ตอนที่ 595
เสี่ยวเกอเอ๋อร์ ข้าคิดถึงเจ้า
“เฮ้อ…เฮ้อ…”
เสียงถอนใจ แว่วเข้าหูมู่ชิงเกอไม่หยุดหย่อน นางมองคนข้างๆ ด้วยความขบขันแล้วพูดหยอกว่า “เห็นเจ้าถอนใจตลอดทาง เจ้าไม่อยากออกมาหรือ”
ถงเถิงชะงักส่ายหน้าจนศีรษะแทบหลุด “ลูกพี่ ไม่ใช่ ไม่ใช่แน่นอน ข้าเพียงแค่รู้สึกผิดคาดเท่านั้น”
รอยยิ้มที่มุมปากมู่ชิงเกอยิ่งชัดเจน นางสะบัดเสื้อตัวเองพลางถามว่า “งั้นหรือไหนลองพูดมา ให้ฟังดูหน่อย”
ถงเถิงสูดลมหายใจลึกบ่นว่า ‘ เดิมข้านึกว่า ออกจากดินแดนฮ่วนเยวี่ยจะได้ออกมาเที่ยวแผ่นดินเทพตะวันออกสบายๆ ไม่นึกว่าจะนั่งเรืออากาศตรงมาเลย ข้ามองมหาสมุทรดวงดาวมาแล้วเดือนกว่า ต่อให้ทิวทัศน์งามแค่ไหนก็ยังเบื่อ”
พูดจบเขาก็ครวญออกมา กางสองมือทรุดอยู่ที่ราวกั้นดาดฟ้าเรืออากาศ
“ครั้งนี้มีของวิเศษปรากฎออกมา หากพวกเราไปช้าจะคลาดเอา” เสียงจวงซานแทรกเข้ามากะทันหัน ทำให้ถงเถิงรีบยืนตรงหันกายมองมา
มู่ชิงเกอก็ลุกขึ้นหันมองแล้วยิ้มให้คนที่มา “ศิษย์พี่จวงซาน ศิษย์พี่เฟิ่งซิ่ง”
เฟิ่งซิ่งโบกไม่โบกมือคล้ายจะบอกมู่ชิงเกอว่า ‘เวลานี้เจ้าเป็นสามน้อยฮ่วนเยวี่ยแล้ว อย่าเรียกข้าว่าศิษย์พี่’
มู่ชิงเกอเข้าใจความหมายเขา แต่ในใจนางทำตามความรู้สึกตัวเองเท่านั้น จะไปสนใจกฎเกณฑ์อะไรวุ่นวายทำไม
เช่นเดียวกับปัจจุบัน นางยังคงเรียกจวงซานเป็นศิษย์พี่ ไม่ได้เรียกว่าเจ้าสิบก็ด้วยเหตุผลเดียวกัน
“ศิษย์พี่จวงซาน ศิษย์พี่เฟิ่งซิ่ง” ถงเถิงก็ทักทั้งสองคน
จวงซานยิ้มให้ถงเถิงว่า “หากสนใจโลกภายนอกดินแดนฮ่วนเยวี่ย รอให้เจ้าบำเพ็ญถึงขั้นถํ้า วิญญาณแล้วค่อยออกไป หรือช่วยทำภารกิจให้ดินแดนบ้าง ตบะบำเพ็ญของเจ้าเวลานี้แม้จะพอสมควรแล้ว แต่ก็ยังตํ่าไปหน่อย หากออกไปข้างนอกเองแล้วเจอกับพวกเจ้าเล่ห์จะเสียเปรียบได้ง่าย”
“ขอรับ ศิษย์พี่” ถงเถิงผงกศีรษะยิ้ม
เมืองล่างของดินแดนฮ่วนเยวี่ยยังนับว่าครึกครื้น แต่ในเมืองบนการใช้ชีวิตของทุกคนบริสุทธิ์กว่า ล้วนอยู่แต่กับการบำเพ็ญ จากนิสัยของถงเถิงนั้นแน่นอนว่าเขารู้สึกเหี่ยวเฉามานานแล้ว เพียงแต่มู่ชิงเกอไม่ได้จากไปเขาก็เลยไม่อยากจากไปเท่านั้น
