ตอนที่ 601
เจ้าสาม เจ้าทำความชอบยิ่งใหญ่
คำพูดซือมั่วทำให้ตาดำมู่ชิงเกอหดลงทันใด จนแทบสำลัก
นางพยายามอดทนเอาไว้เพื่อไม่ให้ตนเองแสดงท่าทีน่าขายหน้าออกมา
นางกวาดสายตาไปรอบๆ จนแน่ใจว่าไม่มีใครสังเกตนางแล้วจึงถ่ายทอดเสียงไปว่า ‘เจ้าหมาย ความว่าอย่างไร’
แต่ซือมั่วกลับทำไขสือ ‘เสี่ยวเกอเอ๋อร์ฉลาดเฉลียวนัก มีหรือจะเดาไม่ออก หรือว่าคำพูดข้ายังไม่ชัดเจนพอ’
มู่ชิงเกอพูดไม่ออก
ไม่ใช่ว่าจะเดาไม่ออก แต่เพราะเดาออกจึงไม่อยากจะเชื่อต่างหาก
นางไม่อยากจะเชื่อจริงๆ ว่า ซือมั่วจะเล่นใหญ่โตถึงขนาดนี้
นี่มันเข้าขั้น…ตลกโรงใหญ่แท้ๆ
โธ่เอ๊ย ยังหาว่านางเอาแต่ใจ เขาสิต้องเรียกว่าเอาแต่ใจจึงจะถูก
มู่ชิงเกอกัดกรามกรอด พูดไม่ออกเลยจริงๆ
นางหันมองซือมั่วกลับสบเข้ากับนัยน์ตาแสนงามที่กำลังหัวเราะ แววตาระยิบระยับในแววตานั้นราวกับว่ารู้สึกยินดีกับตัวเองอย่างยิ่ง
มู่ชิงเกอสั่นศีรษะทั้งถอนใจอยู่ในใจ
‘เสี่ยวเกอเอ๋อร์…’ เสียงซือมั่วดังเข้ามาในสมองมู่ชิงเกออีก
นางฟังออกถึงการเฝ้ารอที่เจืออยู่ในนํ้าเสียง จึงจำต้องพูดอย่างรอมชอมว่า ‘เช่นนี้แล้วทุกอย่างเจ้าเป็นคนจัดการเองหมดเลยหรือ’
‘ถูกต้อง’ ซือมั่วรับอย่างเต็มภาคภูมิ
มู่ชิงเกอสูดลมหายใจเข้าลึกอีกครั้ง
นางเข้าใจแล้ว ครั้งนี้ไม่ใช่ของวิเศษอะไรปรากฎออกมาหรอก แต่เป็นละครโรงใหญ่ที่ซือมั่วจัดการแสดง จุดมุ่งหมายเพื่อจะได้พบหน้านางสักครั้ง
เริ่มจากสร้างเหตุการณ์ของวิเศษปรากฎขึ้นมาในเหวหนอนแล้วถูกพบเห็นโดยเผ่ามารที่มาฝึกบำเพ็ญในเหวหนอน ทำให้เกิดแก่งแย่งกับเผ่าฉง เผ่าฉงจึงลากเผ่าเทพเข้ามาเพื่อกันไม่ให้เผ่ามารเอารัดเอาเปรียบ
เดี๋ยวก่อนนะ…
ดวงตามู่ชงเกอเปล่งประกายแล้วถ่ายทอดเสียงถามว่า ‘เจ้าจัดฉากนี้เพื่อทำให้เผ่าฉงดึงเผ่าเทพเข้ามาได้อย่างไร แล้วรู้ได้อย่างไรว่าเผ่าเทพที่เข้ามายังเหวหนอนจะเป็นคนของแดนฮ่วนเยวี่ย ถึงแม้เจ้ารู้ทั้งหมด แล้วเจ้ารู้ได้อย่างไรว่าราชาเทวะแดนฮ่วนเยวี่ยจะส่งข้ามา’
