ตอนที่ 118-4
อันดับหนึ่งแห่งโรงโอสถ ศิษย์พี่เหมย!
หลังจากที่วิเคราะห์สถานที่จนเสร็จสิ้นแล้ว มู่ชิงเกอจึงหาห้องเล็ก ๆ ห้องหนึ่ง แล้วผลักประตูออก ก่อนจะเดินเข้าไป
พอนางเดินเข้าไป อัญมณีที่แขวนอยู่ตรงหน้าประตูก็ส่องสว่างในทันที
แม้ว่าห้องจะไม่กว้างมาก แต่ก็มีอุปกรณ์ทุกอย่างที่ใช้ในการปรุงยาอย่างครบถ้วน
บนโต๊ะใหญ่โต๊ะหนึ่ง มียาสมุนไพรขั้นพื้นฐานและอุปกรณ์ในการบดยาวางอยู่ ถัดจากนั้น บนเตาก็มีหม้อยาวางอยู่หม้อหนึ่ง มู่ชิงเกอไม่ต้องใช้ยาสมุนไพรหนึ่งชนิดในการคัดสรรหรือบดยานานแล้ว และไม่ต้องแยกประเภท สำหรับยา ระดับสูงนั้นนางสามารถปรุงได้เลยในทันที นับประสาอะไรกับการทดสอบนี้ที่เป็นเพียงแค่การปรุงยาให้ได้มาตรฐาน
“ไม่ว่าจะเป็นยาที่อยู่ในระดับใดหรือมีคุณภาพอย่างไรก็ได้ การทดสอบนี้ถือว่าไม่ได้ยากมากนัก” มู่ชิงเกอพึมพำ และไม่ได้เร่งรีบที่จะลงมือปรุงยา
นางหวนคิดถึงก่อนที่จะได้การทดสอบในด่านแรก ศิษย์ชุดขาวได้กล่าวเอาไว้ว่า ยาที่ปรุงออกมาในการทดสอบการปรุงยานั้นเกี่ยวข้องถึงอนาคตของพวกเขา หวังว่าทุกคนจะทำให้เต็มที่
หรือจะเกี่ยวข้องกับการเลือกลูกศิษย์ของเหล่าอาจารย์ปรุงยา
มู่ชิงเกอหรี่ตาลง เหตุผลหลักที่นางเข้ามาอยู่ในโรงโอสถ ก็เพื่อพิสูจน์การเป็นปรมาจารย์การปรุงยาที่ตนเองได้รับการสืบทอดมา นอกจากนี้ก็เพื่อเข้าใจระดับและภาพรวมในการปรุงยาของหลินชวน ในตอนนี้เพื่อให้ได้ พญาเพลิงระดับเทพฮุ้นหยวนมาครอบครองโดยเร็ว จึงมีอีกเป้าหมายที่เพิ่มเข้ามา นั้นคือการเป็นตัวแทนในการส่งยาไปยังโรงโอสถที่อาณาจักรเซิ่งหยวน สำหรับเรื่องที่ว่าจะมีอาจารย์ท่านใดมารับนางเป็นศิษย์นั้น นางมิได้สนใจ
อีกประการหนึ่ง การมีอาจารย์นั้น บางทีอาจจะจำกัดการลงมือและความมีอิสระต่าง ๆ ของนางในอนาคต
เมื่อคิดทบทวนแล้ว มู่ชิงเกอก็ตัดสินใจในทันที
นั้นก็คือการปรุงยาให้ได้มาตรฐานและสามารถเข้าสู่โรงโอสถก็พอแล้ว
ครึ่งชั่วยามผ่านไป มู่ชิงเกอผลักประตูออกเป็นคนแรก แล้วก้าวเดินออกจากห้องโถงไปอย่างรวดเร็ว
ทันทีที่ออกจากประตู นางก็พบกับสายตาที่มองนางอย่างแปลกใจของศิษย์ชุดขาว
มู่ชิงเกอมองเขาอย่างพินิจแวบหนึ่ง พร้อมเอ่ยถามอย่างเข้าใจว่า “ข้าออกมาเป็นคนแรกหรือ”
ศิษย์ชุดขาวพยักหน้านิ่งๆ
มู่ชิงเกอพยักหน้าอย่างไม่ทิ้งร่องรอย ยื่นยาที่เพิ่งปรุงเสร็จและยังร้อนอยู่ให้แก่เขา อีกฝ่ายจึงรีบยื่นมือออกไปรับ
“ยาระดับต่ำคุณภาพสูงสุด!” สาวกชุดขาวมองยาในมือ อย่างไม่อยากจะเชื่อ แล้วมองมู่ชิงเกอ
มู่ชิงเกอขมวดคิ้วถามว่า “ทำไมรึ ไม่ได้มาตรฐานหรือ”
“ไม่ ไม่ใช่” สาวกชุดขาวพยักหน้าอย่างตื่นตระหนก ราวกับเพิ่งตื่นจากฝัน พลันชี้ไปยังเรือนที่อยู่ไม่ไกลมากนัก “เจ้าไปรอที่นั่นก่อนเถิด”
มู่ชิงเกอพยักหน้าอีกหน แล้วเดินมุ่งไปยังเรือนหลังนั้น หลังจากที่มู่ชิงเกอเดินลับสายตาไป ศิษย์ชุดขาวก็พึมพำด้วยใบหน้าที่เต็มไปด้วยความฉงนใจว่า “แปลกจริง ผู้ที่มีความสามารถในทางพลังจิตมากถึงเพียงนั้น สามารถปรุงได้เพียงยาระดับตํ่าเองหรือ” ในขณะที่พูด เขาก็พลันมองยาในมือและพูดพร้อมขมวดคิ้วอย่างเสียดายว่า “คุณภาพดีเยี่ยมแล้วอย่างไร มันก็ยังคงเป็นเพียงแค่ยาระดับตํ่าอยู่ดี”
เขาเพิ่งจะอุทานจบไป ก็สัมผัสได้ว่ามีคนกำลังเดินเข้ามาจากข้างหน้า
เขาเงยสายตาขึ้น หลังจากที่เห็นชัดแล้วว่าผู้มาเยือนเป็นใครก็ตื่นตระหนกจนทำอะไรไม่ถูก “ศิษย์พี่เหมย!”