ทั้งสี่คนสนิทสนมกัน การพูดคุยย่อมไม่มีความรู้สึกไม่สะดวกใจต่อกัน
ส่วนซวนเฉียงที่พาสวีปิงมาด้วยนั้น ตั้งแต่ขึ้นเรืออากาศมาแล้วก็อยู่แต่ในห้องบำเพ็ญ ออกมาน้อยมากและไม่พูดคุยกับคนอื่นเลย
อวี้ซีที่หลีเฉานำมาก็ราวกับเป็นคนเก็บตัว น้อยครั้งที่จะพูดกับพวกเขาก่อน มีเพียงครั้งแรกที่เจอหน้ากันที่เขาทักทายกับทุกคนเท่านั้น ส่วนถงเถิงก็แอบบอกมู่ชิงเกอว่า อวี้ซีมองสวีปิงด้วยแววตาเป็นประกาย
สำหรับเรื่องนี้ มู่ชิงเกอเพียงยิ้มเฉยๆ ไม่ได้สนใจ
เรืออากาศลำนี้กับเรืออากาศลำที่จวงซานนำพวกเขามาแต่แรกขนาดพอๆ กัน ถึงแม้มีแปดคนบนเรือก็ยังดูกว้างขวาง ไม่รู้สึกอึดอัดแม้แต่นิด
เรืออากาศอาศัยพลังดวงดาวแล่นในมหาสมุทรดวงดาวด้วยความเร็วสูง เวลาหนึ่งเดือน พวกเขาก็จากแผ่นดินเทพตะวันออกไปถึงชายขอบแผ่นดินเทพตะวันตกแล้ว อีกไม่นานก็จะเข้าสู่เหวหนอนโบราณ
มู่ชิงเกอสี่คนพูดคุยสนุกสนานที่ดาดฟ้าเรือ การฟังจวงซานเล่าเหตุการณ์ที่เขาพบเห็นก็ถือเป็นวิธีที่ดีในการฆ่าเวลา
ฟังจวงซานพูดไปพลาง มือมู่ชิงเกอก็กุมกระดิ่งที่ผูกเอวอยู่
ในช่วงเวลาที่เข้าใกล้เหวหนอน มู่ชิงเกอได้สั่นกระดิ่งไปแล้วไม่ตํ่ากว่าหนึ่งครั้ง แต่ก็ยังไม่มีการตอบรับจากฝั่งโน้น ทำให้มู่ชิงเกอออกจะสงสัย ไม่รู้ว่าเขายุ่งเกินไปจนไม่มีเวลาสนใจนาง หรือว่าเกิดปัญหาอะไร
แต่มู่ชิงเกอก็ไม่ได้คิดมาก
นางเชื่อว่ามีบทเรียนจากครั้งที่แล้ว หากซือมั่วเกิดเรื่องอะไร กู่หยากับกู่เย่จะต้องบอกนางทันที อีกทั้งอาการบาดเจ็บภายในของซือมั่วก็ได้รักษาหาย แล้วบำเพ็ญต่อได้ทั้งมีความก้าวหน้าด้วย แล้วยังจะมีใครสามารถทำอันตรายเขาได้
เสียงฝีเท้าดังขึ้นมาในเวลานี้
จวงซานหยุดพูด ทั้งสี่มองผู้ที่เข้ามา
หลีเฉานำอวี้ซีเดินเข้ามาด้วยกันแล้วยิ้มให้คนทั้งสี่ว่า “ใกล้ถึงเหวหนอนโบราณแล้ว มีบางเรื่องที่จะหารือกับพวกเจ้า”
เขาเพิ่งพูดจบ พวกมู่ชิงเกอก็เห็นซวนเฉียงนำสวีปิงเดินออกมาด้วยกัน