ห้ามบอกข้าว่าราชาเทวะเป็นสายสืบของเผ่ามารเด็ดขาดนะ มู่ชิงเกอคิดในใจ ความคิดนี้ช่างน่ากลัวจริงๆ
ข้อสงสัยของนางทำให้ซือมั่วหัวเราะออกมาอย่างชื่นบาน เขาแก้ข้อสงสัยให้นางว่า ‘เผิงถูนิสัยอ่อนแอหูเบา เชื่อคนง่าย การให้เขาดึงเผ่าเทพเข้ามาเพียงให้คนข้างๆ พูดไม่กี่คำก็พอแล้ว เรื่องนี้ไม่ยาก ส่วนด้านแผ่นดินเทพ แผ่นดินเทพตะวันตก แผ่นดินเทพเหนือ แผ่นดินเทพใต้ ล้วนเคยแค้นเคืองกับเผ่าฉง คนที่พวกเขาจะเชิญในแผ่นดินเทพย่อมเป็นแผ่นดินเทพตะวันออก ส่วนแผ่นดินเทพตะวันออกในสี่แดนเทพนั้นจะให้โยนเรื่องนี้ไปยังดินแดนฮ่วนเยวี่ยความจริงก็ไม่ยาก’
แววตาของมู่ชิงเกอเปล่งประกายนึกถึงสายสืบที่ซือมั่วเคยพูดถึง
จริงดังนั้น คำพูดต่อมาของซือมั่วพิสูจน์สิงที่นางคาดเดา
‘เพียงแค่ให้คนที่ฝังตัวในดินแดนเทพต่างๆ พูดลอยๆ ว่าเรื่องนี้ได้ไม่คุ้มเสีย หากเป็นของวิเศษดีจริง ไม่สู้รอให้คนของดินแดนฮ่วนเยวี่ยเอากลับมาแล้วค่อยว่ากัน อีกทั้งสถานที่เช่นเผ่าฉงจะมีของวิเศษอะไรดีหนักหนากัน’
“…” มู่ชิงเกอพูดไม่ออก
การวางแผนนี้ทำให้เขาวางแผนมาได้จนถึงดินแดนฮ่วนเยวี่ยจริงๆ
เช่นนั้นแล้วก็เหลือเพียงคำถามเดียว
ทำไมเขาจึงมั่นใจเช่นนี้ว่าคนจากดินแดนฮ่วนเยวี่ยจะต้องมีนางรวมอยู่ด้วย
เรื่องนี้ควรเป็นเรื่องที่ราชาเทวะฮ่วนเยวี่ยตัดสินใจเอง หรือเขาสามารถเดาใจของราชาเทวะแดนฮ่วนเยวี่ยได้
‘รู้ว่าเหตุใดจึงเลือกเวลานี้ไหม’ ซือมั่วถามขึ้นกะทันหัน
มู่ชิงเกอเม้มปากไม่ได้ตอบ
ซือมั่วยิ้มอย่างเจ้าเล่ห์ ‘สิบน้อยฮ่วนเยวี่ยนอกจากพวกเจ้าสี่คนแล้ว คนอื่นล้วนต้องปิดประตูบำเพ็ญไม่ก็ถูกส่งไปปฏิบัติภารกิจอื่น เจ้าเป็นคนใหม่แต่กลายเป็นเจ้าของวังน้อย แผ่นดินเทพตะวันออกสี่ดินแดนเทพใกล้จะถึงเวลาถกวิถีกันแล้ว สมควรให้เจ้าออกมาหาประสบการณ์ก่อน
มู่ชิงเกอเข้าใจแล้ว เข้าใจแจ่มแจ้งแล้ว
หลังจากเข้าใจเล้ว นางก็เบนสายตาไปทางซือมั่วอย่างไร้พิรุธ นี่เป็นครั้งแรกที่นางได้รับรู้ถึงการวางแผนของชายคนนี้
