Skip to content

พลิกปฐพี 593

ตอนที่ 593

ความเร็วการบำเพ็ญที่ฝืนกฎแห่งฟ้า

คำพูดของเซียนสุ่ยไม่ได้รบกวนจิตใจของมู่ชิงเกอแต่อย่างใด

นางมองเซียนสุ่ยแล้วยิ้มเรียบๆ “ศิษย์พี่เซียนสุ่ย วันนี้พวกเรามาประลองกันให้เต็มที่เถอะ”

“ดี!” แววตาเซียนสุ่ยนิ่งและเริ่มตั้งท่า

บนเวทีประลอง บรรยากาศพลันเปลี่ยนไป

พลังกฎบัญญัติถูกเรียกมา รอบบริเวณเวทีประลองเกิดพายุเกรี้ยวกราด

ไม่มีการอารัมภบท พอเริ่มต้นก็เข้าสู่ช่วงที่เร่าร้อนรุนแรงที่สุดทันที ตัดการหยั่งเชิงที่พึงมีในตอนต้นไปจนหมด การต่อสู้เช่นนี้ดึงดูดความสนใจคนทั้งหมดไว้ในทันที

บรรยากาศของคนดูบนเขาเล็กลอยเริ่มตื่นเต้นขึ้นเรื่อยๆ

“ตบะบำเพ็ญของเซียนสุ่ยเป็นขั้นถํ้าวิญญาณขั้นห้า ส่วนมู่ชิงเกอเมื่อครึ่งปีก่อนเป็นขั้นถํ้าวิญญาณขั้นหนึ่ง เวลาครึ่งปี ถึงแม้เขาจะมีพรสวรรค์เหนือลํ้า ทั้งโชคก็เหนือลํ้า แต่อย่างมากที่สุดก็แค่เข้าถึงขั้นถ้ำวิญญาณขั้นสองได้เท่านั้น ต่างกันถึงสามขั้นผลแพ้ชนะไม่ต้องคิด แล้ว” ใหญ่น้อยหลีเฉาสองตาจ้องทั้งสองคน แล้วส่ายหน้าช้าๆ บอกการวิเคราะห์ของตัวเอง

สี่น้อยพูดอย่างไม่เห็นด้วย “เวลาครึ่งปี จากขั้นถํ้าวิญญาณขั้นหนึ่งเข้าขั้นถํ้าวิญญาณขั้นสองนั้น เป็นไปไม่ได้”

เขาบอกเหตุผลของตัวเอง “เจ้าดูพวกเรา ไม่ต้องพูดถึงแผ่นดินเทพตะวันออกทั้งหมด แค่ในดินแดนฮ่วนเยวี่ยก็นับว่าพรสวรรค์ดีเด่นสุดยอดแล้ว แต่ครั้งที่พวกเราขึ้นจากขั้นถํ้าวิญญาณขั้นหนึ่งเข้าถึงขั้นถํ้าวิญญาณชั้นสองต้องใช้เวลาตั้งเท่าไร นานสุดใช้เวลาสิบปี สั้นสุดก็ยังใช้เวลาตั้งหกปี ลูกศิษย์อื่นนั้นนานกว่าอีก บางทีเป็นร้อยปีก็ยังหยุดอยู่เท่านี้ การเลื่อนชั้นของชั้นถํ้าวิญญาณไม่ใช่แค่สะสมพลังเทพเท่านั้น ยังต้องมีการเข้าใจวิถี ระยะเวลาเพียงครึ่งปีคิดจะทะลวงขอบเขตหรือ ข้าไม่เชื่อ

ใช่เลย!ไม่เชื่อ!

คำพูดของสี่น้อยทำให้ทั้งห้าน้อย หกน้อย รองน้อยและแปดน้อยต่างผงกศีรษะ

หากภายในครึ่งปีมู่ชิงเกอสามารถทะลวงขอบเขตเข้าถึงขั้นถํ้าวิญญาณชั้นสองได้แล้วพวกเขาจะถูกจัดเป็นอะไรกัน คนที่มีพรสวรรค์เช่นนี้ ปีศาจเช่นนี้ ความเร็วการบำเพ็ญที่ฝืนกฎแห่งฟ้าเช่นนี้ ต่อให้พ่ายแพ้ในวันนี้แต่ที่นั่งหนึ่งในสิบลูกศิษย์ใหญ่ดินแดนฮ่วนเยวี่ยก็หนีไม่พ้นต้องเป็นของเขาวันยังคํ่าอยู่ดี

