ตอนที่ 120-4
นางต่างหากที่เป็นอาจารย์ปรุงยาระดับสูง!
“วางใจเถิด ถึงเราทั้งห้าไม่มีใครเป็นวีรบุรุษอะไร แต่หากพูดไปแล้วจะต้องทำให้ได้” ท่ามกลางคนทั้งห้ามีคน พูดกับมู่ชิงเกออย่างไม่ยอมแพ้
ที่เหลืออีกสี่คนต่างพยักหน้า
มู่ชิงเกอกระตุกรอยยิ้มและหันหลังไปขยิบตาให้กับพี่ น้องตระกูลเว่ยหลายที “ดี กว่านกว่านไปเตรียมพู่กันและนํ้าหมึก”
“ได้เลย!” เว่ยกว่านกว่านตอบกลับอย่างมีไหวพริบ และหันหลังไปหาอุปกรณ์การเขียน
ไม่นานบนกระดาษสีขาวก็มีลายลักษณ์อักษรสีดำเป็นหลักฐาน
ผู้คนที่อยู่ในเหตุการณ์ล้วนประทับลายมือลงไป
‘เจ้านาย ท่านสามารถให้พวกเขาใช้พลังจิตในการสาบานได้ เช่นนี้เขาก็ไม่สามารถบิดพลิ้วต่อสัญญาได้” เสียงของเหมิงเหมิงดังขึ้นอย่างกะทันหัน
มู่ชิงเกอหรี่ตาลงและตอบในใจว่า “ไม่จำเป็น เมื่อพวกเขาไปถึงจวนตระกูลเว่ย เว่ยหลินหลางย่อมรู้ว่าควรจะควบคุมพวกเขาอย่างไร’
เมื่อเห็นว่ามู่ชิงเกอพูดเช่นนี้ เหมิงเหมิงก็ไม,พูดอะไรอีก
แต่ว่า การสาบานด้วยการใช้พลังจิตที่เหมิงเหมิงพูดถึง ทำให้นางรู้สึกสนใจเป็นอย่างมาก
‘คราวหลังต้องหาเวลามาถามรายละเอียดกับนาง’ หลังจากที่ตัดสินใจแล้วมู่ชิงเกอก็ส่งใบสัญญาที่มีลายมือ
ประทับอยู่ให้กับเว่ยฉี อีกฝ่ายรีบรับเอาไว้
มู่ชิงเกอหันไปบอกกับทั้งห้าว่า “รอดูผลเถิด”
ทั้งห้าอุทานอย่างเย็นเยียบก่อนจะเดินจากไป
ทันทีที่ทั้งห้าเดินจากไปเว่ยกว่านกว่านก็หลุดเสียงหัวเราะออกมา เว่ยฉีถือสัญญาแล้วโบกไปมาตรงหน้ามู่ชิงเกอและพูดอย่างขบขันว่า “มีอีกห้าคนแล้วที่เสีย เปรียบเพราะท่าน แม้จะเอาพวกเขาไปขาย พวกเขาก็คงไม่รู้ตัว”
“เมื่อเห็นว่ามีคนเสียเปรียบเพราะมู่เกอเช่นนี้เรารู้สึกสบายใจเป็นอย่างมาก” เว่ยกว่านกว่านเผยรอยยิ้มอันดีใจอย่างไม่อาจจะเปรียบได้
มู่ชิงเกอเพียงยิ้มอย่างแนบนิ่งและพูดว่า “ ท่านพ่อของพวกเจ้าเป็นเจ้าเมืองเมืองถัว หากมีการสู้รบแน่นอนว่า ต้องการนักปรุงยาจำนวนไม่น้อย ทั้งห้าคนถือเป็น รางวัลที่ข้ามอบให้กับท่านพี่เว่ย”
คำพูดของนาง ทำให้รอยยิ้มของเว่ยฉีและเว่ยกว่านกว่านจางหายไป
เว่ยฉีประสานหมัดและแสดงความขอบคุณกับนาง “ขอบคุณมู่เกอมาก ข้าขอแสดงความขอบคุณแทนท่านพ่อของข้า”
มู่ชิงเกอเผยรอยยิ้มจาง ๆ อย่างไม่คิดอะไร
เว่ยกว่านกว่านพูดด้วยท่าทางลังเลว่า “มู่เกอเราไม่รู้ว่าบ้านของท่านอยู่ที่ใด รู้เพียงว่าท่านมาจากแคว้นฉิน ที่บ้านของท่านต้องการนักปรุงยาหรือไม่”