สร้างห่วงคล้องทีละห่วงทุกๆ ฝีก้าวจนมาถึงเหวหนอน เพื่อต้องการพบกับนาง
มู่ชิงเกอหัวเราะขึ้นมาทำให้ถงเถิงที่อยู่ข้างๆ สังเกตเห็น
“ลูกพี่ ท่านหัวเราะอะไรหรือ” ถงเถิงถามด้วยความสงสัย
มู่ชิงเกอส่ายหน้า “ไม่มีอะไร นึกถึงเรื่องตลกขึ้นมาเท่านั้น”
“อ๋อ” ถงเถิงตอบอย่างงงๆ
ทุกคนยังคงเข้าใกล้สถานที่ที่ของวิเศษปรากฎขึ้นมาเรื่อยๆ
มู่ชิงเกออดไม่ได้ถามว่า ‘เจ้าเตรียมของวิเศษอะไรไว้หรือ’
ซือมั่วยิ้ม ‘เจ้าเพิ่งเข้าสู่แผ่นดินเทพต้องทำความชอบเข้าไว้ ข้าเตรียมของที่เจ้านำกลับไปแล้ว สามารถทำให้เจ้าได้รับความชอบยิ่งใหญ่ไว้’
“…” มู่ชิงเกอไร้คำจะเอ่ยต่อ
การพูดไม่ออกของนางเกิดจากความวุ่นวายของจิตใจ
เกิดจากความลำบากในความพยายามของซือมั่ว
ชายคนนี้แม้อยู่ในที่ห่างไกลก็ยังคงมีใจคิดถึงนาง วางแผนให้นาง คิดเพื่อนาง ทำทุกอย่างให้นางอย่างเงียบๆ
‘เขาพูดถูก ข้าต้องการโอกาสสร้างชื่อเสียง’ มู่ชิงเกอพูดในใจ
นางไม่ได้ปฏิเสธการจัดการของซือมั่ว แต่พูดว่า ‘ขอบคุณ’ เขาอย่างจริงใจ
ซือมั่วกวาดสายตาผ่านนาง รอยยิ้มเต็มไปด้วยความรักใคร่ ‘ระหว่างเจ้ากับข้านั้นไม่ต้องเอ่ยคำว่าขอบคุณ’
เดินมาทั้งวันจนมาถึงสถานที่ที่ของวิเศษปรากฎ ท้องฟ้าบริเวณนั้นมีวังวนของสายรุ้งหมุนอยู่ตลอดเวลา ส่งแสงรัศมีเจิดจ้า
“เกิดปรากฎการเหนือธรรมชาติ ของวิเศษย่อมปรากฎ” หลีเฉาเงยหน้ามองไปยังวังวนแล้วกระซิบเสียงเบา
พูดจบ เขาก็มองไปที่จวงซาน ซวนเฉียงรวมทั้งมู่ชิงเกอ ส่งสัญญาณทางแววตาอย่างชัดเจนว่าให้ทุกคนทำอย่างไรก็ได้เพื่อหาวิธีแย่งชิงของวิเศษมาไว้ในมือ
‘ในบรรดาพวกเราสี่คนเจ้าสามว่องไวมากที่สุด เมื่อของวิเศษปรากฎขึ้นใครแย่งชิงได้ก็โยนให้เจ้าสาม’ หลีเฉาแอบสั่งไว้
มู่ชิงเกอสามารถเอาชนะเซียนสุ่ยที่เคยไวที่สุดได้ เขาย่อมมีความว่องไวมากที่สุดในหมู่พวกเขาทั้งหมด
ตามด้วยสั่งมู่ชิงเกอว่า ‘เจ้าสาม หลังจากเจ้าได้ของวิเศษแล้วให้ออกจากเหวหนอนกลับดินแดนฮ่วนเยวี่ยทันที ส่วนพวกเราจะรั้งอยู่ด้านหลังคอยถ่วงพวกเผ่ามารไว้’
