Skip to content

พลิกปฐพี 118-5

ตอนที่ 118-5

อันดับหนึ่งแห่งโรงโอสถ ศิษย์พี่เหมย!

พี่น้องตระกูลเว่ยถูกแบ่งให้ไปอยู่ในกลุ่มของคนงานอย่างไม่ต้องสงสัย ส่วนมู่ชิงเกอ สุ่ยหลิงและฟู่เทียนหลงทั้งสามคนได้อยู่ในกลุ่มของอาจารย์ปรุงยา

มู่ชิงเกอกวาดสายตามอง และพบว่าฟ่งอวี๋กุยอยู่ในแถวของตนเอง

ในตอนนี้พลันรู้สึกแปลกใจ ฟ่งอวี๋กุยปรุงยาระดับใดออกมากันแน่

ขณะนี้ ศิษย์ชุดขาวก็พูดขึ้นมาอีกหนว่า “ตั้งแต่วันนี้เป็นต้นไป พวกเจ้าทั้งหลายก็เป็นลูกศิษย์ของโรงโอสถแล้ว และกลายเป็นลูกศิษย์เตรียม การเป็นลูกศิษย์ เตรียมนั้นมีระยะเวลาทั้งหมดหนึ่งปี ระยะเวลาภายในหนึ่งปีนี้หากมีผลงานที่โดดเด่น แน่นอนว่าจะได้อยู่โรงโอสถต่อ หากผลงานไม่ดี ก็จะถูกไล่ออกจากโรงโอสถ และแจ้งให้ใต้หล้าได้รู้ยาที่พวกเจ้าปรุงออกมาในวันนี้ ล้วนแสดงถึงความสามารถในการปรุงยาของพวกเจ้า พรุ่งนี้จะมีหลักฐานการรับรองความสามารถและชุดลูกศิษย์มามอบให้กับพวกเจ้า เมื่อได้รับแล้วก็เปลี่ยนใน ทันที หากว่าเจ้าคิดว่าความสามารถของตนเองเพิ่มมากขึ้นและพร้อมจะรับการทดสอบต่อไป ก็สามารถเข้ารับบททดสอบเองได้แลกกับการได้รับการรับรองระดับขั้น” หยุดไปเพียงครู่หนึ่ง เขาก็พูดต่อว่า “อีกประการหนึ่ง ภายในพวกเจ้ามีคนที่มีความสามารถ และจะมีโอกาสได้รับการคัดเลือกลูกศิษย์จากท่านปรมาจารย์ สภาพแวดล้อมการเรียนของโรงโอสถนั้นค่อนข้างปล่อยไปตาม สบาย ล้วนต้องช่วยเหลือตนเอง หากสามารถเป็นศิษย์ของท่านปรมาจารย์ได้ การจะเรียนรู้อย่างไรนั้นขึ้นอยู่กับท่านอาจารย์เอง หากไม่ได้ถูกเลือก ก็ต้องพยายาม ด้วยตนเอง เวลาครึ่งวันในตอนกลางวัน พวกเจ้าจะต้องอยู่ในสวนสมุนไพร ส่วนเวลาที่เหลือ พวกเจ้าสามารถไปที่ห้องปรุงยาของตนเองได้ และสามารถหาข้อมูลที่หอตำรา หากมีอะไรที่ไม่เข้าใจ ก็สามารถถามศิษย์พี่หรือท่านปรมาจารย์ที่ว่างอยู่ สำหรับการฝึกด้านพลังเวท และพลังจิตจากนี้ก็ค่อย ๆ เรียนรู้กันไป”

หลังจากที่ศิษย์ชุดขาวให้คำแนะนำเสร็จสิ้นแล้ว ทุกคนที่เข้ารับบททดสอบของโรงโอสถมาแล้วทั้งวันก็เริ่มเข้าใจระบบขั้นต้นของที่นี่

วิธีการเรียนอันผ่อนคลายเช่นนี้ มู่ชิงเกอเห็นด้วยเป็นอย่างมาก

สำหรับการปรุงยานั้น นางไม่ต้องการเวลามากนัก แต่ก็สามารถไปเที่ยวที่ตึกตำราบ่อยๆ

หอของโรงโอสถทั้งสามหอ หอแห่งสติปัญญามู่ชิงเกอได้ผ่านมาแล้ว เหลือเพียงแค่หอตำรายาและหอคลังยา ได้ยินมาว่า หอคลังยาเป็นแหล่งสะสมยาของลูกศิษย์ที่มีฝีมือในแต่ละรุ่น ถือว่าเป็นของที่ระลึกที่พวกเขาทิ้งเอาไว้ให้กับโรงโอสถ ในนั้นมียาเท่าไหร่ ไม่เคยมีใครรู้มาก่อน เพราะที่นั้นไม่ใช่สถานที่ที่ใครจะเข้าไปก็ได้

สำหรับหอคลังยา มู่ชิงเกอไม่ได้สนใจมากนัก

ส่วนหอตำรายา นางสนใจเป็นอย่างมาก อยากจะเห็นว่า ตำรายาเหล่านี้จะแตกต่างจากในตำราที่อยู่ในความทรงจำของนางอย่างไร

