Skip to content

พลิกปฐพี 602

ตอนที่ 602

สี่ดินแดนเทพถกวิถี

“คุณชาย อีกสักครู่โปรดลงมือเบาหน่อยนะ” กู่หยาทำหน้าสุดขมขื่นขอร้องมู่ชิงเกอ

ไม่ใช่ไม่สู้นะ แต่ไม่กล้าสู้ต่างหาก มีแต่ต้องแพ้เท่านั้น

มู่ชิงเกอกลั้นหัวเราะ พยักหน้าแล้วใช้มือสับลงไปอย่างแรง

การโจมตีนี้โดนไหล่ของกู่หยาเข้าจังๆ ทำเอาเขาเซถอยไปสองก้าว

เพียงแต่เพื่อให้ดูสมจริงสมจังมากขึ้นเขาจึงยังคงบุกขึ้นหน้าอย่างไม่สนใจความเจ็บปวด ต่อสู้กับมู่ชิงเกอต่อไป

ทั้งคู่ต่อสู้กันไม่อาจตัดสินแพ้ชนะได้ในช่วงสั้น

ทันใดนั้นเหล็กท่อน* [1]สีทองอันหนึ่งก็แทรกเข้ามาระหว่างกลางของทั้งสอง แยกมู่ชิงเกอกับกู่หยาออกจากกัน

หลีเฉาขวางอยู่ด้านหน้ามู่ชิงเกอ สายตามองกู่หยาอย่างโหดเหี้ยมบอกมู่ชิงเกอข้างหลังว่า “เจ้า

ไปก่อน ข้าระวังหลังให้”

มู่ชิงเกอเลิกคิ้วพูดจริงจังว่า “จะไปก็ไปด้วยกัน”

หลีเฉากัดฟันว่า “อย่าโอ้เอ้ ถ้าเป็นพวกเดียวกันก็รีบไป นำของวิเศษกลับแดนเทพ”

มู่ชิงเกอกระตุกมุมปากแล้วหันหลังจากไป

พอนางจากไป กู่เย่รีบเรียกทหารเผ่ามารคนอื่น “ตาม…”

เผิงถูก็พูดทันที “เร็ว!รีบตามไป ขอเพียงยังไม่ออกจากเหวหนอนพวกเราก็ยังมีโอกาส”

คนทั้งกลุ่มต่างเริ่มวิ่งไล่ตามมู่ชิงเกอ

พอเผ่ามารกับเผ่าฉงเคลื่อนไหวก็ทำให้หลีเฉาร้อนใจหนัก เขาตามคนอื่นไล่ตามขึ้นไป คนทั้งสามเผ่าวิ่งพลางสู้กันพลาง ส่วนมู่ชิงเกอก็วิ่งไปไกลแล้ว

จนกระทั่งไม่เห็นแม้เงาผู้คนแล้ว ซือมั่วจึงขยับเท้าทำให้ค่ายกลที่กักขังเขาไว้ถูกกระเทือนจนแตกกระจายร่วงลงบนพื้น

เขาเดินออกมาแล้วหันไปมองปู่หลานที่ซ่อนอยู่ในที่มืด

แววตาสีอำพันนั้นเย็นเฉียบเหมือนกำลังตักเตือนพวกเขาด้วยสายตา แล้วก้าวเท้าหายไปทันที

“ท่านปู่ ทำไมเขาถึงออกมาได้ง่ายดายนัก เล่า…อุบ…” หลิงหลิงยังพูดไม่ทันจบก็โดนปู่ตัวเองเอามือปิดปากห้ามไม่ให้นางพูดต่อทันที

นางเบิกตาโตอย่างไม่เข้าใจได้แต่มองดูผู้เฒ่า ผู้เฒ่าสีหน้าเปลี่ยนไปเล็กน้อยพูดว่า “พวกเรา กลับกันเถอะ เรื่องนี้ห้ามบอกใครทั้งนั้น”

พูดจบเขาก็ดึงมือหลิงหลิงพาผู้บาดเจ็บของชนเผ่าตัวเองไปยังอีกทิศทางหนึ่ง ไม่ได้ตามมู่ชิงเกอไป

