Skip to content

พลิกปฐพี 116-1

ตอนที่ 116-1

บททดสอบการเข้าสู่โรงโอสถ

ยาระดับสูงอย่างนั้นหรือ!

ฟ่งอวี๋กุยหรี่ตาลงในทันที แอบโกรธการเปิดประเด็นของมู่ชิงเกอ

เพราะยาเม็ดหนึ่ง ทำให้เขาเสียหน้ามากถึงเพียงนั้นยังไม่พอหรืออย่างไร

อีกประการหนึ่งในตอนนี้ การพูดเช่นนี้ถือเป็นการผลักเขาเข้าสู่กองไฟมิใช่หรือ ใครๆ ก็รู้ว่า ยาระดับสูงนั้นหายาก ทั้งโรงโอสถสาขาย่อยนอกจากปรมาจารย์โหล วและหัวหน้าหัวแล้ว น้อยมากที่จะพบผู้ที่สามารถปรุงยาระดับสูงได้ ศิษย์ทั้งสี่ผู้เป็นที่ภาคภูมิใจของโรงโอสถ ก็ยังไม่มีใครสามารถปรุงยาระดับสูงได้

แม้แต่พวกเขาเองก็ยังไม่สามารถปรุงได้ ทว่าศิษย์ที่ยังไม่ได้เข้าสู่โรงโอสถกลับสามารถปรุงได้ มันก็เหมือนเป็นการตบหน้าพวกเขาไม่ใช่หรือ

ฟ่งอวี๋กุยค่อยๆ กวาดสายตามองทั้งสี่ สามคนในนั้นยังถือว่าปกติ แต่ทว่าเตียวหยวนนั้น…

เตียวหยวนผู้นี้ ก่อนที่ฟ่งอวี๋กุยจะมาพบกับเขานั้นก็เคยสืบประวัติของเขามาก่อนแล้ว ได้ข่าวว่า ความอดทนของคนผู้นี้ต่ำมากและเป็นคนใจแคบ ทั้งยังไม่ชอบผู้ที่มีความสามารถมากที่สุดในโรงโอสถ

แน่นอนว่า ในตอนนี้สีหน้าของเตียวหยวนเปลี่ยนเป็นโหดเหี้ยมมากขึ้น สายตาที่หันมองเขาเต็มไปด้วยการสอบสวนและความริษยา

จูหลิงที่ยิ้มอย่างร่าเริงมาโดยตลอด หลังจากที่ได้ยินคำพูดของมู่ชิงเกอ รอยยิ้มก็แฝงความเย็นเยียบหลายส่วน ทว่าอาการของจ้าวหนานซิงและซางจื่อซูกลับไม่ได้มีการเปลี่ยนแปลงไปมากนัก เมื่อได้ยินว่าฟ่งอวี๋กุยสามารถปรุงยาระดับสูงได้ ก็เพียงปรายตามองเขาด้วย ความแปลกใจแวบหนึ่ง

‘ทำเช่นไรดี’

ฟ่งอวี๋กุยรับรู้ได้ว่าในตอนนี้จอนผมของเขาได้มีเม็ดเหงื่อไหลซึมออกมา

คำพูดของมู่ชิงเกอ เขาควรจะยอมรับหรือว่าไม่ยอมรับดี?

หากยอมรับ ก็จะเป็นการสร้างความไม่พอใจให้กับคนที่นั่งอยู่ แต่หากไม่ยอมรับ อาจจะทำให้เรื่องที่เกิดขึ้นในเมืองถัวถูกเปิดโปง จนทำให้ชื่อเสียงของเขาเสียหาย ไม่ว่าจะเดินหน้าหรือถอยหลังก็ดูเหมือนจะไร้ซึ่งทางออก ในดวงตาคมดั่งเหยี่ยวของฟ่งอวี๋กุย จับจ้องเงาร่างของมู่ชิงเกอเอาไว้ พลันพูดอย่างโหดเหี้ยมในใจว่า ‘เจ้า คนแซ่มู่ เจ้ายังคงอำมหิตเหมือนเดิม เพียงคำพูดไม่กี่คำ ก็สามารถต้อนคนให้จนมุมได้!’

ในขณะที่ฟ่อวี๋กุยกำลังคิดหาทางออก แต่ทางด้านของเตียวหยวนกลับรอแทบไม่ไหวแล้ว

เขาพูดด้วยนํ้าเสียงแปลกประหลาดว่า “อ้อ องค์ชายสามฟ่งสามารถปรุงยาระดับสูงได้หรือ พรสวรรค์เช่นนี้ ข้าน้อยล่ะจนใจที่ไม่อาจเทียบจริงๆ!”