มู่ชิงเกอส่ายหน้าพร้อมพูดว่า “ไม่ต้อง” แน่นอนว่า กองทหารตระกูลมู่ต้องการนักปรุงยา เพราะนางไม่ สามารถอยู่ปรุงยาให้กับกองทหารตระกูลมู่ได้ตลอดไป
บางทีความต้องการอาจจะมากกว่าเว่ยหลินหลาง แต่ว่า ระยะทางจากแคว้นอวี๋ไปยังแคว้นฉินนั้นไกลมาก ทั้งห้าคนนี้จะได้ออกจากโรงโอสถเมื่อไหร่ก็ยังไม่รู้ได้ ให้ เป็นสินนํ้าใจกับเว่ยหลิงหลางจะดีกว่า
สำหรับเรื่องนักปรุงยาของกองทหารตระกูลมู่ นางจะหาโอกาสจัดหาและส่งไปให้
อย่างไรก็ตาม ในตอนนี้สำหรับยาระดับตํ่าและกลางนางได้ปรุงเอาไว้จำนวนมหาศาล สามารถรับมือกับเหตุการณ์ฉุกเฉินได้บ้าง
“พวกเจ้าอยู่ที่นี่กันหมดเลย!”
ระหว่างที่ทั้งสามพูดคุยกัน สุ่ยหลิงและฟู่เทียนหลงก็กลับมาพร้อมกัน
ตั้งแต่วันนั้น ที่ทั้งสองได้คุยกัน แม้ว่าความสัมพันธ์ของทั้งสองยังคงไม่ชัดเจน แต่สุ่ยหลิงก็ได้เว้นระยะห่างกับมู่ชิงเกออย่างตั้งใจ เพื่อไม่ให้ฟู่เทียนหลงเข้าใจผิดอีก
วันนี้ ตอนแรกพวกเขากำลังฝึกการปรุงยา แต่เพราะได้ยินการท้าประลองของมู่ชิงเกอ จึงรีบกลับมา
“มู่เกอ ข้าได้ยินมาว่าท่านตอบตกลงประลองการปรุงยากับบุคคลต้นแบบแห่งโรงโอสถอันดับแปดซ่งอวี้ เป็นเรื่องจริงหรือไม่” สุ่ยหลิงเดินมาอยู่ตรงหน้ามู่ชิงเกอแล้วถามด้วยความเป็นห่วง
ความเข้าใจที่นางมีต่อมู่ชิงเกอไม่ได้มีมากดั่งพี่น้องตระกูลเว่ย แน่นอนว่าต้องเป็นห่วงอยู่บ้าง ส่วนฟู่เทียนหลง เมื่อเห็นว่าพวกเขากำลังคุยกัน เขาเองก็เพียงแค่ยืนเงียบอยู่ข้าง ๆ สุ่ยหลิง
มู่ชิงเกอพยักหน้า และพูดพร้อมรอยยิ้มว่า “ดูเหมือนว่าข่าวจะไวมาก”
“เราได้ยินมาจากฟ่งอวี๋กุย” สุ่ยหลิงกลอกตาใส่นาง “ท่านรู้หรือไม่ว่า ในตอนที่คนผู้นั้นได้ยินคำวิพากษ์วิจารณ์ของผู้คนที่มีต่อท่าน ท่าทางอิจฉาเช่นนั้นน่าสะใจมากเพียงใด”
“เกี่ยวอะไรกับข้า” มู่ชิงเกอขมวดคิ้ว
เว่ยกว่านกว่านเดินมาอยู่ข้าง ๆ สุ่ยหลิงและพูดอย่างตื่นเต้นว่า “สุ่ยหลิง เจ้าคงจะไม่รู้ว่ามู่เกอได้พนันกับคนอื่นเอาไว้” และก็เล่าเรื่องราวทั้งหมดที่เกิดขึ้นเมื่อครู่นี้รอบหนึ่ง แน่นอนว่านางไม่ได้บอกว่ามู่ชิงเกอจะต้องชนะอย่างขาดลอย
“มู่เกอ ท่านมั่นใจหรือไม่ หากว่าท่านแพ้ จะต้องออกจากไปโรงโอสถเชียวนะ” คำถามนั้นแฝงความเป็นห่วงของสุ่ยหลิง นางพอจะเดาออกว่ามู่ชิงเกอได้ปกปิด ความสามารถบางส่วนเอาไว้ แต่ไม่อาจจะเดาได้ว่าความสามารถที่แท้จริงของนางมีมากน้อยเพียงใด
