวกเจ้ามนุษย์เทพฝึกฝนบำเพ็ญทั้งวันน่าเบื่อนัก เจ้าไม่อยากถือโอกาสนี้ผ่อนคลายบ้างหรือ ผู้ชายนั้นต่อให้นอกลู่นอกทางไป…”
“อย่าดีกว่า พี่สาวไม่รู้ นางอารมณ์รุนแรงนัก ทั้งยังขี้หึงอีก หาเรื่องไม่ได้ หาเรื่องไม่ได้” มู่ชิงเกอ ปฏิเสธ
เห็นนางท่าทีแน่วแน่ ไม่อาจต่อรองได้อีก ‘นกยูง’ ก็ต้องจำยอม “เช่นนั้นแล้วข้าก็จะไม่บังคับ เมื่อน้องชายยืนกรานเช่นนี้ข้าก็ไม่ฝืนใจ เพียงแต่ข้าทำการค้าอยู่ที่นี่ หากน้องชายอยากให้พี่สาวช่วยเหลือก็ต้องรออยู่ที่นี่สามวัน ในสามวันนี้เงินที่ต้องจ่ายก็ยังต้องจ่าย ไม่ว่าจะต้องการหญิงสาวหรือไม่ ที่นี่มีราคาตายตัว ไม่ว่าเด็กผู้ใหญ่ สามวันจะต้องจ่ายหยกเทพระดับต่ำหนึ่งชิ้น”
สามวันกับหยกเทพระดับต่ำหนึ่งชิ้นหรือ
มู่ชิงเกอเลิกคิ้วหัวเราะออกมา “ที่นี่ราคาไม่ถูกเลยนะ”
ควรรู้ว่าในกระเป๋าจัดเก็บที่แดนฮ่วนเยวี่ยให้นางมานั้นมีหยกเทพระดับต่ำเพียงสามชิ้นเท่านั้น เวลานี้อยู่ที่หอเซียนสวรรค์เพียงสามวันก็ต้องเสียหยกเทพระดับต่ำหนึ่งชิ้นแล้ว
ถึงแม้มูชิงเกอไม่ได้ห่วงเรื่องว่ามีหรือไม่มีหยกเทพ แต่ก็รู้สึกเสียดายมากอยู่ดี
“ราคาไม่ถูกดังนั้นใช่ว่าทุกคนจะมาที่นี่ได้ น้องชายคิดให้ดีๆ จ่ายหยกเทพระดับต่ำเพียงชิ้นเดียว ก็สามารถลงทะเบียนได้อย่างรวดเร็วออกไปจากเทียนหยาจวีได้ดีกว่าพวกหมูโง่ที่เสียดายหยกเทพ ยืนทื่อมะลื่อเข้าแถวอยู่นอกหอสุดหล้าฟ้าเขียวมากกว่าตั้งเท่าไร” ‘นกยูง’ เอ่ยตามตรง
มู,ชิงเกอพูดไม่ออก
ไม่นึกว่านิสัยแย่ๆ ของมนุษย์เทพที่ดูแลหอสุดหล้าฟ้าเขียวจะทำให้หอเซียนสวรรค์ถือโอกาสสร้างกิจการเสริมได้
มาลงทะเบียนที่นี่เพื่อรับรองที่มา หากไม่ลงทะเบียนก็เท่ากับลักลอบเข้าแดน ไม่มีใครยอมรับฐานะ ทำอะไรไม่ได้ในแผ่นดินเทพ
เรื่องเหล่านี้ในแผนที่แผ่นดินเทพตะวันออกได้เขียนไว้ชัดเจน
มิฉะนั้น มู่ชิงเกอก็คงไม่มาที่นี่แล้ว
“น้องชายอย่าได้ติว่าแพงเลย หากเข้าแดนฮ่วนเยวี่ยได้ตามเวลา จะได้หยกเทพมากมายนัก” ‘นกยูง’ พูดต่อ
“อีกทั้ง อยู่ที่นี่สามวันเจ้าก็ไม่ใช่จะไม่ได้อะไรเลย หากเวลาไหนที่คิดตกก็สามารถเรียกสาวงามมาเป็นเพื่อนได้ ไม่คิดราคาเพิ่ม ทั้งยังสามารถรับฟังเรื่องราวแผ่นดินเทพต่างๆ ได้อีกด้วย จะทำให้เจ้าพอจะเข้าใจแผ่นดินเทพมากขึ้น”