“เอาเถิด ตอนนี้ตามศิษย์พี่ของพวกเจ้าไปยังที่พักเถิด” ทันทีที่ศิษย์ชุดขาวพูดจบ ก็มีลูกศิษย์กว่ายี่สิบคนที่แต่งกายด้วยชุดที่เหมือนกันเดินออกมา พวกเขาแต่ละคนล้วนนำลูกศิษย์ใหม่ครั้งละสิบคน แล้วเดินไปยังสถานที่พัก

เพราะไม่ได้มีการแบ่งอย่างชัดเจน แน่นอนว่าพวกของมู่ชิงเกอเลือกที่จะอยู่ด้วยกัน

ความจริงแล้ว เพราะพี่น้องตระกูลเว่ยและสุ่ยหลิงเดินตามมู่ชิงเกอไป แม้ว่าฟู่เทียนหลงจะไม่ยินยอมอย่างไรก็จำต้องตามไป

คนที่เดินตามพวกนางไปยังมีอีกห้าคน แต่ว่าอีกห้าคน ไม่ได้มีปฏิสัมพันธ์อันใดกับพวกเขา แม้ว่าต่อจากนี้จะต้องอยู่ด้วยกัน แต่พวกเขาก็ไม่ได้สานสัมพันธ์ไมตรีแต่อย่างไร อีกทั้งยังส่อแววแบ่งแยก ศิษย์พี่ที่เดินนำมา พาทุกคนมาหยุดอยู่หน้าบ้านไม้ที่เงียบสงบหลังหนึ่ง แล้วหันไปบอกพวกนางว่า “บนต้นไม้นี้มีทั้งหมดสิบห้อง ทุกห้องมีการจัดระเบียบที่เหมือนกัน พวกเจ้าก็เลือกกันเองเถิด ที่นี่เป็นที่พักของลูกศิษย์ที่กำลังอยู่ในขั้นทดสอบ หลังจากที่พวกเจ้าผ่านการทดสอบแล้ว ก็สามารถสร้างบ้านไม้ของตนเอง และเลือกของอยู่ของตนเอง สามารถอยู่บนต้นไม้ หรือถํ้า ทว่า คืนนี้พวกเจ้าต้องพักที่นี่ รุ่งเช้าอย่าได้ไปไหน จะมีคนเอาชุดศิษย์และหลักฐานการรับรองระดับความสามารถมาให้ หลังจากที่พวกเจ้าได้รับแล้ว สามารถไปตามหาห้องปรุงยาของตนเองได้จากแถบหมายเลขบนหลักฐานการรับรอง แล้วทำสัญลักษณ์ของตนเองเอาไว้ อย่าให้ใครเข้าไปได้ ด้วยหลักฐานรับรอง พวกเจ้าสามารถเข้าไปชมตำราประเภทต่าง ๆ ในหอตำราได้ แต่ว่าระดับในหลักฐานการรับรองจะจำกัดจำนวนตำราที่พวกเจ้าสามารถอ่านได้ เป็นเหตุผลที่ทำให้พวกเจ้าจะต้องรีบพัฒนาความสามารถ สำหรับสวนสมุนไพร หลังจากที่พวกเจ้าไปถึง อาจารย์ที่อยู่ที่นั้นจะคอยแบ่งหน้าที่ให้พวกเจ้า หากอยากจะฝึกฝนพลังจิต ก็สามารถเข้าไปในหอแห่งสติปัญญาได้ด้วยตนเอง และหากต้องการฝึก พลังเวท ก็สามารถไปหาที่สงบๆ ได้ แต่ว่าสำหรับคนที่อยู่ในโรงโอสถ การฝึกพลังเวทไม่ใช่เรื่องที่สำคัญมากนัก”

หลังจากที่พูดในสิ่งที่ควรพูดจนจบแล้ว เขาก็หันหลัง และเดินออกไปจากบ้านไม้ โดยทิ้งเด็กใหม่ทั้งสิบคนเอาไว้

ห้าคนนั้นมองหน้ากันทีหนึ่ง แล้วเดินไปเลือกห้องของตนเองโดยไม่พูดอะไร ทำให้เว่ยกว่านกว่านโกรธและเคืองใจเป็นอย่างมาก “ช่างเป็นพวกที่เห็นแก่ตัวเสีย จริง”

หลังจากที่บ่นพึมพำจบแล้ว นางก็เร่งมู่ชิงเกอว่า “มู่เกอ เราก็รีบไปเลือกห้องของตนเองกันเถิด ไม่เช่นนั้นห้องดีๆ จะถูกพวกเขาเลือกไปจนหมด”

มู่ชิงเกอพูดด้วยรอยยิ้มว่า “เมื่อครู่นี้ ศิษย์พี่ท่านนั้นได้บอกแล้วไม่ใช่หรือว่า ห้องทุกห้องในเรือนหลังนี้ ล้วนเหมือนกัน มีอะไรให้เลือกเล่า”

เมื่อเห็นท่าทางที่ไม่ใส่ใจของนาง เว่ยกว่านกว่านจึงรีบพูดว่า “โธ่เอ๊ย แม้ว่าการตกแต่งจะเหมือนกัน แต่ทิวทัศน์นอกหน้าต่างก็ต่างกัน! มีทั้งสวยและไม่สวย!”