เงาร่างอันสูงโปร่ง ราวกับลอยเข้ามาพร้อมกับสายลม ใบหน้าอันงดงามไร้ซึ่งความรู้สึกฉายความเย็นชา ผมสีดำเงามีผ้าสีขาวผูกอยู่ มีปิ่นหยกอันหนึ่งยึดเอาไว้ เพราะชุดสีขาวที่ปลิวไปตามสายลมของเขา ทำให้เขาราวกับเป็นเทพแห่งดวงจันทร์ที่ยืนอยู่อย่างโดดเดี่ยวก็ไม่ปาน
สำหรับคำทักทายของศิษย์ชุดขาว เขาเพียงแค่พยักหน้าตอบรับเบา ๆ
สายตาที่แนบนิ่งดั่งสายนํ้ากวาดผ่านยาที่วางอยู่ในมือของเขา และขยับปากเบาๆ ว่า “ยาระดับต่ำคุณภาพสูงสุด”
สีหน้าของศิษย์ชุดขาวฉายความอึดอัดในทันที จนไม่รู้ว่าควรจะเก็บยาที่อยู่ในมือไว้ที่ใด ราวกับว่า เขาต่างหากที่เป็นคนปรุงยาเม็ดนี้และไม่กล้าจะสู้หน้ากับ อัจฉริยะแห่งการปรุงยาที่เป็นอันดับหนึ่งของโอสถมานานแสนนานผู้นี้
เมื่อเห็นว่าเขาทั้งทุกข์ใจและอึดอัดใจ เหมยจื่อจ้งก็พูดอย่างแนบนิ่งว่า “เจ้าไม่จำเป็นต้องตื่นเต้น ที่ข้ามา ก็เพื่อจะมาดูว่าผู้ที่มีความสามารถทางพลังจิตมากที่สุดผู้นั้นเป็นอย่างไรบ้าง”
เมื่อได้ยินเช่นนี้ ศิษย์ชุดขาวรู้สึกเพียงแค่ว่าพูดอะไรไม่ออก
เขายื่นมือออกไปอย่างจำยอมอีกหน เผยให้เห็นยาเม็ดที่มู่ชิงเกอปรุง พลันพูดว่า “ยาเม็ดนี้เป็นของคนผู้นั้น ไม่คิดว่าพลังจิตของเขาแข็งแกร่งถึงเพียงนั้น ถึงขนาด ไม่เคยมีใครเป็นเช่นนั้นมาก่อน แต่ฝีมือการปรุงยานั้น กลับช่างชวนให้คนผิดหวังนัก”
ในสายตาอันแนบนิ่งของเหมยจื่อจ้งมีความฉงนใจแฝงอยู่
เขายื่นมือออกไป หยิบยาเม็ดที่อยู่ในมือของศิษย์ชุดขาว ขึ้นมาไว้ตรงหน้าแล้วพินิจอย่างละเอียด
ศิษย์ชุดขาวรีบพูดว่า “เหล่าศิษย์พี่ศิษย์น้องของข้า พนันกันว่า ผู้ที่มีความสามารถอันพลิกปฐพีผู้นี้ จะต้องเป็นที่แย่งชิงของท่านอาจารย์ แต่ดูเหมือนว่า ระดับ ความสามารถในการปรุงยาเช่นนี้คงจะอยู่ในระดับพื้นฐาน”
“อย่าได้ด่วนตัดสินไป” เหมยจื่อจ้งขัดจังหวะคำพูดของเขา “บางที ศิษย์ผู้นี้อาจจะเพิ่งมีโอกาสได้สัมผัสกับการปรุงยา จึงได้เป็นเช่นนี้”
ศิษย์ชุดขาวรีบประสานมือคารวะ “ศิษย์พี่เหมยสอนได้ถูกต้อง”
เหมยจื่อจ้งพยักหน้าพลางกำเม็ดยาเอาไว้ในมือ พูดกับเขาว่า “ยาเม็ดนี้ข้าจะเอากลับไป”
“แล้วแต่ศิษย์พี่เหมยเลยขอรับ” ศิษย์ชุดขาวรีบพูด
เมื่อได้ในสิ่งที่ต้องการ เหมยจื่อจ้งจึงหันหลังและเดินจากไป
