ตอนที่ 827
ขอยอมแพ้การประลอง
เหลียนเฉียว!
เจ้าสำนักวิถีโอสถตกตะลึงจนทั้งร่างแข็งทื่อ
แม้เขาจะพอเดาได้นานแล้ว แต่ก็ยังตกใจเพราะคำพูดมู่ชิงเกออยู่ดี
นี่คือเหลียนเฉียว แต่ไม่ใช่เหลียนเฉียว
พวกนางต่างเป็นโอสถเก้าฟ้าคืนชีพ แต่ไม่ใช่คนเดียวกันอย่างแน่นอน
เรื่องนี้ มู่ชิงเกอรู้ดี เขาเองก็รู้ดี แต่อีกฝ่ายก็ยังคงตั้งชื่อเช่นนี้
มองดูราชันยNโอสถจอมเทพอ้วนตุ๊ต๊ะยังไม่รู้เรื่องรู้ราวอะไรแล้ว เจ้าสำนักวิถีโอสถก็ถอนหายใจอย่างแรง
มู่ชิงเกอมองไปที่ป๋อเข่า ความชุลมุนวุ่นวายในหมู่อาจารย์ปรุงยาค่อยๆ สงบลงแล้ว นางเอ่ยว่า “ต้องการตรวจพิสูจน์ไหม”
“ไม่ ไม่ต้องแล้ว” ป๋อเข่าพูดอย่างยากลำบาก
สีหน้าป๋อเข่าดูไม่ดีนัก อาจารยปรุงยาคนอื่นก็ดูไม่ได้ดีไปกว่ากันสักเท่าไร ที่สำคัญคือพวกเขายังไม่หายตื่นกลัว เวลานี้จึงยังทำอะไรไม่ถูก
มู่ชิงเกอปรุงราชันย์โอสถจอมเทพออกมาได้จริงๆ ปฏิกิริยาที่โอสถจอมเทพของพวกเขาแสดงออกมาย่อมเป็นข้อพิสูจน์ที่ดีที่สุด ยังจะต้องตรวจพิสูจน์อะไรกันอีก ลำบากเปล่าๆ
พวกเขาตกตะลึงในพรสวรรค์เข้าขั้นปีศาจของมู่ชิงเกอ แต่ก็อาลัยอาวรณ์ต่อชีวิตที่สุขสงบทุกวันนี้
ความรู้สึกหวั่นไหวในใจของเหล่าอาจารย์ปรุงยา มู่ชิงเกอล้วนเห็นอยู่ในสายตา แต่ไม่ได้พูดอะไร
การประลองนี้เกิดจากตัวพวกเขาเอง เวลานี้ตัวนางก็ได้ทำสำเร็จตามเงื่อนไขที่พวกกเขาเรียกร้องแล้ว ไม่ว่าใจจริงพวกเขาจะไม่ยอมรับสักเพียงไหน ก็จำต้องอดกลั้นเอาไว้
ป๋อเข่าหลุบตาลงทำให้ดูไม่ออกว่าเขากำลังคิดอะไรอยู่
อาจารย์ปรุงยาคนอื่นๆ ต่างแอบส่งสายตาหากัน ที่ผุดออกมาจากดวงตานั้นล้วนมีแต่ความตื่นตระหนกทั้งยังลังเลใจไม่สิ้นสุด
มู่ชิงเกอมีทีท่าเฉยเมย ดูไม่ออกว่าอารมณ์ดีหรือร้าย
หลังจากนางเก็บราชันย์โอสถจอมเทพไว้ในช่องว่างแล้วก็ยืนเอาสองมือไพล่หลังมองเหล่าอาจารย์ปรุงยาหลายร้อยคนนี้ เจ้าสำนักวิถีโอสถยืนอยู่ข้างนาง รอคอยไปพร้อมกับนาง
จนผ่านไปนานเหล่าอาจารย์ปรุงยาก็ยังไม่แสดงท่าที
มู่ชิงเกอยิ้มมุมปาก ความเย้ยหยันเห็นได้ชัดบนใบหน้า “อย่างไร ผู้อาวุโสป๋อเข่าไม่คิดจะพูดอะไรบ้างหรือ”
ป๋อเข่าที่ถูกชี้ตัวสะดุ้งเฮือก รอยยิ้มเศร้าๆ ผุดขึ้นที่มุมปาก เขาถอนใจอย่างแรงราวกับตัดสินใจแล้ว คุกเข่าลงบนพื้นข้างหนึ่งยอมก้มศีรษะศิโรราบให้กับมู่ชิงเกอ “ขอยอมแพ้การประลอง ในเมื่อราชาเทวะน้อยได้ปรุงราชันย์โอสกจอมเทพสำเร็จก็คือเทพโอสถคนใหม่ของพวกเรา สัญญาที่ให้ไว้ย่อมต้องปฏิบัติตาม”
พอเขาคุกเข่าลงก็ทำให้อาจารย์ปรุงยาคนอื่นๆ หยุดลังเลทันที ต่างคุกเข่าลงข้างหนึ่งเช่นเดียวกับเขา ก้มศีรษะลงเบื้องหน้ามู่ชิงเกอพลางพูดพร้อมกันว่า “ขอ ยอมแพ้การประลอง! พวกเรายินดีนับถือราชาเทวะน้อยเป็นเทพโอสถ!”
