ตอนที่ 120-3
นางต่างหากที่เป็นอาจารย์ปรุงยาระดับสูง!
ที่เขาพูดมากถึงเพียงนี้ ก็เพราะรู้ว่าศิษย์พี่ของตนเองผู้นี้ ทุ่มเทให้กับการปรุงยามากจนเกินไป สำหรับเรื่องอื่นในโรงโอสถจึงไม่ได้คิดอย่างละเอียดถี่ถ้วน ไม่คิดก็รู้ว่าเขาได้กระทำความผิดเพราะความหวังดี ในใจจึงเกิดความรู้สึกผิด
“อย่างไรก็ตามศิษย์พี่ ก่อนที่ท่านอาจารย์จะกลับมา ท่านก็อย่าไปปรากฏตัวต่อหน้าศิษย์น้องมู่อีกจะดีกว่า” จ้าวหนานซิงพูดอย่างจริงใจ
เหมยจื่อจ้งพยักหน้า
เขาไม่ได้โง่ เพียงแค่ไม่ค่อยเข้าใจเรื่องราวที่ซับซ้อนและวุ่นวายมากถึงเพียงนี้
ในวันนี้จ้าวหนานซิงได้เตือนสติเขาว่า ความหวังดีที่เขามีให้กับมู่ชิงเกอนั้นนำพาอะไรมาบ้าง จึงรีบแสดงความในใจว่า “ความประมาทของข้าทำให้ศิษย์น้องมู่ต้องลำบาก ต่อจากนี้ข้าจะไม่ยุ่งเรื่องนี้ตามอำเภอใจอีก แต่อย่างไรก็ขอให้ศิษย์น้องคอยช่วยดูแลเขาอยู่ห่าง ๆ ด้วย”
“ศิษย์พี่วางใจเถอะ ข้าเองก็อยากจะมีศิษย์น้องเพิ่ม รอให้ท่านอาจารย์กลับมาค่อยเปิดศึกการชิงลูกศิษย์อย่างเป็นทางการ ฮ่าๆๆ อย่าลืมว่าทั้งข้าและจื่อซูล้วนเป็นลูกศิษย์ที่ท่านอาจารย์แย่งมาจากหัวหน้าโรงโอสถ เราจะ ต้องเชื่อมั่นในความสามารถของท่านอาจารย์” จ้าวหนานซิงเผยเสียงหัวเราะเพื่อปลอบใจ
รอยยิ้มของเขาส่งผลให้มุมปากของเหมยจื่อจ้งเกิดรอยยิ้มจาง ๆ
การประลองทั้งสองครั้งนี้ ทำให้ผู้คนในโรงโอสถต่างตื่นเต้น
ในตอนแรก การประลองของฟ่งอวี๋กุยก็ทำให้ทุกคนต่างรอคอย แต่เพราะข่าวการประลองระหว่างมู่ชิงเกอกับซ่งอวี้กระจายออกไป จึงกลบข่าวของฟ่งอวี๋กุยไปในทันที เพราะว่าฟ่งอวี๋กุยเป็นอาจารย์ปรุงยาระดับกลางและผู้ที่ท้าประลองกับเขาก็เป็นอาจารย์ปรุงยาระดับกลางเช่นกัน
แต่มู่ชิงเกอกลับเป็นเพียงแค่อาจารย์ปรุงยาระดับต่ำ ผู้ที่ท้าประลองกับนางนั้นเป็นถึงบุคคลต้นแบบแห่งโรงโอสถ อันดับแปด
อีกประการหนึ่ง ระหว่างที่มีการท้าประลอง บุคคลต้นแบบแห่งโรงโอสถอันดับหนึ่งยังออกมารับหน้าแทนมู่ชิงเกอด้วยตนเอง รวมทั้งผลการทดสอบในตึกแห่งสติปัญญาของมู่ชิงเกอยังน่าทึ่งเป็นอย่างมากด้วย!