มู่ชิงเกอเผยรอยยิ้มอันแนบนิ่ง “วางใจเถิด”
หลังจากที่ได้ยินคำพนันของมู่ชิงเกอ ฟู่เทียนหลงก็เม้มปาก ทันใดนั้นก็พูดกับนางอย่างแฝงความอึดอัดว่า “มู่เกอ ข้าเองก็จะพนันกับเจ้า”
ทันทีที่สิ้นเสียงของเขา ทั้งสี่ก็เงียบลงในทันที
สุ่ยหลิงมองเขาด้วยความฉงนใจ คาดเดาเป้าหมายของเขาไม่ออก
“ฟู่เทียนหลง เจ้าคิดจะทำอะไรอีก” เว่ยกว่านกว่านรีบพูดอย่างระแวง
ฟู่เทียนหลงกลับไม่แม้กระทั่งจะมองพวกเขา เพียงแค่จ้องมู่ชิงเกอและพูดว่า “หากเจ้าแพ้ เจ้าต้องออกจากโรงโอสถ หากเจ้าชนะ ข้าจะบอกเรื่องบางอย่างกับเจ้า”
มู่ชิงเกอสบตากับเขา ครู่หนึ่งจึงตอบว่า “ได้”
ฟู่เทียนหลงพยักหน้า และมองสุ่ยหลิงแวบหนึ่งก่อนจะ เดินเข้าห้องของตนเองไป
ท่าทางอันแปลกประหลาดของฟู่เทียนหลง ทำให้เว่ยกว่านกว่านมองสุ่ยหลิงอย่างอดไม่ได้ และถามเบา ๆ ว่า “สองสามวันนี้ พวกเจ้าทั้งสองเป็นอะไรไป”
สุ่ยหลิงส่ายหน้า ราวกับกำลังคิดอะไร
เรือนบนต้นไม้ในอีกฝั่งหนึ่ง ฟ่งอวี๋กุยนั่งอยู่ในห้องของตนเองด้วยท่าทางอันเคร่งขรึม
ข่าวที่รับรู้ในวันนี้ ทำให้เขาไม่สามารถตั้งใจฝึกปรุงยาได้เลยจริง ๆ
ในตอนแรก เรื่องการประลองการปรุงยาของเขา ได้กลายเป็นจุดสนใจของโรงโอสถสำหรับคนคนนั้นเขาก็ได้ส่งคนไปสืบแล้ว คนผู้นั้นมีความสามารถพอ ๆ กับเขา หากว่าเขาชนะ ไม่เพียงแค่จะโดดเด่นในหมู่ของเหล่าศิษย์ใหม่แต่ยังสามารถลบล้างข่าวลือที่ไม่ดีเกี่ยวกับตัวเขาในตลอดเวลาที่ผ่านมาได้อีกด้วย
แต่ว่า เขายังไม่ทันได้ทำอะไร มู่ชิงเกอกลับโผล่ออกมา และจะประลองยากับบุคคลต้นแบบแห่งโรงโอสถอันดับแปดอย่างซ่งอวี้ หลังจากการประลองของเขา
การประลองทั้งสองครั้งอยู่ในเวลาที่ไล่เลี่ยกัน บ่งบอกได้อย่างชัดเจนว่าต้องการจะแย่งความดีเด่นจากเขา!
“เจ้าแซ่มู่สมควรตาย! เจ้าทำให้ข้าต้องเสียหน้าต่อหน้าศิษย์พี่เตียว ในวันนี้ยังจะขัดแย้งกับข้าทุกทาง ดูเหมือนว่าข้ากับเจ้าคงจะอยู่ร่วมโลกเดียวกันไม่ได้แล้ว!” ฟ่งอวี๋กุยกัดฟันพูด
“ก๊อกๆ—!”
เสียงเคาะประตูดังขึ้นอย่างกะทันหัน
ฟ่งอวี๋กุยพยายามเก็บความโกรธ และถามด้วยนํ้าเสียงอันเย็นเยียบว่า “ใคร”
“พวกเราเอง” นอกประตู มีคนตอบเบาๆ
ฟ่งอวี๋กุยหรี่ตาลงและพูดกับคนนอกประตูว่า “เข้ามา”