“ขอยอมแพ้การประลอง! พวกเรายินดีนับถือราชาเทวะน้อยเป็นเทพโอสถ!”
ในเขาเซียนเปิ่นเฉ่า ความจริงได้กลับคืนสู่ความสงบเงียบนานแล้ว
แต่เวลานี้เสียงดังสนั่นจากอาจารยปรุงยาหลายร้อยคนก็ทำให้เหล่านกน้อยที่เพิ่งได้พักหลังจากตกใจจากสายฟ้าพากันตกใจและกระพือปีกบินขึ้น ทำให้เหล่า สัตว์พากันแตกตื่นไปด้วย
“ทุกท่านเชิญลุกขึ้น” มู่ชิงเกอพูดเรียบๆ
ป๋อเข่านำผู้คนลุกขึ้นยืน
เหล่าอาจารย์ปรุงยาต่างพากันล้อมวงเข้ามา รวมตัวอยู่เบื้องหลังป๋อเข่า ยืนอยู่ต่อหน้ามู่ชิงเกอ รอฟังคำพูดจากเขา
มู่ชิงเกอเอามือไพล่หลังพูดว่า “ทุกท่านต่างรู้กันดีว่าเคราะห์ของท่านอาจารย์ข้ามีต้นเหตุมาจากใคร ข้าจะไม่ขอกล่าวถึงอีก แต่ทุกท่านรู้กันบ้างไหมว่าท่าน อาจารย์ข้าสิ้นชีพได้อย่างไร”
พอนางถามออกมาก็ทำให้เหล่าอาจารย์ปรุงยาต่างวิพากษ์วิจารณ์กันเซ็งแซ่
นัยน์ตาป๋อเข่าฉายแววสงสัย มองไปที่เจ้าสำนักวิถีโอสถ แต่เจ้าสำนักวิถีโอสถรู้เพียงว่าใครเป็นผู้ทำร้ายเทพโอสถแต่ไม่รู้รายละเอียดว่าเกิดอะไรขึ้น
เรื่องนี้มู่ชิงเกอไม่ได้บอกให้เขารู้
อีกครู่หนึ่งเสียงวิจารณ์ก็เริ่มสงบลง
ป๋อเข่าจับจ้องไปที่มู่ชิงเกอ อาจารย์ปรุงยาคนอื่นๆ ก็เช่นเดียวกัน
มู่ชิงเกอจึงพูดช้าๆ ว่า “ทุกท่านเคยได้ยินชื่อค่ายกลตาข่ายฟ้าเจ็ดดาราสังหารไหม”
“ค่ายกลตาข่ายฟ้าเจ็ดดาราสังหาร!” สีหน้าป๋อเข่าเปลี่ยนไปทันที พูดด้วยความตกใจ
แม้แต่เจ้าสำนักวิถีโอสถก็มองมู่ชิงเกอด้วยความสั่นสะท้าน การคาดเดาในใจทำให้นัยน์ตาเขาผุดความเศร้าโศกและคลั่งแค้นใจขึ้น
เหล่าอาจารย์ปรุงยาต่างตื่นตะลึง คนที่ไม่รู้หลัง จากสอบถามจากผู้รู้แล้วก็แสดงอาการตื่นตกใจออกมา
“ได้ยินว่า ค่ายกลตาข่ายฟ้าเจ็ดดาราสังหาร อาศัยเจ็ดดาวสังหารบนฟ้าจัดเป็นค่ายกล โดยบนพื้นดิน จะมีคนเจ็ดคนเป็นตาค่ายกล ประกอบเป็นค่ายกลกักขัง สังหารที่เยี่ยมยอด คนที่ถูกกักขังไว้ภายในจะไม่สามารถหนีรอดออกมาได้อีกทั้งยังถูกค่ายกลดูดพลังเทพออกไป เพื่อหล่อเลี้ยงเจ็ดคนที่เป็นตาค่ายกล จุดที่ชั่วร้ายมากที่สุดคือ มันทำให้คนที่ติดอยู่ในค่ายกลต้องค่อยๆ รับความทรมานไปเรื่อยๆ จนสิ้นชีวิต” ป๋อเข่ากล่าว
การบรรยายของเขาทำให้มู่ชิงเกอประหยัดเวลาไปมาก นางผงกศีรษะพูดต่อคำพูดของเขาว่า “ท่านอาจารย์บอกข้าว่า ครั้งนั้นเขาถูกกลุ่มราชาเทวะเส้าเทียน เซวียนเช่อ กู่เฟิง นำพรรคพวกอื่นๆ จัดตั้งค่ายกลนี้กักขังเขาไว้ ดูดพลังเทพและทรมานจนสิ้นซีพ”
“อะไรนะ!”
