ตอนที่ 120-5
นางต่างหากที่เป็นอาจารย์ปรุงยาระดับสูง!
เมื่อได้รับอนุญาต คนที่อยู่นอกประตูจึงผลักประตูและเดินเข้ามา คนที่เข้ามามีทั้งหมดสามคนและเป็นผู้ติดตามที่เพิ่งมีไม่นานของฟ่งอวี๋กุย
ฟ่งอวี๋กุยมีฐานะเป็นถึงองค์ชาย แน่นอนว่าจะต้องดึงดูดคนได้จำนวนหนึ่ง
“ได้ความว่าอย่างไรบ้าง” ฟ่งอวี๋กุยถาม หนึ่งในนั้นตอบว่า ” เจ้าแซ่มู่นั้นก็คงจะไปได้ไม่ไกล ถึงกับทำให้ศิษย์พี่เตียวไม่พอใจและซ่งอวี้ก็เป็นคนของศิษย์พี่เตียว หากไม่ใช่เพราะศิษย์พี่เตียวคอยสั่งจะกล้ามาหาเรื่องเจ้าแซ่มู่ได้อย่างไร”
“ศิษย์พี่เตียวลงมือแล้วหรือ” ฟ่งอวี๋กุยหรี่ตาลงอย่างกำลังพิจารณา “เขาทำอะไรให้ศิษย์พี่เตียวไม่พอใจกัน”
ทั้งสามมองหน้ากัน พลันส่ายหน้า
เรื่องนี้ทำให้ฟ่งอวี๋กุยเม้มปากคิด ผู้ที่ประลองการปรุงยากับเขา เขาสืบแล้วได้ความว่า เป็นคนที่เตียวหยวนส่งมาพิสูจน์ความสามารถของเขา เพราะฉะนั้นเขาจึงได้ตอบตกลง หากว่าเขาสามารถเอาชนะคนผู้นั้นได้และสามารถปรุงยาระดับสูงได้ ในขณะเดียวกันเขาก็จะมีโอกาสในการพึ่งพาเตียวหยวนอีกครั้ง และใช้เขาเป็นเครื่องมือในการเข้าสู่สำนักของหัวหน้าโรงโอสถ
‘ในตอนนี้เจ้าแซ่มู่ทำให้ศิษย์พี่เตียวไม่พอใจ ฟ้าประทานโอกาสให้ข้าเสียจริง!’ ฟ่งอวี๋กุยตาเป็นประกาย ทันใดนั้นก็นึกถึงเรื่องสำคัญเรื่องหนึ่งทำให้เขารีบลุกขึ้น และเดินออกนอกประตูไปอย่างรวดเร็ว
ทั้งสามที่อยู่ในห้อง ต่างมองตากันอย่างไม่เข้าใจ ในขณะที่เตรียมจะตามไปก็ได้ยินเสียงของฟ่งอวี๋กุยดังออกมาจากนอกประตูว่า “พวกเจ้าไม่ต้องตามมา”
ทั้งสามหยุดฝีเท้าที่จะตามไปในทันที
ฟ่งอวี๋กุยโดดลงจากบ้านบนต้นไม้และเดินเข้าไปภายในโรงโอสถท่ามกลางท้องฟ้าสีรัตติกาล
เขาจะไปพบเตียวหยวนและที่พักของเตียวหยวนนั้น เขาได้สืบจนรู้มาตั้งนานแล้ว พอไปถึงยังที่พักของเตียวหยวน ยังไม่ทันได้เข้าใกล้ก็มีคนมาขวางเอาไว้
“ใครน่ะ!”