เมื่อมู่ชิงเกอฟื้นจากการฝึกพลังเวทและผลักประตูออกไปก็ได้พบกับสายตาของทุกคนที่กำลังจับจ้องมา รวมถึงทั้งห้าที่ไม่เคยมีปฏิสัมพันธ์กับนางล้วนมองนาง ด้วยสายตาที่แฝงความคลุมเครือ อย่าว่าแต่พี่น้องตระกูลเว่ยที่สนิทสนมกับนางเลย
“มู่เกอ ท่านตอบตกลงประลองปรุงยากับบุคคลต้นแบบอันดับแปดแห่งโรงโอสถจริง ๆ หรือ” เว่ยกว่านกว่านตาเป็นประกายใบหน้าเต็มไปด้วยความตื่นเต้น
ผู้ที่มั่นใจในความสามารถของมู่ชิงเกออย่างนาง ไม่เคยเป็นห่วงว่ามู่ชิงเกอจะพ่ายแพ้ให้กับซ่งอวี้อะไรนั้น
มู่ชิงเกอพยักหน้า
เว่ยฉีเองก็พูดด้วยความตื่นเต้นว่า “ถึงตอนนั้นเราจะไปให้กำลังใจท่าน ท่านต้องชนะได้อย่างสวยงามเป็นแน่”
“หึ”’! อย่างเขาน่ะหรือที่จะชนะ อย่าลืมว่าเขาเป็นเพียงอาจารย์ปรุงยาระดับตํ่า ศิษย์พี่ซ่งเขาเป็นถึงอาจารย์ปรุงยาระดับกลาง” ท่ามกลางห้าคนนั้น มีคนพูดลอย ๆ ขึ้นมา
สายตาที่มองมู่ชิงเกอ ไม่รู้ว่าริษยาหรือล้อเลียน หรืออาจจะดีใจที่เห็นนางตกระกำลำบาก
ทั้งสามที่กำลังคุยกันอย่างมีความสุขเคลื่อนสายตาไปที่เขาในทันที แต่เขากลับสบตากับพวกนางอย่างไม่รู้จักเจียมตัว
“นี่ เจ้าไม่รู้ก็อย่าได้พูดพล่อย ๆ มู่เกอของเราเก่งกาจมากนะ!” เว่ยกว่านกว่านชี้หน้าคนพูด
“ถุย”’! อาจารย์ปรุงยาระดับตํ่า จะเก่งสักแค่ไหนกันเชียว” มีคนพูดขึ้น
เว่ยกว่านกว่านพูดด้วยความโกรธ “เจ้า…”
“กว่านกว่านอย่าได้เสียเวลาคุยกับเขา” มู่ชิงเกอพูดขึ้นอย่างแนบนิ่งเพื่อห้ามการทะเลาะอันไร้สาระระหว่างเว่ยกว่านกว่านกับคนนอก
เมื่อได้ยินคำพูดของมู่ชิงเกอเว่ยกว่านกว่านก็พยักหน้าอย่างแรง แต่ก็อดไม่ได้ที่จะจ้องทั้งห้าคนด้วยความโกรธแวบหนึ่ง
“หึ อาจารย์ปรุงยาระดับต่ำก็เหมาะสมที่จะอยู่กับคนงานเช่นนี้แหละ” ท่ามกลางทั้งห้ามีคนพูดขึ้นอย่างเย้ยหยัน
เว่ยฉีโกรธขึ้นมาในทันที ชี้หน้าทั้งห้าคนและพูดว่า “นี่! พูดอย่างกับว่าพวกเจ้าเก่งกาจมาก แน่จริงก็เอาหลักฐานรับรองฝีมือของพวกเจ้าออกมาดูสิว่าเป็นระดับ กลางหรือระดับสูง ไม่ว่ามู่เกอของเราจะเป็นอย่างไร อย่างน้อยก็ยังมีบุคคลต้นแบบแห่งโรงโอสถมาท้าประลองการปรุงยา พวกเจ้าล่ะ ส่งไปให้ช่วยถือรองเท้า เกรงว่ายังไม่มีใครต้องการเลยมั้ง!”
“พี่ชายพูดได้ดีมาก!” ยากนักที่เว่ยกว่านกว่านจะเรียกเว่ยฉีว่าพี่ชาย ในครั้งนี้เป็นเพราะว่าคำด่าของเขา ถูกใจนางมาก
“เจ้าไร้ค่าสองคนนี้นี่!” ทั้งห้าพูดด้วยความโกรธ ในขณะที่ทั้งสองฝ่ายกำลังทะเลาะกันอย่างดุเดือด อยู่ ๆ มู่ชิงเกอก็มายืนอยู่ตรงหน้าพี่น้องตระกูลเว่ย แล้วมอง ทังห้าด้วยสายตาอันเย็นเยียบ
เมื่อนางใช้สายตาเช่นนี้กวาดมอง ทั้งห้าก็หยุดพูดในทันทีและต่างขยับเข้าหากัน
ราวกับว่า กลัวว่ามู่ชิงเกอจะสังหารพวกเขา
“มู่เกอ เจ้า….เจ้าคิดจะทำอะไร”
เมื่อเห็นมู่ชิงเกอค่อย ๆ เดินเข้ามาหาพวกเขา หนึ่งในนั้นก็พูดด้วยความกลัว