‘นกยูง’ มีวาทศิลป์ดีเยี่ยม แม้ไม่มีการฝึกฝนบำเพ็ญก็สามารถทำให้มนุษย์เทพเคลิบเคลิ้มได้
มู่ชิงเกอไม่ได้เสียดายหยกเทพจริงจังนัก เพราะนอกจากนางจะมีหยกเทพระดับต่ำสามชิ้นแล้ว ยังมีที่ขนมาจากสุสานเทพอีกมากมายด้วย
ที่นางออกอาการเช่นนี้ก็เพียงไม่อยากให้ ‘นกยูง’ รู้สึกว่าตัวเองยอมควักหยกเทพง่ายดายนัก
เมื่อเห็นว่าพอสมควรแล้ว มู่ชิงเกอจึงแกล้งทำเป็นตัดใจเต็มที่ ภายใต้การเฝ้ารอของ ‘นกยูง’ นางจึงกัดฟันพูดอย่างเจ็บปวดว่า “ก็ได้”
ตามด้วยหยิบหยกเทพระดับต่ำหนึ่งชิ้นออกมาด้วยความ ‘เสียดาย’ ยื่นให้ ‘นกยูง’ อย่างอาลัยอาวรณ์
“น้องชายเป็นคนเฉลียวฉลาด เด็ดขาด” ‘นกยูง’ เห็นมู่ชิงเกอหยิบหยกเทพออกมาก็กล่าวคำยกย่อง
ราวกับเกรงว่ามู่ชิงเกอจะเปลี่ยนใจ นางรีบแย่งหยกเทพจากมือเขามาพิจารณาอย่างละเอียดแล้วเก็บใส่กระเป๋าเสื้อ ยิ้มบอกมู่ชิงเกอว่า “วางใจได้ น้องชาย เจ้าจะไม่เสียใจแน่ ทั่วทั้งเทียนหยาจวี มีข้าคนเดียวที่มีช่องทางลัด เจ้าพักผ่อนอยู่ที่นี่ให้สบายสามวัน เถอะ หลังจากสามวันแล้วข้าจะมาสอนเจ้า พาเจ้าเข้าไปในหอสุดหล้าฟ้าเขียว”
มู่ชิงเกอยิ้มน้อยๆ ส่ง ‘นกยูง’ ออกไป
หลังจากปิดประตูห้องแล้ว ก็เท่ากับว่านางได้ปิดกั้นเสียงเจี๊ยวจ๊าวของเหล่า ‘ผีเสื้อ’ ไว้ด้านนอก รวมทั้งสายตาแอบมองทั้งหลายก็ถูก ‘นกยูง’ ที่ออกไปนั้นสกัดกั้นออกไปทั้งหมด
มู่ชิงเกออยู่ในห้องได้ยินเสียง ‘นกยูง’ สั่งเหล่าสาวงามของนางว่านางเป็นพวกรักเดียวใจเดียว ไม่อยากทำผิดต่อภรรยาตัวเองจึงไม่อยากแปดเปื้อนราคีคาว ให้พวกนางแยกย้ายไปทำเรื่องของตัวเองเสีย
มู่ชิงเกอยิ้มอย่างจนใจ มองดูรอบห้อง
ที่นี่ถือว่าตกแต่งได้เรียบง่ายน่าชม เรียบร้อย สะอาดสะอ้าน เพียงแต่อยู่ในสภาพแวดล้อมเช่นนี้ มู่ชิงเกอก็ยังรู้สึกไม่สบายตัวนัก
ดีที่ว่านางไม่ได้เป็นคนอยู่ยากที่ต้องเปลี่ยนทุกอย่างจึงจะอยู่ได้ นางเพียงสะบัดแขนเสื้อ ใช้พลังเทพเก็บกวาดเตียงนอนแล้วก็นั่งขัดสมาธิบนเตียง เริ่มต้นฝึกฝนบำเพ็ญ
ท่ามกลางสิ่งแวดล้อมที่แปลกใหม่ นางไม่ได้เข้าไปในช่องว่างเพื่อสอบถามพวกราชครูเรื่องแผ่นดินเทพ นางคิดจะอาศัยความสามารถของตัวเองบุกตะลุยไปในแผ่นดินเทพ
นางฝึกฝนบำเพ็ญครั้งนี้ก็กินเวลาไปถึงครึ่งวัน