พูดแล้ว แอบยัดเรืออากาศใส่ในมือมู่ชิงเกอ
สำหรับเผ่าฉงนั้นเขาไม่เคยเห็นอยู่ในสายตาตั้งแต่แรก การจัดการของหลีเฉาทำให้มู่ชิงเกอรู้สึกพูดไม่ออก
คำพูดซือมั่วทำให้นางเชื่อว่าของวิเศษที่นี่จะต้องให้เผ่าเทพได้ไป อีกทั้งให้นางเป็นคนได้ไปด้วย
เช่นนั้นการจัดการเหล่านี้…
‘ช่างเถอะ แล้วแต่พวกเขาแล้วกัน’ มู่ชิงเกอพูดมากไม่ได้ ทำได้เพียงผงกศีรษะหลังจากที่หลีเฉาจัดแจงเรียบร้อย
“ที่นี่ก็คือสถานที่ของวิเศษจะปรากฎขึ้น แต่ว่าของวิเศษจะปรากฎขึ้นเมื่อไรนั้นไม่มีใครรู้ได้” นัยน์ตาเผิงถูมีแต่ความตื่นเต้น
เหวหนอนยากที่จะปรากฎของวิเศษ ใจเขาก็อยากได้ของวิเศษนี้อย่างมาก
เพียงแต่เขาไม่รู้เลยว่าของวิเศษนี้ไม่มีส่วนของเขามาตั้งแต่แรกแล้ว
‘หัวหน้าเผ่ามารคนนั้นพวกเราจะต้องใช้วิธีจำกัดการเคลื่อนไหวของเขาแต่เนิ่นๆ มิฉะนั้นหากเขาลงมือพวกเราจะไม่มีโอกาสอีก ยังดีที่ออกมาครั้งนี้ข้านำอาคมจำกัดพื้นที่ที่ราชาเทวะลงไว้เองมาด้วย’ หลีเฉาถ่ายทอดเสียงให้ทุกคนรู้
พวกเขาเข้าใจว่าขอเพียงจำกัดพื้นที่ซือมั่วได้แล้ว พวกเขาก็มีโอกาสชนะมากขึ้น
เวลานี้เมื่อเปรียบเทียบความตื่นเต้นของเผ่าเทพกับเผ่าฉงแล้ว เผ่ามารดูจะสงบนิ่งที่สุด
ซือมั่วยืนเอามือไพล่หลัง รูปร่างสูงใหญ่ ทำให้คนไม่กล้ามองตรงๆ
กู่หยากับกู่เย่นำคนที่เหลือเฝ้าอยู่ด้านหลังเขาเงียบๆ ไม่ส่งเสียงแม้เพียงนิดเดียว
ราวกับว่าพวกเขากำลังรอคอยของวิเศษปรากฎขึ้นมา
ทันใดนั้นที่วังวนสายรุ้งบนท้องฟ้าก็เกิดมีลำแสงสายรุ้ง พุ่งออกมาจากใต้ดิน กระแทกวังวนสายรุ้งจนแตกสลายไป พลันเกิดลมปราณที่รุนแรงจากทุกทิศทุกด้านโจมตีใส่ทุกคน
การเปลี่ยนแปลงที่คาดไม่ถึงนี้ทำให้ทุกคนพากันลงมือ สกัดลมปราณที่รุนแรงนั้น
แต่ก็ยังมีลูกศิษย์เผ่าฉงสองคนถูกลมปราณนั้นโจมตีจนบาดเจ็บ
พอลมปราณหายไปของวิเศษที่สว่างไสวหมุนคว้างอยู่กลางอากาศก็ปรากฎขึ้น
พอของวิเศษปรากฎ เผิงถูก็ออกคำสั่งอย่างตื่นเต้น “ชิงมา!”