ทั้งแปดคนคนชุมนุมบนดาดฟ้ารอหลีเฉาพูด
“ภารกิจครั้งนี้ราชาเทวะให้ข้ากระทำการได้อย่างอิสระ ของวิเศษที่ปรากฎ หากไม่มีประโยชน์ต่อเผ่าเทพก็แล้วไป แต่หากมีประโยชน์พวกเราจะต้องแย่งมาให้ได้จะให้ตกในมือเผ่ามารไม่ได้เด็ดขาด” หลีเฉาพูด
คำพูดของเขาทำให้ทุกคนจริงจังขึ้นมา
มู่ชิงเกอก็ทำตามทุกคนรับปากว่า “ได้ใหญ่น้อย”
แต่ความจริงแล้วนางไม่ได้สนใจของวิเศษอะไรนั้น มากนัก
หลีเฉามองมู่ชิงเกอบอกนางว่า “เจ้าสาม นี่เป็นครั้งแรกที่เจ้าปฏิบัติภารกิจ ทั้งยังไม่ชำนาญในเหวหนอนโบราณจำไว้ว่าจะต้องตามติดพวกเราไว้จะได้ไม่เกิดปัญหา ในช่วงเวลาที่ยังไม่ถึงเหวหนอนให้เจ้าสิบเล่าเรื่องเหวหนอนรวมทั้งเรื่องเผ่ามารให้เจ้าฟัง”
เหวหนอนกับ เผ่ามารหรือ
มู่ชิงเกอหัวเราะออกมาในใจ ความจริงนางอาจจะเข้าใจมากกว่าคนในเรือเหล่านี้เสียอีก
หลังจากหลีเฉากำชับนางแล้วก็จ้องทุกคนอย่างจริงจังพลางกำชับว่า “เหวหนอนโบราณเป็นเอกเทศอยู่นอกเหนือจากเผ่าเทพและมาร ทั้งต้องอยู่ระหว่างสองเผ่า การเข้าไปในเหวหนอนครั้งแรกนี้ทุกคนต้องระมัดระวัง หากไม่จำเป็นอย่าได้มีปัญหากับเผ่าฉงทั้งเผ่ามารด้วย ขณะที่เจอกันต้องรักษาความนิ่งสงบเข้าไว้ ทุกอย่างต้องเห็นแก่ภารกิจหลักเป็นสำคัญ”
“คนเผ่ามารมีนิสัยที่ผิดแผกยโสโอหัง หากพวกเราอ่อนข้อเกรงว่าพวกเขาจะขึ้นมาขี่หัวเราน่ะสิ” ซวนเฉียงพูดหน้านิ่วคิ้วขมวด
หลีเฉาก็ขมวดคิ้วแล้วถอนใจพูดว่า “ในพันปีนี้เทพมารสองเผ่ายังนับว่าสงบ ไม่มีสงครามใหญ่เกิดขึ้น พวกเราพบคนเผ่ามารน้อยมากในแผ่นดินเทพ แต่ในเหวหนอนครั้งนี้…อย่างไรก็ตามขอให้ทุกคนระมัดระวัง อย่าได้วู่วาม พวกเราไม่ก่อเรื่องแต่ก็ไม่หวั่นเกรง หากคนเผ่ามารกล้าข่มเราจริงพวกเราก็ไม่อ่อนข้อให้แน่’
เรื่องที่หารือเป็นเรื่องการปฏิบัติตัวต่อเผ่าฉงและเผ่ามาร ทั้งการพิจารณาเรื่องของวิเศษ
พูดจบแล้ว จวงซานก็แนะนำมู่ชิงเกอกับถงเถิงเรื่องเผ่าฉงกับเผ่ามารรวมทั้งเหวหนอนโบราณ ซวนเฉียงก็แนะนำสวีปิงเรื่องทำนองเดียวกันเพื่อไม่ให้เกิดความวุ่นวาย