จนเมื่อนางถอยออกจากสมาธิก็เป็นเวลากลางคืนแล้ว นอกประตูห้องที่ปิดสนิทนั้นเสียงอึกทึกต่างๆ ดังโหวกเหวกกว่าช่วงกลางวันมากนัก
เดิมมู่ชิงเกอคิดจะสร้างแนวปิดกั้นเสียงเพื่อจะได้รักษาความสงบในห้องไม่ให้ถูกใครรบกวน
แต่เมื่อนึกถึงคำพูดของ ‘นกยูง’ ก่อนจะจากไปแล้ว นางก็เปลี่ยนความตั้งใจ นางไม่ได้สนใจความงามของหญิงสาว แต่สนใจเรื่องข่าวสารสารพัดในแผ่นดินเทพตะวันออก
หอเซียนสวรรค์เป็นจุดที่ดีที่สุดในการรวบรวมข่าวสารข้อมูล
สายตามู่ชิงเกอเปล่งประกาย กวาดเอาความรู้สึกจนใจก่อนหน้านี้ออกไปจนสิ้น สามวันนี้ของนาง จะต้องคิดหาวิธีทำให้หยกเทพอันนั้นของตัวเองมีคุณค่าจึงจะถูก
คิดเช่นนี้แล้ว มุมปากของมู่ชิงเกอก็ยกขึ้นโดยไม่รู้ตัว
นางเดินลงจากเตียงยกมือขึ้นปัดเสื้อผ้า เดินยืดหลังตรงไปเปิดประตูแล้วก้าวออกไป
พอออกมานอกประตู นางก็สัมผัสได้ถึงสารพัดเสียงออดอ้อนเสน่หาของชายหญิง ในหอเซียนสวรรค์มีผู้คนหนาแน่น เมื่อเทียบกับเมื่อตอนกลางวันแล้วมีคนมากกว่าหลายเท่าตัวนัก
มู่ชิงเกอยืนมองลงไปจากห้องตัวเองก็เห็นบริเวณลานโล่งนั้น
ที่สระสุราสวนมังสา หญิงชายกำลังปลดปล่อยอารมณ์กันอย่างเต็มที่ ส่วนบนเวทีนั้น ชุดของนางรำยิ่งเปิดเผยเนื้อหนังจนหมด ทุกท่วงท่าการร่ายรำนั้นล้วนแฝงการยั่วยวน ปลุกอารมณ์แขกหนุ่มที่อยู่รอบๆ
ตรงระเบียงทางเดินแต่ละชั้นนั้น ชั้นสองเป็นที่นั่งพิเศษส่วนชั้นหนึ่งเป็นที่นั่งรวม ทุกที่อัดแน่นไปด้วยหญิงชายเป็นคู่ๆ รวมทั้งชายหนึ่งหญิงสอง
เสียงกระเส่าที่ชวนให้จิตใจหวั่นไหวเลือดลมพลุ่งพล่านลอยแว่วออกมาจากห้องจำนวนไม่น้อย…
*สระสุราสวนมังสา หมายถึง การใช้ชีวิตเสพสุข สำมะเลเทเมาไปวันๆคำนี้เกิดมาจากพฤติกรรม ของโจ้วอ๋องในสมัยราชวงศ์ซางที่วัน ๆ เอาแต่คิดแต่จะหาความสำราญถึงขั้นสร้างให้มีสระสุราและแขวนเนื้ออยู่ด้านในมากมายเพื่อดื่มกินและมั่วโลกีย์
**หลงทองเมาธนบัตร ในสมัยปลายราชวงศ์ถัง เล่าว่ามีชายคนหนึ่งชื่อว่าเมิ่งฝู่ เขาใช้กระดาษทอง ในการห่อเครื่องเรือนในบ้านของตนเองทั้งหมด และเครื่องเรือนพวกนั้นก็จะส่งแสงเจิดจ้าจับตาออกมา เมื่อมีคนเข้าไปในบ้านของเขาก็จะรู้สึกลุ่มหลงมัวเมาในแสงทองพวกนั้น ใช้สื่อถึงสภาพแวดล้อมที่ไม่ดี