มู่ชิงเกอวิ่งอย่างรวดเร็ว คนข้างหลังไม่รู้ถูกทิ้งไว้ใกลเท่าไหนแล้ว

จากกลางคืนวิ่งจนกลางวัน จากกลางวันวิ่งจนเข้าสู่กลางคืนอีกครั้ง

ข้างหน้ามองเห็นทางออกของเหวหนอนแล้ว

มู่ชิงเกอกลับหยุดวิ่งกะทันหัน เนื่องจากนางเห็นว่าข้างหน้ามีคนกำลังยืนรอนางอยู่

ซือมั่วมองมู่ชิงเกอ มุมปากแย้มรอยยิ้ม

มู่ชิงเกอเองก็ยิ้มแล้วเดินไปทางเขา หยุดแล้วแหงนหน้ามองดูเขา

ซือมั่วยื่นมือออกไป ใช้นิ้วเรียวยาวสวยงามเขี่ยผมที่กระเซอะกระเซิงให้นาง “ไม่ว่าจะเกิดเรื่องอะไรขึ้นก็ต้องดูแลตัวเองให้ดีอย่าได้ฝืน”

มู่ชิงเกอพยักหน้า

ซือมั่วกลับส่ายหน้า แล้วยิ้มขื่น “ไม่ให้เจ้าฝืนจะเป็นไปได้อย่างไร อย่างไรก็ตาม เจ้าต้องรับปากข้าว่าอย่าให้ตัวเองเกิดเรื่อง ข้าจะรีบไปหาเจ้าอย่างเร็วที่สุด”

“เจ้าจะเข้าไปยังแผ่นดินเทพหรือ ไม่ได้ อันตรายเกินไป” มู่ชิงเกอตกใจรีบห้ามปราม

หากเผ่าเทพรู้ว่าเจ้าแห่งมารเข้ามายังแผ่นดินเทพ ทั้งเผ่าเทพคงจะไล่ล่าสังหารซือมั่ว ต่อให้ซือมั่วเก่งแค่ไหนก็ตามสองหมัดย่อมสู้สี่มือได้ยาก

“วางใจเถอะข้าย่อมมีวิธี” ซือมั่วพูด

มู่ชิงเกอจนใจ นางรู้ว่าสิ่งที่ซือมั่วตัดสินใจไปแล้วย่อมไม่ยอมเปลี่ยนใจง่ายๆ

“อย่างไรเจ้าก็อย่าบุ่มบ่าม” มู่ชิงเกอได้เพียงกล่าวเตือน

ซือมั่วพยักหน้า

“ข้าจะไปแล้ว” มู่ชิงเกอกล่าว

“อืม”

มู่ชิงเกอพุ่งออกนอกเหวหนอนโยนเรืออากาศออกไปแล้วขึ้นไปบนนั้น เพียงพริบตาเดียวก็เข้าไปในมหาสมุทรดวงดาว

ในมหาสมุทรดวงดาว นางไม่ได้ไปไกลแต่รอพวกหลีเฉาเจ็ดคน

นี่เป็นเพียงละครฉากหนึ่ง พวกเขาย่อมไม่บาดเจ็บจริงๆ อยู่แล้ว

จริงดังนั้นผ่านไปไม่ทันสองวัน นางก็เห็นว่าในมหาสมุทรดวงดาวที่มีทิศทางมาจากเหวหนอนมีเรืออากาศแล่นมาลำหนึ่ง ตราของเรือนั้นคือดินแดนฮ่วนเยวี่ย

นางเห็นพวกเขา พวกเขาย่อมเห็นนางด้วย

เห็นนางไม่ได้ไปไกลยังคงรออยู่ในมหาสมุทรดวงดาว เจ็ดคนที่ ‘กว่าจะเอาตัวรอดจากเผ่ามารได้’ ต่างรู้สึกปลื้มปีติในใจนัก