อย่าว่าแต่ดินแดนฮ่วนเยวี่ยเลย แม้แต่แผ่นดินเทพตะวันออก แผ่นดินเทพทั้งสี่สมุทรล้วนไม่มีใครเทียบได้ ยิ่งรวมถึงวิชาการปรุงยาของเขาด้วยแล้ว…

คนที่โดดเด่นมากจนเกินไป ก่อนที่เขาจะเปล่งรัศมีออกมาทั้งหมดคนจำนวนมากล้วนไม่ยอมเชื่อ ทั้งยังปฏิเสธโดยสิ้นเชิง พวกเขายินยอมที่จะเชื่อว่าอีกฝ่ายเป็นเช่นเดียวกับตัวเอง ไม่ใช่เทพแต่อย่างใด

เพราะถ้าทั้งหมดต่างก็เป็นมนุษย์ก็ยังมีโอกาสที่จะไล่ตามได้ทัน แต่หากเป็นเทพแล้ว พวกเขาก็จะทำได้เพียงแหงนหน้ามองเหมือนมนุษย์ธรรมดาข้างล่างที่แหงนหน้ามองมนุษย์เทพ เผ่าเทพอย่างพวกเขา

“เจ้าสิบ เจ้าว่าอย่างไร” ใหญ่น้อยเบนสายตามองไปยังจวงซาน

จวงซานยิ้ม “ผลเป็นอย่างไร พวกเราจะคาดเดาทำไม อดทนดูจนจบไม่ใช่ทุกอย่างก็จะเฉลยเองหรือ”

ทุกคนชะงักพากันมองที่เขา

ใหญ่น้อยหัวเราะแล้วส่ายหน้า “กลับเป็นพวกเราที่เลอะเลือน ใกล้จะเฉลยอยู่แล้ว พวกเรายังจะเถียงกันไม่เลิกอีก”

สี่น้อยเองก็คลายมือที่กอดอกออก พยักหน้าว่า “เช่นนั้นก็ดูการต่อสู้แล้วกัน”

พวกเขาคุยกันเพียงเดี๋ยวเดียวเท่านั้น

เวลานี้พลังกฎบัญญัติที่รวมตัวเข้ามารอบๆ เวทีประลองได้เปลี่ยนจากพายุเป็นพายุหมุน แต่ละลูกหมุนรอบเป็นวังวน ปรากฎขึ้นที่เวทีประลอง ราวกับจะเชื่อมต่อไปจนถึงขอบฟ้า

พลังกฎบัญญัติของเซียนสุ่ยปะปนด้วยไอน้ำ กฎบัญญัติแห่งนํ้าที่เขาเข้าใจลึกซึ้งอย่างที่สุด การต่อสู้กับมู่ชิงเกอครั้งนี้เขายิ่งไม่ยอมออมมือ สาบานว่าจะล้างอายครั้งที่แล้วให้จงได้

เขามองมู่ชิงเกอที่ยืนนิ่งๆอยู่บนเวที แววตาจ้องเขม็งคิ้วที่ดูอ่อนนุ่มคล้ายเปลี่ยนเป็นคมดาบ “นํ้าคุมจมลอย…”

พลังมหาศาลนุ่มนวลดังนํ้า พลังรุนแรงราวคลื่น ซัดครอบคลุมเวทีประลองทั้งหมด

กระทั่งเขาเล็กลอยของคนดูรอบๆ เองก็ล้วนได้รับผลกระทบ

คนที่ยืนอยู่ด้านบนจมลงไปในนํ้าราวกับอยู่ท่ามกลางมหาสมุทรไม่สามารถบังคับตัวเองได้เพียงปล่อยร่างกายให้ล่องลอยไปในทะเลตามยถากรรม

พวกที่ยืนอยู่ข้างนอกยังเป็นเช่นนี้ยิ่งไม่ต้องพูดถึงมู่ชิงเกอที่อยู่บนเวทีประลองเลย

เวลานี้ เซียนสุ่ยราวกับแปลงร่างเป็นเทพวารี ควบคุมพลังน้ำทั้งฟ้าดินเข้าโจมตีมู่ชิงเกอ

เขายังคงหยิ่งผยองเช่นเดิม ชอบที่จะใช้กระบวนท่าเดียวเอาชนะคู่ต่อสู้ทำให้คู่ต่อสู้ไม่มีโอกาสรับมือได้แม้แต่น้อย