จนใจที่ไม่อาจเทียบงั้นหรือ? หากว่าจนใจจริง ๆ จำเป็นต้องกัดฟันพูดเช่นนี้ด้วยหรือไร

ฟ่งอวี๋กุยรู้สึกโกรธ แต่ไม่ได้แสดงอาการ ทำได้เพียงแค่ยิ้มอย่างเจียมเนื้อเจียมตัว “ศิษย์พี่เตียวหยวนล้อข้าเล่นแล้ว ข้าจะสามารถปรุงยาระดับสูงได้อย่างไรกัน เพียงแค่ข่าวลือก็เท่านั้น” คิดทบทวนครู่หนึ่ง เพื่อให้เป้าหมายหลังจากนี้สำเร็จ ลุล่วง จะยอมรับเรื่องนี้ไม่ได้โดยเด็ดขาด หากว่ายอมรับ ก็จะทำให้เตียวหยวนริษยา และอาจไม่ยอมแนะนำเขาให้กับท่านหัวหน้าหัว รวมทั้งหากเรื่องนี้ ถูกเปิดเผยออกไป เมื่อเข้าไปอยู่ในโรงโอสถ มีคนให้เขาปรุงยาระดับสูงจะทำอย่างไร ปฏิเสธไม่ได้ว่า ฟ่งอวี๋กุยยังนับว่ามีสมองที่ไม่ได้ดื้อแพ่ง ยอมรับในเวลาแบบนี้ แม้ว่าที่เขาทำเช่นนี้ อาจจะทำให้เรื่องที่เมืองถัวถูกเปิดเผย แต่ว่า หากเขาผลักความรับผิดชอบทั้งหมดออกไปเสีย ก็ยังคงพอมีทางออก

แต่หากยอมรับ ก็เป็นการรนหาที่ตาย

“เป็นข่าวลือจริงหรือ” เตียวหยวนพูดอย่างดูถูก

“จะเป็นข่าวลือได้อย่างไรกัน เมื่อครั้งอยู่ที่เมืองถัว ข้าเห็นกับตาและได้ยินกับหูว่าท่านบอกกับท่านพ่อของข้าว่าได้ปรุงยาระดับสูงมาเม็ดหนึ่งและจะใช้รักษาอาการ ป่วยของท่านแม่ของข้า” เว่ยฉีพูดอย่างด้วยท่าทีอันแสนเบิกบาน

เขาราวกับเข้าใจในเจตนาของมู่ชิงเกอ ที่ต้องการจะแสดงเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นในเมืองถัว ณ ทะเลสาบชุ่ยแห่งนี้อีกหน

“ใช่แล้ว ๆ วันนั้นข้าเองก็ได้ยินเช่นนี้” ปฏิเสธไม่ได้ว่า ระหว่างฝาแฝดชายหญิงคู่นี้สามารถสื่อความรู้สึกถึงกันได้ เว่ยฉีเพิ่งจะพูด เว่ยกว่านกว่านก็กระจ่างทุกอย่างในทันที พลันช่วยเสริม

มู่ชิงเกอยิ้มเล็กน้อย ไม่พูดอะไร

ในเวลานี้ นางอยากจะรู้ว่าฟงอวี๋กุยจะแก้ไขสถานการณ์อย่างไรต่อไป

คิดจะเล่นงานนางด้วยวิธีการสกปรกหรือ ถ้าเช่นนั้นนางก็จะเล่นงานเขาทั้งกายและใจตั้งแต่หัวจรดปลายเท้า

‘เจ้าอธิบายสิ! อธิบาย’

มู่ชิงเกอยอมรับว่ารอยยิ้มในตอนนี้ของตนเองดูร้ายกาจ แต่ว่าจะทำอย่างไรได้ ใน เมื่อพบกับคนร้ายกาจ จะไม่ตอบโต้ด้วยวิธีเช่นเดียวกันได้อย่างไร

“ดูเหมือนว่า องค์ชายสามฟ่งจะคิดว่าข้าและศิษย์น้องไม่มีเกียรติมากพอที่จะได้ชมฝีมือการปรุงยาระดับสูงของท่าน”

คำพูดของพี่น้องตระกูลเว่ย ทำให้สายตาของเตียวหยวนฉายความเย็นเยียบมากกว่าเดิม

รอยยิ้มอันเบิกบานของจูหลิงก็ได้หายไป เพียงพูดกับซางจื่อซูว่า “จื่อซูเจ้าคงเหนื่อยแล้ว อย่างนั้นเรากลับเลยดีหรือไม่”

ซางจื่อซูพยักหน้าเล็กน้อย พลันลุกขึ้นยืน

ร่างอันสง่างามนั้น ราวกับเมฆบนฟากฟ้า ดูเลือนรางจนไม่อาจจะแตะต้องได้

นางหันหลังและเตรียมจะเดินจากไป

จูหลิงรีบลุกขึ้นยืนและพูดกับเตียวหยวนว่า “ศิษย์พี่ ข้าขอตัวไปส่งจื่อซูก่อน” พูดจบ ก็พลันเดินไปอยู่ข้างๆ ซางจื่อซูโดยไม่สนใจฟ่งอวี๋กุยเลยแม้แต่น้อย