“คนตํ่าช้าสารเลว ถึงขนาดใช้วิธีการเช่นนี้”
“พวกเขาแต่งตั้งตัวเองเป็นราชาเสียเปล่า!”
“ต่ำช้าเกินไปแล้ว! ถุย!”
“เทพโอสถสิ้นชีพลงเช่นนี้เอง รังแกกันเกินไป แล้วเห็นพวกเราอาจารย์ปรุงยารังแกได้ง่ายนักหรือ”
“แก้แค้นให้เทพโอสถ!”
“ใช่ แก้แค้น!”
มู่ชิงเกอปลุกเร้าอารมณ์เหล่าอาจารยปรุงยาได้สำเร็จ ท่าทางลังเลใจก่อนนี้ เวลานี้ต่างอันตรธานหายไปจนหมดเกลี้ยง
แม้แต่ป๋อเข่า เองก็มองมู่ชิงเกอด้วยนัยน์ตาแดงก่ำ และบอกนางว่า “เทพโอสถ ท่านบอกมาเลยว่าต้องการให้พวกเราทำอะไร พวกเราทั้งหมดนี้จะไม่บิดพลิ้วเป็น
อันขาด”
ต้องการให้เหล่าอาจารย์ปรุงยาทำอะไรหรือ
มู่ชิงเกอเลิกคิ้ว “แก้แค้นให้ท่านอาจารย์เป็นการทำหน้าที่ลูกศิษย์อย่างเต็มที่ ข้าไม่ต้องการให้พวกท่านทำอะไร”
คำพูดของนางทำให้สีหน้าเหล่าอาจารย์ปรุงยาทั้งหมดต่างดูแปลกประหลาดขึ้นมา
หากไม่ต้องการให้พวกเขาทำอะไร แล้วเขาอุตส่าห์มาจากที่ไกลโพ้นเพื่ออะไรกันเล่า
เจ้าสำนักวิถีโอสถเองก็ขมวดคิ้วนิดๆ มองมู่ชิงเกอ เขานำนางมาที่นี่ย่อมหวังจะให้มีแรงสนับสนุนนางได้บ้าง
“พวกท่านเพียงปรุงยาก็พอแล้ว ปรุงออกมาให้ได้มากๆ ทั้งที่ช่วยชีวิต ที่ฟื้นฟูลมปราณ ที่ฟื้นฟูปัญญาเทวะ ล้วนต้องการทั้งนั้น” สีหน้ามู่ชิงเกอจริงจังมากขึ้น
“ปรุงยาหรือ” ป๋อเข่าตะลึง
อาจารย์ปรุงยาคนอื่นๆ ต่างก็มองมู่ชิงเกออย่างประหลาดใจ
มู่ชิงเกอผงกศีรษะนิดๆ “จัดการราชาเทวะเหล่านั้นไม่จำเป็นต้องให้พวกท่านลงมือ แต่ภายภาคหน้านั้น กำลังของพวกท่านจะไม่มีอะไรมาทดแทนได้นับจากนี้ ต่อไปพวกท่านก็ปรุงยาให้ดีๆ สะสมยาให้มากไว้ เมื่อถึงเวลาแล้วข้าจะมารับเอาไป อีกอย่างหนึ่งขอให้พวกท่านเขียนจดหมาย แจ้งข่าวเพื่อนฝูงพวกท่านรวมทั้งคนที่มีการไปมาหาสู่กัน บอกพวกเขาว่าอย่าได้มีส่วนเกี่ยวข้องกับเรื่องที่ข้าจะแก้แค้นให้อาจารย์เท่านี้ก็พอแล้ว”
การสะสมยานั้นเอาไว้เพื่อใช้กับสงครามใหญ่ในอนาคต
ท่าทีต่างๆ ของเผ่าอี้แสดงให้เห็นว่า พวกเขาจับจ้องแผ่นดินเทพมารตาเป็นมัน ดังนั้นนางจึงไม่ระวังไม่ได้
การให้เหล่าอาจารย์ปรุงยาใช้เส้นสายตัวเอง ในการหยุดยั้งคนที่จะช่วยเหลือดินแดนเทพเหล่านั้น ก็เพื่อจะลอยแพพวกเขา ตัดมือที่จะยื่นไปสนับสนุนพวก เขาทิ้ง
ป๋อเข่าเข้าใจความหมายของมู่ชิงเกอจึงผงกศีรษะว่า “ได้พวกเราจะลงมือเลยทันที”
มู่ชิงเกอมองเจ้าสำนักวิถีโอสถแล้วบอกเขาว่า “ศิษย์พี่ท่านรออยู่ที่นี่เถอะ จะได้สะดวกต่อเรื่องในอนาคตด้วย”
“วันที่เจ้าลงมือ ข้าจะต้องอยู่ด้วย” เจ้าสำนักยื่นข้อเสนอ
“ได้” มู่ชิงเกอผงกศีรษะรับคำ