“ในครึ่งปีนี้ เซียนสุ่ยมีความเข้าใจในกฎบัญญัติแห่งน้ำ วิถีแห่งนํ้าลึกซึ้งขึ้นมากเลย” ใหญ่น้อยหลีเฉากล่าวชม

เวลานี้ในสายตาพวกเขา มู่ชิงเกอยิ่งถูกตราหน้าว่าต้องแพ้แน่นอน

แต่ขณะที่พวกเขาต่างคิดว่ามู่ชิงเกอจะต้องพ่ายแพ้อย่างหมดรูปในกระบวนท่านี้ของเซียนสุ่ยนั้น มู่ชิงเกอกลับพูดอย่างสบายๆ ว่า “เรือน้อยล่องลอย”

ขณะที่พลังกฎบัญญัติถาโถมเข้ามา

ทันใดนั้นพลังกฎบัญญัติก็พุ่งขึ้นมาจากใต้เท้านาง พลังกฎบัญญัติสีเขียวรวมตัวอยู่รอบตัวนางกลายเป็นเรือโอบอุ้มนางไว้ภายในลอยล่องไปตามกระแสน้ำ สกัดกั้นพลังกฎบัญญัติแห่งน้ำไว้ภายนอกทั้งหมด

“รากวิญญาณไม้!” สี่น้อยตกตะลึงจนเบิกตากว้าง

ไม่เพียงแต่เขา คนอื่นต่างก็ตะลึงเช่นกัน

จวงซานเองก็ตะลึงไปเหมือนกัน เนื่องจากในบัญญัติอาคมของสายไม้ เรือน้อยลอยล่องเป็นบัญญัติอาคมป้องกันที่สูงมากๆ จะต้องถึงขั้นถํ้าวิญญาณชั้นสามจึงสามารถใช้งานได้

“ขั้นถํ้าวิญญาณชั้นสาม!” ใหญ่น้อยอุทานด้วยความตะลึงพรึงเพริด

พอเขาเอ่ยขึ้น คำที่เอ่ยออกมาก็ทำให้แต่ละคนหน้าเปลี่ยนสีกันไปหมด

พวกเขาเพิ่งพูดอะไรไปหรือ ในเวลาครึ่งปีมู่ชิงเกอต่อให้เป็นปีศาจขนาดไหน ต่อให้ฝืนกฎแห่งฟ้าอย่างไร คิดจะทะลวงขอบเขตเป็นขั้นถํ้าวิญญาณชั้นสองยังยากเย็นมหาศาล

แต่เวลานี้เล่า

พวกเขาไม่มีใครนึกเลยว่าจะถูกตบหน้าไวเช่นนี้

มู่ชิงเกอไม่ใช่เพียงแค่ทะลวงสู่ขั้นถ้ำวิญญาณชั้นสอง แต่กลับเป็นขั้นถํ้าวิญญาณชั้นสาม

ในเวลาครึ่งปี กระโดดขึ้นสองชั้น นี่เป็นความเร็วการบำเพ็ญชนิดไหนกันแน่

น่ากลัว น่ากลัวเกินไปแล้ว!

“ครั้งที่แล้วเขาไม่ใช่ใช้คาถาอาคมสายฟ้าหรือ” ท่ามกลางอาการตื่นตะลึงซวนเฉียงก็พึมพำขึ้น

“คาถาอาคมสายไม้” กฎบัญญัติแห่งน้ำถูกสกัดไว้ได้ทั้งหมด เซียนสุ่ยมองมู่ชิงเกอด้วยความตะลึง เปรียบเทียบกับความตกตะลึงเรื่องที่มู่ชิงเกอเป็นขั้นถํ้าวิญญาณขั้นสามแล้ว เรื่องคาถาอาคมสายไม้ที่เขาใช้ยังทำให้เขาตะลึงได้มากกว่า

เนื่องจากครั้งที่แล้วเขาจำได้แม่นว่ามู่ชิงเกอเป็นรากวิญญาณสายฟ้าที่หาได้ยากและใช้คาถาอาคมสายฟ้า

“เจ้าไม่ใช่รากวิญญาณสายฟ้าหรือ” เซียนสุ่ยถามเสียงหลง

มู่ชิงเกอพยักหน้าเรียบๆ อมยิ้มที่มุมปาก “ข้าเป็นรากวิญญาณสายฟ้า”

“เจ้าเป็นรากวิญญาณสายฟ้า แล้วเวลานี้…” ทันใดนั้นตาดำเซียนสุ่ยก็หดลงมองมู่ชิงเกออย่าง เหลือเชื่อ

“เจ้ามีหลายรากวิญญาณ!”