สิ่งที่จวงซานพูดนั้นความจริงมู่ชิงเกอรู้หมดแล้ว
ครั้งแรกเมื่อนางเข้าไปยังเหวหนอนกู่หยากับกู่เย่ก็พูดไว้ไม่น้อย นางเองเคยอยู่ในเหวหนอนหลายวัน ดังนั้นขณะที่จวงซานเล่าเรื่องเหล่านี้นางจึงไม่ได้ตั้งใจฟัง
ผ่านไปอีกครึ่งเดือนเรืออากาศก็ค่อยๆ ช้าลง จนหยุดนิ่งในที่สุด
ทั้งแปดคนยืนอยู่ที่ดาดฟ้าเรือมองไปข้างล่าง ที่เห็นนั้นก็คือรอยแยกขนาดใหญ่โตมโหฬาร ตั้งขวางอยู่ข้างหน้าลึกจนไม่รู้ว่าลึกเท่าไหน รอยแยกนั้นมีควันสีเหลืองจางๆ ลอยออกมา อำพรางทิวทัศน์ภายในจนหมดสิ้น
”ที่นี่ก็คือเหวหนอนโบราณ” หลีเฉาบอกทุกคน
“พวกเราลงไปเถอะ” จวงซานมองหลีเฉาแล้วกล่าว
หลีเฉาพยักหน้ากวาดสายตามองที่ทุกคน แล้วพลิกตัวออกจากเรืออากาศลงไปที่เหวหนอนโบราณ
พอเขาขยับ คนที่เหลือต่างก็ตามไป
มู่ชิงเกอครวญในใจ ‘มาสถานที่นี้อีกแล้ว’
หลังจากทั้งแปดคนลงจากเรืออากาศแล้วหลีเฉาก็กวักมือ เรืออากาศหดเล็กลงอย่างเร็วจนเหลือเท่ากับกำปั้นตกในมือหลีเฉาและถูกเขาเก็บเข้าไปในช่องว่างบรรจุสิ่งของของตัวเอง
ทั้งแปดคนต่างตกลงไปในรอยแยกอย่างรวดเร็วจนผมเผ้าทุกคนสะบัดปลิวขึ้นมาจนหมด
ไม่รู้ว่าการตกลงไปนี้ใช้เวลานานเท่าไร
อย่างไรก็ตาม พวกเขาต่างรู้สึกว่านานมากจริงๆ จึงค่อยรู้สึกถึงเท้าที่เหยียบลงบนพื้น
“ที่นี่คือเหวหนอนโบราณ” นัยน์ตาที่งดงามของซวนเฉียงกวาดไปรอบๆ กล่าวด้วยน้ำเสียงทอดถอนใจ
ที่เห็นนั้นเป็นพื้นดินแร้นแค้นแห้งเหลือง หมอกควันสีเหลืองยังคงล่องลอยอยู่ ทำให้ทัศนวิสัยทุกคน ต่างมีชั้นบางๆ ของสีเหลืองกั้นอยู่
รกร้าง แร้นแค้น เลวร้าย…
เป็นความรู้สึกแรกของคนทั้งเจ็ดที่มีต่อเหวหนอน
มู่ชิงเกอยังดี เนื่องจากนางเคยเข้ามาแล้ว รู้ว่าเหวหนอนนอกจากมีพื้นที่แร้นแค้นเช่นนี้แล้ว ยังมีสถานที่ทิวทัศน์งดงามแปลกตา ดังนั้นจึงไม่ได้มีความรู้สึกมากนักต่อที่นี่
“พวกเราจะไปไหนดี” จวงซานถาม
หลีเฉาขมวดคิ้ว “ตามข่าวกรองบอกว่าพวกที่สัมผัสได้ว่ามีของวิเศษปรากฎขึ้นมาเป็นชนเผ่าที่ชื่อว่า กูกู ดังนั้นพวกเราต้องรีบไปยังชนเผ่านั้นดูว่าเป็นอย่างไร”