ฟ่งอวี๋กุยรีบพูดว่า “ศิษย์พี่ทั้งสอง ข้าเป็นศิษย์น้องที่เพิ่งเข้ามาอยู่ในโรงโอสถ ฟ่งอวี๋กุย ข้ามีเรื่องต้องการพบศิษย์พี่เตียว รบกวนช่วยไปแจ้งให้สักคำ” ผู้ที่ขวางทางเอาไว้ไม่ได้ตอบโต้เลยแม้แต่น้อย แต่กลับยิ้มอย่างเย็นเยียบ หนึ่งในนั้นพูดกับฟ่งอวี๋กุยว่า “ฟ่งอวี๋กุย? เคยได้ยิน เจ้าคิดว่าศิษย์พี่เตียวเป็นคนที่เจ้าอยากจะพบเมื่อไหร่ก็สามารถพบได้งั้นหรือ”
สายตาของฟ่งอวี๋กุยมืดมนลง เขาเป็นถึงองค์ชายแต่กลับถูกคนดูถูกเช่นนี้
แต่จะทำอย่างไรได้ ที่นี่คือโรงโอสถไม่ใช่แคว้นลี่ แม้ว่าเขาจะเป็นฮ่องเต้ ในตอนนี้ก็คงจะทำอะไรไม่ได้ ผุดรอยยิ้มตรงมุมปาก เขาพูดกับทั้งสองอีกครั้งว่า “ข้ามีเรื่องต้องการจะพบศิษย์พี่เตียวจริง ๆ ขอให้ทั้งสองโปรดช่วยเหลือด้วย” “อย่างเจ้าจะมีเรื่องอันใด หากไม่ใช่เพราะว่าไม่กล้าประลองและอยากจะให้ศิษย์พี่เตียวออกหน้าช่วยแก้ไขปัญหาให้” หนึ่งในนั้นพูดขึ้นพร้อมเสียงหัวเราะเยาะ
อีกคนพูดต่อในทันทีว่า “เจ้าเป็นคนที่ร่ำลือกันว่าสามารถปรุงยาระดับสูงได้มิใช่หรือ ตอนนี้ยังจะกลัวอะไรอีกเล่า”
ดวงตาทั้งคู่ของฟ่งอวี๋กุยราวกับมีเปลวเพลิงลุกโหมออกมา ความเจ็บแค้นมู่ชิงเกอปะทุขึ้นอีกครั้ง หลังจากที่สามารถควบคุมอารมณ์ได้แล้ว ฟ่งอวี๋กุยก็พูดด้วยนํ้าเสียงที่จริงจังมากกว่าเดิมว่า “ท่านทั้งสอง ที่ข้ามาที่นี่ก็เพราะมีเรื่องของมู่เกออยากจะมารายงานให้กับศิษย์พี่เตียวทราบ’’
พูดถึงมู่ชิงเกอ ในที่สุดคนเฝ้าประตูทั้งสองก็ลดความเยาะเย้ยที่มีต่อเขาลง ปฏิกิริยาที่เปลี่ยนไปเช่นนี้ ทำให้ฟ่งอวี๋กุยเกลียดชังเป็นอย่างมาก
ราวกับว่า ความสนใจที่ในตอนแรกควรจะเป็นของเขา แต่ในตอนนี้กลับถูกมู่ชิงเกอแย่งไป
“เจ้ามีข่าวเกี่ยวกับมู่เกอจริง ๆ หรือ” หนึ่งในนั้นถามฟ่งอวี๋กุยเพื่อความแน่ใจ
ฟ่งอวี๋กุยพยักหน้าอย่างแน่วแน่
ทั้งสองมองหน้ากันเพื่อตัดสินใจ
“รออยู่ที่นี่”
หลังจากนั้น หนึ่งในนั้นก็เดินไปด้านหลังและลับสายตาไป
เมื่อเห็นว่าในที่สุดพวกเขาก็ไปรายงานก็เบาใจลง
ผู้ที่เข้าไปรายงานไปนานมาก ฟ่งอวี๋กุยรออยู่ข้างนอก ท่ามกลางความหนาวเหน็บ หลายครั้งที่เขาอยากจะสะบัดแขนเสื้อแล้วเดินจากไปอย่างโกรธเกรี้ยว