เปรี๊ยะ!

คำพูดของเซียนสุ่ยอธิบายข้อสงสัยของคนทั้งหมด

สิบน้อยตำหนักหน้าทั้งหลายต่างสะท้าน ทั้งลูกศิษย์เสื้อเขียว ลูกศิษย์เสื้อขาว ลูกศิษย์ขั้นถํ้าวิญญาณที่เขาเล็กลอยต่างก็สั่นสะท้านกันไปหมด

พวกเขาไม่มีใครคิดเลยว่ามู่ชิงเกอจะมีหลายรากวิญญาณ ไม่เพียงมีแค่รากวิญญาณสายฟ้า ยังมีรากวิญญาณไม้และที่ยิ่งทำให้ทุกคนหวาดกลัวนั่นก็คือ ทุกคนต่างรู้ว่าการมีรากวิญญาณมากกว่าหนึ่ง ความเร็วในการบำเพ็ญจะช้าลงเป็นเท่าตัว รากวิญญาณยิ่งมาก ความเร็วการบำเพ็ญก็จะช้าลงเป็นเท่าทวีคูณ

ส่วนมู่ชิงเกอน่ะหรือ

กฎที่ทุกคนต่างรู้ไม่ได้และไม่เคยมีสิ่งอัศจรรย์ใดปรากฎมาก่อนราวกับไม่มีผลต่อตัวเขา เขามีหลายรากวิญญาณแต่สามารถทะลวงขอบเขตจากขั้นถํ้าวิญญาณขั้นหนึ่งไปถึงขั้นถํ้าวิญญาณขั้นสามภายในเวลาครึ่งปี

เป็นความเร็วการบำเพ็ญชนิดไหนกันน่าหวาดกลัวเหลือเกิน

เป็นครั้งแรกที่ลูกศิษย์ดินแดนฮ่วนเยวี่ยทั้งหมด รู้สึกถึงความน่ากลัวของมู่ชิงเกอ

ความเร็วการบำเพ็ญที่น่ากลัว

“เขามีหลายรากวิญญาณ!” ห้าน้อยอดไม่ได้มองไปที่จวงซาน

แต่แรกนั้น จวงซานเป็นคนรับมู่ชิงเกอ เข้าแผ่นดินเทพตะวันออก มีรากวิญญาณอะไร เขาย่อมรู้ดีที่สุด

ในเวลานั้น พวกที่ใจร้อนอยากรู้คำตอบต่างก็มองไปยังจวงซาน จวงซานกลับทำเป็นเล่น แกล้งพูดว่า “ดูต่อไปเถอะ เจ้าสามไม่ทำให้พวกเจ้าผิดหวังแน่นอน’

ทุกคนต่างนิ่งเงียบ แต่ภายในจิตใจถูกมู่ชิงเกอทำร้ายจนเต็มไปด้วยบาดแผล

“มีสองรากวิญญาณ!”

“สายฟ้ากับไม้ หนึ่งโจมตี หนึ่งป้องกัน ต่างเป็นรากวิญญาณที่แข็งแกร่งมาก”

“พรสวรรค์นี้ รออีกหน่อยจะต้องมีชื่อเสียงดังสนั่นทั่วแผ่นดินเทพตะวันออกแน่”

“ทำไมต้องรออีกหน่อย เจ้าไม่เห็นหรือ ครึ่งปีทะลวงขอบเขตถึงสองชั้น ความเร็วเช่นนี้อีกไม่นานก็สามารถแซงพวกมีพรสวรรค์ข้างหน้าได้หมดแล้ว”

“การต่อสู้ครั้งนี้ ผลลัพธ์ยากจะคาดเดาอีกแล้ว”