มู่ชิงเกอยังคงไม่หยุดฝีเท้า แม้ว่าจะเดินช้ามากแต่ก็ให้ความกดดันไม่แพ้กัน “สายส้มคนหนึ่ง สายเหลืองระดับตํ่าคนหนึ่ง สายเหลืองระดับสูงสามคน”
“เจ้า…เจ้าคิดจะทำอันใด ข้าขอบอกไว้เลยว่าในโรงโอสถแห่งนี้ สามารถประลองการปรุงยากันได้ แต่ไม่สามารถต่อผู้กันโดยพลการและใช้พลังเวททำร้ายผู้คน ได้ หากว่าเจ้าทำอะไรพวกเรา จะต้องถูกไล่ออกจากโรงโอสถ”
มู่ชิงเกอสามารถรู้ระดับพลังเวทของทั้งห้าคนเพียงแวบเดียว ความเป็นไปได้หนึ่งเดียวก็คือพลังเวทของนางสูงกว่าพวกเขามาก
การรับรู้นี้ทำให้ทั้งห้าต่างถอยหลังและเริ่มส่งเสียงข่มขู่ มู่ชิงเกออุทานอย่างเย้ยหยัน “พวกเจ้าก็หวังกับตนเองสูงไป ตั้งแต่นี้เป็นต้นไป จงสงบปากสงบคำของตนเองเอาไว้ อย่าให้ข้าได้ยินคำพูดที่ทำให้ข้าไม่พอใจอีก หากพวกเจ้าไม่ทำตาม…การจะทำให้คนสองสามคนหายสาบสูญไป ไม่ได้ต้องพึ่งเพียงพลังเวทเท่านั้น” คำพูดที่แฝงคำข่มขู่เบา ๆ ทำให้ทั้งห้าคนหน้าซีด ความกล้าของมู่ชิงเกอมากกว่าที่พวกเขาคาดการณ์เอาไว้ แต่ทว่า พวกเขาก็ไม่สามารถอดทนไว้ใด้ หนึ่งในนั้นไม่สนใจ คำข่มขู่ พลันยืดคอขึ้นและพูดว่า “เจ้ามีสิทธิ์อันใดมาข่มขู่พวกเรา หากเราฟ้องเรื่องนี้กับท่านอาจารย์ เจ้าจะต้องถูกไล่ออกไปเป็นแน่!”
“ใช่! เจ้าอวดดีต่อหน้าพวกเราเช่นนี้จะมีประโยชน์อันใด เรากำลังรอดูวันที่เจ้าพ่ายแพ้ให้กับศิษย์พี่ซ่งอวี้!” มีคนพูดเสริมในทันที
“ฟ้องท่านอาจารย์อย่างนั้นหรือ” ท่าทางของมู่ชิงเกอฉายความเย้ยหยันมากกว่าเดิม สายตามองที่มองอีกครั้ง ราวกับพวกเขาเป็นเด็กน้อย
ทันใดนั้น นางก็ยิ้มอย่างเย้ยหยัน และพูดว่า “ดูเหมือนว่า พวกเจ้าคิดว่าข้าจะต้องแพ้”
ทั้งห้ามองหน้ากัน แม้ว่าจะไม่ได้ตอบ แต่แววตาและใบหน้าก็ได้บ่งบอกทุกอย่าง
“ได้ ข้าจะพนันกับพวกเจ้า” มู่ชิงเกอพูด ทั้งห้าคนอึ้ง และพูดอย่างระแวงในทันที “พนันอะไร”
มู่ชิงเกอเอามือไพล่หลัง ระหว่างคิ้วแฝงความบ้าคลั่ง “พวกเจ้าล้วนคิดว่าข้าจะแพ้มิใช่หรือ หากข้าแพ้ ข้าจะออกจากโรงโอสถ หากพวกเจ้าแพ้…”
“หากเราแพ้ จะเป็นอย่างไร” มีคนถามขึ้น
รอยยิ้มตรงมุมปากของมู่ชิงเกอชัดเจนมากกว่าเดิม “หากพวกเจ้าแพ้ จากนี้ไปต้องเชื่อฟังคำสั่งของพี่น้องตระกูลเว่ย หลังจากที่ศึกษาสำเร็จแล้วก็จงถวายชีวิตให้ กับตระกูลเว่ยของพวกเขา”
“เจ้าทำเช่นนี้ไม่ยุติธรรม เหตุใดหากเจ้าแพ้ เพียงแค่ต้องจากไป และหากเราแพ้จะต้องเดิมพันด้วยทั้งชีวิตของตนเอง”
มีคนปฏิเสธในทันที “พวกเจ้าสามารถเลือกที่จะไม่พนัน หรือพวกเจ้าคิดว่า ข้าจะชนะ จึงไม่กล้า” นํ้าเสียงของมู่ชิงเกอแฝงการกระตุ้น
ทั้งห้าปรึกษากันครู่หนึ่ง ก่อนจะกัดฟันและพูดว่า “ได้! พนัน!”
มู่ชิงเกอยักคิ้ว พลันพูดเสียงดังว่า “เพื่อรักษาผลประโยชน์ เราจะทำสัญญาเป็นลายลักษณ์อักษร ถึงตอนนั้นจะได้ไม่มีคนโกง”