แต่ว่า ทันทีที่คิดถึงโอกาสในการสร้างความสัมพันธ์อันดีกับเตียวหยวน และคิดว่าทุกอย่างจะประสบความสำเร็จ แล้วเขาจะได้เข้าสู่สำนักของหัวหน้าโรงโอสถในไม่ช้า เขาก็ได้เก็บเปลวเพลิงแห่งความโกรธที่กำลังปะทุเอาไว้
รอมานานเกือบครึ่งชั่วยาม ในที่สุดผู้ไปรายงานข่าวก็ค่อย ๆ ปรากฏตัวขึ้น เขาสบตากับพวกของตนเองแวบหนึ่งก่อนจะพูดกับฟ่งอวี๋กุยว่า “ตามข้ามา”
ฟ่งอวี๋กุยได้ยินเช่นนั้น จึงรีบเดินตามเขาเข้าไป เดินเข้าไปไม่นานเขาก็ถูกนำไปข้างทะเลสาบที่มนุษย์สร้างขึ้น
ทะเลสาบนี้ไม่ได้กว้างมากนัก บนฝั่งมีก้อนหินตกแต่งอยู่ ภายในศาลาที่อยู่บนฝั่ง เตียวหยวนหันหลังให้กับเขา และรอบข้างก็ไม่มีใครอื่นเลย ผู้ที่นำทางฟ่งอวี๋กุยเข้ามาโค้งตัวลงคารวะเตียวหยวนที่อยู่ในศาลา และพูดอย่างนอบน้อมว่า “ศิษย์พี่ คนที่ต้องการพบได้มาถึงแล้ว”
“เจ้าออกไปก่อน” เตียวหยวนพูดโดยหันหน้ามาเพียงเล็กน้อย
คนผู้นั้นถอยออกไปทันทีที่สิ้นเสียง
ฟ่งอวี๋กุยเดินหน้าสองก้าวและพูดกับเตียวหยวนว่า “ศิษย์พี่เตียว”
“เจ้ามีข่าวเกี่ยวกับมู่เกออย่างนั้นหรือ’’ เตียวหยวนถามอย่างแนบนิ่ง น้ำเสียงของเขาดูคลุมเครือเป็นอย่างมาก
ฟ่งอวี๋กุยคาดการณ์สิ่งที่ซ่อนอยู่ในคำพูดของเขาอย่างระมัดระวังแต่ก็ไม่ได้ความอะไร
คำถามของเตียวหยวน ทำให้เขาตอบว่า “ใช่แล้ว ศิษย์พี่เตียวเองก็รู้ก่อนที่จะมายังโรงโอสถ ข้ากับคนผู้นี้เคยมีเรื่องขัดแย้งกัน และพอจะรู้อะไรมาบ้าง”
“ลองเล่ามาสิ” เตียวหยวนพูด
ฟ่งอวี๋กุยเกลียดท่าทางเย่อหยิ่งของเตียวหยวน แต่กลับไม่สามารถต่อต้านได้ จึงทำได้เพียงแค่พูดว่า “ข้ารู้ เพียงแค่ว่าเขาได้ทำให้เกิดการสงครามอันวุ่นวายที่ เมืองจื้อแห่งแคว้นลี่ของข้า และเหตุผลก็คือยาระดับสูงเม็ดหนึ่ง ยาระดับสูงในครอบครองของเขาไม่ได้มีเพียงแค่เม็ดเดียว เท่าที่เขาพูด ยาระดับสูงเหล่านั้นล้วนเป็นยาที่เขาปรุงขึ้นเอง”
“เจ้าว่าอย่างไรนะ เขาสามารถปรุงยาระดับสูงได้อย่างนั้นหรือ” ในที่สุด เตียวหยวนก็หันกลับมา ใบหน้าอัน
โหดเหี้ยมของเขามองฟ่งอวี๋กุยท่ามกลางความมืด
ฟ่งอวี๋กุยกัดฟันพูด “ใช่! เขาต่างหากที่เป็นหน้าใหม่ที่สามารถปรุงยาระดับสูงได้ตามข่าวลือที่กระจายไปทั่วโรงโอสถ!”