เหล่าลูกศิษย์ที่ดูอยู่ต่างวิพากษ์วิจารณ์กัน

ถงเถิงฟังพวกเขาวิจารณ์แล้วในใจก็ผุดความรู้สึกเป็นเกียรติและความภาคภูมิใจไปด้วย

ส่วนลูกศิษย์หญิงรวมทั้งซวนอิ่งกับสวีปิงต่างก็ตะลึงจนอ้าปากค้างพูดไม่ออก

บนเวทีประลอง พลังกฎบัญญัติของเซียนสุ่ยไม่สามารถโจมตีมู่ชิงเกอได้ เขายืนอยู่ท่ามกลางพลังกฎบัญญัติ แววตาเย็นเฉียบเอ่ยว่า “ถึงแม้เจ้าทำให้คนตกตะลึงได้ แต่เจ้าเป็นขั้นถํ้าวิญญาณชั้นสาม ข้าเป็นถ้ำวิญญาณชั้นห้า ห่างกันสองชั้นราวกับเหวลึกหมื่นจั้งไม่สามารถทดแทนได้ เจ้ามีหลายรากวิญญาณจะเผาผลาญพลังเทพรวดเร็วมาก ถึงแม้จะฝืนยื้อได้จนถึงตอนสุดท้าย เจ้าก็ไม่อาจชนะได้อยู่ดี”

“ชนะไม่ได้หรือ” มู่ชิงเกอแหงนหน้ามองดูพลังกฎบัญญัติบนท้องฟ้า พลังเทพของนางเผาผลาญไปไวก็จริงอยู่ แต่ที่นางบำเพ็ญนั้นคือเคล็ดวิชาเทวะ บำเพ็ญถึงไขกระดูกเส้นชีพจรอ่างภายในร่างนางใหญ่กว่าคนที่อยู่ในขั้นเดียวกันมากนัก

พูดได้ว่า หากจะเทียบเรื่องพลังเก็บสะสมนั้น มู่ชิงเกอไม่แพ้เซียนสุ่ยแน่นอน

เรื่องนี้นางเองก็ไม่อยากจะบอก

หันกลับมาแล้วนางก็พูดอย่างสงบนิ่งว่า “อย่างนั้นก็จบการต่อสู้ก่อนที่จะใช้พลังเทพหมดก็แล้วกัน”

พูดจบ พลังกฎบัญญัติสายไม้ก็เปลี่ยนไปในทันที กลายเป็นพลังกฎบัญญัติสายไฟ “เผาแยกฟ้าดิน…”

ปัง!

ขั้นถํ้าวิญญาณชั้นสาม บัญญัติอาคมสายไฟ สายโจมตีที่รุนแรงที่สุดเกิดขึ้นทะเลเพลิงโชติช่วงซัดไปที่พลังกฎบัญญัติสายนํ้าเบื้องหน้าทันที พลังกฎบัญญัติทั้งสองปะทะกันจนเวทีประลองถูกกระแทกจนสั่นสะเทือนขึ้นมา

เขาเล็กโดยรอบต่างได้รับผลกระทบทำให้เหล่าลูกศิษย์เต่างต้องขับเคลื่อนวิชาเพื่อต้านทาน

“สายไฟ! เขามีรากวิญญาณไฟด้วย”

“สวรรค์! เขาเป็นปีศาจที่ผุดขึ้นมาจากที่ใดของโลกเบื้องล่างเนี่ย”

“แค่ปีศาจไม่พอสำหรับเปรียบเทียบความสยดสยองของเขาได้แล้ว ต้องเพิ่มฝืนกฎแห่งฟ้าเข้าไปด้วย ปีศาจที่ฝืนกฎแห่งฟ้า!”

“รากวิญญาณสายฟ้า รากวิญญาณไม้ รากวิญญาณไฟ ข้ายอมแล้ว!”

เหล่าลูกศิษย์ต่างตื่นตะลึงจนถึงขีดสุด

เสียงหลีเฉาตํ่าลงจนน่ากลัวเพราะความตื่นตะลึง “รากวิญญาณไฟ! รากวิญญาณสามสาย ในเวลาครึ่งปี ไม่เพียงทะลวงขอบเขตสองชั้นทั้งยังสามารถบำเพ็ญคาถาอาคมทั้งสามสายจนถึงจุดสุดยอดได้”

คนอื่นๆ ไม่มีอะไรจะพูดอีกแล้ว

ส่วนจวงซานเวลานี้เอง ในใจก็เกิดคลื่นลมพลิกผันไม่หยุด ขณะที่เขามองมู่ชิงเกอที่กำลังสว่างไสวบาดตาในตอนนี้นัยน์ตาของเขาก็ราวกับถูกโลหิตเร่าร้อนเผาไหม้ขึ้นก็ไม่ปาน

ใส่ความเห็น

อีเมลของคุณจะไม่แสดงให้คนอื่นเห็น ช่องข้อมูลจำเป็นถูกทำเครื่องหมาย *

error: Content is protected !!
Exit mobile version