หลังจากขึ้นเรืออากาศของมู่ชิงเกอแล้ว ทั้งเจ็ดคนก็เดินมาหานางทันที

ที่ตื่นเต้นมากที่สุดย่อมเป็นถงเถิง

“ลูกพี่ลูกพี่ ข้ายังคิดว่าครั้งนี้คงจะตายแน่แล้ว ไม่ได้เห็นลูกพี่อีกแล้ว” ถงเถิงปรี่เข้าไปจะกอดมู่ชิงเกอ แต่มู่ชิงเกอหลบไปอย่างว่องไว

“พวกเจ้าไม่เป็นไรนะ” นางถาม

จวงซานพยักหน้ายิ้ม “ยังดี โดนเผ่ามารไล่ตามจนแทบจะหมดหนทาง คิดว่าจะต้องทิ้งชีวิตไว้ในเหวหนอนแล้ว แต่ทางเผ่ามารราวกับมีเรื่องอะไรเกิดขึ้น เห็นพวกเขารีบร้อนถอยกลับไป พวกเราจึงรอดมาได้”

“คนเผ่าฉงเล่า” มู่ชิงเกอถามอย่างสงสัย

จวงซานพูดอีกว่า “คนเผ่าฉงเห็นเจ้าเอาของหนีไปแล้ว พวกเราต่างสู้กับเผ่ามารรุนแรงเลยถอยกลับไป ดีที่พวกเขาไม่ได้ไล่ตามกันต่อ ไม่เช่นนั้นหากพวกเราต้องต่อสู้กับทั้งสองเผ่า ผลครั้งนี้คงพูดได้ยาก ครั้งนี้ถือว่ารอดได้หวุดหวิด”

มู่ชิงเกอผงกศีรษะ

ถือว่าหวุดหวิดจริงๆ

“เจ้าสาม เอาของวิเศษที่เจ้าได้มาให้ข้าดูหน่อย” หลีเฉาเปิดปากกล่าว

มู่ชิงเกอพยักหน้าหยิบอาวุธเทพออกมาส่งให้หลีเฉา

เวลานี้เองแสงรัศมีบาดตาที่ห่อหุ้มอาวุธเทพนี้ก็กระจายไปทั่ว ทำให้เห็นอาวุธเทพได้อย่างถนัดตา มู่ชิงเกอยิ่งได้เห็นชัดเจนและใกล้ชิด

เป็นอาวุธเทพที่มีขนาดเท่าจานกลม บนนั้นสลักลวดลายลี้ลับ ที่ขอบนอกมีใบมีดแหลมโค้งงอคล้ายทวนวงเดือน ขอบด้านในมีห่วงอยู่อันหนึ่ง สามารถสอดแขนไว้ข้างในทำให้ใช้ได้ทั้งเป็นโล่อีกทั้งใช้โจมตีได้

“นี่มัน…” ทันใดนั้นตาดำหลีเฉาหดลง พูดอย่างตกใจว่า “อาวุธเทพนี้คือ ‘วงล้อสวรรค์’ !”

“วงล้อสวรรค์” จวงซานก็พูดเสียงหลง

คิ้วงามของซวนเฉียงขมวด เม้มปากพูดว่า “วงล้อสวรรค์ ไม่ใช่เป็นอาวุธของราชาเทวะฮ่วนเยวี่ยเมื่อ 38,000 ปีก่อนหรือ ต่อมาน่าเสียดายที่สูญหายในการรบไร้ซึ่งข่าวคราวอีก วงล้อสวรรค์มีความหมายต่อดินแดนฮ่วนเยวี่ยมากนัก ภายหลังราชาเทวะพยายามตามหาแต่กลับ ไม่พบ นึกไม่ถึงว่าของวิเศษที่ปรากฎขึ้นในเหวหนอนจะกลายเป็นของชิ้นนี้ไปได้”