“ได้ยินว่าแต่ละชนเผ่าในเหวหนอนล้วนไม่ยุ่งเกี่ยวกัน ปกครองกันเอง ครั้งนี้มีของวิเศษปรากฎขึ้นมา พวกเขาจะแย่งชิงกันเองหรือไม่ หากเป็นเช่นนั้นแล้ว พวกเราผสมโรงเข้าไปจะทำให้เรื่องราวยิ่งไปกันใหญ่” จวงซานพูดด้วยความกังวล
หลีเฉาพยักหน้าว่า “ดังนั้น พวกเราจึงต้องไปดูเหตุการณ์ก่อนค่อยว่ากัน”
ลงความเห็นแล้วทั้งหมดก็ตรงไปยังชนเผ่ากูกู ที่พวกเขาสามารถหาทางไปชนเผ่ากูกูได้โดยง่ายดาย เนื่องจากราชาเทวะให้ของวิเศษนำทางมา
เดินทางต่อเนื่องทั้งวันจนความมืดคืบคลานเข้ามา มู่ชิงเกอจึงเสนอว่า “ปกติพวกหนอนชอบออกมาตอนกลางคืน เพื่อป้องกันความยุ่งยากที่ไม่จำเป็น พวกเราควรหาที่พักผ่อนก่อนรอให้สว่างค่อยไปต่อ”
การเสนอของนางครั้งนี้เกิดจากความหวังดีล้วนๆ เพื่อป้องกันไม่ให้กลุ่มคนหลงฝ่าค่ายกลหนอน
เพราะนั่นกลับจะทำให้เสียเวลาเดินทาง
ตลอดการเดินทาง มู่ชิงเกอเสนอความเห็นน้อยมาก การเสนอความคิดครั้งนี้ก็สมเหตุสมผล หลีเฉาพิจารณาแล้วก็พยักหน้าว่า “อืม พวกเราเพิ่งจะมาถึงทั้งไม่คุ้นเคยอุปนิสัยเผ่าฉง ไม่เหมาะกับการเดินทางกลางคืนจริงๆ”
ดังนั้น พวกเขาจึงหาที่มิดชิดพักผ่อนชั่วคราว
คืนนั้นผลัดกันเฝ้ายาม มู่ชิงเกอกับถงเถิงถูกจัดไว้ที่ผลัดสองซึ่งเป็นช่วงเวลาที่ชวนง่วงและน่าหลับสนิทมากที่สุด
หลังผลัดเวรกับหลีเฉาและอวี้ซีแล้ว มู่ชิงเกอกับถงเถิงก็นั่งอยู่ข้างกองไฟ
ทันใดนั้นถงเถิงก็ตัวแข็ง แน่นิ่งไป ราวกับถูกคนปิดผนึกปัญญาเทวะเอาไว้
เมื่อมู่ชิงเกอรับรู้ดังนั้นตาดำก็หดลงทันที นางรู้สึกถึงพลังลมแรงห่อหุ้มร่างนางแน่นดึงตัวนางออกจากกองไฟ มาอยู่ที่ห่างจากกองไฟราวสิบจั้ง
หันกลับไปยังพอเห็นแสงสว่างจากกองไฟได้
ความเปลี่ยนแปลงที่มาอย่างกะทันหันทำให้มู่ชิงเกอไม่ทันตอบโต้ขณะที่นางเตรียมลงมือ อ้อมกอดที่คุ้นเคยและคำเรียกที่แสนใกล้ชิดเต็มไปด้วยความคิดถึงก็ทำให้ความเครียดของนางผ่อนคลายลงทันที
“เสี่ยวเกอเอ๋อร์ข้าคิดถึงเจ้า”