“ข้าไม่ได้มาที่นี่เพื่อชมทิวทัศน์ ทิวทัศน์ข้างนอกจะดีหรือไม่ดีแล้วอย่างไร” มู่ชิงเกอสะบัดมืออย่างขบขัน

“ข้าเถียงสู้ท่านไม่ได้ น่าโมโหนัก! ไอ้เว่ยฉี เรารีบไปแย่งห้องกันเถอะ ท่านไม่เป็นกังวลแต่เราเป็น” เว่ยกว่านกว่านพูดจบก็กระโดดลอยตัวขึ้นไปบนบ้านต้นไม้ และเริ่มเลือกห้องที่มีทำเลที่ดีที่สุด

เว่ยฉีมองมู่ชิงเกอด้วยรอยยิ้ม “ท่านไม่อยากไปเลือก งั้นเราไปช่วยเลือกแทน” พูดจบ เขาก็ขึ้นต้นไม้ไปช่วยน้องสาว

พี่น้องตระกูลเว่ยเริ่มเคลื่อนไหว ฟู่เทียนหลงถามลุ่ยหลิงอย่างระมัดระวัง “สุ่ยหลิง ข้าเองก็จะไปเลือกห้องดี ๆ ให้เจ้า”

สุ่ยหลิงไม่ตอบโต้ ฟู่เทียนหลงเม้มริมฝีปากทีหนึ่ง แล้วหันไปมองมู่ชิงเกอแวบหนึ่ง ก่อนจะเหาะขึ้นบ้านไม้ไป

นอกจากมู่ชิงเกอและสุ่ยหลิง คนที่เหลือต่างขึ้นบ้านไม้ไป

“เจ้าจะพูดกับเขาให้รู้เรื่องเมื่อไหร่” ตอนแรกมู่ชิงเกอไม่อยากจะสนใจเรื่องของสุ่ยหลิงและฟู่เทียนหลง แต่ก็รำคาญสายตาที่ฟู่เทียนหลงมองตนเองจนสุดทน

ราวกับว่า นางเป็นมือที่สามที่คอยแย่งชิง

คำถามของมู่ชิงเกอ ทำให้สุ่ยหลิงเผยรอยยิ้มเศร้าๆ “คำตอบที่อยากรู้มาโดยตลอด ในตอนนี้จะเริ่มถามอย่างไรเล่า แม้ว่าข้าอยากจะถามและถึงแม้ว่าข้าถามไปแล้ว เขาจะตอบอย่างไรได้ เพราะคำตอบนี้ บางทีเขาเองก็อาจจะยังไม่แน่ใจในคำตอบ”

มู่ชิงเกอหรี่ตาลง และพูดว่า “แล้วแต่เจ้าจะจัดการแล้วกัน”

สุ่ยหลิงพยักหน้า “วางใจเถิด ข้าจะรีบตัดสินใจ จะไม่ทำให้ท่านต้องเดือดร้อน”

“มู่เกอ รีบมา! ห้องนี้ดีมาก ข้าเก็บไว้ให้กับท่าน!” เว่ยกว่านกว่านเดินออกมาจากบ้านไม้อย่างตื่นเต้น

พลันโบกมือเรียกมู่ชิงเกอ ก่อนจะเดินเข้าห้องต่อไป

มู่ชิงเกอกระตุกมุมปากเบาๆ ไม่ได้ปฏิเสธความหวังดีของเว่ยกว่านกว่าน พลันเดินเข้าห้องนั้นไป เข้าไปแล้วกวาดสายตามอง ภายในห้องมีการตกแต่งอย่างเรียบง่าย มีเพียงเตียงหลังหนึ่ง โต๊ะตัวหนึ่ง และเก้าอี้สองตัวรวมทั้งตู้อีกตู้หนึ่ง นางเดินไปหยุดอยู่ตรงหน้าต่าง มองผ่านหน้าต่างทรงกลม นางสามารถมองเห็นทิวทัศน์ที่งดงามสุดสายตา สามารถมองเห็นพระอาทิตย์ขึ้นและตก ท้องฟ้าสีรัตติกาลและดวงดาวในยามคํ่าคืน

“อย่างที่กว่านกว่านพูดไม่มีผิด ช่างเป็นห้องที่ดีนัก”

รอยยิ้มตรงมุมปากของมู่ชิงเกอชัดเจนมากขึ้น

ใส่ความเห็น

อีเมลของคุณจะไม่แสดงให้คนอื่นเห็น ช่องข้อมูลจำเป็นถูกทำเครื่องหมาย *

error: Content is protected !!
Exit mobile version