“วงล้อสวรรค์อะไรกันหรือ” ถงเถิงฟังจนมึนงง

มู่ชิงเกอก็ยังคงเงียบสงบ

เหยื่อที่ซือมั่วเอาออกมาล่อถึงขนาดเป็นของวิเศษดินแดนฮ่วนเยวี่ยเชียว

ช่างเป็นโอกาสที่มู่ชิงเกอจะได้รับความชอบครั้งยิ่งใหญ่จริงๆ

หลังจากสงบสติอารมณ์กันแล้ว จวงซานจึงอธิบายว่า “วงล้อสวรรค์เป็นอาวุธของราชาเทวะฮ่วนเยวี่ยเมื่อ 38,000 ปีก่อน ต่อมาในการรบครั้งหนึ่ง ราชาเทวะถูกสังหารทั้งวิญญาณเทพสูญสลาย ร่างกายกลายเป็นความว่างเปล่า ทำให้ดินแดนฮ่วนเยวี่ยไม่สามารถฝังร่างเขาได้ อาวุธของเขาก็สูญหายไปด้วย เป็นความเสียใจของดินแดนฮ่วนเยวี่ยตลอดมา”

คำอธิบายของเขาทำให้พวกลูกศิษย์ใหม่เช่นถงเถิงและสวีปิงต่างเข้าใจแจ่มแจ้ง

เวลานี้เองหลีเฉาจึงบอกมู่ชิงเกอว่า “เจ้าสาม ครั้งนี้เจ้าได้ทำความชอบยิ่งใหญ่ กลับไปถึงดินแดนฮ่วนเยวี่ย ข้าจะต้องรายงานราชาเทวะตามจริงทุกอย่าง”

มู่ชิงเกอสั่นศีรษะ “เป็นความชอบของทุกคนข้าไม่สามารถแอบอ้างคนเดียวได้”

“ไม่ ครั้งนี้หากไม่ใช่เพราะเจ้าหูไวตาไว ได้ของวิเศษมารวดเร็วทั้งรีบแยกตัวไปในทันทีจึงออกจากเหวหนอนได้โดยราบรื่น ลำพังกำลังพวกเราไม่สามารถนำของวิเศษกลับดินแดนฮ่วนเยวี่ยได้และอาจตกถึงมือเผ่ามาร หากเป็นเช่นนั้นก็จะเป็นความอัปยศของดินแดนฮ่วนเยวี่ย

แล้ว” หลีเฉาพูดอย่างเคร่งขรึม

แผนของซือมั่วนั้นนอกจากเพราะอยากพบมู่ชิงเกอแล้ว ยังเพื่อสร้างฐานะที่มั่นคงให้มู่ชิงเกอด้วย

ดังนั้นหลังจากถ่อมตนกันสักพักแล้วมู่ชิงเกอก็ยอมรับ

ตลอดทางกลับทุกอย่างราบรื่นมาก

หลังจากพวกเขากลับถึงดินแดนฮ่วนเยวี่ยแล้ว ถงเถิง สวีปิง เฟิ่งซิ่ง อวี้ซีทั้งสี่คนต่างแยกย้ายกันไป ส่วนหลีเฉานำวงล้อสวรรค์ไปรายงานราชาเทวะฮ่วนเยวี่ย ขณะที่มู่ชิงเกอ จวงซานกับซวนเฉียงสามคนถูกราชาเทวะเรียกพบ เมื่อพวกเขาเข้าไปในวังราชาเทวะจึงพบว่าสิบลูกศิษย์ใหญ่ตำหนักหน้ามาชุมนุมกันครบที่วังราชาเทวะ

เวลานี้ราชาเทวะฮ่วนเยวี่ยยังคงนี้งบนบัลลังก์อย่างเกียจคร้าน มือหนึ่งยันศีรษะอีกมือหนึ่งเล่นวงล้อสวรรค์อยู่

“ภารกิจของพวกเจ้าครั้งนี้ทำสำเร็จได้ไม่เลว นำวงล้อสวรรค์กลับมาได้โดยเฉพาะเจ้าสาม ข้าพอใจในผลงานของเจ้ามาก” ราชาเทวะกล่าวช้าๆ

ขณะที่เขาเอ่ยนั้นวงล้อสวรรค์ก็หายไปจากมือของเขา

“ผู้ที่ไปปฏิบัติภารกิจครั้งนี้ต่างมีรางวัล แต่ว่าที่วันนี้เรียกพวกเจ้าทั้งสิบคนมาก็เพราะเรื่องสี่ดินแดนเทพถกวิถีในเร็วๆ นี้” ราชาเทวะกล่าวต่อ