ศิษย์ชุดขาวเห็นว่าเขาเดินจากไปแล้ว จึงรีบพูดว่า “ศิษย์พี่เหมย ศิษย์ในรุ่นนี้ มีข่าวลือว่ามีคนสามารถปรุงยาระดับสูงได้ ท่านจะรอดูหรือไม่”
เหมยจื่อจ้งชะงักฝีเท้า พูดด้วยท่าทางที่ยังคงนิ่งสงบว่า “เจ้าก็บอกเองว่ามันเป็นเพียงแค่ข่าวลือ จะใส่ใจไปเพื่ออะไร” พูดจบ เขาก็เดินจากไปอีกหน เงาร่างพลิ้ว ไหวราวกับเดินอยู่กลางอากาศ
เมื่อเหมยจื่อจ้งจากไป ศิษย์ชุดขาวก็พูดอย่างนับถือว่า “ศิษย์พี่เหมยอย่างไรก็คือศิษย์พี่เหมย ไม่ว่ากับเรื่องอันใดก็นิ่งสงบเช่นนี้ ไม่เย่อหยิ่งและไม่เร่งรีบ ไม่โดนเรื่องราวหรือใครทำให้หวั่นไหวได้ ช่างเป็นแบบอย่างของข้าโดยแท้”
‘มู่ชิงเกอที่นั่งรออยู่ในเรือนรับรอง’ ไม่รู้เลยว่าข้างนอก เกิดเรื่องอันใดขึ้น
เพียงแค่ยกขาขึ้นอย่างผ่อนคลาย และลิ้มรสชาสมุนไพร ที่โรงโอสถทำขึ้นเอง นํ้าชาสีใสบริสุทธิ์มีกลิ่นหอมฉุยของสมุนไพรอ่อน ๆ หลังจากที่สัมผัสเข้าปากไปแล้ว ก็มีรสชาติที่แตกต่างกันไป
มู่ชิงเกอรอมาเป็นเวลานาน จึงมีคนอีกสองคนเดินเข้ามา
ผิดจากที่นางคาดการณ์เอาไว้ คนที่เดินเข้ามากลับเป็นฟู่เทียนหลง
เมื่อฟู่เทียนหลงเห็นว่ามู่ชิงเกอนั่งนิ่งอยู่ภายใน ก็เพียงแค่อึ้งไปครู่หนึ่ง สุดท้ายก็เม้มปาก เขาเดินมุ่งไปยังมุมห้องที่ห่างออกไปแล้วนั่งลง ราวกับไม่อยากอยู่ใกล้มู่ชิงเกอ
สำหรับเรื่องนี้ มู่ชิงเกอเพียงแค่ยิ้มอย่างจำใจ ฟู่เทียนหลงจะรู้สึกอย่างไรต่อนาง นางมิได้ใส่ใจ นางหวังเพียงว่า เรื่องของเขาและสุ่ยหลิงอย่าได้ดึงนางเข้าไปเกี่ยวข้องก็พอแล้ว อีกครู่หนึ่ง ก็มีคนเดินเข้ามา มีคนที่ดูโศกเศร้าเสียใจและมีคนเบิกบานใจ มู่ชิงเกอมองออกไปตรงบริเวณประตู ก็พบว่ามีคนหลายคนเดินมุ่งไปทางประตูทางออกของโรงโอสถตามลูกศิษย์ของโรงโอสถไป ดูเหมือนว่าจะเป็นพวกที่ไม่ผ่านบททดสอบ ไม่นาน พี่น้องตระกูลเว่ยและสุ่ยหลิงก็เดินเข้าเรือนมา จากนั้น ฟ่งอวี๋กุยก็พาผู้ติดตามคนใหม่ของตนเองเดินเข้ามา เมื่อเขาเห็นว่ามู่ชิงเกอเองก็อยู่ท่ามกลางผู้คน ในสายตาของเขาก็มีความเย็นเยียบและความโหดเหี้ยมเพิ่มขึ้นหลายเท่า รออยู่ในเรือนหลังนั้นไม่นานมากนัก ศิษย์ชุดขาวก็ประกาศให้ทุกคนออกมา เพื่อประกาศรายชื่อผู้ที่ผ่านการทดสอบ
ในขณะเดียวกันก็แบ่งคนตามหน้าที่