หากซางจื่อซูจะกลับ แน่นอนว่าจ้าวหนานซิงก็จะไม่อยู่ที่นี่นานนัก

เขาค่อยๆ ลุกขึ้นและโค้งคำนับต่อหน้าทุกคนเพื่อกล่าวลาอย่างนอบน้อม แม้กระทั่งพวกของมู่ชิงเกอเองเขาก็ไม่เว้น จากนั้นก็รีบตามซางจื่อซูออกไป ทั้งสามขึ้นเรือลำหนึ่งและเดินทางออกจากทะเลสาบชุ่ย ราวกับว่าทุกอย่างไม่ได้มีส่วนเกี่ยวข้องกับพวกเขา บนเรือจูหลิงและซางจื่อซูยืนเคียงข้างกัน จูหลิงถาม

ว่า “จื่อซู เจ้าคิดว่าองค์ชายสามฟ่งมีความสามารถมากถึงขนาดที่สามารถปรุงยาระดับสูงได้หรือไม่”

จ้าวหนานซิงยืนอยู่ข้างหลังของทั้งสอง มองซางจื่อซูอย่างไม่วางตา ราวกับเป็นองครักษ์ของนาง

สำหรับคำถามของจูหลิง ซางจื่อซูส่ายหน้าอย่างไม่ลังเล และตอบไปตรงๆ ว่า “ไม่”

ทันใดนั้น จูหลิงก็อึ้งไปครู่หนึ่ง ก่อนจะหัวเราะอย่างเบิกบานว่า “จื่อซูเจ้ายังคงเป็นคนซื่อตรงดังเดิม” จากนั้นนางก็พูดเสริมอีกว่า “ยาระดับสูงนั้นไม่ใช่ทุกคนจะสามารถปรุงได้ อย่างน้อยที่สุดก็ต้องเป็นบุคคลที่ดูแตกต่างและโดดเด่นดังเช่นศิษย์พี่เหมย อย่างองค์ชายสามฟ่งนั่นน่ะหรือ?” ทันทีที่พูดถึงคนผู้นี้ ในสายตาของจูหลิงก็ฉายแววรักเทิดทูนอันบริสุทธิ์ไร้ซึ่งการปรุงแต่งใดๆ แต่ทว่า เมื่อพูดถึงฟ่งอวี๋กุย ในสายตาของนางกลับเปลี่ยนเป็นเยาะเย้ย ซางจื่อซูมองนางแวบหนึ่งและไม่ได้พูดอะไรมากไปกว่านั้น

เมื่อฟังบทสนทนาของทั้งสองจนจบแล้ว จ้าวหนานซิงก็พูดด้วยรอยยิ้มว่า “หากเป็นเช่นนั้น เหตุใดเราถึงต้องรีบจากมาด้วยเล่า”

ซางจื่อซูทำท่าทางราวกับมองไม่เห็น จูหลิงหันมาพูดพร้อมรอยยิ้มว่า “องค์ชาย ท่านมิได้ยินหรือว่าจื่อซูบอกว่าเหนื่อยแล้ว”

“อย่าได้เอาจื่อซูมาเป็นข้ออ้าง” จ้าวหนานซิงพูดอย่างเย็นชา

ในนํ้าเสียงของจูหลิงดูเสแสร้ง “เป้าหมายขององค์ชายสามฟ่งนั่นเห็นได้ชัดว่าต้องการกราบท่านอาจารย์ของข้าเป็นศิษย์ จึงชวนข้าและศิษย์พี่มางานเลี้ยง วัน ข้างหน้ายังจะต้องพบหน้ากันในโรงโอสถอีก แล้วเหตุใดครั้งนี้จะต้องทำให้จบแบบน่าอึดอัดเพียงนั้นด้วยเล่า”

“ถือว่าเจ้าฉลาดที่ทิ้งให้ศิษย์พี่เตียวหยวนเป็นคนเลวอยู่ที่นั่น” จ้าวหนานซิงพูดพร้อมรอยยิ้ม

“ศิษย์พี่เป็นคนเลวจนชินแล้วล่ะ” จูหลิงยิ้มแล้วเก็บสายตา

ในรอยยิ้มอันสดใสนั้น มีความมืดมนซ่อนอยู่

เรือลำเล็กได้จากไป แต่ทว่าบนเรือนั้น ยังคงโต้ตอบกันอย่างต่อเนื่อง

ใส่ความเห็น

อีเมลของคุณจะไม่แสดงให้คนอื่นเห็น ช่องข้อมูลจำเป็นถูกทำเครื่องหมาย *

error: Content is protected !!
Exit mobile version