พอเขาพูดจบ มู่ชิงเกอสังเกตเห็นว่าที่เหลือเก้าคนในที่นั้นต่างยืดหลังตรงแววตาเคร่งขรึมขึ้น

‘สี่แดนเทพถกวิถีหรือ’ มู่ชิงเกอพึมพำในใจ

ก่อนไปเหวหนอนราชาเทวะฮ่วนเยวี่ยก็เคยพูดถึงเรื่องนี้

“สี่ดินแดนเทพถกวิถีครั้งนี้อยู่ที่ดินแดนจงซาน เหลืออีกหนึ่งเดือนจะเริ่มงาน พวกเจ้าสิบคนเตรียมตัวไว้แล้วออกเดินทางพร้อมกัน” ราชาเทวะฮ่วนเยวี่ยกล่าว

หลีเฉามองไปที่ราชาเทวะฮ่วนเยวี่ย พูดด้วยความเคารพว่า “ราชาเทวะ ครั้งนี้จะให้ผู้อาวุโสท่านไหนนำกลุ่มหรือ”

ใครจะรู้ว่าราชาเทวะฮ่วนเยวี่ยกลับกล่าวอย่างเกียจคร้านว่า “พวกเจ้าอายุเท่าไรกันแล้ว ยังต้องมีผู้อาวุโสนำไปอีกหรือ ให้พวกเจ้าไปด้วยกัน หากมีปัญหาก็ปรึกษากันก็แล้วกัน”

พูดจบเขาก็ยกมือโบก ทั้งสิบคนก็ถูกพัดออกจากวัง ตกลงบนลานกว้างหน้าตำหนัก

มีราชาเทวะฮ่วนเยวี่ยที่นิสัยเช่นนี้ มู่ชิงเกอรู้สึกตลกและพูดอะไรไม่ออกจริงๆ

คนอื่นๆ ราวกับเคยชินแล้วต่างเพียงแค่ถอนใจเฮือกหนึ่ง

หลีเฉาพูดว่า “ถ้าเช่นนั้นก็ยังคงเหมือนเดิม ข้าจะจัดแจงเรื่องประจำวันให้ทุกวัน หากพบปัญหายุ่งยาก พวกเราค่อยร่วมมือปรึกษาแก้ไขกัน ครั้งนี้ดินแดนฮ่วนเยวี่ย จะต้องมีชื่ออยู่ลำดับต้นๆ ให้ได้”

“ได้”

“ได้”

ทุกคนตอบพร้อมเพรียงกัน

คงมีเพียงมู่ชิงเกอทำหน้าเหลอหลาเพราะไม่รู้ว่าสี่ดินแดนเทพถกวิถีหมายความว่าอะไร แล้วยังเรื่องจัดอันดับอีกว่าจะใช้อะไรวัด

จนคนอื่นไปกันหมดแล้ว มู่ชิงเกอจึงดึงจวงซานไว้แล้ว บอกเขาว่า “ศิษย์พี่จวงซานพอมีเวลาไปนั่งที่วังน้อยข้าสักพักไหม”

จวงซานยิ้มพูดว่า “เจ้าคงจะถามเรื่องสี่ดินแดนเทพถกวิถีสินะ แม้เจ้าไม่เชิญข้าข้าก็จะบอกเจ้าอยู่ดี”

“เช่นนั้นขอรบกวนศิษย์พี่จวงซานแล้ว มู่ชิงเกอผงกศีรษะ และทั้งสองคนก็มุ่งหน้าไปทางวังน้อยที่สาม

*เหล็กท่อน มีรูปร่างคล้ายแส้เหล็ก เป็นปล้อง มีขอบทั้งสี่ด้าน ยาวสี่ฟุต ไร้คม จัดอยู่ในประเภทอาวุธสั้นที่มีประโยชน์มากในการศึกสงคราม หากไม่ใช่คนที่มีพละกำลังมากก็ยากที่จะใช้ได้อย่างคล่องแคล่ว ใช้ไนการฟาดตี

ใส่ความเห็น

อีเมลของคุณจะไม่แสดงให้คนอื่นเห็น ช่องข้อมูลจำเป็นถูกทำเครื่องหมาย *

error: Content is protected !!
Exit mobile version