เมื่อคำนี้เอ่ยออกมา คนเผ่าฉงก็พากันลงมือคิดแย่งชิงของวิเศษนั้น
คนเผ่าเทพเองก็เริ่มด้วย
หลีเฉาโยนแผ่นหยกที่สลักเสลาค่ายกลลี้ลับไปทางที่ซือมั่วยืนอยู่
ซือมั่วหันมองมาก็เห็นแผ่นหยกพุ่งมาทางเขากลายเป็นกรงขัง ขังเขาไว้ข้างในไม่สามารถออกมาได้
มู่ชิงเกอเห็นท่าทีนิ่งสงบของซือมั่วและเห็นว่าค่ายกลนั้นเพียงแค่ขังเขาไว้เท่านั้นก็โล่งใจ
เห็นซือมั่วถูกขังแล้ว กู่หยากับกู่เย่ก็พุ่งเข้ามาที่เผ่าเทพทันที ทหารมารห้าคนแบ่งเป็นสามรวมกับพวกเขาสองคน ที่เหลืออีกสองคนทำท่าจะเข้าร่วมแย่งชิงของวิเศษด้วย
พอคนเผ่ามารขยับ คนเผ่าเทพก็รีบขึ้นรับมือทันที
หลีเฉาร้องบอกมู่ชิงเกอ ‘รีบไปชิงมา!
สามเผ่านัวเนียกันอุตลุด
ทั้งบนพื้น ทั้งบนอากาศ
คงเหลือซือมั่วที่ยืนอยู่ในพื้นที่อาคม นัยน์ตาสีอำพันหรี่ลง สีหน้าเรียบเฉยไม่รีบไม่ร้อน ส่วนอีกมุมหนึ่ง ผู้เฒ่าชนเผ่าชงฮุยก็พาหลิงหลิงหลบออกจากการแย่งชิงนี้ซ่อนอยู่ในที่มืด
พวกเขาต่างก็รู้อยู่ว่าของวิเศษนี้ไม่เกี่ยวข้องกับตัวเอง การมาที่นี่นั้นก็เพียงเพราะเผิงถูต้องการมีชื่อเสียงเท่านั้น ดังนั้นไม่ว่าจะสู้รบอย่างไร พวกเขาก็ไม่เข้าร่วมด้วย
มู่ชิงเกอบินขึ้นไปแย่งของวิเศษ เมื่อเข้าใกล้แล้วมองผ่านแสงรัศมีจึงพบว่าเป็นอาวุธเทพ อาวุธนั้นมีรูปร่างกลม ขอบเป็นคมดาบคมกริบ ขณะที่หมุน สามารถเกิดเงาดาบนับไม่ถ้วน เหมาะกับการรบในพื้นที่กว้างนับว่าเป็นอาวุธที่ร้ายกาจมาก
คนเผ่าฉงถูกทหารเผ่ามารโจมตีตกลงมา
สองทหารเผ่ามารประจันหน้ากับมู่ชิงเกอ ยังไม่ทันที่มู่ชิงเกอจะลงมือ ทั้งคู่ก็สบตากันแล้วร้องลั่น ร่วงตกลงมาจากท้องฟ้า กระอักเลือดออกมาสุดแสนจะอเนจอนาถ
มู่ชิงเกอมุมปากกระตุกบ่นอยู่ในใจ ‘เล่นละครได้แย่มาก’
แต่นางกลับไม่รู้ว่าทหารมารที่รู้ฐานะของนางมีหรือจะกล้าลงมือกับนาง โดยเฉพาะเจ้าแห่งมารกำลังดูอยู่ด้วยแล้ว
ในเมื่อชาวบ้านเขาเล่นละครให้แล้ว มู่ชิงเกอก็ไม่วางท่า ยื่นมือไปคว้าอาวุธเทพมาไว้ในมือเก็บเข้าช่องว่าง แล้วร่อนลงจากกลางอากาศ
พวกหลีเฉาเห็นมู่ชิงเกอได้ของแล้วต่างดีใจอย่างยิ่งรีบช่วยหนุนสกัดคนให้นาง
พอมู่ชิงเกอยืนมั่นคงแล้วกู่หยาก็บุกเข้ามา
สองคนต่อสู้กัน กู่หยาแอบบอกมู่ชิงเกอว่า “คุณชาย อีกสักครู่โปรดลงมือเบาหน่อยนะ” พูดจบ แล้วก็ทำหน้าสุดขมขื่น
เฮ้อ เจ้านายนัดพบพระชายา ลูกน้องกลับต้องเจ็บตัว